BMW ในรหัส 6 แน่นอนว่าเป็นรุ่นที่หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นกันเท่าไรนัก แต่ในรหัสนี้ถือว่ามีความน่าสนใจทั้งเรื่องของ งานออกแบบ และความโดดเด่นในตระกูลเลขคู่ของค่าย ในยุคก่อนๆนั้นรหัส 6 เป็นแบบตัวถัง COUPE ตัวแรงดีไซน์โดดเด่น รวมถึงในตัวเริ่มต้นรหัส E ถือว่ามีรหัส M6 ตัวแรงอยู่ด้วยเช่นกัน และหลังจากนั้นเริ่มมีการปรับมาเป็นแบบ Gran Coupe ที่มาพร้อม 4 ที่นั่งทรงสปอร์ต และ ปัจจุบันเองนั้นกลายมาเป็น GT หรือ Gran Tourismo ที่กลายเป็นรถยนต์ทรง GT หลังคาลาดเน้นการเดินทางไกล แต่ยังมีความสปอร์ตมาอยู่ด้วยซึ่งทำให้มันสะดวกกว่าแบบท้ายลาดปกติ ถ้ามองจริงๆก็แอบเสียดายความ COUPE แต่ก็ได้ย้ายไปในตัว 8 Series แทน และ 6 เลยกลายมาเป็น GT ที่เป็นรถแนวเดินทางไกล แต่แฝงด้วยความสปอร์ตอยู่ด้วยนั้นเอง และ ออฟชันในไทยเองก็ถือว่าแน่น
BMW 630I GT M Sport คันที่เรารีวิวนั้นจะมาพร้อมกับสเปก เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานกับบอดี้ขนาดรถประมาณนี้ รวมถึงทางด้านออฟชันต่างๆให้มาครบมาก และ ใช้งานช่วงล่างแบบถุงลม รวมถึง Active Rear Spoiler ระบบ Parking Assistant PLUS และ รีโมตควบคุมการจอดรถ Remote Control Parking ซึ่งคันที่รีวิวมีมาให้ แต่ในปีหน้ารุ่นนี้อาจจะไม่มีฟีเจอร์นี้กันแล้วนะครับแอบเสียดายเลยแหละ ด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้า High Beam Assistance หลังคากระจก Panorama Roof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ชุดแต่ง M Aerodynamics M Double Spoke ขนาด 20 นิ้ว รวมถึง รีโมตแบบ Display Key ยังใส่เข้ามา ส่วนภายในก็มีทั้ง Gesture Control เครื่องเสียง Harman Kardon หน้าจอ Head-up Display และ มาตรวัดแบบดิจิทัล Live Cockpit Professional ส่วนระบบช่วยเหลือความปลอดภัย Driving Assistant Professional PLUS ให้มาครบทั้งหมด และ สีเทา Bernina Grey ถือว่าสวยมาก แต่ออฟชันในปี 2023 อาจจะมีการปรับ เรื่องกล้องรอบคัน และ ช่วงล่างถุงลม และ รีโมตจอดรถหายไปนะครับในปีหน้า
-
ราคาอย่างเป็นทางการ (ประกอบมาเลย์) 630i GT M Sport 4,169,000 บาท
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกตัว 630i GT มีกลิ่นของ 5,7 Series อยู่เยอะมากๆทั้งไฟหน้าต่างๆรวมถึงรูปทรงกระจังหน้า แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวครับ ถ้ามองดูดีๆทั้งรูปทรงกระจังหน้าต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด แต่ไฟหน้า DRL อาจจะมีส่วนคล้ายกันเท่านั้น รวมถึงขนาดรถถือว่าใหญ่มากๆ มิติตัวรถเองใหญ่เกือบเท่า 7Series เลยทีเดียวตัวรถยาวมากถึง 5.0 เมตร และ กว้าง 1.9 เมตร สูง 1.5 เมตร และ ฐานล้อยาวถึง 3 เมตรทำให้มันเป็นรถที่ใหญ่ ยาวมากๆคันนึงในค่ายนี้ และมาในทรงหลังคาท้ายลาดถือว่าเป็นตระกูลรถที่เราไม่ค่อยเห็นในคู่แข่งหลายๆยี่ห้อเท่าไรเลยแหละ
