AUDI ยังคงเป็นค่ายที่ทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่องและเราจะเห็นการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆหลากหลายรุ่นมากในไทยทั้งรถยนต์ไฟฟ้า หรือ จะเป็นรถยนต์แรงๆแบบตระกูล RS ต้องบอกว่าเป็นเรื่องดีที่ค่ายนี้เริ่มลุยตลาดมากขึ้น มีศูนย์บริการมากขึ้นทำให้ ผู้ใช้งานนั้นได้อุ่นใจมากขึ้นและแน่นอนว่าเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าได้สัมผัสได้ง่ายขึ้นด้วย เป็นแบรนด์ที่ยังคงเด่นๆในเรื่องของการขับขี่ และคุณภาพที่จัดเต็มเพราะว่าเป็นแบรนด์ที่นำเข้าเยอรมันทั้งคันด้วยเช่นกัน และทางด้านรถยนต์นั่งนั้นทาง AUDI ก็ถือว่าเป็นค่ายแรกๆที่เด่นๆในเรื่องของการขับขับเคลื่อน 4 ล้อที่ขึ้นชื่อพอสมควรเลย และระบบที่เด่นอย่างมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งด้วยกัน สำหรับตระกูล A7 Sportback นั้นถือว่าเป็นรถยนต์ ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างมาก ทั้งเรื่องของรูปทรง และเป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ที่เน้นการขับขี่สนุกและรูปทรงเพรียวบางพอสมควรเลยครับ จะอยู่ในระดับเดียวกับ CLS ของค่าย MERCEDES เลยถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามอง ส่วน A7 คันนี้ต้องบอกว่าโดดเด่นทั้งเรื่องงานออกแบบ ไฟหน้าไฟท้าย รูปทรง Sportback รวมถึง เครื่องยนต์รหัส 55TFSI ที่จะเป็นรหัสแรงสุดของตระกูลนี้ ที่ขายในไทยและจะมีอีกรุ่นนั้นจะเป็น 45TFSI ที่จะราคาต่ำกว่าด้วย

AUDI A7 SPORTBACK 55 TFSI QUATTRO S-LINE เป็นรหัสแรงที่สุดที่ขายในไทยตอนนี้ ที่มาพร้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,995 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ พร้อมกับกำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,400 รอบ/นาที และ แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,370 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ S-Tronic และใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro with ultra technology พร้อมติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (BAS) 48V (Mild Hybrid : MHEV) และ แบตเตอรี่ Lithium-ion เพื่อช่วยในการออกตัว และ ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เป็นเทคโนโลยีที่หลายๆรุ่นในค่ายนั้นใช้เทคโนโลยีนี้กันช่วยในเรื่องของการออกตัว และ ประหยัดน้ำมันได้ด้วย ส่วนทางด้านเทคโนโลยีช่วยเหลือค่ายนี้ยังไม่ค่อยมีมาเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่นในเรื่องของการแจ้งเตือนมุมบอด หรือ ระบบช่วยจอดทั้งหลายซึ่งค่ายนี้ยังไม่มีมาให้แต่ยังดีที่ทาง A7 นั้นยังคงให้หลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงหน้าปัด Virtual Cockpit และ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศามาให้ใช้งานกันอยู่ รวมถึงหน้าจอสัมผัสในการสั่งงานทั้งหมด และ HUD ก็ใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกัน รวมถึงระบบไฟหน้า HD Matrix พร้อม Animation Light Effect Staging ที่เป็นการไล่ไฟเมื่อปลดล็อค รวมถึงไฟท้ายก็มีระบบนี้ด้วยเช่นกัน  ส่วนระบบเสียงนั้นยังคงจัดเต็มมาให้ เสียงพรีเมียม 3 มิติ Bang & Olufsen ด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านราคานั้น  A7 Sportback 55 TFSI quattro S-Line  5,399,000 บาท จัดจำหน่ายโดย Meister Technik  รับประกัน Warranty 5 ปี หรือ 150,000 km. พร้อม 24hr Road-side Assistant บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี

EXTERIOR

งานออกแบบในภาพรวมของตัวรถนั้นยังคงเอกลักษณ์ของค่ายนี้ได้เป็นอย่างดี ต้องบอกเลยว่าดีไซน์ยังคงสานต่อจากทาง A7 รุ่นก่อนได้ดีในเรื่องของรูปทรง COUPE หรือท้ายลาดและตัวรถที่เห็นแล้วต้องบอกว่ายาวอย่างมาก ทั้งฐานล้อและตัวรถในภาพรวมนั้นมีความยาวใหญ่ และดูเตี้ยขึ้นมากชัดเจนครับ ตัวรถคันนี้ยาวมากเกือบ 5 เมตรเลยทีเดียวในการขับขี่ในเมืองอาจจะแอบลำบากนิดๆครับแต่ก็พอๆกับคู่แข่งในเซกเมนต์นี้ ส่วนการตกแต่งในไทยนั้นเอา S-Line เข้ามาทำให้ดูสปอร์ตมากขึ้น แต่น่าเสียดายว่าตัวล้อนั้นดีไซน์ยังไม่สวยเท่าไรและค่อนข้างธรรมดาไปนิด

