ถ้ามองในรุ่นที่ขายดีที่สุดของค่าย BMW ในไทยหรือรุ่นที่เราเห็นบนถนนเยอะมากที่สุดอีกคันคงหนีไม่พ้น Series 3 นั่นแหละไม่ว่าจะเป็นเจนไหนๆ รุ่นนี้หลายๆคนมักจะเอามาแต่ง มาซิ่ง หรือ มาขับทั่วไปกันเยอะแยะมากมาย เพราะด้วยขนาด รูปทรง และ ราคา รวมถึงการขับขี่นั้นไม่ธรรมดา รวมถึงการออกแบบของค่ายนี้ที่จะไปทางวัยรุ่นมากกว่าและ เครื่องดีเซลเองนั้นยังคงอยู่ในอันดับต้นๆของความนิยมในไทย เพราะว่าหลายๆคนอาจจะยังกลัวเรื่องไฟฟ้า แบต ปัญหาต่างๆที่อาจจะดูยุ่งยากกว่าถ้าซ่อม หรือ มีปัญหานั้นเอง ทำให้ดีเซลยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและทำยอดได้ และ ตอนนี้มาถึงในรุ่น 320d รหัส G20 ที่เป็นเจนล่าสุดก่อนที่จะปรับเปลี่ยนหน้าตาครั้งใหญ่ ซึ่งครั้งนี้เป็นการ LCI หน้าตาใหม่ทั้งนอก และ ในรถยนต์ รวมถึงเป็นการเปลี่ยนแปลงภายในครั้งใหม่ที่จะได้หน้าจอแบบยาวแล้วเช่นกัน

BMW 320d M Sport LCI นั้นจะมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Sport Steptronic ขับเคลื่อนล้อหลัง และ ตามสเปกสามารถทำ 0-100 ภายใน 6.9 วินาที  และ มาพร้อมกับช่วงล่าง ADAPTIVE M เช่นกันสามารถปรับแข็งอ่อนได้ ส่วนทางด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่มี BSM ต่างๆมาให้ครบพร้อม ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อม Stop&Go (Active cruise control with Stop&Go function) แต่ยังไม่มีกล้องรอบคัน และ รักษารถให้อยู่ในเลนแบบรุ่นพี่ IX3 พวกนั้นครับ แต่ด้วยราคาก็ถือว่าเข้าใจได้ ส่วนในแง่ ระบบ BMW Head-up Display หรือ ระบบช่วยจอดโดยนํารถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) ใส่มาให้ครบรวมถึงไฟหน้าเองก็ใส่ระบบ Adaptive Highbeam หรือไฟหน้าแบบแหวกได้มาครบทั้งหมดแล้ว อีกทั้งภายในเองก็เปลี่ยนยุคใหม่หน้าจอแบบยาว Curved Display ต่างๆ และ สามารถใช้งาน UI ใหม่ BMW Live Cockpit Professional อะไรยุคใหม่หมด หน้าตาแบบ BMW i7 กันเลย รวมถึงเกียร์แบบใหม่ และ ที่ชาร์จไร้สายก็ยังคงใส่เข้ามาให้อยู่นะ

  • BMW 320d M Sport LCI มาพร้อมกับราคา 2,759,000 บาท พร้อม BSI Standard 

EXTERIOR

งานออกแบบภายนอกเองนั้นถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนหน้านั้นเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควรครับ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ายกชุดใหม่ กระจังหน้าใหม่ กันชนใหม่ทั้งหมด รวมถึงตัวล้อลายใหม่ และที่เราเห็นอยู่นี้จะเป็นชุดตกแต่งแบบ M Sport นั้นเองครับ ซึ่งถือว่าสวยงามเอาเรื่องมีความเส้นสายคม เหลี่ยมกว่าเดิมชัดเจน อีกทั้งตัดกับสีเทา Brooklyn Grey ที่เรียกได้ว่าเป็นสียอดนิยมสีหนึ่งในตอนนี้ ซึ่งตัวรถขนาดเองถือว่าค่อนข้างคล่องตัวพร้อมกับความยาว  4,713 มิลลิเมตร และ กว้าง  1,827 มิลลิเมตร รวมถึง สูง  1,444 มิลลิเมตร และมี ระยะฐานล้อ 2,851 มิลลิเมตร และที่เด่นกว่าตัวก่อนจริงๆคือไฟหน้าเองจะได้แบบเต็ม ไม่ใช่ไฟแบบขี้ตาหรือมีแค่ขอบล่างแล้วเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้รถดูสวยขึ้น

สัดส่วนเส้นสายตัวรถอาจจะเป็นจุดหลักๆที่ทำให้หลายๆคนชอบครับ มีความคมชัดเจน และทรงรถมันดูวัยรุ่นไม่แก่เกินไปและยิ่งได้ชุดแต่งแบบ M Sport ยุคใหม่ที่เน้นไปทางสีดำเยอะมากๆทำให้สามารถตัดกับตัวรถได้ชัดเจนขึ้น และเส้นสายมีความตัดเงาแสงได้สวยซึ่งจุดที่แตกต่างอีกจุดที่ชัดคือชุดกันชนด้านหลังที่ปรับให้มีแถบสีดำมากกว่าเดิมและด้วยการที่เป็นรถยนต์ขับหลังบอกเลยว่าสัดส่วนตัวรถ กับ ขนาดประมาณนี้กำลังสนุก แม้จะแค่ 190 แรงม้าก็ตาม

เมื่อมองด้านหน้าตรงเราจะเห็นว่าการออกแบบกระจังหน้าที่ขนาดและสัดส่วนงานออกแบบกำลังดี รุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีกระจังหน้าไม่ได้สูงใหญ่โตอะไร รวมถึงเข้ากับตัวรถได้แบบไม่น่าเกลียด แต่ในรุ่น 320d เองนั้นเราจะได้สีเงินด้านอยู่ครับ อาจจะดูแปลกตาและไม่ดุดันเท่าไร แต่ถ้ารหัส 330e M340i จะได้สีดำเท่ขึ้นเยอะมาก แต่ที่เปลี่ยนชัดเจนและเด่นขึ้นคือชุดกันชนหน้าแบบใหม่ช่องดักลมตกแต่งสีดำใหญ่สะใจ พร้อมกับเส้นสายข้างๆแบบเหลี่ยมสันชัดเจน บอกเลยว่าดุดันขึ้นหลายเท่าตัว อีกทั้งในด้านท้ายก็ได้เส้นสายแบบเดียวดันเสริมมา ตัดขอบเหลี่ยมชัดเจน ใหญ่โตขึ้นและพร้อมกับปลายท่อกลมสีเงิน และ การตกแต่ง Diffuser แบบใหม่ รวมถึงล้อแบบใหม่ขนาด 18 นิ้วกำลังดีในการขับขี่ในเมือง ถนนเมืองไทย และออกแบบลาย 5 ก้านคู่ที่ดีไซน์แปลกตาขึ้น ดูวัยรุ่นและฉีกจากลายเดิมๆของค่ายไป

เมื่อดูดีเทลกระจังหน้าชัดๆจะเห็นว่ามันเป็นสีเงินด้านๆซึ่งเท่และดูดีกว่าแบบโครมเมียมเงาชัดเจนครับ รวมถึงการออกแบบซี่แนวตั้งคู่ และกระจังหน้าแบบใหญ่ขึ้นแต่ขนาดกำลังดีถือว่าลงตัว อีกทั้งยังระบบเปิดปิดช่องดักลมมาให้เช่นกัน แต่น่าเสียดายว่าไม่มีกล้องรอบคันใส่เข้ามาให้ แต่ยังดีที่ใส่ระบบ ACC RADAR ทั้งหลายครับมาให้ รวมถึงเซนเซอร์รอบคันใส่เข้ามาให้ครบเช่นเดิม อีกทั้งโลโก้ครบรอบ 50ปีของ M ก็ยังคงมีในรุ่นที่เรารีวิว ส่วนปลายท่อจริงแบบนี้เรียกได้ว่าหาได้ยากมากในยุคสมัยนี้ แต่ค่ายนี้ยังคงใส่เข้ามาให้ กลมสีเงิน ขนาดกลางๆถือว่า ในยุคท่อหลอก เรายังคงมีท่อจริงๆออกมาให้เห็นอยู่บ้างครับ ส่วนชุดกันชนท้ายแบบใหม่ ไฟทับทิมสีแดงย้ายไปเป็นแนวตั้งแทนแล้วนั้นเอง เส้นสายกล้าที่จะออกแบบมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งในยุคก่อนๆเราอาจจะเห็นการออกแบบเรียบๆแต่ยุคใหม่บอกเลยว่า BMW เขากล้าฉีกแนวทางเดิมของตัวเองไปเยอะครับ

ไฟหน้าไฟท้ายเองเป็นจุดหนึ่งที่มองได้ง่ายว่ามันคือ BMW 3 แต่ไฟท้ายเองนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยแม้แต่น้อยทั้งดีเทล เส้นสายงานออกแบบครับ ยังคงเอกลักษณ์เดิมได้ดีแม้จะมีหลายๆคนแซวกับ HONDA CITY ก็ตาม แต่ในด้านหน้าอันนี้แหละจุดเปลี่ยนชัดเจน ทรงไฟหน้าแบบใหม่ไม่มีรอยหยักอะไรแล้ว เรียบตรง เส้นสายภายในเปลี่ยนใหม่ยกชุด ไฟหน้า DRL แบบเต็มพร้อมกับการเปลี่ยนเป็นตัว L คว่ำแทนตัว U ก่อนหน้านี้และเป็น FULL LED แต่มีการเสริมสีฟ้าเข้ามาครับ ไม่ใช่ Laser Light นะแต่บอกเลยว่าดีเทล การออกแบบสวยกว่าตัวเริ่มต้นในก่อน LCI หลายเท่าตัวครับ รวมถึงติดจริงๆทั้ง 2 ดวง ไม่มีไฟหลอกแบบเจนก่อนหน้าแล้วอันนี้ถือว่าดี รวมถึงเอกลักษณ์ Hofmeister kink ที่ใส่อยู่กับ BMW หลากหลายรุ่นก็ยังคงมีอยู่ชัดเจนใน 320d คันนี้ครับตกแต่งด้วยสีดำทั้งหมด

INTERIOR

BMW เปลี่ยนภายในซะที เป็นคำแรกที่เราเห็นภายในยุคใหม่ๆของค่าย มีหลายๆคนอาจจะชอบแซวว่าไม่ว่าจะนั่งรุ่นไหนก็เหมือนกัน หรือ ใช้งานหน้าตาแบบเดิมมานานมากไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ยุคนี้เขาจัดให้ครับ แม้จะเป็น LCI แต่เปลี่ยนเยอะมาก ยกหน้าจอแนวยาวมาใส่ เปลี่ยนคอนโซลใหม่หมด แถมเปลี่ยนเกียร์ใหม่ด้วย แต่พวงมาลัยขอไว้ก่อนนะ ยังไม่เปลี่ยนให้ครับ ถ้าถามว่าว้าวไหมบอกเลยว่าภาพรวมดูดีขึ้น หวือหวาขึ้นหน้าจอสวยสะใจมากขึ้นกว่าเดิม แต่ปุ่มหายไปเยอะมาก และ สาวกบางคนอาจจะชอบหน้าจอแบบเก่ามากกว่านั้นเอง แต่สำหรับผม ผมชอบแบบนี้นะ

ในรุ่นนี้เราจะได้หน้าจอเป็นแบบ Curved Display 12.3 นิ้ว + 14.9 นิ้ว แนวยาวต่อกันสวยงาม พร้อมกับระบบ UI UX ตัวล่าสุดของ BMW ที่เป็นหน้าตาแบบเดียวกับพวกเรือธง BMW i7 / X7 / iX ทั้งหลาย และก็ได้เกียร์เป็นแบบ Electronic e-Shifter ไม่มีก้านเกียร์เกะกะอะไรอีกต่อไป เป็นเกียร์เขี่ยแทน ที่เป็นคำที่ผมเรียกพวกเกียร์แนวๆนี้ในทุกยี่ห้อนั่นแหละ ส่วนทางด้านพวงมาลัยเองยังคงใช้ของเดิมครับ ไม่ได้เปลี่ยนอะไร ใช้งานง่ายจับถนัดมือ มี Paddle Shift มาให้ในตัว รวมถึงเป็นทรง M Sport แม้ว่าจะไม่มีปาดขอบอะไรก็ตาม แต่วัสดุความแน่นนุ่มยังคงทำได้ดีเช่นเดิมสำหรับค่ายนี้ ส่วนตรงกลางมีที่ชาร์จไร้สายมาให้ ที่วางแก้วครบ และ ปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่ยังคงมีมาให้อยู่นั้นเอง ซึ่งก็ยังดีครับที่ยังมีปุ่มอะไรบ้าง เพราะถ้ายุคใหม่จริงๆพวกนี้จะหายไปหมดแล้วไม่เหลือปุ่มหรือแม้แต่ แป้น iDrive ที่ผมชอบนะ มันสั่งงานหน้าจอไม่ต้องแตะได้ ไม่ต้องละสายตาซึ่งคันนี้ยังคงมีครับของดีที่จะหายไปแล้ว

แต่ที่ชอบคือ BMW OS8 ตัวนี้หน้าตาสวยมากๆ มิติการออกแบบ การเล่นโทนสีและเปลี่ยนตามโหมดคือลงตัวอย่างมากรวมถึงบรรดาแอปต่างๆก็ใช้งานได้ดีเหมือนเดิมโหลดต่างๆได้ และปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลากหลายครับ จากที่ผมเคยบ่นไปว่าหน้าตามันปรับแค่สี แต่ครั้งนี้เขามาเต็มปรับโครงสร้างใหม่ UI สวยมากๆ การจัดเรียงฟอนต์ตัวเลข การแสดงผลคือลงตัว และดูง่าย แถมยังเป็นหน้าตาแบบเดียวกับรุ่นพี่ที่มีความหวือหวาเหมือนกันทั้งหมด

ระบบปรับอากาศจาก Dual Zone เป็นแบบ 3-Zones แล้วในรุ่นนี้ทำให้ด้านหลังเนี่ยก็จะสามารถปรับแอร์ได้ และ พัดลม ความร้อนเย็นอิสระได้สบายๆ แถมยังมีช่องเสียบ USB-C มาให้ครบ ในส่วนเบาะคนนั่งก็มีเมมโมรี่เบาะอะไรพร้อมใช้งานในรุ่นนี้เราจะได้เดินด้ายสีน้ำเงินสวยงามลงตัวครับ แม้จะไม่ใช่ไฟฟ้าก็ตาม ส่วนแสงสีบนรถก็ใส่เข้ามาให้สวยงามปรับแต่งได้กำลังดี แม้จะไม่เยอะมากแต่ก็ไม่รบกวนสายตา รวมถึงตัวหน้าจอก็ปรับเปลี่ยนตามโหมดที่เราเลือกเช่นกัน

TECHNOLOGY 

แน่นอนว่าเทคโนโลยีคันนี้ก็ใส่เข้ามาให้เยอะพอตัวมากกว่ายุคก่อนๆขาดแค่กล้องรอบคันเท่านั้น แต่ในแง่ของ Active Safety ต่างๆเริ่มเข้ามาเยอะขึ้นรอบตัวรถอีกทั้งหน้าจอแบบใหม่ UI แบบใหม่ทำให้การใช้งานรถยนต์รุ่นนี้มีความหวือหวา สวยงาม และแปลกใหม่มากขึ้น ด้วยการที่เราได้หน้าจอแบบยาวด้วยก็ส่งผลต่อการใช้งานได้เยอะและยิ่งมองเทียบกับรุ่นก่อน LCI เราจะได้เพิ่ม ระบบ Driving Assistant ไม่ว่าจะเป็น ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning,ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา Lane Change Warningระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Crossing-traffic Warning Rear ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และ คนเดินถนน ที่ความเร็วต่ำ City Braking Function ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ขณะถอยจอด Rear Collision Prevention และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control with Stop & Go Function หรือจะเป็นระบบช่วยจอดรถให้เองก็ใส่เข้ามาให้เช่นกันทำงานได้ไวกำลังดีครับ และ ระบบช่วยขับถอยก็ยังคงใส่เข้ามาให้

DRIVING

ในเรื่องของการขับขี่แน่นอนว่าตัวนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะว่าตัวพละกำลัง อัตราเร่ง และ ช่วงล่างมันค่อนข้างเจาะกลุ่มวัยรุ่นเลยทีเดียวซึ่งแน่นอนว่าเซทมาแข็ง กระด้าง และ ขับสนุกมากๆ ตัวรถเองอัตราเร่งอาจจะไม่ได้พุ่งโหดมากนักแต่ก็ไม่ได้อืดอะไรครับ เหลือๆในการขับขี่ทั่วไปแล้วกับเครื่องดีเซล อีกทั้งในตัวเลขทดสอบจริงอัตราเร่ง 0-100 ใช้เวลา 7.4  วินาที และ 80-120 จะใช้เวลา 6.4 วินาที ส่วนช่วงล่างจะเน้นความแข็ง และ คนนั่งหลังอาจจะไม่ได้นุ่มนวลมากนัก ในการขับขี่ต่างจังหวัดถือว่าโอเคเพราะว่าใช้ความเร็วสูงได้มั่นใจทั้งทางตรงและโค้งขึ้นลงเข้าที่เราทดสอบถือว่าดี และได้ขับหลังทำให้ฟีลลิ่งยังคงดีและสนุก อีกทั้งการตอบสนองของช่วงล่างในโหมดที่แตกต่างกันก็มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ นุ่มขึ้นมาเล็กน้อยแต่ความกระด้างยังคงมีตามสไตล์รุ่นนี้ ส่วนพวงมาลัยเซทมาได้ลงตัวพอสมควรเมื่อเทียบกับขนาดและน้ำหนักตัวรถ มุดสนุก และ มั่นใจพอตัว ส่วนในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองนั้นถือว่าประหยัดสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองในเมือง 13 โลลิตร ต่างจังหวัด 22 โลลิตรและด้วยความเป็นดีเซลนั้นก็ช่วยค่าใช้จ่ายไปได้เยอะครับ

BMW 320D M SPORT

” วัยรุ่นขับสนุก ช่วงล่างซิ่ง ดีไซน์เท่ขึ้น กับ เครื่องดีเซลที่อนาคตอาจจะหายาก ! “

ถ้ามองว่ารถที่เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสรถยุโรป ในงบไม่เยอะ ขับสนุกวัยรุ่นและเอาไปแต่งต่อกันได้หลากหลายต้องมี BMW 3 Series ไว้ในตัวเลือกกันแน่นอนไม่ว่าจะยุคสมัยไหนครับ และ ตอนนี้ยังคงมีดีเซลให้เลือกซื้อใช้งานกันอยู่ด้วยเลยตัดสินใจได้ไม่ยากเลย ส่วนฟีเจอร์ ออฟชัน และ การขับขี่เองนั้นไม่ธรรมดายังคงเอกลักษณ์ของค่ายได้อย่างครบถ้วน และเสริมความเป็นสปอร์ตมากขึ้นกว่ารุ่นใหญ่ สายซิ่งน่าจะถูกใจแน่นอนครับอีกทั้งในตัว LCI เราได้หน้าตาที่วัยรุ่น ดุดันขึ้น ออฟชันใหม่มากกว่าเดิม มีความคุ้มค่ามากขึ้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมมันขายดีเสมอมา อาจจะมีแค่บางฟีเจอร์ที่อาจจะขาดหายไปแต่ถ้าคนทั่วไปก็อาจจะไม่ได้ซีเรียสกับมัน และเราได้อัตราสิ้นเปลืองแบบนี้กับเครื่องดีเซลบอกเลยว่าน่าสนใจอย่างมาก รวมถึงการดูแลรักษาก็ยังคงมีความน่าไว้ใจกับคนซื้อได้ง่ายกว่าระบบไฟฟ้า