AUDI มีการลุยตลาดกันแบบจัดเต็มมากๆถ้ามองเทียบกับจำนวนรุ่นที่ขายในไทยถือว่าเยอะมากๆ และเปิดตัวกันแบบรัวๆอย่างต่อเนื่อง และถ้ามองใน PHEV ที่เริ่มจะมาลุยหรือทดแทน ดีเซลกันเยอะมากขึ้นแล้วด้วยเช่นกัน ทำให้ AUDI เองก็หันมาลุยกันแบบเน้นๆทั้ง AUDI Q7 Q8 และจนมาถึง Q5 ทำให้พละกำลังแรงขึ้นมาอยู่ในราคาที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงความโดดเด่นของ AUDI เองนั้นยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องในเรื่องของช่วงล่าง การขับขี่ และการที่รถนำเข้าแบบเยอรมันทั้งคันเมื่อเทียบกับคู่แข่งทำให้หลายๆคนที่ชอบการขับขี่เองก็จะเน้นค่ายนี้เป็นพิเศษด้วยเช่นกัน

AUDI Q5 PHEV ตัวนี้ในรหัส 55 TFSIe เป็นรุ่น S-Line Black Edition ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นสูงสุดของตัวถัง SUV และ นอกเหนือจากนี้มีตัวถัง Sportback มาให้เลือกด้วยเช่นกันครับ มาพร้อมกับสเปกเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ + Turbo Charger  265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร + มอเตอร์ไฟฟ้า 143 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร พร้อมแบต Lithuim-ion 17.9 kWh 8 module จับคู่เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro และ เมื่อทำงานรวมกัน ให้แรงม้าสูงสุด 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่งผมขอชม AUDI ว่าตัวเลขแรงม้านั้นคือการคำนวณลงล้อจริงๆ ไม่ใช่แค่เอาเลขมาบวกกัน ทำให้เราไว้ใจเรื่องสเปกและแรงม้าจริงได้เลย สามารถทำ 0-100 ภายใน 5.3 วินาที รองรับ ความเร็วสูงสุด 239 กิโลเมตร/ชั่วโมง และการชาร์จไฟรองรับ AC อย่างเดียว 7 kw เต็มภายใน 2 ชม. 30 นาที รองรับระยะการขับขี่ได้สูงสุด 54.3 กิโลเมตร WLTP นั้นเองครับ ทางด้านสเปกอื่นๆจัดมาให้ตามเหมาะสม มี Blind Spot มาให้ด้วยในรุ่นที่ขายปีหน้า แต่ราคาอาจจะมีการปรับเปลี่ยนครับ ส่วน เครื่องเสียง Bang Olufsen 3D ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ไฟหน้าแบบ MATRIX LED ให้มาครบ พร้อมการตกแต่งธีมสีดำแบบ Black Edition รอบคันในรุ่นท็อป รวมถึงกระจังหน้า ล้อ แตกต่างกันทั้งนั้นเองครับ แต่น่าเสียดายว่าถ้าอยากได้หลังคากระจกเราต้องไปดูในรุ่น Sportback หรือตัวหลังคาลาดเท่านั้นถึงจะมีให้ใช้งานนะ

  • Q5 55 TFSI e quattro S line : ราคา 3,599,000 บาท
  • Q5 55 TFSI e quattro S line Black Edition : ราคา 3,950,000 บาท รุ่นที่รีวิว สเปกปี 2022

EXTERIOR

งานออกแบบภายนอกเองนั้นต้องยอมรับเลยว่า AUDI Q5 ที่เราเห็นนี้เป็นเจนที่ขายมานานมากๆแล้วทำให้เส้นสายบอดี้ถ้ามองเทียบกับเจนใหม่ๆถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่เยอะเช่นกัน แต่ถ้ามองความสวย เท่ และ ดุดันกลับทำได้ดีกว่าหลายๆตัวของคู่แข่ง แม้บอดี้จะออกมานานแล้วก็ตามครับ เส้นสายสวยและคมชัดผสมกับสีน้ำเงิน Ultra Blue (เฉพาะรุ่น Black Edition) ที่ให้มาเท่านั้น และ ตัวรถมาในขนาด ยาว 4,682 มม. กว้าง 1,893 มม. ความสูง  1,662 มม. รวมถึงฐานล้อยาว 2,819 มม. ถือว่าสัดส่วนขนาดกำลังดีในรถไซซ์กลาง SUV แบบนี้ แต่ที่ชอบคือสีน้ำเงินที่เด่น สดมากๆเมื่อเจอแสง และ ตัดกับสีแดงที่เบรก และ สีดำรอบคันทำให้เป็น SUV ที่ดูวัยรุ่นที่สุดในตลาด

ถ้าอยากหารถยนต์ SUV ที่โดดเด่นบนท้องถนนในระดับราคาเดียวกัน หรือเทียบกับตรงๆแบบ GLC , X3 ส่วนตัวผมมองว่า AUDI Q5 เป็นรถที่เส้นสายหวือหวา สวยคม และ โดดเด่นที่สุดในบรรดาคู่แข่งทั้งหมด ไม่เป็นรถครอบครัว รถบ้านมากเกินไป แต่กลับกลายเป็นรถที่วัยรุ่นมากที่สุดถ้าซื้อขับเอง วัยรุ่นหน่อยคันนี้เท่สุดพร้อมกับเส้นสายด้านข้างชัดเจน ทั้งบนและล่าง พร้อมกับล้อใหญ่ 20 นิ้วสีดำเบรกแดง คือสวยจบแล้วนั้นเอง จะเห็นว่าตัวรถมองด้านข้างมันไม่ได้ใหญ่เกะกะอะไรขนาดนั้น ท้ายรถดูสั้นกระชับมากๆเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ และในด้านท้ายเอกลักษณ์ของAUDI ยังมาให้ครบทั้งหมด และไฟท้าย 2 ชุดที่ AUDI ชอบใช้งานก็ใส่เข้ามาให้เช่นกัน เสริมด้วยชุด S-Line Black หมด

เมื่อไฟท้ายติดทั้งหมดเราจะเห็นว่าไฟชุดล่างจะทำงานแค่ไฟถอย เพราะว่าเป็นไฟหลักเวลาเราเปิดฝาท้ายขึ้นไปเท่านั้นและตัดหมอกหลัง ส่วนไฟหลักทั้งไฟเลี้ยว และ ไฟเบรก ไฟหรี่จะอยู่โคมข้างบนทั้งหมดด้านท้ายเสริมสีดำแบ่งเส้นสายชัดเจนแนวบนล่าง ส่วนด้านหน้า กระจังหน้า 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่โตเอกลักษณ์ของค่ายพร้อมรังผึ้งขนาดใหญ่เสริมเข้ามา และที่ล้างไฟหน้าต่างๆมาให้ครบแต่ไม่มีไฟตัดหมอกอะไรใส่เข้ามา เป็นไม่กี่ค่ายที่ทำกระจังหน้าใหญ่ได้สวย

ทางด้านล้อให้มาในขนาด 20 นิ้วเบรกสีแดงพร้อมกับโทนสีดำตัดสลับกับสีเงินเป็นล้อที่สวยตัวนึงพร้อมกับช่วงล่างที่ครั้งนี้จะไม่สามารถปรับไฟฟ้าอะไรได้แล้วเป็นแบบมาตรฐาน อิสระ ความแข็งอ่อนคงที่ครับ แตกต่างกับรุ่นก่อนๆหน้าส่วนความสูงกำลังดีไม่เตี้ยเกินไป พร้อมกับไฟหน้าแบบ MATRIX LED ที่รองรับการใช้งานได้อิสระไฟสูงแบ่งช่องหลบหลีกครบ FULL LED ทั้งหมด DRL ดีไซน์ใหม่เป็นไฟเลี้ยวในตัว พร้อมที่ล้างไฟหน้าถือว่าไฟหน้าค่ายนี้ไว้ใจได้เลยครับใช้งานจริง สว่างและจับรถคันข้างหน้าได้ ส่วนไฟท้ายดีไซน์แบบ LED แบ่งชิ้นคล้าย OLED ในตัว TT RS

พร้อมไฟท้ายชุดที่ 2 ในด้านล่างส่วนใหญ่เป็นหลอดไส้ทั้งหมด เพราะไม่ค่อยได้ใช้งานรวมถึงท่อแบบตกแต่งสีดำไม่ใช่ปลายท่อจริง และทางด้านที่ชาร์จจะอยู่ด้านซ้ายด้านหลังของตัวรถแบบ AC หน้าตาพอร์ตคล้าย PORSCHE

INTERIOR

งานออกแบบภายในก็อย่างที่บอกกันไปว่าโมเดลนี้ถ้ามองกันตามจริงนั้นจะออกมาตั้งแต่ปี 2017 และมีการปรับเปลี่ยนงานออกแบบไปหลายรอบทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงในปีล่าสุดเราจะได้หน้าจอสัมผัสแล้วนั้นเองที่ขนาดใหญ่กว่าตอนเจนแรกๆ แต่ค่ายก็ไม่ได้เปลี่ยนเส้นสายงานออกแบบภายในแบบตัว Q7 ที่ยกของยุคใหม่มาใส่ให้ทำให้เราอาจจะได้ดีไซน์หน้าตาที่พาย้อนยุคไปหน่อย อารมณ์แบบ AUDI A5 ตอนนี้นั้นแหละครับ ส่วนที่ชอบคือตำแหน่งการใช้งานนั้นง่ายมาก ปุ่มง่าย และ วัสดุงานออกแบบ ความแน่นในการประกอบคือดีที่สุดในบรรดาคู่แข่ง

ทางด้านพวงมาลัยได้ทรงขอบตัดเท่ๆ S-Line พร้อมกับปุ่มควบคุมครบพร้อมใช้งานและ Paddle Shift สำหรับการเล่น + /- เกียร์สนุกได้เช่นกัน วัสดุความหนากำลังดีเป็นพวงมาลัยที่ทรงยังสวยอยู่พร้อมกับหนังแบบเจาะรู  แบบเดียวกับหัวเกียร์แบบล่าสุดที่ทรงสวยและใช้งานได้ง่าย เบรกมือไฟฟ้าอะไรมาให้ครบตกแต่ง Piano Black ทั้งหมด ส่วนการควบคุมแอร์นั้นเป็นแบบเดิมคลาสสิกแบบเดียวกับ A5 แยกซ้ายขวา และ หลัง 3 Zone ทั้งหมดใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องมองปุ่มเวลาปรับ และด้านล่างการปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ EV ต่างๆอยู่แถบล่างทั้งหมด และ USB-A เสียบสายเชื่อมต่อ Apple Carplay ต่างๆครบ พร้อมกับปุ่มสตาร์ตอยู่ในด้านขวาล่างของคอนโซลรถนั้นเองครับเรียบๆ

แน่นอนว่าถ้าเป็นรุ่น Black Edition เราจะได้ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Fine Nappa , เครื่องเสียง Bang Olufsen 3D มาให้ รวมถึง Audi Pre sense Basic ระบบช่วยเหลือต่างๆ และ Exit Warning Rear cross-traffic alert มาให้ ส่วนทางด้านหน้าจอให้มาในระบบ MMI Radio Plus ขนาด 10.1 นิ้ว สัมผัสตอบสนองไว แม้หน้าตาอาจจะแปลกๆเมื่อเทียบกับเส้นสายภายใน แต่ก็เน้นใช้งานได้ดี รวมถึง จอแสดงผลการขับขี่แบบ Virtual Cockpit 12.3 นิ้ว ที่ปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เล็กน้อย เน้นความเรียบง่ายโทนสีเทาแดงขาวดำเหมือนกับรุ่นอื่นๆของค่ายนั้นเอง

ในส่วนคนนั่งด้านหลังถือว่า Legroom เหลือเยอะเอาเรื่องนั่งสบายและเบาะทำได้ดีครับ มีม่านบังแดดหลังมาให้พร้อมใช้งาน รวมถึงแอร์หลังแบบตรงกลางพร้อมกับแยกโซนกับด้านหน้าได้ทั้งหมด รองรับการชาร์จไฟ USB-A มาให้ด้วยเช่นกันรวมถึงแสงสี Ambient Light ให้มาครบในด้านหลังและหน้าสามารถปรับเปลี่ยนสีได้หลากหลาย

DRIVING

การขับขี่ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของ AUDI ในทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นแพงหรือถูกให้อารมณ์เดียวกันทั้งหมดไม่ว่าจะขับหน้าหรือขับ 4 ก็ตามช่วงล่างค่ายนี้ผมกล้าบอกเลยว่าดีกว่าคันอื่นในเรทเดียวกันทุกรุ่นเลยแหละ ถ้าชอบความสนุกนะและใน Q5 PHEV แม้จะปรับไฟฟ้าแบบรุ่นก่อนหน้าไม่ได้แล้วก็ตามแต่เซ็ตมาขับสนุก หนึบ และ สปอร์ต รองรับการเปลี่ยนเลนความเร็วสูงหรือทางไกลได้แบบมั่นใจมาก และรุ่นนี้ขับ 4 ทำให้ในหลายๆสภาพถนนรองรับได้สบาย ไม่กระด้างไม่กระเด้งแบบ Q3 Sportback ซึ่งคันนี้มีความนุ่มซับแรงได้ดีกว่านิดหน่อยครับ แต่คนขับน่าจะชอบมากกว่าคนนั่ง รวมถึงอัตราเร่งเครื่องยนต์ทำได้ไวแม้จะไม่มีไฟก็ตาม และ  0-100 ทดสอบจริงได้ 5.4 วินาทีโหมด Auto และ 80-120 ทำได้ 4.2 วินาที / แต่ถ้าเครื่องล้วน 4.8 วินาที  และทดสอบแรงดึงอัตราเร่งคือดีมากๆในการเร่งแซงไฟฟ้าเข้ามาเสริมได้ดีไม่ค่อยสัมผัสจุดต่างกันเท่าไรนักในการสลับเป็นเครื่องหรือไฟฟ้าครับ และทางเราทดสอบรวมถึงระยะทางขับขี่ไฟฟ้าได้ 50 กิโลเมตรจริงต่อการชาร์จ รวมถึงการเก็บเสียงเป็นรถที่เก็บเสียงได้เงียบมากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งหมด ทั้งเสียงลม เสียงถนนในความเร็วสูงก็ตามเรื่องเก็บเสียงบอกเลยว่าคุณภาพดี อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 13-15 กิโลเมตรต่อลิตรถือว่าทำได้ดีเมื่อเทียบกับพละกำลังและอัตราเร่งที่ใส่เข้ามาให้ในตัว Q5 PHEV

AUDI Q5 PHEV

ดีไซน์วัยรุ่น สปอร์ต การขับขี่โดดเด่น แรง สนุก คุณภาพนำเข้าล้วน  ”

แน่นอนว่าถ้าถามถึง AUDI มันอาจจะไม่ใช่รถกระแสหลักของตลาดในประเทศไทย คนทั่วไปมองแค่ออฟชันกันแล้วในสมัยนี้ แทบจะไม่ค่อยมีใครเน้นการทดสอบ ขับขี่จริงกันเท่าไรนัก แต่ AUDI เค้าโดดเด่นในจุดที่คนทั่วไปอาจจะมองข้ามคือ ความสนุกในการขับขี่ และ ความมั่นใจในการขับขี่รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ดีอันดับต้นๆของบรรดารถยนต์ ถ้าไม่ได้ลองหลายๆคนก็อาจจะไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เราลองให้แล้วบอกเลยว่าประทับใจแน่ๆถ้าได้ลอง ออฟชัน ความหวือหวาดีไซน์ภายใน ระบบช่วยขับอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าคู่แข่ง ถ้ารับกับเรื่องนี้ได้ มันเป็นรถที่คุณภาพดีอันดับต้นๆ และ การขับขี่โดดเด่นช่วงล่างแน่น ดีไซน์ภายนอกดุดันและสปอร์ต ถ้าเป็นคนที่ชอบขับรถยนต์ รักการขับขี่ AUDI สามารถตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้แน่นอนครับ และ ไม่ผิดหวังรวมถึง PHEV ระยะทางทำได้ใกล้ตามสเปกมากๆ อาจจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็ช่วยในเรื่องความประหยัด และ อัตราเร่งในภาพรวมได้น่าสนใจเลยทีเดียวครับ