ตัวรถรูปทรงแบบนี้ถ้าใครไม่ชอบก็อาจจะดูแปลกตาไปเลยเพราะว่ารถใหญ่พร้อมกับการออกแบบหลังคาลาดแบบนี้เราไม่คุ้นเคยกันอย่างแน่นอน และ ทำออกมาให้สวยลงตัวยากแต่ทาง BMW ถือว่าแก้เส้นสายและทรงให้มันดูสปอร์ตได้ดีเมื่อมองด้านหน้าเฉียงเราจะเห็นว่าด้านหน้าใหญ่เข้ากับตัวรถภาพรวมได้ดี รวมถึงมองด้านข้างจะเห็นว่ารถใหญ่มากๆในส่วนหลังคาที่เป็นแบบลาดและท้ายค่อนข้างยื่นแต่รถเองก็ไม่ได้ดูอ้วนเกินไป รวมถึงด้านท้ายการที่ใส่ไฟท้ายขนาดใหญ่ เสริมด้วยชุดโทนสีดำข้างล่างเข้ามาทำให้ท้ายมันไม่หนาเกินไป เสริมด้วย สปอยเลอร์หลังแบบ Active ตามความเร็วหรือสั่งเปิดได้ เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจและทำให้ตัวรถเองมีอะไรมากกว่าเดิมจุดนี้ทำให้รถเท่ขึ้น
หน้าตรงเราจะเห็นชุดกันชนหน้าที่ไม่ค่อยคุ้นตากับรุ่นอื่นๆของค่ายเท่าไรนัก พร้อมกระจังหน้าที่ขนาดยังไม่บ้าพลังแบบรุ่นใหม่ๆผมว่าแบบนี้กำลังลงตัว รวมถึงช่องดักลมจริงๆในหลายๆส่วนรวมถึงเรดาร์ด้านล่างของจริงทั้งหมด ทำงานร่วมกับเซนเซอร์รอบคัน และ กล้องรอบคันมาให้ครบ พร้อมไฟหน้า FULL LED พร้อมกับปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assistance ส่วนด้านหลังไฟท้ายขนาดใหญ่ พร้อมกับ ชุดกันชนหลัง M Sport ที่ทำให้ท้ายรถไม่อ้วนมากเกินไป เสริมด้วยท่อคู่จริงมีเสียงปรับตามโหมดการขับขี่ได้ อีกทั้งยางหลังขนาดใหญ่ทำให้รถดูแน่นหนา เสริมด้วยล้อ 20 นิ้ว M Double Spoke และ เบรกสีน้ำเงิน M เท่ๆรัดด้วยยาง คู่หน้า 245/40 R20 และ คู่หลัง 275/35 R20 เป็นล้อที่กว้างมากและ ลายล้อคือคลาสสิก M เลย
ช่องรีดอากาศจริงทั้งหมด เส้นสายเรียบๆในด้านข้างรวมถึงกระจกมองข้างพร้อม Blind Spot มาให้ครบพร้อมกล้องรอบคัน อีกทั้งในส่วนกระจังหน้าที่ซ่อนกล้องหน้ามาให้เรียบร้อยพร้อมกับกระจังหน้าที่สามารถเปิด/ปิดได้เช่นเดิมครับ
ด้านท้ายเมื่อ สปอยเลอร์หลัง ACTIVE ทำงานก็ถือว่าสูงไม่มากนักแต่ก็เสริมให้ตัวรถมีความเท่ขึ้นและช่วงเรื่องแรงกดด้านท้ายตัวรถได้ดีขึ้นในความเร็วสูงเพราะว่าด้วยตัวรถขนาดใหญ่แบบนี้ และท้ายที่ใหญ่ การที่มีแรงกดเพิ่มเติมก็ทำให้การควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และการออกแบบฝาท้ายแบบชิ้นเดียวท้ายลาดทำให้เวลาเปิดอาจจะกินพื้นที่สูงพอสมควรครับเป็นจุดนึงที่ต้องระวัง แต่ทั้งนี้ตัวรถก็สามารถตั้งค่าได้ในหน้าจอส่วนกลางทำให้ควบคุมความสูงสุดได้อยู่
ดีเทลไฟท้ายและไฟหน้าถือว่าสวยเวลาเปิดใช้งานไฟเลี้ยวต่างๆซึ่งเอกลักษณ์ของ BMW ยังคงอยู่ในรุ่นนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นแบบใหม่ที่จะเล็กและบางลงมากกว่าเดิม รวมถึงในด้านหน้าตัวรถไฟหน้าแบบเต็มระบบและ DRL แบบตัวL ก็ยังคงสวยและทันสมัยมีการพัฒนามากกว่าเดิม แม้รุ่นใหม่ๆจะเป็นแบบ 2 ชั้นแล้วก็ตามแต่ส่วนตัวผมชอบแบบนี้มากกว่า ส่วนเรื่องความสว่างไม่ติดปัญหา รวมถึงระบบหลกหลีกไฟสูงทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆที่เราเคยทดสอบกันมาครับ
INTERIOR
งานออกแบบภายในแน่นอนว่าตัว 630i GT งานออกแบบภายในนั้นถือว่ายังคงเป็นเจนเก่าของทางค่าย BMW ด้วยรหัสตัวถังที่เป็น G Series ในยุคแรกๆแบบเดียวกับ 5Series อาจจะไม่หวือหวาเท่าตัวอื่นๆในค่าย แต่ก็ทำให้เราอาจจะคุ้นเคยกับ บรรดารุ่นก่อนๆทั้งการวางตำแหน่งของปุ่ม หรือดีไซน์ที่อาจจะไม่ทันสมัยมากนักด้วยเช่นกัน แต่ถ้ามองส่วนที่อัปเกรดต่างๆก็คือหน้าจอใหญ่ขึ้น รองรับการใช้งานที่ดีขึ้น รวมถึง UI ที่พัฒนามากกว่าเดิมและการใช้งานนั้นไม่มีปัญหา ทั้งตำแหน่งการเข้าถึง การใช้งานแบบไม่ต้องมอง คือค่ายนี้ออกแบบได้ดีอยู่แล้วแต่ขาดเรื่องความทันสมัยเท่านั้นซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่ชอบเท่าไร รวมถึงดีไซน์โทนสีอาจจะเน้นไปทางความหรู เป็นหลักมากกว่าสปอร์ต
คอนโซลกลางนั้นหน้าตาแบบรุ่นอื่นๆของค่ายในยุคนั้น แต่ในรุ่นนี้จะได้หน้าจอแบบสีตรงกลางส่วนปรับแอร์เข้ามาเพิ่มเติม แยกโซนอิสระ 4 โซนพร้อมอุ่นเบาะ ปุ่มต่างๆยังคงเป็นปุ่มจริงระบบสัมผัสยังไม่ค่อยเยอะเท่าไรนัก ส่วนหน้าจอนั้นควบคุมและความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับระบบสัมผัส และ สั่งงานผ่าน Gesture Control ได้เช่นเดิมรองรับ Apple Carplay แบบไร้สาย ส่วนหัวเกียร์นั้นยังคงเป็นแบบเก่าพอสมควรรวมถึงหน้าตา iDrive เจนก่อนหน้า แต่ยังดีที่รองรับการชาร์จไร้สายในด้านหน้าส่วนตำแหน่งการใช้งานนั้นถือว่าโอเค ไม่ติดปัญหาด้านไหนเลย
พวงมาลัยรูปทรงที่คุ้นเคยกันในหลากหลายรุ่นไม่มีปาดขอบ พร้อมกับทรง M Sport เช่นกันและมีปุ่มควบคุมต่างๆครบพร้อมการตั้งระยะ Adaptive Cruise Control และ ยังมี Paddle Shift ให้ + /- เล่นเกียร์เสริมความสนุกได้เช่นกัน แต่ส่วนตัวที่ผมชอบคือความหนาของพวงมาลัยค่ายนี้หนาและนุ่มจับได้ถนัดเวลาใช้ความเร็วต่างๆค่อนข้างมั่นใจ ส่วนเรือนไมล์ BMW Live Cockpit Professional ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนหน้าตาได้ 3 แบบโทนสีแตกต่างกันไป ส่วนเมื่อนั่งหลังเราจะเห็นเลยว่าแอร์หลังมีการแยกโซนซ้ายขวาชัดเจน และ ตามเสา B และพื้นที่เหลือเยอะอย่างมากในส่วน Legroom พร้อมกับไฟ Ambient Light ปรับแต่งสีได้ รวมถึงตามขอบประตูด้วยเช่นกัน
ส่วนเบาะหลังได้เบาะแบบไฟฟ้าปรับข้างเบาะ และ พื้นที่วางขาที่ยาวอย่างมากและช่องชาร์จไฟ USB-C ในด้านหลังเหมาะสำหรับ ผู้ใหญ่ หรือ คนที่เน้นการใช้งานด้านหลังเป็นหลังก็รองรับได้สบายเช่นกัน ถือว่าเป็นรถที่พื้นที่ข้างหลังเยอะมากๆ และ อิสระในการใช้งานทั่งม่านบังแดดด้านข้าง ด้านบนหลังคาซึ่งพื้นที่กว้างพอๆกับ 7 Series เลยนะ
TECHNOLOGY
เทคโนโลยีในตัวรถคันนี้มาพร้อมกับระบบที่ค่อนข้างจัดเต็มกว่ารุ่นอื่นๆของค่ายทั้ง ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant Professional PLUS ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา Lane Change Warning ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Steering and Lane Control Assist with Support in Narrow Place ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Crossing-traffic Warning Rear ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และ คนเดินถนน ที่ความเร็วต่ำ City Braking Function ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ขณะถอยจอด Rear Collision Prevention ระบบปรับองศาการเลี้ยวอัตโนมัติ เมื่อจะเกิดการชน Evasion Assist ระบบเตือนป้ายจราจร และ ทางแยก Crossroads Warning with Braking Intervention ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control with Stop & Go Function ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ Active Protection ระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่เหนื่อยล้า Attentiveness Assistant และ นอกจากหน้าจอบนรีโมตแล้วก็ยังสามารถใช้งานรีโมตสั่งงานตัวรถได้ ในการเดินหน้า หรือ ถอยหลังเข้าซองจอดรถได้ผ่านรีโมต ซึ่งถือว่าน่าสนใจในการใช้งานและเป็นไม่กี่รุ่นของ BMW ที่สามารถใช้งานได้ด้วย
และส่วนที่น่าสนใจอีกจุดนึงคือเรื่องของการสั่งงานแบบ Gesture Control ซึ่งสามารถสั่งงานตัวรถในการควบคุมเครื่องเสียง ตัวรถ หรือแม้แต่การเปลี่ยนมุมมองของกล้องรอบคันก็สามารถใช้งานแบบ Gesture Control ได้ทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นลูกเล่นเล็กๆน้อยที่ใส่เข้ามา หลายๆคนอาจจะใช้งานได้จริง เวลาปิดเสียงไวๆผมว่าสะดวกมาก
DRIVING
การขับขี่ BMW 630I GT นั้นแม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่ก็ตามแต่พละกำลังของตัวรถ การขับขี่ถือว่าน่าสนใจเพราะตัวรถเป็นขับหลัง และ แอบมีความสนุกในการขับขี่ต่างๆดีกว่าที่คิดมาก อาจจะด้วยการเซ็ตช่วงล่างแบบถุงลมที่เน้นความสนุกแบบ BMW แม้ตัวรถใหญ่ผมมองว่าความคล่องตัวในการแซง หรือ เปลี่ยนเลน รวมถึงความโยนของตัวรถในโหมด Sport ถือว่าคุมความใหญ่ของตัวรถได้เป็นอย่างดี และยังคงความนุ่มอยู่ระดับนึงเพราะว่าด้วยความที่ตัวรถขนาดใหญ่และเน้นคนนั่งข้างหลังทำให้ตัวรถมันยังคงนั่งนุ่ม และ ข้างหลังไม่กระเด้งกระดอนเกินไปซึ่งจุดนี้ผมมองว่าทำได้ดีสำหรับคนนั่งหลัง และคนขับก็ยังสนุกไปกับตัวรถอยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านอัตราสิ้นเปลือง 10-12 โลลิตรใน ตจว. และ ในเมืองถือว่ายังอยู่ในเรทเกิน 10 กิโลลิตร และ ทางด้านอัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.3 วินาที และทางด้าน 80-120 ใช้เวลาภายใน 4.2 วินาทีเท่านั้น ถือว่าอัตราเร่งดีกว่าที่คิดกับบอดี้ขนาดใหญ่แบบนี้ถือว่าโอเค
BMW 630I GT
BMW ยังคงโดดเด่นในหลายๆเรื่องทั้งการขับขี่ที่มีความสนุกรวมถึงช่วงล่างก็สามารถตอบสนองได้ดีแม้จะอยู่ในรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่แบบตระกูล 6 ก็ตามเมื่อมองเห็นบอดี้ภายนอกแล้วอาจจะไม่คิดว่าจะขับได้อารมณ์ BMW แบบนี้ก็ตาม ความแน่น ความหนึบ ผสมกับอัตราเร่งต่างๆที่ทำได้ดีกว่าที่คิดมันกลายเป็นรถยนต์ที่เหมากับคนที่อยากได้รถใหญ่แบบ 5 7 Series แต่ก็ไม่ได้อยากได้ทรงรถแบบซีดาน หรือ SUV ยังคงอยากได้รถแนวเตี้ย และ เก็บของพาครอบครัวไปเที่ยวได้โดยที่ไม่มองเป็นรถยนต์ผู้บริหารมากเกินไป วัยรุ่นขับก็ได้ตัวนี้สามารถตอบโจทย์ได้แบบทันที รวมถึงพื้นที่นั่งข้างหลังก็สามารถรองรับได้อย่างดีทั้งออฟชันและพื้นที่ แม้เรื่องของงานออกแบบภายในอาจจะไม่ได้ทันสมัยมากนัก แต่ด้วยราคาแบบนี้ กับ ขนาดตัวรถ และ ออฟชันที่ใส่เข้ามาทำให้มันค่อนข้างน่าสนใจอย่างมากทีเดียว
สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget