สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Techhangout ทุกๆท่านครั้งนี้อยู่กับผมแอดมิน Maxmoreji เหมือนกับเช่นเคยสำหรับกระทู้นี้ผมจะมาทำการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากทาง Asus ในรุ่น Zenfone 4 Max Pro สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมจุดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่สวยงดงาม แอบไปด้วยความพรีเมี่ยมอีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุเเบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ ทั้งยังมาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ที่ทำให้คนใช้งานสามารถเก็บภาพความทรงจำได้ด้วยกล้องหลังมุมกว้างที่มีความกว้างถึง 120 องศา เเล้วเรามาดูรีวิวกันดีกว่าว่าในรุ่นนี้จะมีอะไร ? เด็ดๆเเละมีข้อเสียตรงไหน ? บ้างในรีวิวเเบบฉบับของ TechHangOut เรามาชมกันเลย 🙂
UNBOX !!
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง
- คู่มือ / เข็มจิ่มซิม
- สายชาร์จ Micro USB ( สีขาว )
- หัวชาร์จไฟ 5V – 2A
- หูฟัง Ear bud ธรรมดา
- สาย USB OTG ( ถ้าเอาเข้าใจง่ายๆก็ไว้สำหรับเชื่อมต่อ แฟลชไดร์ฟ และ เเชร์แบตเตอร์รี่ ) หรือถ้าเป็นภาษาเมืองนอกก็ Reverse Charging
- เคสใสเเบบนิ่ม
DESIGN เรื่องของดีไซน์ Zenfone 4 Max Pro รุ่นนี้จะมาพร้อมกับบอดี้ที่เป็นโลหะมีความสวยงามเเละความหรูหรา เเต่อาจจะมีดีไซน์เหมือนกับรุ่นก่อนอย่าง Zenfone 3 Zoom ไปนิดนึงตัวเครื่องมาพร้อมกับความเรียบง่ายและลงตัว ( มันก็ดูหรูดี ) เเต่หลังจากที่ได้จับ ความรู้สึกเเรกคือเรื่องของการเก็บงานเเละงานประกอบถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร เเต่ติดในเรื่องของน้ำหนักที่มีความหนักเล็กน้อยเเต่อย่างว่าก็เเบตเตอร์รี่ความจุมาเยอะโน๊ะ เเต่ถ้าจะสรุปเรื่องของดีไซน์โดยรวมถือว่าโอเค เเต่รุ่นนี้จะมีข้อเสียในเรื่องของดีไซน์ที่รับไม่ได้ก็คือปุ่มใช้งาน ย้อนกลับ หรือ ปุ่ม Recent Apps เวลาที่เราใช้งานมันไม่มีไฟขึ้นมาเเจ้งเตือนทำให้เวลาใช้งานตอนปิดไฟถือกลางคืนลำบากไปนิดครับ
ตัวเครื่องด้านหน้า : มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด HD ( 1280×720 ) พิกเซล
เหนือหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลไฟแฟลช LED ไฟบอกสถานะ ( ไฟแจ้งเตือน ) ลำโพงฟังเสียงสนทนา และ เซนเซอร์วัดแสง
ด้านล่างจอแสดงผลจะมี ปุ่มย้อนกลับ , ปุ่มโฮม และ ปุ่ม Recent Apps โดยเป็นปุ่มแบบสัมผัสทั้งหมดเเละตรงปุ่มจะไม่มีไฟแสดงและตรงปุ่มโฮมจะเป็นเชนเซอร์ลายนิ้วมือ
สำหรับตัวเครื่องด้านขวา : มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และ ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
สำหรับตัวเครื่องด้านช้าย : มีช่องใส่ซิมการ์ดสองช่อง และมีช่องใส่ Micro-SD Card ที่เเยกออกมา รุ่นนี้รองรับการใช้งานแบบ 4G และ 3G
สำหรับตัวเครื่องด้านบน : มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5mm และ ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนรอบข้าง
สำหรับตัวเครื่องด้านล่าง : มีพอร์ทเชื่อมต่อแบบ Micro-USB มีลำโพงฟังเสียงดูหนังฟังเพลงด้านขวา และ ไมโครโฟนสำหรับสนทนาด้านซ้าย
สำหรับตัวเครื่องด้านหลัง : มาพร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F/2.0 26mm มาพร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF ( Phase Detection Autofocus ) และกล้องตัวที่สอง 5 ล้านพิกเซลกับ LED Flash นอกจากนั้นยังมี Logo ของ ASUS ติดอยู่กลางเครื่อง
สเปค ASUS Zenfone 4 Max Pro-Edition
- รันบน Android 7.1.1 ครอบทับด้วย OS Zen UI 4.0
- หน้าจอ IPS 5.5 นิ้วความละเอียด HD
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 430 Octa-Core 1.4 GHz A53
- GPU Adreno 505
- RAM 4GB
- ROM 32GB รองรับ Micro-SD สูงสุด 256GB
- รองรับการใช้งานแบบ 2 SIM
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังคู่ 16 ล้านพิกเซล และ 5 ล้านพิกเซล Ultra-Wide
- มีวิทยุ FM
- เชนเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Proximity, Compass , Fingerprint ( ด้านหน้า )
- รองรับการเชื่อมต่อ Wifi 801.11 b/g/n , Bluetooth 4.1 , A2DP , LE
- ขนาด 154 x 76.9 x 8.9 มม.
- น้ำหนัก 181 กรัม
คุณภาพของเสียง และ หน้าจอแสดงผล
เรื่องหน้าจอเเสดงผลของรุ่นนี้นั่นความละเอียดอาจจะมาเเค่ HD เเต่มีภาพที่คมชัดจริงๆเเล้วถ้าเรามองด้วยตาเปล่า และไม่เปิดดูสเปคจะไม่มีทางทราบเลยว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับความละเอียดหน้าจอเพียง 720 พิกเซลพูดถึงเรื่องของคุณภาพเสียงหลังจากที่ลองฟังถ้าผ่านลำโพงหลักของตัวเครื่องความดังของเสียงจะอยู่ในระดับกลางๆ แต่ถ้าจะเจาะเรื่องของรายละเอียดเสียงของลำโพงหลักรุ่นนี้จะมีเสียงที่แหลมๆ มิติเสียงยังออกมาไม่เต็มเเต่โดยรวมก็ถือว่าไม่ได้หน้าเกลียดอะไรครับ ส่วนเรื่องของเสียงผ่านหูฟังก็จัดอยู่ในเเบบปกติฟังได้แต่จะให้ไปสู้ค่ายที่เด่นเรื่องของหูฟังตายครับ 🙂
ทดสอบใช้งานในการเล่นเกมส์
เรื่องของการเล่นเกมส์รุ่นนี้จะจัดอยู่ในระดับกลางๆครับคนที่เน้นเล่นเกมส์เเบบกราฟฟิกเกมส์สูงๆลื่นๆ หรือเพื่อนๆที่ชอบอัดวีดีโอเวลาเล่นเกมส์ต้องถอยไปก่อนเลยสำหรับรุ่นนี้ แต่ถ้าถามว่าเล่นเกมส์เป็นอย่าง ? บ้างถ้ายกตัวอย่างๆเกมส์ ROV ที่กำลังฮิตหลังจากที่ผมได้ลองเล่นเกมส์รุ่นนี้ถ้าเปิดค่า FPS จะอยู่ประมาณต่ำสุด 22 สูงสุด 30 ครับเเต่โดยรวมถ้าเกมส์นี้ก็ถือว่าเล่นได้เเต่ไม่ลื่นมาก 🙂
ประสิทธิภาพแบตเตอร์รี่
ถือว่าเป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ในเรื่องของความจุเเบตเตอร์รี่ขนาด 5,000 mAh ที่ใส่มาบนเจ้าเครื่องนี้หลังจากที่ผมได้ใช้งานต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่สามารถใช้งานในเรื่องของเเบตเตอร์รี่ได้ยาวนานมากๆถ้าคนใช้งานทั้งวันบอกได้เลยว่าเเบตเตอร์รี่เหลือใช้จนถึงบ้านอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่น่าเสียดายของรุ่นนี้ก็คือเรื่องของเวลาการใช้แบตเตอร์รี่ที่มันใช้เวลายาวนานมาจนเกินไป อีีกทั้งรุ่นนี้ที่จำหน่ายในไทยก็ยังไม่รองรับระบบ Fast Charge อีกด้วย
ประสิทธิภาพในการทำงาน
ผลคะแนน AnTuTu Benchmark ก็ออกมาอยู่ที่ประมาณ 43,577 คะแนน ถือว่าอยู่ในระดับดีครับถ้าเทียบกับราคาประมาณนี้จร้า
รุ่นนี้หลังจากการทดสอบก็สามารถรองรับการใช้งาน Multi Touch ได้สูงสุด 10 จุด
หน้าตา Ui และ ฟังก์ชัน
Zenfone 4 Max Pro-Edition นั่นรันบน Android 7.1.1 และครอบทับด้วย Zen UI 4.0 หน้าตา UI ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ผมขออนุญาติยกมาเเค่ฟังก์ชันที่เพิ่มเติมขึ้นมาจาก ASUS รุ่นที่ผมเคยทำรีวิวก่อนหน้านี้เเละกันนะครับ เพราะว่ามีสมาชิกบนเหมือนกันว่ามันเจาะลึกมากเกินไป
สิ่งที่เพิ่มเติมจากรุ่นนี้คือตัวคือหน้าจอหลักตอนที่เราปลุกขึ้นมาจะมีตัวบอกสถานะของเเบตเตอร์รี่ว่าสามารถใช้งานได้ถึงเเค่ไหน
ถ้าเราสังเกตุด้านซ้ายล่างจะมีการบอกสถานะของแบตเตอร์รี่ ตอนนี้ผมเหลือแบตเตอร์รี่อยู่ 8% แต่ระบบเเจ้งว่า เเบตเตอร์รี่ : เหลือใช้งานประมาณอีก 1 วัน ( ถ้าไม่เล่นอะไร ? นะ )
ฟีเจอร์ต่อไปที่มีความน่าสนใจอีกอย่างก็คือ PowerMaster เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยจัดการการแบตเตอร์รี่ของเราให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น เเละ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของตัวเครื่องให้ดียิ่งขึ้นครับ
ฟีเจอร์ต่อมาที่มีความน่าสนใจไม่เเพ้อันก่อนก็คือฟีเจอร์ BeautyLive ตัวนี้อาจจะเป็นฟีเจอร์ที่ใหม่มากเพราะเคยมีมาเเล้วในรุ่น Zenfone Live เเต่ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีความน่าสนใจ เพราะตัวนี้จะช่วยทำการบิวตี้หน้าใสเวลาที่เราทำการไลฟ์สดบนแอพต่างๆเช่น Facebook , Youtube , IG นั่นเอง
ฟีเจอร์ต่อมาคือการใช้งาน Multi window ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอพสองแอพพร้อมกันในเครื่องเดียวทำให้มีความสะดวกมากขึ้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ควรรู้ 🙂
คุณภาพกล้องหลัง
พูดถึงกล้องหลังร่นนี้จะมาพร้อมจุดเด่นของการถ่ายภาพแบบเลนส์มุมกว้าง Ultra-wide ความกว้าง 120 องศากล้องตัวเเรกจะมีีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับรูรับแสง f/2.0 ส่วนตัวที่สองจะมาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเป็นเลนส์แบบมุมกว้าง เรื่องของโหมดกล้องมีการปรับหน้าตาของรูปแบบบางเล็กน้อย รุ่นนี้อย่างที่ทราบกันดีจะมาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพมุมกว้างเเบบ 120 องศาที่สามารถเก็บภาพแบบมุมกว้างได้
ตัวอย่างภาพจากเลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพจากเลนส์มุมกว้าง
เรื่องของการถ่ายภาพแบบมุมกว้างถือว่่าเป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟนในรุ่นนี้ แต่ถ้ามีจุดเด่นมันก็ต้องมีจุดด้อยตามมาสิ่งผมที่เห็นเลยเรื่องของจุดด้อยของรุ่นนี้คือโหมดกล้องที่ทำมาและมี 3 จุดด้อยได้แก่
- พอเปลี่ยนเป็นโหมดกล้องแบบเลนส์มุมกว้างเเล้วจะไม่สามารถใช้งานของโหมดโปรได้
- โหมดโปรปรับสปี๊ดซัตเตอร์ความยาวของวินาทีได้น้อยลงจากรุ่นก่อนลากได้แค่ 1/4
- กล้องความละเอียดสูงแต่คุณภาพที่ได้อยู่ในเกณปกติระดับกลางๆภาพเบลอง่าย มีข้อเสียในเรื่องของการเก็บภาพถ่ายในที่แสงน้อย
ตัวอย่างภาพ
ตัวอย่างภาพ HDR
ตัวอย่างภาพจากเลนส์มุมกว้าง
ตัวอย่างภาพในที่แสงน้อย
คุณภาพกล้องหน้า
รุ่นนี้มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลคุณภาพกล้องหน้านั้น ถือว่าทำออกมาได้ดีมีโหมดบิวตี้ให้ได้ปรับมากมายไม่ว่่าจะเป็น ปรับสีผิว , หน้าเรียว , ความเนียน
ตัวอย่างกล้องหน้า
ข้อสังเกตุข้อเสีย
- สเปคเหมือนตัวก่อน
- โหมดกล้องพอถ่ายมุมกว้างใช้งานโหมดโปรไม่ได้ปรับชัตเตอร์ได้น้อย
- ราคายังสูงไปถ้าเทียบกับสเปค
- ถ่ายกลางคืนภาพเบลอง่าย
- ใช้เวลาชาร์จแบตเตอร์รี่นาน
ข้อสังเกตุข้อดี
- แบตเตอร์รี่อึดมากๆๆ
- ดีไซต์สวยทันสมัย
- หน้าจอสวย
- กล้องคู่เลนส์มุมกว้างเก็บภาพได้ดีขึ้น
- กล้องหน้าสวยสวย
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับรีวิวจากผม @Maxmoreji ถูกใจกันบ้างหรือเปล่าเอ่ย ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรอย่าง ? ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับเเต่ถ้าเพื่อนๆคนไหนชอบรีวิวรุ่นนี้ก็สามารถไปหามาเป็นเจ้าของ ในราคาอยู่ที่ 7,990 บาทบอกไว้เลยว่าเป็นสำหรับคนที่เน้นสมาร์ทโฟนแบตเตอร์รี่อึดรุ่นนี้ตอบโจทย์อย่างแน่นอน
ชมรีวิวบน Youtube
By Maxmoreji