รูปทรงตัวรถมีความโดดเด่นในทรงของ Sportback เพราะว่าทางค่าย AUDI นั้นจะเรียกรถยนต์หลังคาทรงลาดว่า sportback นั้นเองซึ่งในค่ายอื่นๆนั้นจะใช้ GT หรือ COUPE แล้วแต่แบรนด์นั้นเอง ทรงของ A7 นั้นถือว่าทำออกมาลงตัวเมื่อเทียบกับทรงรถทั้งหมด ตัวรถมีขนาดใหญ่ ล้อใหญ่เต็มซุ้ม รวมถึงกระโปรงหน้าที่มีความยาวและลึกรวมถึงทรงรถที่แบนและเตี้ย ระยะจากพื้นไม่ได้สูงมากนักทำให้รูปทรงของตัวรถมีความโดดเด่นบน ท้องถนนอย่างมาก ดูผู้ดี แต่ก็แฝงความดุดันไปในตัว ชุดแต่ง S-line เรียบๆกำลังดีและเข้ากับกระจังหน้าและเส้นสายโดยรวมได้ด้วยเช่นกัน และทางด้านท้ายนั้นเราจะเห็นไฟท้ายแบบยาวต่อเนื่องที่สวยงามและโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆชัดเจน รวมถึงฝาท้ายที่เปิดแบบยกทั้งหมดขึ้นไป พร้อมกับ สปอย์เลอร์หลังที่สามารถยกขึ้นมาเองได้ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ทรงสวยที่สุดเลยเท่าที่เห็นมา และเมื่อมองในภาพรวมกับไฟท้ายรายละเอียดต่างๆของตัวรถเมื่อขับใช้งานมีหลายๆคนต้องมองตามแน่นอน

ด้านหน้าตรงนอกเหนือจากโลโก้ 4 ห่วงของค่ายแล้วอีกจุดเด่นที่มองแล้วรู้เลยว่าเป็นแบรนด์อะไรคงหนีไม่พ้นในส่วนของกระจังหน้าอันใหญ่โตของทางค่ายนี้ก็ว่าได้ในแต่ละยุคนั้นทางค่ายจะมีกระจังหน้าที่มีดีไซน์แตกต่างกันไปแต่ในเจนใหม่ล่าสุดจะยังคงมีความเหลี่ยมสันชัดเจน 6 เหลี่ยมใหญ่พร้อมกับเส้นสายเรียบๆแนวนอน เข้ากับกับไฟหน้าและช่องดักลมด้านข้างได้ดีพอสมควรเลย ส่วนไฟตัดหมอกอะไรนั้นจะแทรกอยู่ในไฟหน้าทั้งหมดเพราะว่าในรุ่นใหม่ๆไฟตัดหมอกหน้าไม่ค่อยจำเป็นแล้วในหลายค่ายเพราะว่าไฟหน้ามีกำลังมากพอจนไม่ต้องมีไฟตัดหมอกเข้ามาช่วยแล้วส่วนทางด้านไฟหน้ายังคงเป็น MATRIX LED พร้อม ANIMATION เวลาปลดล็อค รวมถึงด้านหลังก็เป็นไฟ Animation Light Effect Staging เมื่อปลดล็อคที่ต้องบอกว่าโดดเด่นเกินหน้าตาคันอื่นชัดเจนอลังการอย่างมากเมื่อมองในภาพรวมเทียบกับทรงไฟท้าย LED ทั้งหมดเส้นยาว สวยงามทำให้ท้ายรถมีความลงตัวขึ้นชัดเจนอย่างมาก และยังคงมาพร้อมกับไฟตัดหมอกหลังตรงกลางรถ รวมถึงไฟเลี้ยวแบบไล่ระดับและไฟทั้งหมดเป็น LED ทั้งเส้นเลย และส่วนงานออกแบบชายล่างนั้นจะไม่เห็นท่อไอเสียตรงๆ แต่จะซ่อนอยู่พร้อมกับ เส้นสายสีดำตัดโครมเมี่ยมดูหรู ส่วนทางด้าน สปอยเลอร์หลังนั้นจะยกระดับเมื่อขับเร็ว หรือ กดเพื่อยกระดับขึ้นมาได้ด้วยอันนี้ถือว่าดูดีและใช้งานได้

ล้อคันนี้ขนาดใหญ่โตแต่ตัวยางก็มีความหนากำลังดีครับแน่นอนว่าด้วยขนาดของตัวรถนั้นใหญ่โตพอสมควรทำให้ตัวล้อนั้นต้องออกมารองรับได้ด้วย คันนี้ใส่ล้อมาให้ที่ขนาด ล้ออัลลอย 20 นิ้ว 8.5 J x 20 พร้อมยางขนาด 255/40 R20 ดีไซน์เรียบๆแอบธรรมดาไปนิดหน่อยไม่มีการเล่นสีดำหรือปัดเงาอะไรเท่าไรแอบดูย่อนยุคไปนิดหน่อย แต่ด้วยขนาด 20นิ้วก็พอทำให้ตัวรถดูมั่นคงมากขึ้นและขนาดยางกำลังดีกับถนนในไทยครับ นุ่มและลุยกับถนนในไทยได้นั่งหลังไม่สะเทือนมากเกินไปครับ ส่วนทางด้านกระจกมองข้างรุ่นนี้ยังคงใส่ไฟเลี้ยวด้านข้างมาให้พร้อมกับกล้องมองด้านข้าง ทำงานร่วมกันกับระบบกล้อง 360 องศา แต่น่าเสียดายไม่มี แจ้งเตือนจุดบอดอะไรครับ ส่วนช่องดักลมด้านหน้าใส่เข้ามาให้พร้อมกับเป็นช่องจริงๆทั้ง 2 ข้างเลยทรงสปอร์ตพอสมควรและมาพร้อมที่ล้างไฟหน้าให้ใช้งานเวลาล้างกระจกนั้นจะทำงานร่วมกันทันทีครับ อาจจะเลอะได้ง่ายขึ้นถ้าฉีดน้ำล้างปกติแต่ไม่ได้จะล้างไฟหน้าครับ

สปอยเลอร์ในด้านหลังนั้นสามารถยกขึ้นมาได้โดยการกดปุ่มสั่งงานในรถตรงส่วนหน้าจอตรงกลางในด้านล่างสามารถกดเปิดเพื่อเพิ่มแรงกดในด้านหลังตัวรถเวลาขับเร็วหรือทางไกลๆได้ดี และเพิ่มความสวยงามได้ดีขึ้นมาก อารมณ์แบบรถยนต์ Sport ในหลายๆค่ายที่จะเป็นระบบยกขึ้นมาเมื่อขับความเร็วสูงและสามารถซ่อนเนียนไปกับตัวรถได้ด้วย ช่วยในการขับขี่ได้ดีเกาะถนนได้มากขึ้นและกดท้ายให้อยู่กับถนนได้มากขึ้นด้วยครับถือว่าเป็นจุดที่แตกต่างกับตัวอื่นๆในส่วนนี้ และมีลูกเล่นให้ใช้งานกัน ส่วนหลังคาตัวรถนั้นเป็นแบบ Panoramic Sunroof แน่นอนว่ารองรับการใช้งานระบบไฟฟ้าทั้งหมดและเมื่อเปิดนั้นกระจกจะเลื่อนออกไปนอกหลังคาตัวรถและมีที่บังฝุ่นลมมาให้

ไฟหน้ามาพร้อมกับ MATRIX LED ที่รองรับการใช้งานในการหลบรถยนต์คันข้างหน้า รวมถึงไฟหน้าจะไม่แยงตาคันข้างหน้าแม้เราจะเปิดไฟสูงก็ตาม และทางด้านไฟนั้นมาพร้อมกับไฟที่จะเน้นส่องสว่างด้านข้างเพิ่มเติม ไฟหน้า HD Matrix พร้อม Animation Light Effect Staging เวลาปลดล็อค  ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam และ ไฟ Daytime Running Light แบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าที่เป็นแบบไฟเลี้ยววิ่ง ดีไซน์งานออกแบบสวยงาม และตำแหน่งไฟเลี้ยวจะเป็นตัวเดียวกับ DRL ส่วนตัวไฟมาพร้อมกับระบบล้างไฟหน้าเช่นเดิมครับทางด้านไฟท้ายนั้นเป็นไฟท้ายที่เป็นงานออกแบบต่อเนื่องยาวไปจนถึงทั้ง 2 ข้างเป็น LED พร้อมกับไฟเลี้ยววิ่ง รวมถึงไฟเบรค ดวงที่ 3 ในด้านบน และไฟตัดหมอกด้านหลังตรงกลาง ที่มีความสว่างพอสมควรเลยทีเดียวครับ

ตัวรถยามค่ำคืนนั้นมีแสงสีสวยงามแน่นอนว่าทั้งเรื่องของไฟทั้งหน้าและหลังมีความโดดเด่นในการออกแบบและใช้งานจริงก็สามารถส่องสว่างได้ดี ในหลายๆสภาพอากาศช่วงที่ทดลองนั้นเจอฝาตกหนักพายุเข้าเต็มๆแต่ตัวไฟหน้านั้นรองรับได้ดีกว่าที่คิดแม้จะเจอฝนหนักในเวลากลางคืนทั้งเรื่องของความเข้มแสง และระยะการมองของตัวไฟ รวมถึงการกินขอบข้างๆตัวไฟหน้า ส่วนทางด้านท้ายรถ เส้นสายไฟท้ายสวยงามต่อเนื่องยาวซ้ายขวา ทำให้ตัวรถดูแบนมากขึ้น และทางด้านไฟเลี้ยว ตรงกระจกมองข้างของตัวรถก็ยังคงใส่เข้ามาให้ใช้งานเช่นกัน

ไฟหน้าไฟท้ายยามค่ำคืนในหลายๆมุมมองนั้นถือว่ามีความโดดเด่นในการใช้งานจริงเวลาเลี้ยวก็จะมีไฟส่องด้านข้างเสริมเข้ามาให้ด้วยทำให้มองเห็นรอบข้างไดัชัดเจนมากขึ้น รวมถึงเมื่ออยู่ในมุมมองคนนั่งตัวไฟก็จัดระยะได้ดีพอสมควรครับ และเส้น CUTOFF ของตัวไฟก็คมกำลังดี และพื้นที่เหนือแสงไฟก็ยังพอเห็นไม่ได้มืดสนิทซะทีเดียวครับ

เวลาปลดล็อคนั้นเราสามารถกดปุ่มบนรีโมท หรือ แค่เอื้อมมือเข้าไปในมือจับตัวรถก็จะปลดล็อคได้เลย และที่เด่นๆคือในเรื่องของการปลดล็อคนั้นจะมี Animation ที่สวยงามเวลาปลดล็อคทั้งหน้าและหลังสวยงามและเมื่อปลดล็อค ไฟในรถจะติด รวมถึงไฟส่องตรงมือจับทั้ง 4 ประตู รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายก็จะติดเพื่อส่องสว่างพื้นที่รอบๆตัวรถได้ด้วยนั้นเอง เมื่อเปิดประตูไฟส่องตามประตูนั้นก็ถือว่าสว่างพอสมควรจะมีไฟตรงขอบประตูให้รถคันข้างหลังเห็นได้ด้วย

INTERIOR

ภายในของ AUDI นั้นถือว่าเป็นค่ายที่ทำออกมาได้ดีอันดับต้นๆในเรื่องของงานออกแบบ วัสดุ ความเนียนในการประกอบชิ้นงานและผิวสัมผัสของตัววัสดุทั้งหมดเป็นค่ายที่ใส่ใจมากจริงๆครับคุณภาพที่โดดเด่นกว่าค่ายอื่นแบบรู้สึกได้เลยแหละ อีกทั้งงานออกแบบได้มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนเข้าสู่ยุคใหม่เป็นหน้าจอสัมผัสทั้งหมดในการสั่งงาน การควบคุมแอร์รวมถึงการใช้งานทุกอย่างในรถเป็นหน้าจอสัมผัสทั้งหมดแล้วด้วยถือว่าล้ำอย่างมาก อีกทั้งการออกแบบเน้นเส้นสายสีเงิน ตัดดำเงา พร้อมกับหนังแท้ หนังกลับทั้งหมดในทุกๆส่วนของตัวรถที่จัดเต็มทำให้ภายในมีความพรีเมี่ยมจัดเต็มและยังคงมีการเล่นแสงสีสวยงามในยามค่ำคืนเป็นอีกค่ายที่ทำภายในได้ดูล้ำและยังคงมีคุณภาพที่ดี

กุญแจได้ทรงใหม่พร้อมกับงานออกแบบที่เป็นแบบใหม่สีดำเงาตัดกับสีเงินทั้งหมดครับ มีปุ่ม ล็อครถ เปิดฝาท้าย และ ปลดล็อคแต่เอาเข้าจริงๆนั้นการที่เราจะหยิบกุญแจมากดนั้นต้องบอกว่าน้อยมากๆเพราะตั้งแต่ที่ขับมาไม่เคยที่จะต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าตัวรถนั้นมีระบบ Smart Entry ทั้งการปลดล็อคที่แค่เอื้อมมือเข้าไป หรือว่าจะเป็นการเปิดฝาท้ายแบบเตะเปิด รวมถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์แบบกดปุ่มทำให้ไม่ต้องใช้กุญแจเลย

บรรยากาศภายในห้องโดยสารนั้นเป็นโทนสีดำทั้งหมดพร้อมกับงานออกแบบที่เข้าไปกับตัวรถได้ดี ไม่มีการเล่นลายไม้อะไรแต่จะเป็นสีดำเงา ตัดสีเงินทั้งหมดเป็นแนวทางของค่ายได้แบบชัดเจน มีความสวยทันสมันได้ดีมากๆมุมมองจากผู้ที่นั่งเบาะแถว 2 หรือผู้โดยสารนั้นเราจะเห็นว่ามีความโปร่งโล่งอยู่พอสมควรเลยแหละแม้ตัวรถนั้นจะเป็นแนว Sportback ก็ตามหลังคาลาด แต่พื้นที่นั่งด้านหลังตอบโจทย์เหมาะสำหรับผู้บริหารได้ดี มีพื้นที่วางขาได้สบาย มีแอร์มาให้ครบ ตรงเสา B และ คอนโซลกลางพร้อมกับ ระบบไฟฟ้าควบคุมสัมผัสแอร์ตอนหลัง และมีหลังคากระจกใส่เข้ามาให้ด้วยทำให้มุมมองในการนั่งไม่อึดอัด และนั่งได้สบายๆ 3-4 คนได้เลยหรือจะนั่ง 2 คนก็มีที่วางแขนมาให้ส่วนมุมมองในการขับขี่นั้นจะค่อนข้างเตี้ยกว่า Sedan ทั่วไปแบบชัดเจนจะออกไปในทางรถสปอร์ตที่นั่งจมนิดหน่อย แต่มุมมองการขับขี่ไม่มีปัญหา แต่จะติดแค่เรื่องของการขับในเมืองด้วยขนาดของตัวรถใหญ่อาจจะต้องปรับตัวกัน

พวงมาลัยนั้นยังคงเป็นหน้าตาที่คุ้นเคยกันดีสำหรับพวงมาลัย S-line ของค่ายที่มาพร้อมกับพวงมาลัยขอบตัดและวัสดุหนังแบบเจาะรูรวมถึงการออกแบบสีเงิน ดำเงารอบๆตัวควบคุมสั่งงานทั้งหลาย และโลโก้ตรงกลางพร้อมกับทรงพวงมาลัยที่สวยงาม และกรอบล้อมรอบที่ทรงเดียวกับกระจังหน้าของค่ายเลยแหละ ทางด้านปุ่มสั่งงานนั้นใช้งานได้ง่ายครบไม่ยุ่งยาก แต่ขอบ่นในเรื่องของการควบคุม Cruise Control นั้นน่าเสียดายว่าใช้แบบก้านแยก ซึ่งใช้งานไม่ถนัดเท่ารุ่นอื่นๆที่ย้ายมาตรงพวงมาลัยแล้วนั้นเอง และไม่มี Adaptive Cruise Control มาให้เลยแม้แต่น้อย ส่วนทางด้านหน้าปัดอันนี้ให้ Virtual Cockpit 12.3 นิ้วจัดเต็มเปลี่ยนแปลงงานออกแบบได้ ดูแผนที่แบบเต็มได้

หน้าจอหลักตรงกลางนั้นรองรับการใช้งาน Apple Carplay และ Android Autoพ พร้อมใช้งานแบบสายครับรองรับระบบสัมผัสได้ทันที และใช้งานการตั้งค่าตัวรถอะไรได้ทั้งหมด หน้าตา UI ใช้งานได้ดีและทันสมัยพอสมควรทางด้านขอล่างนั้นจะควบคุมแอร์ พัดลม เปิดปิด หรือจะเป็นการเปิดปิดหน้าจอต่างๆและปรับอากาศทั้งหมดเลย และมีระบบสั่นตอบสนอง Haptic เหมือนกดปุ่มจริงๆถือว่าจุดนี้เป็นส่วนที่ทำได้ดีและล้ำเอาเรื่องเลย ตัวเกียร์นั้นเป็นแบบสั้นๆ ควบคุมแบบ Joystick ครับดันแล้วก็ขยับกลับเข้าที่เดิมเป็นไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงการจอดก็แค่เข้าเกียร์ P กดลงไปเท่านั้น และเบรคมือไฟฟ้า เบรคมือ ออโต้ก็ยังคงใส่เข้ามาให้ และที่วางแก้วน้ำให้มาข้างๆเกียร์ครับสำหรับรุ่นนี้

พื้นที่ภายในห้องโดยสารตอนหน้าหรือคู่หน้านั้นตัวเบาะอาจจะไม่ได้ใช้งาน Bucket Seat อะไรเพราะด้วยตัวรถนั้นยังคงเป็นแนวผู้บริหาร สายพรีเมี่ยมอยู่ด้วยแต่ก็มีความโอบกระชับได้ดีในปีกด้านข้างและตัวเบาะที่รองขาอะไรปรับได้ทั้งหมด รวมถึงมีโลโก้ S line ใส่เข้ามาให้ด้วยพื้นที่นั่งการขึ้นลงอาจจะต่ำไปนิดหน่อยถ้าเทียบกับ A8 พวกนั้น ก็เป็นที่แนวรถนั้นจะค่อนข้างมาในทรงสปอร์ตนั้นเองแต่ตัวเบาะนั้นนิ่มกำลังดีและนั่งสบายแม้จะขับทางไกลจุดนี้ถือว่ค่อนข้างชอบพื้นที่ Headroom ใช้งานได้ดี เหลือเฟือในการขับขี่แม้จะสูง 180 แบบแอดมินเองก็ตามครับ อีกทั้งตัวเบาะมี Welcome Seat ถอยและยกพวงมาลัยขึ้นเวลาลงจากรถให้ด้วยถือว่านั่งสบายมากขึ้นรับกับพวงมาลัยตัดขอบ ส่วนทางด้านประตูนั้นเป็นกระจกแบบไร้กรอบทำให้เปิดประตูแบบรถยนต์สปอร์ตได้ดี เปิดกระจกลงสุดจะไม่มีขอบประตูมาขวางเลยแม้แต่น้อยครับ แต่แอบเสียดายว่าไม่มีระบบประตูดูดไฟฟ้าอะไรใส่เข้ามาให้ในรุ่น A7 55 นี้

เบาะนั่งในด้านหลังนั้นเห็นหลังคาลาดๆแบบนี้แต่ก็นั่งสบายมีพื้นที่ทั้ง Headroom Legroom ได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะมากแน่นอนว่าด้วยฐานล้อที่มีความยาวก็ส่งผลในเรื่องนี้ด้วยอีกทั้งส่งผลให้พื้นที่ห้องเก็บของทำได้ดีด้วยเช่นกันเบาะนั่งด้านหลังมีความเอียงกำลังดีและรองรับกับต้นขาได้ดีด้วยเช่นกันส่วนตัวค่อนข้างชอบเลยแหละ พร้อมกับแอร์ตอนหลัง 4 ตำแหน่งและควบคุมผ่านระบบสัมผัสทั้งพัดลม และ อุณหภูมิมีที่วางแก้วที่วางแขนมาให้ครบตำแหน่งพร้อมใช้งานไม่ต่ำมากเกินไป แต่แอบเสียดายม่านบังแดดในด้านหลัง หรือ ในด้านข้างไม่มีใส่เข้ามาให้เลยในรุ่นนี้ครับ

ห้องสัมภาระคันนี้สามารถจุได้ 535 ลิตร และเมื่อพับเบาะไปนั้นทำได้ 1,390 ลิตรครับ และมีที่บังสัมภาระมาให้รวมถึงรองรับการใช้งาน ระบบไฟฟ้า และ สามารถเตะเพื่อเปิดฝาท้ายได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงสามารถกำหนดความสูงได้ล็อคได้ว่าจะได้ประมาณไหนเพราะว่าหลังคาแบบนี้เมื่อเปิดแล้วจะยกทั้งกระจกหลังไปด้วยทำให้มีความใหญ่และกินพื้นที่พอสมควรเลยแหละ แต่การยกของขึ้นลงก็ทำได้ง่ายมากกว่ารถเก๋งทั่วไปแบบชัดเจนเลยทีเดียวสำหรับตัวนี้ครับ

พื้นที่ภายในห้องโดยสารในเวลากลางคืนนั้นมีความโดดเด่นมากขึ้นด้วยไฟ Ambient Light  2 โซนปรับอิสระทั้งหมดแยกกันชัดเจนสามารถตั้งค่าอะไรได้สวยงาม สีแดง น้ำเงินแยกกันครับทำให้ภายในของรุ่นนี้ยามค่ำคืนสวยงามและมีลูกเล่นไม่ต่างกับค่ายอื่นๆเลย อีกทั้งไม่รบกวนสายตาเวลาขับขี่ด้วยในตำแหน่งที่ให้มาและความสว่างกำลังดี พร้อมกับไฟส่องเท่าและหลายๆต่ำแหน่งรอบคันครับ ส่วนเมื่อเปิดไฟในห้องโดยสารนั้นจะเป็นสีขาวทั้งหมด

บรรยากาศในห้องเวลากลางคืนนั้นถือว่ามีความโดดเด่นจริงๆนอกเหนือจากมุมตรงนั้นเราจะเห็นว่ามีเส้นไฟข้างๆตรงคอนโซลกลางด้วยทำให้เวลาขึ้นนั่งรถนั้นก็ถือว่ามีความสวยงามอยู่เหมือนกันให้ความรู้สึกสัมผัสใช้งานได้พรีเมี่ยมมากขึ้น ส่วนไฟส่องเท้า หรือ ไฟตรงขอบประตูนั้นมีมาให้ใช้งานครบ พร้อมกับเขียน S-line มาให้ตรงขอบประตูรวมถึงในที่นั่งด้านหลังเองนั้นก็มีไฟส่องเท้าตรงคู่หลังมาให้ด้วยพร้อมกับไฟ Ambient Light ใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกัน

รายละเอียดเล็กๆน้อยในรุ่นนี้ก็ถือว่าใส่ใจได้ดีทั้งเรื่องของไฟตรงขอบประตู ไฟตรงคอนโซลหน้าที่มีเขียนว่า QUATTRO ระบบขับสี่จุดเด่นของค่ายพร้อมกับสามารถปรับแต่งสีได้เยอะแยะมากมายเลยทีเดียวอีกทั้งปรับแต่งสีได้หลายเฉดสีตาใจชอบแยกอิสระ 2 โซนเลยนั้นเองครับสำหรับภายในคันนี้ ส่วนตำแหน่งการออกแบบในการเอื้อมมืออะไรนั้นไม่มีปัญหาเพราะว่าคอนโซลนั้นเอียงเข้าหาผู้ใช้งานอยู่เหมือนกันและระบบสัมผัสอาจจะต้องปรับตัวกันบ้างแต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากแบบที่คิด และการที่มีระบบสั่นตอบสนองเวลาลงน้ำหนักทำให้การใช้งานนั้นสัมผัสได้ว่ากดสั่งงานไปแล้วนั้นเอง ถือว่าเป็นไม่กี่ค่ายที่ใส่ระบบสั่น Haptic เข้ามาช่วยในการสั่งงานต่างๆของทางค่ายนี้ด้วยเช่นกันครับ

CONSUMTION 

อัตราสิ้นเปลืองนั้นเท่าที่ทางทีมงานได้ทดสอบทั้งการขับขี่ในเมืองเจอรถติด รวมไปถึงการใช้งานต่างจังหวัดโดยเปิด Dynamic Mode และ Sport ในส่วนของเกียร์และเน้นขับแบบเท้าหนักมากๆนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าที่คิดไว้ครับแน่นอนว่าตัวนี้เป็นรุ่นที่เครื่องยนต์ V6 3.0 ตัวแรงเลยแหละ และทดสอบนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ดี สามารถ ใช้งานในเมืองทั่วไป รถติดบ้างโหมดปกติ AUTO ครับสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ที่ 12 กิโล/ลิตร และถ้าหากใช้งานนอกเมืองในโหมดปกติจะได้ประมาณ 15 กิโล/ลิตรครับ ในแบบการขับขี่ทั่วไปไม่ได้เร่งแซงหรืออัดหนักๆอะไรเท่าไรครับ แต่ถ้าทดสอบแบบสุดโหดขับเร็วและอัดไปเยอะๆนั้นจะได้ประมาณ 10 กิโล/ลิตรครับ แน่นอนว่าอันนี้ทดสอบโดยการคำนวณแบบเต็มถังทั้งหมดและจับระยะทางและลิตรที่ใช้ไปนะครับเอาจริงๆถือว่าประหยัดเอาเรื่องอยู่เหมือนกันในการใช้งานจริงๆถ้าขับแบบทั่วไปก็ถือว่าสบายๆเลยและอัตราเร่งนั้นไม่ธรรมดา 0-100 แค่ 5 วิเท่านั้นในการทดสอบถือว่าเอาเรื่องเลยทีเดียว และในการขับขี่โหมด Dynamic นั้นทำให้ตัวรถพุ่งได้ทันใจมากๆ

ENGINE

ในรุ่นนี้จะเป็นรหัส 55 TFSI แน่นอนว่าเป็นตัวแรงของทางค่ายครับมาพร้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,995 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ พร้อมกับกำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,400 รอบ/นาที และ แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,370 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ S-Tronic และใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro with ultra technology พร้อมติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (BAS) 48V (Mild Hybrid : MHEV) และ แบตเตอรี่ Lithium-ion เพื่อช่วยในการออกตัว และ ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แน่นอนว่าในเรื่องของอัตราเร่งนั้นสบายๆในการขับขี่ทั่วไปทั้งโหมด Dynamic ก็สามารถทำความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 5.2 วิโดยประมาณเท่านั้นแถมยังมีเกียร์ Sport ให้เล่น รวมถึง Paddle Shift สำหรับการ + – เกียร์ในการใช้งานได้ด้วย ทางด้านอัตราเร่งเมื่อเทียบกับเพื่อนในเรทราคานี้บอกเลยว่าไม่ได้ด้อยกว่า แต่ด้วยสไตล์การเซ็ทอะไรมานั้นทำให้เรื่องจะไม่ค่อยได้ยินเสียงเครื่อง หรือ หลังติดเบาะแบบดึงดุอะไรมากนัก แต่จะเป็นแนวพ่อบ้านแบบเรียบๆเนี๊ยบๆแต่ก็ แรงไป 160 ได้แบบไม่รู้ตัว คนนั่งข้างหลังก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก รวมถึงสไตล์ของตัวรถเองนั้นไม่ได้ ดุดันแบบพวก CLS53 แบบนั้นแต่ถ้าหากถามความมั่นใจการขับขี่ AUDI กลับทำได้ดีกว่า แต่ความดุดันนั้นอาจจะเป็นรองในแง่ของเสียงเครื่อง การเซ็ทพวงมาลัย รวมถึงการมุดอะไรพวกนั้น AUDI จะเป็นแนวผู้ดีมากกว่า แต่ถ้าช่วงล่างในการขับขี่ทั่วไปในความเร็วสูง ระบบขับเคลื่อน รวมถึงช่วงล่าง AUDI กลับมีความมั่นใจมากกว่าแบบชัดเจนเลย

ถ้าในมุมมองของตัวรถ พวงมาลัยคันนี้เซ็ทมาได้กำลังดีในการขับขี่ทางไกล และ ในเมืองมีน้ำหนักความคมแบบผู้ดี ไม่ได้เป็นแนวสปอร์ตมากนัก พอมุดได้แต่ก็ไม่ได้มุดสนุก ถือว่าเซ็ทมาตามสไตล์ของตัวรถได้ดีครับ ในการขับขี่ทางไกล เปลี่ยนเลน โยกเลนนั้นทำได้แม่นยำรวมถึงการเข้าโค้ง ต้องบอกว่าเซ็ทมาเน้นความนิ่ง ความแม่น แต่จะไม่ได้เป็นสไตล์แบบ มุด สนุก อะไรแนวนั้นเท่าไร เป็นการเซ็ทมากำลังดีถ้าเรามองเทียบกับรูปทรง ขนาดและสไตล์ของรถ

ช่วงล่าง AUDI อันนี้กล้าพูดว่าทุกกครั้งที่ได้ลองแบรนด์นี้ยังไม่เจอตัวไหนให้เราต้องบ่นในเรื่องของช่วงล่าง การขับขี่เลยแม้แต่น้อย AUDI ทำรถออกมาการควบคุมช่วงล่างอะไรได้ลงตัว ในความเร็วสูง หรือ ความเร็วต่ำก็ตามครับช่วงล่างสามารถขับความเร็วสูง 160+ ได้แบบนิ่งจนน่าตกใจไม่มีอาการยวบยาบ หรือโยนเลยแม้แต่น้อยแม้จะเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงก็ตาม ทำงานร่วมกันกับระบบขับเคลื่อน QUATTRO ได้ดีจนน่าตกใจเมื่อเทียบกับขนาดของตัวรถ แต่สามารถเปลี่ยนเลน และเข้าโค้งได้โดยไม่รู้สึกเลยว่าตัวรถนั้นมีความใหญ่ ยาวถึง 5 เมตรแบบนี้จะขับได้สนุกและคล่องแบบนี้ รวมถึงสามารถควบคุมได้ดีจนน่าตกใจทั้งในสภาพอากาศแห้ง หรือ พายุเข้าก็ยังเอาอยู่จริงๆครับ

การเก็บเสียงของตัวรถนั้นทำได้ดีจนเราไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์พละกำลัง V6 เท่าไรรวมถึงเสียงท่ออะไรก็ค่อนข้างเงียบธรรมดาพอสมควร เก็บเสียงจนแอบไม่เร้าใจเท่าที่คิดไว้แม้ กำลังของมันจะจัดจ้านแบบนี้ก็ตามเป็นรถผู้บริหารชั้นดีเลยจริงๆ การเก็บเสียงเครื่อง เสียงรอยต่อถนน หรือจะเป็นเสียงลม และยางทำได้ดีแบบไม่มีจุดให้บ่น อีกทั้งรูปทรงของตัวรถนั้นยังมีความลู่ลมและส่งผลให้การเก็บเสียงอะไรทำได้ดีขึ้นไปอีกและคุณภาพวัสดุซับเสียงทำได้ดีมากๆ

AUDI A7 SPORTBACK 55 TFSI 

” AUDI ยังทำได้ดี ขับสนุก ช่วงล่างมั่นใจได้ และระบบขับสี่ที่หาคู่แข่งเทียบได้ยากจริงๆ “

ยังคงเป็นรถยนต์ที่ขับสนุก ช่วงล่างดีเสมอสำหรับค่าย 4 ห่วงเท่าที่ทดสอบมานั้นค่ายนี้จะโดดเด่นอย่างมากในเรื่องของการขับขี่ ทั้งระบบขับเคลื่อน QUATTRO และช่วงล่างที่เซ็ทมาดี รวมถึงการกระจายน้ำหนัก การควบคุมตัวรถในหลากหลายย่านความเร็วที่ทำได้ดีเกินหน้าตาคู่แข่งเรทนี้ด้วยกันจริงๆ อันนี้ขอชมและยังประทับใจเสมอ รวมถึงอัตราเร่งที่จัดจ้านพอตัวในการออกตัว ในการขับขี่ ตีนต้น หรือ ตีนปลายก็ยังสบายๆเลยในขุมพลังตัวนี้ และการควบคุมถือว่าเอาอยู่เสมอในการใช้งานจริง และแน่นอนว่างานออกแบบทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆมีเอกลักษณ์ของตัวเองชัดเจน ดีไซน์เด่น เส้นสายคมสวยงามและไฟหน้า ไฟท้ายที่โดดเด่นบนท้องถนนอย่างมากทำให้ค่ายนี้ เหมาะกับคนที่ชอบการขับขี่มากกว่านั่งข้างหลังจริงๆครับ แต่ก็มีเรื่องน่าเสียดายนิดหน่อยเนื่องจากเป็นตัวนำเข้า เยอรมันทั้งคัน อาจจะทำให้ราคานั้นต้องทำราคาให้จับต้องได้ง่าย ทำให้ค่ายต้องเอาออพชั่น ช่วยเหลือความปลอดภัย เช่น แจ้งเตือนมุมบอด ระบบเบรคอัตโนมัติ หรือ Adaptive Cruise Control ออกไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งเลยทำให้มันโล้นๆไปพอสมควร ก็ต้องดูกันว่าจะเน้นในแง่ของ ออพชั่น หรือ เน้นการขับขี่มากๆ เพราะถ้าเน้นเรื่องการขับขี่อย่างแท้จริง ค่ายนี้ทำได้ดี

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้รีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget