BMW ในตระกูล Roadster นั้นต้องบอกว่ามีความโดดเด่นและมีประวัติมาอย่างยาวนานในชื่อ Z หลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกันในหนัง 007 ที่ชื่อ Z8 และ จริงๆทางค่ายเองก็มีตั้งแต่ Z1 ,Z2 , Z3 , Z4 , Z8 กันเลยทีเดียว ซึ่งมีหลากหลายรุ่นที่เป็นตำนาน แต่บางรุ่นก็อาจจะไม่คุ้นหน้าตากันเท่าไรนัก ซึ่งถ้ามองย้อนมาในไทยเอง Z4 น่าจะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและคนไทยน่าจะคุ้นเคยกันดีเพราะว่าในรุ่นแรกของมันในรหัส E85 ก็ถือว่าเริ่มเข้ายุค 2000 แล้วนั้นเองทำให้หลายๆอย่างมันลงตัวและน่าสนใจมากขึ้น และการเปิดหลังคาผ้าใบ ในรูปทรงไม่ใหญ่มากทำให้มันเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมกันมากเลยทีเดียวเชียว จนมาถึงรุ่นที่ 3 ในรหัส G29 ตัวล่าสุดถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน และเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นกัน รวมถึงในปี 2021 ได้รับการเพิ่มแรงม้าเป็น 381 ตัวโหดขึ้นซึ่งในไทยเองนั้นจะมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย sDrive30i และ รหัส M40i นั้นจะเป็นรหัสแรงที่สุดของตระกูล Z4 รุ่นใหม่ปี 2021 นี้
BMW Z4 M40i ในปี 2021 จะได้อัปเกรดแรงม้าจาก 340 แรงม้าเป็น 381 แรงม้ามากกว่าเดิม แต่งานออกแบบ สเปกอื่นๆนั้นไม่ได้หนีจากเดิมนะครับ ทำให้รุ่นนี้มาพร้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หลัง ทำให้รุ่นนี้เป็นรถยนต์ขับหลังที่สะใจมากๆในการขับขี่และได้แรงม้าที่เพิ่มมากกว่าเดิม ทำให้ขับสนุกยิ่งขึ้นไปอีกขั้น และการออกแบบการกระจายน้ำหนัก 50:50 บอกเลยว่ารองรับได้สบาย และส่งผลต่อการขับขี่ได้ดี พร้อมด้วยระบบเฟืองท้าย M Sport และ ช่วงล่าง Adaptive M ถือว่าครบและเสียงท่อ เสียงเครื่องนั้นทำได้สะใจ ทุ้มต่ำ และลั่นแบบเครื่อง 6 สูบหนักแน่นเลยทีเดียว พร้อมกับ ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสี และ คาลิปเปอร์ M Sport รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบไฟหน้า Adaptive LED พร้อม High-beam Assistant กล้องมองหลัง ชุดตกแต่ง M Sport เรียกได้ว่าพื้นฐานพร้อมระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon และ การสั่งงานหน้าจอระบบสัมผัสทั้งหมด รวมถึงหน้าปัด BMW Live Cockpit Professional มาตรฐานยุคใหม่ทั้งหมด แต่พวกระบบ Active Safety อาจจะไม่มากเท่าไรนัก
PRICE
- BMW Z4 sDrive30i M Sport 3,999,000 บาท นำเข้าทั้งคันมาพร้อม BSI Standard รับประกันตัวรถ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ฟรีค่าบำรุงรักษา BSI นาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
- BMW Z4 M40i 4,999,000 บาท นำเข้าทั้งคัน มาพร้อม BSI Standard รับประกันตัวรถ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ฟรีค่าบำรุงรักษา BSI นาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
EXTERIOR
งานออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง หรือแม้แต่ดีไซน์ไฟท้าย ไฟหน้าแตกต่างกับ BMW ที่เราเคยรู้จักหรือว่าคุ้นเคยกันชัดเจนครับ และเป็นครั้งแรกของทางค่ายที่มาพร้อมกับไฟหน้า 2 ชั้นแบบนี้ด้วยเช่นกันทำให้ในตอนแรกเปิดตัวเองนั้นหลายๆคนไม่ชินและแอบบ่นกันเยอะ แต่หลังๆก็ถือว่าเริ่มเข้าใจและรับการเปลี่ยนแปลงได้ และครั้งนี้มีการพัฒนาร่วมกับ TOYOTA SUPRA ทำให้มีหลายๆส่วนนั้นจะเป็นการดึงไปใช้งานร่วมกับ TOYOTA ด้วยเช่นกันรวมถึงเครื่องยนต์ และ หลายๆส่วนทั้งภายนอกภายในถือว่าเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว
Z-Roadster เองนั้นเราจะเห็นชัดเจนเลยว่าเราจะได้รถที่มีความยาวของส่วนหน้าหรือกระโปรงหน้าแบบเด่นสุดพร้อมกับรูปทรงเตี้ยเพรียวบางสวยงาม และแน่นอนหลังคาเปิดได้ครั้งนี้กลับมาใช้งานหลังคาผ้าใบเหมือนรุ่นแรกแล้วด้วยซึ่งถ้ามองรวมถึงเส้นสายภายนอก สัดส่วนต่างๆตัวรถพยายามทำให้มีความคลีนมากกว่าเดิมและเส้นสายน้อยลงแต่มาพร้อมกับมัดกล้ามต่างๆดูเปลี่ยนเข้าสู่ยุคใหม่ของค่ายนี้ด้วยเช่นกันรวมถึงไฟท้าย ทรงท้ายใหม่ที่แตกต่างกว่าเดิม
ในด้านหน้าตรงเราจะเห็นว่าตัวรถมีความเตี้ยแบน และฐานล้อแนวกว้างที่มากกว่าเดิมทำให้รูปทรงนั้นดูใหญ่และดุดันมากขึ้นรุ่นนี้เราจะได้กระจังหน้า หรือการตกแต่งสีดำทั้งหมดทำให้ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดกระจังหน้า เส้นสายทุกส่วนเราจะเห็นเป็นสีดำทั้งหมดเสริมความดุดันเข้ากับตัวรถได้ดีและกระจังหน้าช่องดักลมออกแบบมาได้สวยขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆรวมถึงทรงไฟหน้าที่เป็นแบบแนวตั้งด้วยเช่นกันถือว่าแปลกใหม่ และทางด้านท้ายก็เปลี่ยนแปลงหลักๆไม่ว่าจะเป็นเส้นสายไฟท้าย รูปทรง Ducktail หรือแม้แต่การใส่ไฟถอยมาตรงกลางส่วนล่างก็ถือว่าแปลกตากว่าเดิมมากๆ
ด้านหน้าตัวรถ กระจังหน้าแบบใหม่ของทางค่ายเราจะไม่เห้นเส้นแนวตั้งเรียงๆกันแล้วแต่จะเป็นแบบที่เราเห็นกันในบรรดา M40i ทั้งหลากหลายรุ่นที่เป็นขีดๆเว้นระยะสวยงามแม้จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมแต่ก็ยังไม่ได้ปรับไปใช้งานกระจังหน้าแนวตั้งแบบในรหัส 4 รุ่นใหม่ๆซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่ชอบกันเท่าไรนัก พร้อมด้วยช่องดักลมของจริงในส่วนหน้าและเซนเซอร์รอบคันใส่เข้ามาให้ทั้งหมด และ ไฟหน้า Adaptive LED ที่รองรับสูงต่ำอัตโนมัติรูปทรงใหม่ ไฟหน้าแบบ 2 ชั้น ครั้งแรกในค่ายนี้และ ไฟ DRL ขีดด้านบนพร้อมกับเป็นไฟเลี้ยวในตัวด้วยถือว่าแอบแปลกตาครับ
ล้อมาพร้อมกับล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสีจะออกโทนสีเทาเข้มและสีเงินถือว่าเป็นการใช้สีที่ดีไม่เชิงเป็นสีดำซะทีเดียว และ คาลิปเปอร์ M Sport สีน้ำเงินข้างในขนาดใหญ่ พร้อมกับจานเบรกแม้ว่าจะไม่มีการเจาะรูอะไรแต่ก็สามารถรองรับพละกำลังตัวนี้ได้สบายเช่นกัน ตัวยางและขนาดล้อให้มาพอดีกับตัวรถถ้ามองเทียบกับรูปทรงและขนาดเสริมให้ตัวรถดูเต็มมากกว่าเดิมและกระโปรงหน้ายาวๆสวยงามลงตัวอย่างมา พร้อมกับช่องระบายลมหลังซุ้มล้อหน้าที่จะเป็นช่องจริง ในด้านหลังล้อและมีโลโก้ M เสริมเข้ามาด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านฝาท้ายเราจะเห็น Ducktail ขนาดใหญ่ที่เป็นการออกแบบในตัวไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่มเติมและโค้งเว้าสวยงามตัว
ด้านท้ายเป็นส่วนนึงที่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคใหม่ของค่ายนี้เราจะเห็นไฟท้ายเส้นเดียวรูปทรงแบบนี้ในหลากหลายรุ่นของค่ายไม่ว่าจะเป็น SUV , COUPE , SEDAN ทั้งหลากหลายรุ่นใช้งานรูปทรงนี้กันทั้งหมดแม้จะมีความแปลกตาแต่ก็เข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัวนั้นเอง พร้อมกับ สัญลักษณ์ M40i และ Z4 รวมถึง การย้ายไฟถอย ตัดหมอกหลังมาส่วนล่างตรงกลางของตัวรถพร้อมกับ Diffuser ด้านหลังสีเทาเข้ม เป็นชิ้นเดียวยาวไปถึงท่อไปเสียคู่หลังรูปทรงเหลี่ยมและแน่นอนว่าเราจะเห็นว่าตัวรถเองนั้นจะมีช่องไฟทับทิมข้างซ้ายขวา และเป็นการตกแต่งช่องหลอกเข้ามาเล็กน้อย
หลังคาเปิดเป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมเพราะว่ารุ่นก่อนนั้นจะมาพร้อมกับหลังคาเหล็กทั้งชิ้น ทั้งน้ำหนัก เวลาในการเปิดอาจจะช้ามากๆและเสียเวลา แต่ครั้งนี้มีการเปลี่ยนเป็นผ้าใบ ย้อนกลับไปเหมือนรุ่นแรกทำให้น้ำหนักรถเบาไม่ต้องมีมอเตอร์กลไกเยอะ และ ไม่ต้องเสียพื้นที่เก็บของด้านหลัง รวมถึงสามารถเปิดได้ 10 วิแค่นั้นไวมากๆ อีกทั้งยังเปิดได้ในความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. ด้วยทำให้ขับไปและเปิด/ปิด หลังคาไปได้ไม่ต้องจอดรถอันนี้สะดวกมากๆ รวมถึงถ้าใครกังวลว่า เปิดหลังคาลมจะตีหน้า ผมยุ่งต่างๆ ตัวนี้มีที่กันลมตีกลับมาให้เป็นตาข่ายหลังเบาะนั้นเองครับ สามารถถอดออกได้ หรือจะใส่ไว้ก็ได้เช่นกันรวมถึงมี Rollover bar ทำให้ป้องกันเวลาพลิกคว่ำได้เป็นอย่างดีในรุ่นนี้ครับ
ยามค่ำคืนนั้นแสงสีเวลาปลดล็อกรถยามดึกแน่นอนว่าจะไม่ได้มีไฟส่องรอบคันอะไรมาให้ แต่จะมีแค่ไฟตรงมือกับประตู กับ ไฟหน้า ไฟท้ายติดเท่านั้น และไฟส่องใต้ประตูเวลาเปิดนั้นเอง ส่วนไฟกลางคืนด้านหลังถือว่าสวยมากๆ เมื่อเหยียบเบรกไฟเบรกติดสวยงาม และไฟตัดหมอกหลังย้ายไปอยู่ข้างล่าง 1 ดวงสว่างจัดเต็มและให้อารมณ์รถแข่ง
INTERIOR
ตัวกุญแจเองนั้นยังคงใช้งานหน้าตาแบบที่เราคุ้นเคยกันในหลายๆรุ่นรูปทรงและปุ่มกดแบบมาตรฐานและมีการเล่นแถบสี M ด้านข้างและสามารถสั่งงานเปิดหลังคาได้จากรีโมตโดยกดปลดล็อกค้างไว้นั้นเองครับ รวมถึงสั่งปิดได้ด้วยเช่นกันถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ และทำได้ดีแม้รุ่นใหม่อาจจะมีการปรับระยะกดให้ใกล้ตัวรถมากขึ้นพอสมควร
งานออกแบบภายในรุ่นนี้ยังคงมีกลิ่นอาย BMW ชัดเจนยังคงให้ความรู้สึกเดียวกันไม่ว่าจะขับคันไหนค่ายนี้ก็ทำภายในไม่ได้หนีจากรุ่นอื่นๆเท่าไรหรือแม้แต่เทียบกับรุ่นเก่าๆก็ถือว่าอาจจะเป็นข้อดี หรือ ข้อเสียก็ได้เพราะเราเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือการออกแบบน้อยมากๆ แต่ถ้าถามว่าการใช้งานดีไหมตำแหน่งต่างๆต้องบอกว่าปรับตัวไม่เยอะนั้นเองทำให้สาวกหลายๆคนอาจจะชอบ แต่ถ้ามองเทียบคู่แข่งภายในตัวนี้อาจจะไม่ได้ล้ำหรือมีการพัฒนาล้ำหวือหวามากนักแต่สำหรับตัวนี้รถยนต์ 2 ที่นั่งการออกแบบ โทนสีเส้นสายถือว่าเข้ากับตัวรถได้ดีพร้อมหน้าจอกลางมาให้ใช้งานแบบสัมผัส รวมถึงระบบเสียงต่างๆนั้นจัดเต็ม และการเปิดหลังคาทำให้มุมมองโปร่งโล่งชัดเจนและใช้โทนสีได้ดูสปอร์ต ส่วนปุ่มปรับแอร์ หน้าจอ เครื่องเสียง คงเป็นชุดเดียวกับในหลายๆรุ่นของค่ายยังคงเน้นปุ่มแบบกดมาตรฐานเช่นเดิม
เมื่อเปิดขึ้นมานั่งประตูบานใหญ่ตามสไตล์ของรถยนต์แนวนี้พร้อมกับ ความเตี้ยแน่นอนว่าการขึ้นรถอาจจะลำบากถ้าใครที่ไม่เคยนั่งรถแนวนี้ด้วยตัวรถที่เตี้ยแบน และประตูใหญ่ต้องปรับตัวเล็กน้อยสำหรับสาวๆนั้นเอง แต่ถ้าง่ายๆแนะนำให้เอาก้นหย่อนลงไปก่อนและค่อยเหวี่ยงขาขึ้นไปนั้นเองครับจะง่ายที่สุด และเอามือจับขอบประตูล่างจะขึ้นลงได้ง่าย ส่วนตัวเบาะเองนั้นมาพร้อมสีแดงสวยงาม รูปทรงแบบ Bucket Seat ใช้งานเบาะหนังแท้ทั้งหมดและมีเข็มขัดแบบ M มาให้พร้อมกับตัวเบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางทั้งหมดพร้อมดันหลังต่างๆและแน่นอนว่าสามารถปรับยืดระยะต้นขาได้เช่นกัน ถือว่าตัวเบาะนั่งสบาย กระชับมากๆตัวนึงปรับความบีบของตัวปีกได้ด้วยเช่นกันครับถือว่าอิสระมากๆเลยทีเดียวในรุ่นนี้เป็นเบาะทรงสปอร์ตแต่ส่วนตัวนั่งขับทางไกลสบายกว่าที่คิดและไม่มีอาการล้าเท่ากับรถทรงนี้ในค่ายอื่นๆเท่าไร
ตัวพวงมาลัยเองนั้นมาพร้อมกับรูปทรงที่เราคุ้นเคยกันในหลายๆรุ่นเช่นเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนหรือมีขอบตัดอะไรแม้จะเป็นรถแบบ เปิดหลังคาซึ่งส่วนนึงก็อาจจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมากถ้าเราลุกจากการนั่ง 5 Series และมาขับ Z4 เราจะเจอพวงมาลัยตัวเดียวกันแต่ส่วนตัวอยากให้ปรับเปลี่ยนงานออกแบบหรือให้มีความแตกต่างกันมากกว่านี้ในหลายๆรุ่นหรือแม้แต่การเปลี่ยนแบบขอบตัดต่างๆนั้นเอง แต่ทั้งนี้ปุ่มต่างๆใช้งานได้ง่ายรวมถึง วัสดุและ Paddle Shift นั้นทำงานได้ดีเช่นกัน ส่วนการควบคุมหน้าจอยังคงมี iDrive แบบล่าสุดพร้อมกับเกียร์ทรงตั้ง กับโหมด M และการรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ การเปิดหลังคาอยู่ส่วนกลางทั้งหมด และ ที่วางแก้ว 2 ตำแหน่งจะอยู่ตรงที่พักแขนนั้นเองต้องเปิดใช้งานเท่านั้น และมาพร้อมการรองรับการชาร์จไร้สายเข้ามาให้ใต้คอนโซลเหนือเกียร์รองรับได้สบายๆครับ
หน้าปัดเองนั้นยังคงเป็น ระบบชุดมาตรวัด BMW Live Cockpit Professional สามารถเปลี่ยนส่วนกลาง และ ขวาได้ผ่านทางปุ่มกดบนก้านไฟเลี้ยวต่างๆ และแต่ละโหมดจะเปลี่ยนโทนสี และ เข็มวัดรอบเหมือนรุ่นอื่นๆนั้นเอง และ โลโก้ M40i ด้านบนถือว่าเน้นความเรียบง่าย แต่เปลี่ยนแปลงอาจจะไม่หลากหลายมากนัก และหน้าจอตรงกลางขนาดใหญ่พร้อมกับระบบสัมผัส BMW ConnectedDrive ใช้งานขนาด 10.25 นิ้ว iDrive Version 7.0 รองรับการใช้งานหลากหลายทั้ง Apple Carplay แบบไร้สาย / Android Auto เสียบสายรวมถึงปรับแต้งตัวรถตั้งค่าทั้งหมดนั้นเองจะรวมอยู่บนหน้าจอทั้งหมด หรือจะเป็นการซื้อฟีเจอร์ หรือ แพ็คเกจต่างๆเพิ่มผ่านระบบออนไลน์ได้ อีกทั้งตัวรถยังมีการเชื่อมกับ My BMW ด้วยเช่นกันสามารถสั่งงาน เปิดไฟหน้า ปลดล็อก ดูสถานะตัวรถ หลังคาได้ผ่านมือถือ หรือจะเป็นการเชื่อมต่อ แผนที่ต่างๆอัปเดตระบบก็ทำได้ง่ายๆเลยเช่นกันถือว่าพัฒนาและใช้งานได้ดีขึ้น
BMW เองนั้นยังคงไม่ได้เน้นเรื่องของแสงสียามค่ำคืนเท่าไรนักถ้ามองในแง่ Ambient Light ต่างๆเส้นสายไฟปรับได้ไม่เยอะมากเท่าไรแสงสีถือว่าน้อยและไม่หลากหลายเท่าคู่แข่งนั้นเอง ซึ่งจริงๆก็ถือว่ามากกว่ายุคก่อนๆแล้วแต่ก็แอบปรับแต่งได้น้อยไปหน่อย มาพร้อมกับแสงสีตามขอบประตู และ คอนโซลแยกปรับได้ 2 โซน พร้อมกับไฟส่องเท้า และแสงสีที่ยิงลงคอนโซลนั้นเอง ส่วนปุ่มต่างๆเป็นสีแดงทั้งหมด ถือว่าแอบดูน้อยไปหน่อยส่วนไฟห้องโดยสารเป็นโทนสีอุ่นกำลังดีและแน่นอนว่าเป็น LED ทั้งหมดครับทำให้แสงสีไม่เยอะมากแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานภาพรวม
ENGINE
เครื่องยนต์เองนั้นในปี 2021 จะได้อัพแรงม้าจาก 340 แรงม้าเป็น 381 แรงม้ามากกว่าเดิม แต่งานออกแบบ สเปกอื่นๆนั้นไม่ได้หนีจากเดิมนะครับ ทำให้รุ่นนี้มาพร้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หลัง แน่นอนว่าถ้าใครที่เป็นสาวกเองนั้นน่าจะรู้จักรหัส M40i เป็นอย่างดีว่าพละกำลังความเทพของมันในแต่ละรุ่นที่ทำออกมานั้นไม่ธรรมดา แต่ถ้าคนทั่วไปถ้ามองง่ายๆมันคือรหัสแรงที่สุดของรุ่นนี้แล้วนั้นเองครับทำให้การขับขี่ ความแรง ช่วงล่างอะไรนั้นเป็นรถยนต์ที่ขับสนุกมากๆคันนึงในบรรดารถยนต์สำหรับ Daily use แบบนี้
BMW M นั้นจะเป็นตัวแรงมากๆ แต่ถ้าเป็นรหัส Z4M40i หรือแม้แต่ M340i ก็ถือว่าเอาเรื่องมากๆแล้วเช่นกันในการขับขี่ในสภาพถนนเมืองไทยต่างๆก็ถือว่าเหลือๆ และคันนี้ได้ทั้งเรื่องของการกระจายน้ำหนัก 50:50 ซึ่งการที่กระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ทำให้ตัวรถมีความสมดุลมากขึ้น ถ้าอธิบายง่ายๆก็เหมือนน้ำหนัก หน้ารถ หลังรถเท่านั้นทำให้เราสามารถควบคุมตัวรถได้ง่าย การขับขี่ เข้าโค้งต่างๆนั้นรถจะบาลานซ์ได้ดีกว่า หน้าท้ายคุมได้ง่ายขึ้นนั้นเองทำให้ภาพรวมหลายๆคันจะทำให้ได้ 50:50 ซึ่งคันนี้ก็เป็นอีกคันที่ทำได้ดีมากๆพร้อมกับช่วงล่างแบบ ปรับความแข็งอ่อนได้ด้วยรวมถึงเฟืองหลังแบบพิเศษทำให้ทั้ง ช่วงล่าง พละกำลังการเร่ง การขับขี่ความหนึบนั้นปรับได้และตอบสนองได้โหด
DRIVING
การขับขี่แน่นอนว่าตัวนี้เป็นรถยนต์ที่มีพละกำลังดีมากๆคันนึงในตลาด รวมถึงถ้ามองในซีรีย์ของ Z4 เองก็ตามครับตัวนี้สามารถใช้งานได้ทั้งในการขับขี่แบบธรรมดา หรือ แม้แต่การขับขี่ระดับนักแข่ง เครื่องยนต์ ช่วงล่างตอบสนองได้ทันที รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ 6 สูบแน่นๆ เสียงท่อลั่นๆแบบนี้ทำให้การขับขี่ระดับโหดนั้นทำได้ดีเกินคาดอย่างมากเช่นกัน ตัวนี้จะได้ขับเคลื่อนล้อหลังทำให้เราจะได้อารมณ์รถยนต์ขับหลังแบบเต็มๆท้ายปัดแบบดิบๆด้วยเช่นกันครับ
ทำให้เรื่องของอัตราเร่งนั้นไม่ธรรมดา สามารถ 0-100 ภายใน 5 วินาทีได้แบบสบายๆแถมยังมีการขับขี่ที่สามารถเร่งแซงได้สบายในหลายๆจังหวะยิ่งถ้าเราเปิด Sport+ ทำให้ทั้งเครื่องยนต์ รอบเครื่องต่างๆนั้นค้างไว้สูงขึ้นเร่งแซงง่ายขึ้นรวมถึงเสียงเครื่องเสียงท่อนั้นลั่นแบบสะใจทั้งเสียง After Firing หรือแม้แต่ Pop and Bang ลั่นๆทั้งหมดซึ่งเอาจริงๆนั้นตัวรถสามารถตอบสนองการเหยียบได้ง่ายมากๆไม่แม้แต่โหมด Comfort ซึ่งบางทีการเหยียบบางครั้งก็แอบตกใจว่าอยู่ในโหมด Comfort จริงๆเพราะว่าอัตราเร่งไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย ขาดแค่เสียงลั่นๆเท่านั้นทำให้ไม่ว่าจะโหมดไหนคันนี้สามารถพาไปได้ทันทีในทุกๆย่านความเร็ว และแรงดึงถือว่าเยอะมากเช่นกันในการเหยียบเต็มๆ
ช่วงล่างตัวนี้มาพร้อมกับ Adaptive M ทำให้เราสามารถเปลี่ยนความแข็ง อ่อนได้ในแต่ละโหมดการขับขี่แต่ด้วยตัวรถเองนั้นเราจะเน้นไปในทางรถ 2 ประตูแบบนี้แม้จะปรับเดิมๆแต่ก็มีความแข็งในระดับที่พอรับได้ในการขับขี่ถนนเมืองไทยในความเร็วต่ำ และถนนในเมืองไม่ได้กระด้างหรือนั่งแล้วเด้งแบบที่คิดในโหมด Comfort หรือนุ่มที่สุดนั้นเองแต่ก็สามารถรองรับความเร็ว 100-120 ได้เหมือนกัน แต่ถ้าหากใช้งานความเร็วสูง 100+ แล้วขับทางไกลมีโค้งบ้างแน่นอนว่าถ้าปรับเป็น Sport จะมั่นใจได้มากกว่าขับแล้วไม่โยนไม่ดูน่ากลัวเท่ากับ Comfort ซึ่งต้องยกข้อดีให้กับช่วงล่างตัวนี้ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง ความเร็วสูง และต่ำในเมืองรวมถึงทำงานร่วมกับพวงมาลัยที่มีความคมตัวนึงแม้ตัวรถจะขับหลังและเมื่อเน้นเอาสนุกท้ายปัดได้นิดๆแต่พวงมาลัยยังสามารถควบคุมได้ซึ่งพวงมาลัยคมและไวแบบนี้อาจจะต้องระวังในความเร็วสูง แต่จะมีผลดีในช่วงความเร็วต่ำหรือกลางๆเพราะขับมุดสนุกเลยทีเดียวครับแบบนี้
เก็บเสียงนั้นต้องทำใจเลยว่าในบรรดารถยนต์เปิดหลังคาผ้าใบในขนาดตัวรถแบบนี้จะเจอเสียงลมและเสียงข้างนอกเข้ามาชัดเจนกว่ารุ่นก่อนๆที่เป็นหลังคาแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และทำใจได้แน่นอนแลกมากับน้ำหนัก การพับเก็บที่เร็ว และพื้นที่เก็บของทำให้หลังคาผ้าใบที่แลกกับเสียงที่อาจจะเข้าเยอะถือว่าไม่มีปัญหา และ คู่แข่งตัวอื่นๆที่เป็นหลังคาผ้าใบก็เก็บเสียงได้ประมาณนี้ทั้งหมดครับไม่หนีกันมาก แต่เสียงยาง เสียงถนน นั้นเก็บได้ดีกว่าที่คิด แต่เสียงเวลารถติดจากคันข้างๆหรือคนพูดตามมอไซค์นั้นอาจจะได้ยินชัดจนจับคำพูดประโยคได้ง่ายเลยทีเดียวครับแบบนี้
CONSUMPTION
อัตราการกินน้ำมันแน่นอนว่าใช้งานเบนซินครับสำหรับเครื่อง 6สูบตัวเทพของค่ายแบบนี้ในรหัส M40i ในอัตราสิ้นเปลืองของคันนี้โดยทดสอบแบบขับแบบโหดสุด ใช้โหมด Sport+ สำหรับการเปลี่ยนเกียร์แบบสปอร์ตที่จะลากรอบนานขึ้นและมีเสียงเครื่องท่อให้ได้ยินกันแบบสะใจสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองไปได้ที่ 7 KM/L ครับถือว่าใช้งานได้ดีเลยทีเดียวแม้จะขับแรง และ กระแทกแซงไปหลายๆรอบแต่อัตราสิ้นเปลืองนั้นอยู่ในระดับที่ไม่ได้โหดมากถ้าเทียบกับพละกำลังของมันแต่ถ้าขับแบบผู้ดีนิดหน่อยใช้โหมดทั่วไปไม่ได้สายโหดมากนักทำให้เราเห็นตัวเลข 10-11 ได้เลยในการใช้งานจริงก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถแตะ 2 หลักได้ขึ้นอยู่กับการขับขี่นะครับแต่ก็ถือว่าไม่ได้ซดอะไรโหดมาก
BMW Z4 M40I
” Z ROADSTER เปิดประทุนที่ขับสนุก แรง งานออกแบบที่ลงตัวมากกว่าเดิม ”
ในช่วงชีวิตของใครหลายคนรวมถึงตัวผมเองต้องมีซักครั้งที่อยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ สปอร์ต 2 ประตู หรือ ว่า เปิดหลังคา ที่เราจะสามารถขับไปเที่ยว รับบรรยากาศ และ สัมผัสการขับขี่ ทั้งเสียงเครื่อง ความเร็วจริงๆอาจจะต้องบอกว่าเป็นความฝันของ หนุ่มๆหลายๆคนเช่นกัน ซึ่งรถยนต์ Roadster เองนั้นเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้เต็มๆ เพราะว่าด้วยราคาที่อาจจะไม่ได้แรงเท่า Supercar รวมถึง การขับขี่ ขนาดตัวรถ และ พละกำลัง ที่ขับได้ง่าย ไม่กินน้ำมันโหดมาก และแน่นอนสามารถเป็นรถที่สามารถขับชีวิตประจำวันได้สบาย ทำให้รถแบบนี้มีความนิยม และ เข้าถึงได้ง่ายมากเช่นกัน ทำให้ Z4 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากทั่วโลก และรุ่นนี้ Z4 M40i นั้นถือว่าได้ทั้งรูปทรง ความแรง พละกำลัง เสียงท่อ และการขับขี่ที่สนุกมากๆคันนึง บอกเลยว่าเป็นรถ Roadster ที่แรงที่สุดคันนึงในตลาดตอนนี้ ทำให้สายซิ่งน่าจะถูกใจ แต่ถ้ามองในแง่การใช้งานชีวิตประจำวันก็ง่ายกว่า Supercar แต่เรื่องพื้นที่การเก็บของก็อาจจะยังถือว่าน้อย ทั้งด้านหลัง หรือแม้แต่ การวางแก้วน้ำในรถ ที่วางกระเป๋าถือ มือถือ สิ่งของในห้องโดยสารถือว่าน้อย จุดนี้น่าจะเป็นข้อเสียหลักๆของรถแนวนี้รวมถึงเสียงเข้ามาได้ง่ายในตัวรถ หลังคาผ้าใบ แต่มันเป็นเรื่องปกติของรถแนวนี้ ถ้าหากรับได้บอกเลยว่าคันนี้คือที่สุดในรถ Roadster เปิดประทุนในตลาดตอนนี้
สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget