Ultrabook ในสมัยนี้นิยมเป็นอย่างมากเน้นพกพา ทำงานนอกบ้าน ต่างๆซึ่งหลายๆท่านนั้นก็ได้มองหา คอมพิวเตอร์ทำงานนอกบ้าน แบตอึดๆ บางเบาไม่หนัก และแน่นอนมันจึงเกิด Ultrabook มาในยุคหลังๆและมีตัวน่าสนใจเยอะแยะมากมายครับรวมถึงดีไซน์ก็ได้พัฒนามามากขึ้นพอสมควรอีกทั้งเรื่องน้ำหนักที่เบาขึ้นทุกวันและบางขึ้นทุกวันครับในวันนี้เราจะมาอยู่กับ Ultrabook ที่บางและเบาอย่างมากพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามหรู โดดเด่นด้วยการยกบอดี้ขึ้นมาเมื่อเปิดฝาพับแน่นอนว่าพูดแบบนี้มีแค่ค่ายเดียวที่ทำแนวคิดแบบนี้ก็หนีไม่พ้น Asus Zenbook นั้นเอง

Asus Zenbook S เปิดตัวชูจุดเด่นของความบาง น้ำหนักเบาได้อย่างดีแน่นอนจุดที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆคือ ErgoLift Hinge ที่จะยกตัวเครื่องทำมุมขึ้นมาเหมาะสำหรับการพิมพ์ใช้งานมากๆครับ และในด้านของสเปคนั้นมาพร้อมกับรุ่นล่าสุด Gen 8  i7 8550U  และดีไซน์ขอบหน้าจอบาง และได้รับ SSD 512GB เลยทีเดียว ในรุ่นนี้ไม่มีการ์ดจอแยกนะครับ ส่วนตัวเครื่องวัสดุทำได้สวยงามและมีการเล่นสีขอบของผสมผสานกับสีน้ำเงินเข้มสวยงามหรูหรามากๆ

Zenbook S ในประเทศไทยเปิดราคา ASUS ZenBook S UX391ที่ 49,990 บาท สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไปครับ ซึ่งตัวที่เข้าไทยมีสีน้ำเงิน และ หน้าจอ Full HD นะครับ ไม่มีตัว 4K เข้ามาแต่อย่างใด 

UNBOX ASUS ZENBOOK S

สำหรับกล่องตัว Zenbook S จะมาด้วยกัน 2 กล่องหลักๆ ในกล่องลังใหญ๋นะครับซึ่งแยกส่วนมาเลยเป็นตัวเครื่องที่เป็นกล่องใหญ่ และ ตัวพวกสายชาร์จทั้งหมดสายต่างๆจะอยู่ในอีกกล่องนึงนะครับก็ชอบนะแนวคิดมันดูใส่ใจสวยงามและพรีเมี่ยมดีครับไม่ใช่ใส่รวมๆมาหมดและแน่นอนตัวกล่องยังคงความดีงามเวลาเปิดออกมาตัว Zenbook จะยกตัวขึ้นมาสวยงามมากๆ คือเหมือนมีกลไกออโต้อะไรทำให้ดูว้าวมากFirst Impression ทำได้ดีครับ

  • ตัวเครื่อง Zenbook S
  • Adaptor ชาร์จไฟ Port Type-C
  • ผ้าเช็ดตัวเครื่อง
  • Adaptor พอร์ท Type-C แปลงเป็นหัว USB – HDMI
  • ซองใส่ตัวเครื่อง
  • คู่มือ

ซองใส่ตัวเครื่องนั้นต้องบอกว่าทำออกมาได้ดูดีกว่ารุ่นอื่นๆครับ ทั้งพื้นผิวสัมผัสของตัวซองและการเย็บขอบทั้งหมดใช้สีทองเช่นเดียวกับตัวเครื่องถ้าสังเกตได้จากรูปภาพนะครับ และตัวลายบนซองก็ทำออกมาได้ดูดีมากวัสดุจะลื่นๆป้องกันคราบลอยอะไรได้ดีและน่าจะกันละอองน้ำอะไรได้ครับผม ส่วนข้างในบุผ้านุ่มพอสมควรถือว่าทำออกมาได้ดี

DESIGN

การออกแบบต้องถือว่ารุ่นนี้ทำได้ดีในเรื่องของความบาง ความเบา และ แน่นอนการใช้วัสดุและความสวยงามครับตัวเครื่องแรกสัมผัสต้องบอกว่าดูแน่นหนาและแข็งแรงดีส่วนวัสดุที่ใช้ผิวสัมผัสดีเลยแหละการเล่นลวดลายยังคงมีมาในตระกูล Zen และตัวเครื่องมีการเล่นสีน้่ำเงินตัดขอบทองแดงสวยงามครับ รวมถึงความบาง12.9 มม. โดยรวมทำได้ดี แต่วัสดุนั้นจะติดนิ้วมือง่ายไปหน่อยเวลาเราจับทั้งด้านหน้าและหลังซึ่งแน่นอนAsusเลยจัดตัวผ้าเช็ดกันรอยมาให้ด้วย

ในด้านของฝาหลังตัวนี้ยังคงใช้การออกแบบประจำตระกูล Zen เช่นเคยการเล่นลวดลายต่างๆยังคงทำได้ดีเป็นวัสดุอลูมิเนียมขัดลายวงกลมพร้อมกับการเล่นสีทองแดงและตัดกับน้ำเงินเข้ม  Deep Dive Blue  สวยงามจริงๆตัวโลโก้มาพร้อมสีทอง  Rose Gold  เงาแบบฝังลงไปครับถือว่าส่วนของฝาหลังตระกูลนี้ยังคงทำได้สวยในหลายๆรุ่นเลยทีเดียวดูพรีเมี่ยมพอสมควรเลยแหละ และในตัวนี้ยังได้ มาตรฐานความถึกทนระดับกองทัพ แบบ MIL-STD 810G ที่เน้นความทนทานด้านการตกกระแทก, อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง และความแข็งแรงของบอดี้ถือว่าบางและทนใช้ได้เลย

หน้าจอตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอ 13.3 นิ้วขอบบางกว่าเดิมพร้อมด้วยกล้องหน้ายังคงมีอยู่ด้านบนครับ ขอบทั้ง 3 ด้านบางลงทำให้ตัวเครื่องอยู่ในขนาดที่เล็กกว่าเดิมและแน่นอนทำให้ดูสวยขึ้นมาก และในส่วนของฐานตัวเครื่องมาพร้อมกับยางรองวงกลมทั้ง 4 มุมและเป็นน็อตยึดทั้งหมดทั้งแผ่นไม่มีช่องอะไรให้เปิด มีลำโพงคู่ในส่วนล่างยิงลงพื้นบริเวณส่วนหน้าครับและด้านหลังจะเห็นข้อพับที่เป็นแนวยาวแน่นอนระบบนี้จะทำให้ตัวนี้สามารถยกตัวเครื่องขึ้นมาได้นั้นเอง

ตัวเครื่องขอบทั้งหมดมีการตัดขอบแบบคมสวยสีทองแดงเงามากๆในรอบตัวเครื่องครับเป็นสีโทนเดียวกับโลโก้ตรงฝาหลังเลยนั้นเองและถือว่าทำได้สวยและงานเนี๊ยบมากเลย ด้านท้ายเครื่องมีเขียน Zenbook Series และแน่นอนว่ามีขีดๆทั้งซ้ายขวา ของตัวเครื่อง อันนั้นจะเป็นขอบยางรองสำหรัลเวลาตั้งครับซึ่งตัวข้อพับอันนนี้จะเป็นฐานหลักนั้นเอง

ช่องระบายความร้อนของตัวนี้มีมาพร้อมกับการทำงานของพัดลมครับแน่นอนยังมีพัดลมมาให้ระบายความร้อน ยิงออกมาส่วนด้านหลังตรงขอบจอครับระบายได้ดีพอสมควรและวัดคร่าวๆก็ไม่ได้ร้อนมากถ้าไม่ได้เล่นเกมส์ครับส่วนด้านฝาข้างในเป็นหน้าตา คียบอร์ดทั้งหมดที่มีปุุ่มสีทองสวยงามและไฟ Blacklit รวมถึง Touchpad และ สแกนนิ้วครับผม

SPEC ASUS ZENBOOK S UX391

  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home
  • หน้าจอ LED 13.3″ Full-HD NanoEdge (อัตราส่วน 16:9)
  • หน่วยประมวลผล Intel Core i7 8550U Quad-core 1.8GHz
  • กราฟิก Intel UHD Graphic 620
  • แรม 8GB LPDDR3 2133MHz
  • ความจุ 512GB PCle SSD
  • พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C Thunderbolt x2,
  • USB Type-C Gen 1 x1,
  • Headphone Jack
  • Adaptor – TYPE-C,HDMI,USB-A ต่อแยก
  • ขนาดตัวเครื่อง 1.29 x 31.1 x 21.3 ซม.
  • น้ำหนัก กก.

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพตัวนี้มาพร้อมด้วย CPU i7 Gen   Skylake 8550U และ Integrated Intel UHD Graphics 620 และแน่นอนไม่มีการ์ดจอแยกนะครับส่วนเรื่องของ Ram จัดมาให้ 8GB LPDDR3 2133MHz และ รวมถึง SSD 512GB PCle เรียกได้ว่าจัดเต็มมาให้เลยครับส่วนเรื่องการรันต่างๆสบายมาพร้อม Windows 10 แท้มาให้เลยไม่ต้องไปหาเองครับ เรามาดูกันเลยครับว่าจะรันอะไรได้ดีขนาดไหนกัน แน่นอนว่า กราฟิกการ์ดออนบอร์ด Intel UHD Graphics 620 นั้นต้องบอกว่าตัวนี้รองรับการทำงาน 2 มิติสบายครับและ 3มิตินิดหน่อยมีติดเครื่องไว้ใช้ทำงานได้ ทั่วไปสบาย

PCMARK 10 นั้นต้องบอกว่าทำได้ดีมากครับในคะแนนของการทำงานเป็นหลัก ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องนะครับ  ที่จำลองการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ก็ได้มา 3478 คะแนน ถือว่าใช้งานทั่วไปได้ชิวๆ แน่นอนไม่ต่างกับตัวที่มีการ์ดจอแยกมากเท่าไรในตัวนี้ถือว่าเป็นคะแนนที่ใช้งานได้ทั่วไปและเพียงพอต่อการใช้งานทุกรูปแบบครับ

3D Mark อันนี้แหละจุดแตกต่างของคะแนนที่ลดลงจากรุ่นที่มีการ์ดจอแยกแบบชัดเจนเช่นรุ่นที่แอดมินรีวิวไปก่อนหน้าของ Asus ตัวนั้นมีการ์ดจอแยกแน่นอนว่าคะแนนส่วนพวกนี้ต่างกับเกือบเท่านึงครับสำหรับสายเกมส์ที่ยังแอบเล่นเกมส์บ่อยและทำงาน 3 มิติอาจจะต้องดูกันดีๆแต่อย่างว่าคือรุ่นนี้จะเน้นไปที่พกพาแบตอึดและทำงานทั่วไปครับ ส่วนเรื่องความร้อนหลังจากการทดสอบทำได้อุ่นไปทางร้อนในบริวเณขอบบนที่เป็นรูระบายอากาศแต่ตรงที่วางมือปกติไม่ร้อนแต่อย่างใดครับผม

SSD ตัวนี้บอกเลยวาาทำให้บูตเครื่อง เปิดโปรแกรม และทำงานทั่วๆ ไปได้เร็วมาก ก็ได้ความเร็วในระดับพอใช้ได้เลยแหละ ซึ่งแน่นอนว่า เร็วกว่า SSD ตัวที่อยู่ในรุ่น Zenbook 13 แบบชัดเจนมากๆไวกว่ามากเลยตามราคาที่เพิ่มขึ้นมาในจุดนี้ทำการอ่านได้ 2690MB/s และเขียน 839.8 MB/s นะครับในค่าของการต่อเนื่องชุดละ 128 KB ทำงานพร้อมกันหลายหน่วยประมวลผล และ การวัดคะแนนของ CPU CINEBENCH R15 นั้นที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู ทำไปได้ 42 FPS และ 380 cb คะแนนไปทางกลางๆไม่ได้โดดเด่นและไม่ได้แย่ครับ

SCREEN

สำหรับหน้าจอตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบขอบบางเช่นกันครับทั้ง 3 ด้านที่เรียกว่า Nano Edge และ มาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ LED ความละเอียด Full-HD หน้าจอจะเป็นแบบหน้าจอด้านนะครับ ใช้งานข้างนอกสบายและสู้แสงป้องกันเงาได้ดี ในเรื่องการแสดงผลให้ค่าสี sRGB 100%,NTSC Wide Color Gamut มาที่ 72% จากที่ลองตัวจอสีถือว่าทำได้ดีเก็บได้กว้างพอสมควรครับ และค่อนข้างตรงพอสมควรดีกว่าตัวก่อน และเรื่องแสดงผลสีสันได้สวยงามดีมากๆ เรื่องของแสงสว่างจากที่ลองสว่างแต่ก็ไม่ได้สว่างมากครับเวลากลางแจ้งหรือเปิดเทียบกับตัวอื่นๆจะพบว่าอันนี้มืดกว่าพอสมควรเมื่อเทียบกันครับสำหรับเรื่องความสว่างของหน้าจอ

ในมุมมองของหน้าจอแสดงผลแน่นอนระดับราคานี้ต้องเป็น IPS อยู่แล้วเรื่องของมุมมองด้านข้างซ้ายขวานั้นถือว่ามองได้แน่นอนครับไม่เพี้ยนไม่มืดสำหรับหน้าจอในมุมมองจากด้านข้างถือว่าทำได้สบายและสีไม่เพี้ยนต่างจากมุมมองแบบตรงเท่าไรและด้วยหน้าจอแบบด้านทำให้เวลามองมุมอื่นๆแบบในภาพนั้นทำให้แสงสะท้อนน้อยลงแบบชัดเจน

Nano Edge ตัวนี้มาพร้อมกับขอบจอที่มีความบางเพียง 5.9 มม.เท่านั้นอาจจะไม่ได้บางจนหายไปแต่ก็ถือว่าบางกว่าตัวอื่นในแบรนด์นี้พอสมควรครับส่วนกล้องหน้ายังคงมีมาให้ไม่ได้เอาไว้ด้านล่างแต่ยังสามารคใส่ไว้เหนือหน้าจอความละเอียด HD พร้อมไมโครโฟนอยู่ด้านข้างซ้ายขวาอย่างละตัวครับ สามารถอัดเสียงได้ดีเลยแหละ และบริเวณขอบรอบๆจะเป็นยางรองทั้งเส้นรอบครับสำหรับเวลาพับหน้าจอลงมาก็ช่วยในการกันกระแ

TOUCHPAD

สำหรับตัว Touchpad รุ่นนี้ขนาดเมื่อเทียบกับตัวเครื่องถือว่าใช้งานได้ดีใหญ่ตามขนาดแม้จะไม่ใหญ๋สุดขอบแต่ก็ถือว่าไม่ได้เล็กจนเกินไปเพราะมันรองรับการใช้งาน Multitouch ได้ดีเช่นกันครับรวมถึงมีตำแหน่งสแกนนิ้วไว้บนขวาด้วย ตัวการออกแบบจะเป็นแนวนอนผืนผ้าเป็นหลักสำหรับรูปทรงโดยรวมนั้นน่าจะเน้นใช้งานหลายๆนิ้วได้ดีขึ้นครับ

เมื่อลองใช้งานจริงก็พบว่าตัว Touchpad นั้นทำได้ดีไม่ได้เล็กอย่างที่คิดสั่งงาน 3 นิ้วได้แบบพอดีเวลาย่อโปรแกรมหรือเปลี่ยนหน้าต่างรวมถึงการใช้ 3-4 นิ้วเปลี่ยนแอพซ้ายขวาก็มีพื้นที่ใช้งานแบบพอดีสลับแอพได้ไว ไม่เอ๋อเท่าไรสัมผัสลื่นติดนิ้วดีไม่หนืดเกินไปอันนี้ถือว่าตัว Touchpad ทำได้ดีครับแต่แอบติดรอยมันจากนิ้วมือง่ายไปหน่อย

KEYBOARD

ทางด้านแป้นพิมพ์ตัว Keyboard นั้นต้องยกความดีให้แนวคิด กลไก ErgoLift ถือว่าเป็นจุดเด่นของมันเลย ซึ่งทำให้ตัว ASUS ZenBook S UX391 แตกต่างกว่ารุ่นอื่นด้วยการทำมุม 5.5 องศาเอียงยกขึ้นจากด้านหลังเหมาะกับลักษณ์การวางมือในการพิมพ์ต่างๆได้เป็นอย่างดีไม่เมื่อยมือและเหมือนตัว Keyboard ที่สามารถยกท้ายขึ้นได้นั้นเองถือว่าเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างดีและไม่เมื่อยมือเวลาพิมพ์ครับตัวแป้นอันนี้ลองเทียบได้เลยว่ามันถนัดขึ้นแบบชัดเจน

ตัวแป้นมีขนาดใหญ่ในแต่ละปุ่มแต่ระยะห่างในแต่ละปุ่มนั้นอาจจะไม่ได้มากนักแต่ก็ถือว่าทำได้ไม่ค่อยพิมพ์เพี้ยนเท่าไรแต่แลกมาด้วยตัวปุ่มมีขนาดใหญ่พอสมควรและระยะการกดค่อนข้างทำได้ดีและตัวเสียงระยะถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นที่มีตัวเครื่องบางคือระยะทำได้ดีและพิมพ์ได้มันส์มือมากจริงๆถือว่าแอดมินชอบนะสำหรับแป้นตัวนี้ แต่ถ้าระยะห่างมากกว่านี้นิดนึงจะดีเลยในแต่ะละปุ่มส่วนไฟมีมาให้สีขาวปรับได้ 3 ระดับและตัวหนังสือสีทองสวยงามหรูกว่าสีขาวเยอะเลยเวลาใช้งานอันนี้ถือว่าแตกต่างและดูดีพอสมควรการวางมือใช้ได้ครับส่วนปุ่มปิดไปอยู่มุมขวาบนข้าง Del

FINGERPRINT SCANNER

สำหรับตัวเลือกการปลดล็อคตัวนี้ให้สแกนนิ้วมาเหมือนกันสำหรับการใช้งานเข้าเครื่องได้อย่างไวใช้งานร่วมกับ Windows Hello ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นตำแหน่งการใช้งานรุ่นนี้เปลี่ยนมาในส่วนของ Touchpad แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่ไปอยู่ทางซ้ายเครื่องนั้นเอง การทำงานทำได้ค่อนข้างไวเหมือนกันแค่แตะก็เข้าใช้งานได้เลยส่วนของขนาดตัวสแกนนิ้วมีขนาดที่พอดีต่อการใช้งาน ไม่เล็กไปครับนิ้วชี้ที่แอดมินใช้ก็ใช้งานก็พอดีเลยครับ

SPEAKER

ลำโพงตัวนี้แน่นอนมาพร้อมกับแบรนด์ที่ค้นเคยกันอย่างดีแบบ Harman Kardon ที่ครั้งนี้มาด้วยลำโพงคู่มิติเสียงนั้นต้องบอกว่าจัดเต็ม เบส เสียงสูงมาแบบดีงามแต่ที่ขาดไปนิดหน่อยคือความดังของเสียงเมื่อเปิดสุดแล้วก็ยังแอบเบาเแบบรู้สึกได้เมื่อเทียบกับบางรุ่นที่ราคาใกล้ๆกันครับแต่ก็แลกมากับมิติเสียงที่จัดว่าดีครับเรื่องของการแยกซ้ายขวาเวลาใช้งานดูหนังทำได้ดีแยกชัดเจนและมิติที่ดีทำให้ดูหนังสนุกขึ้นมาก ด้านของหูฟังก็มีระบบเสียงช่วยในการเพิ่มเสียงรอบทิศทางได้ดีกว่าเดิมและเสียงชัดขึ้นเวลาดูหนังต่างๆถือว่าเสียงใช้งานได้ดี

CONNECTOR

พอร์ทเชื่อมต่อตัวนี้ด้วยความบางแน่นอนต้องทำใจไว้ก่อนว่ามันโดนตัด USB A ออกไปแล้วแต่ก็ยังใจดีแถมสายแปลงมาให้และตัวพอร์ทเชื่อมต่อแบบ Type-C มีมาให้ถึง 3 พอร์ทครับ เป็นพอร์ท Thuderbolt 2 พอร์ทครับส่วนของรูหูฟังยังมีมาให้เช่นเคย เมื่อดูแล้วต้องบอกว่าทำได้บางมากๆเลยสำหรับตัวเครื่องทั้งหมด

พอร์ทเชื่อมต่อด้านซ้าย และ ด้านขวาแทรกอยู่ส่วนบนของตัวเครื่อง มากันที่ด้านซ้ายจะเป็นพอร์ทสำหรับชาร์จไฟเข้าและไฟแจ้งเตือนสถานะทั้ง 2 จุดรวมแน่นอนภาพจะเห็นชัดเจนสำหรับตัวกลไกการยกตัวเครื่องของ Zenbook S และมาที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีพอร์ท Thunderbolt อยู่ 2 ช่องและรู 3.5 มม.ตรงฝาพับ

สำหรับพอร์ทตัว Adaptor นั้นเป็นแบบ Type-C ที่ตัว Adaptor นั้นมีช่อง HDMI – USB-A และก็ Type-C ที่สามารถชาร์จไฟเข้าได้ด้วย ตัวขนาดนั้นมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่เอาจริงๆก็ยังไม่ค่อยชอบพกอะไรต่อพ่วงอยู่ดีนะอย่างน้อยขอตัว Port USB-A ไว้ซักช่องจะสะดวกต่อการใช้ชีวิตอย่างมากแต่ยุคสมัยกำลังเปลี่ยนบางทีเราก็ต้องปรับตัวกันไปครับสำหรับเรื่องนี้แน่นอนว่าเมาส์ไร้สายFlashdrive ก็เริ่มมีแบบType-C กันแล้ว

BATTERRY

สำหรับตัวชาร์จขนาดยังคงทำได้เล็กเช่นเคยเป็นอีกจุดที่ดีในเรื่องของตัว Adaptor ที่ทำให้พกพาง่ายกว่าเดิมและแน่นอนไม่หนักกระเป๋าตัวชาร์จไฟเข้ารองรับ Quickcharge ใช้เวลาประมาณ 49 นาทีก็ขึ้นมาประมาณถึง 60% แล้วครับ แน่นอนว่าพอร์ทเข้าไฟนั้นเป็น USB Type-C ทำให้เราเอามาเสียบใช้กับมือถือ Tablet ต่างๆได้ด้วยยามฉุกเฉินทำให้เป็นอีกข้อดีเวลายามจำเป็นครับ

สำหรับอายุแบตในการใช้งานแบบเต็มที่ที่แอดมินลองจะประมาณ 10  ชั่วโมงขึ้นในทุกๆการใช้งานเช่นในภาพแอดมินเปิดสุดในโหมดการใช้งานก็ขึ้นแจ้งว่าได้ประมาณ 10 ชั่วโมงและจากที่พกพาไปข้างนอกก็ถือว่าใช้งานได้ตามที่กล่าวรวมถึงถ้าเปิดโหมดปกติ หรือ ประหยัดแบตนั้นก็จะทำงานได้นานกว่าเดิมด้วยนั้นเองครับประมาณ 12-13 ชั่วโมงครับและข้ามวันถ้าเราพับจอและเอามาใช้อีกวันแบตก็ไม่หายไปไหนด้วยเท่าเดิมกับตอนปิดของอีกวันครับถือว่าโอเคเลยในการใช้งานตัวอายุแบตของเจ้า Asus Zenbook S ตัวนี้

GAMING 

เล่นเกมส์ตัวนี้ไม่มีการ์ดจอแยกแต่ก็ยังถือว่าพอเล่นได้นะสำหรับ Overwatch แอดมินปรับภาพต่ำสุดเลยทำให้เล่นได้ค่อนข้างลื่นเลยแหละสำหรับตัวความร้อนตัวนี้ระบายความร้อนจะออกไปข้างหลังออกไปส่วนหน้าจอความร้อนที่แอดมินลองใช้โปรแกรมวัดนั้นจะได้ประมาณ 66-70 องศาเหมือนจะร้อนพอสมควรแต่ก็อย่าลืมว่าตัวนี้มันคงไม่ได้เน้นเกมส์มากนักครับเล่นแก้ขัดนั้นก็ถือว่าใช้งานได้พอสมควรเป็นเกมส์ออนไลน์ไม่กินสเปค

ตัวภาพของ Overwatch ที่แอดมินลองใช้งานเล่นโหมดทั่วไปปรับภาพต่ำก็เล่นได้ครับ ความลื่นของ FPS อยู่ที่ 29-31 ในขณะเล่นจริงนะครับไม่ตกไปกว่านี้ถือว่าดีกว่าที่คิดไว้เลยแหละ เล่นได้สบายไม่หัวร้อนครับ

WORKING

สำหรับด้านการทำงานตัวนี้แน่นอนมันตอบโจทย์ครับด้วยทั้ง CPU ที่แรงพอสมควรใช้งานสบายครับไม่ว่าจะงานหนักงานเบา เขียนบทความตัดต่อ ทำกราฟฟิค หรือ พรีเซนต์ก็เอาอยู่สบายในส่วนนี้รวมถึงการที่มันพกพาไปข้างนอกได้ง่ายทำให้การทำงานของเรานั้นต่อเนื่องและลื่นไหลเรียกได้ว่าทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา เช่นเราสามารถพกไปทั้งวัน ตัดต่อรูปได้สบายแต่งรูป Lighroom Photoshop อันนี้สบายครับไม่หน่วงอะไรเลยแต่ความร้อนก็มีนิดหน่อยส่วนเรื่องของตระกูล Microsof ชิลๆสำหรับรุ่นนี้รองรับได้หมดทำงานได้สบายส่วนเรื่องถ้าทำงานหนักกว่านั้นพวก เรนเดอร์อาจจะพอได้เลยแหละแต่ไม่ได้ไฟล์หนักมากครับ ต้องบอกว่าทำงานนั้นครอบคลุมได้ค่อนข้างดี

แน่นอนว่าการใช้งานทำงานถ้ามามองสายงานแอดมินคือสถาปนิคมักจะต้องพกคอมไปหาลูกค้าเปลี่ยนแบน ทั้งแบบวาดและ 3D อันนี้ก็ใช้งานได้แบบไม่ติดขัดอันนี้แอดมินลองขึ่นแบบบ้านที่จะสร้างจริงให้ชมกันครับอิงจากแบบแปลน AutoCAD ก็ถือว่าใช้งานได้ดีเลยขึ้นโมเดลได้ไม่มีปัญหารวมถึงเวลาหมุนต่างๆก็ไม่หน่วงหรืออะไรมากนักถ้าไม่ได้ใส่ ต้นไม้เยอะอะไรครับผมดูโมเดลบ้านได้สบายลื่นๆเลยหรือจะทำเป็นการตัดต่อภาพเรนเดอร์ก็ถือว่าสบายๆสำหรับรุ่นนี้

ASUS ZENBOOK S บางเบา ลงตัว ทำงานสบาย

Asus เป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นนำอะไรที่บางเบามาเสมอและทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆครับในรุ่นนี้ก็เช่นกัน Asus Zenbook S เป็นอีกรุ่นบางเบาที่มีดีไซน์ที่สวยงามและการใช้งานที่ค่อนข้างครอบคลุมในชีวิตประจำวันหรือชีวิตคนทำงานที่เน้นทำงานนอกออฟฟิสนอกบ้านต่างๆ ตอบโจทย์ได้ครบทุกด้านแต่ก็เสียดายแค่บางจุดคือ การที่ตัดพอร์ทออกไปและเรื่องของหน้าจอเสียดายที่ไม่ใช่ตัวเทพ 4K

ข้อดี

  • 13.3 นิ้ว IPS สวยงามและทำได้ดี
  • ลำโพงมีมิติและเสียงมาครบ ซ้ายขวาชัดเจน
  • ระบบกลไก Ergo Lift ใช้งานได้ดีและสบายมือ
  • ความบาง และ เบาทำได้ดีมากพกพาง่าย
  • แบตใช้งานค่อนข้างอึดในทั้งวันได้สบาย
  • มีระบบชาร์จไวเข้ามา
  • สแกนนิ้วทำได้ไวและค่อนข้างแม่น

ข้อสังเกต

  • พอร์ททั้งหมดเป็น Type-C แต่ยังดีที่แถมตัวแปลงมา
  • ลำโพงเสียงดีมากแต่เสียดายเบาไปหน่อย
  • หน้าจอไม่สว่างมากนักและไม่ใช่ 4K

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะงับ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

Review By Nineztr