Dr Strange เองถือว่าเป็นตัวละครที่ทาง Marvel ยังคงสานต่อและต่อเนื่องในหลายๆเรื่องในการเปิด พหุจักรวาล หรือ Multiverse นั้นเองเราจะเห็นกันไปในหนังเรื่องก่อนอย่าง Spider-Man No way home และ ต่อเนื่องมาถึงเรื่องนี้ที่เปิดกันอย่างเต็มรูปแบบ ถือว่าเป็นค่ายที่เอามาใส่จอเงินให้ทุกคนได้ชัดเจนกันอย่างชัดเจนมากกว่าเดิม แน่นอนว่าในบรรดา Comic เองก็มีเรื่องของ Multiverse เป็นเรื่องปกติ ทั้งค่าย DC เองก็เคยเล่นกันไปใน บรรดา ซีรีส์ของตัวเอง และทาง Marvel เองก็จัดเต็มให้กับหนังโรงและแน่นอนว่าทำได้ดี ไม่ธรรมดา และ อลังการมากๆ ถ้าหากใครเป็นสาวก ก็จะพอเคยดูบรรดา What if มาบ้างแล้ว และพอมีความเข้าใจมาก่อนหน้านี้ รวมถึงสานต่อมายังหนังเรื่องนี้ได้ดีในแง่ของการเล่าเรื่อง ต่างๆทำให้หลายๆคนตั้งตารอ Dr Strange ภาค นี้กันเยอะมากๆ และ การได้ ผกก Sam Raimi มาทำให้หนังมีกลิ่นอายของ ผกก เยอะมากๆ แต่บางทีมันก็แอบดู ตกยุคไปเหมือนกัน และตัวหนังมันสูตรสำเร็จไปเยอะมากๆ ทำให้มันค่อนข้างเรียบๆ ไม่ได้ซับซ้อนหรือว้าวกว่าที่คาดหวังไว้เท่าไรนักในจุดนี้

แน่นอนว่าเนื้อเรื่อง บทเองนั้นเป็นหนังสูตรสำเร็จที่ย่อยง่ายกว่าที่คิดในแง่ของการเล่าเรื่อง Multiverse แบบนี้ ซึ่งไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เกินคาด หรือ พลิกอะไรแบบที่คิดไว้ ทำให้หนังอาจจะเรียบง่ายเกินไป เล่าเรื่องง่ายๆเส้นตรงและเหมือนจะเดาได้ในหลายๆจุดเช่นกันครับ ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นจุดที่แอบเสียดายหลักๆเลยในเรื่องนี้ แม้จะมีความหวือหวาของ จักรวาลมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สุดเท่าไรนัก รวมถึงตัวหนังเองเล่าเรื่องที่มีกลิ่นอายเก่าๆมาหลายๆส่วน ทั้งการเปลี่ยนฉาก การตัดภาพ หรือ จังหวะหนังแบบ Sam Raimi เองมีฉากทำให้หลอน ตกใจบ้าง และ ให้เราลุ้นอยู่เรื่อยๆอันนี้ถือว่าทำได้ดี แต่หลายๆส่วนแอบรู้สึกว่ามันเหมือนดูหนังยุคเก่าไปนิดหน่อย ซึ่งก็แอบน่าเสียดายในเรื่องนี้แต่ถ้ามองตัวบทอะไรเองไม่ถือว่ามีปัญหา กระจายนักแสดง แนะนำตัวละครใหม่ และ ร่วมลุ้นไปได้ดีในบางจุดของหนัง แต่ถ้ามองฉากแอ็กชันเอง สายเวทย์ประทะกันมันไม่ถึงเท่าไรนักและมีหลายๆจังหวะที่แบบ แบบนี้ก็ได้หรอเข้ามาบ้างเหมือนกัน แต่ข้อดีของทางค่ายนี้ถือว่ายังคงเด่นคือ ทุกคนเข้าใจง่าย ย่อยง่าย เพลิน และ ฮาเข้ามาแทรกบ้าง

และแน่นอนว่าทางเรื่องนักแสดงอันนี้ขอชื่นชม Benedict ก่อนเลยในการเล่นหลากหลายตัวละคร และ บทบาททำได้เนียน น่าสนใจ และ สมกับนักแสดงอันดับต้นๆที่ส่วนตัวชื่นชอบมากอยู่แล้ว รวมถึง นักแสดงทั้ง Elizabeth Olsen และ น้องใหม่ Xochitl Gomez ที่จะมาเป็นตัวหลักอีกคนในเรื่องนี้ จุดนี้นักแสดงหลายๆคนทำได้ดีไม่มีปัญหา สีหน้า แววตาต่างๆ และเหตุผลแต่ละคนเองก็สามารถสื่อออกมาได้ชัดเจนมากๆ จุดนี้ทำให้หนังเรื่องนี้เราสามารถอินไปกับเนื้อหาได้ดีมากๆ และ ช่วยหนังได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีฉากเล่นกับความรู้สึกคนดูอาจจะไม่เยอะเท่าไรนัก แต่มีหลายๆฉากที่เราสามารถเห็นได้เลยว่าตัวละครนั้นรู้สึกยังไงและแต่ละบทบาทมันต่างกันชัดเจนในเฟรมเดียวกัน

ในแง่ของงานภาพเองอันนี้ขอชื่นชมว่า CG สวยมากในหลายๆฉาก ทั้งตัวละคร ฉากหลัง และ สัตว์ประหลาดทั้งหลายในฉากกลางวันทำได้ดี และไม่ลอยเท่าไร แต่ก็มีบางฉากที่เห็นชัดกว่าที่คิดเหมือนกัน แต่ภาพรวมเองถ้าเทียบกับเรื่องก่อนๆ ทำให้เรื่องนี้ดีกว่าเยอะเหมือนกันครับ แต่เรื่องมุมกล้อง การเปลี่ยนฉากมันดูตกยุคไปพอสมควรถ้ามองเทียบกับหนังสมัยใหม่ของค่าย และ ดูเชยไปเหมือนกันแม้จะเป็น สไตล์ของ ผกก เอง แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้ากับหนังบางฉากเหมือนกันจนดูตลกไปจริงๆ รวมถึงเพลงประกอบไม่ได้มีส่วนเพลงอะไรเด่นๆ หรือ ธีมเพลงเด่นๆเท่าไร รู้สึกผิดหวังกับ Danny Elfman เพลงในหลายๆจังหวะดูย้อนยุคไป แต่บางครั้งก็เสริมความตื่นเต้นได้ดี แต่ถ้าถามว่าเด่นไหมในเรื่องเพลง ดนตรีประกอบบอกเลยว่าไม่ได้เด่นเท่าไรนัก ไม่มีซีนไหนที่เด่นๆจนน่าจดจำหลังจากออกโรงมา

ซึ่งถ้าถามว่าหนังภาพรวมดีสนุก ลงตัว และแปลกใหม่ในแง่ของค่ายนี้ งานภาพสวยขึ้น และ สายเวทย์ได้เต็มอิ่มมากกว่าเดิม รวมถึงมีตัวละครที่หลายๆคนคาดหวังมากันเยอะเลยทีเดียว ถ้าใครดู ซีรีย์มาก่อนจะทำให้อินมากกว่าเดิม และแนะนำให้ดูมาก่อนครับทั้ง Wanda Vision / What if / Loki / ทำให้หลายๆคนดูง่ายเข้าถึง Multiverse ได้ดี และสานต่อไปยังอนาคตได้ดีมากๆ ยังมีอะไรให้เล่นอีกเยอะ รวมถึง Endcredit ตัวแรกที่สำคัญ และไม่ควรพลาด แต่ ตัวที่สองเองไม่จำเป็นต้องรอก็ได้ครับไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องต่อไป ไม่ควรพลาด งานภาพ IMAX จะเต็มจอกว่าโรงทั่วไปเช่นกัน  แต่ก็บอกก่อนว่าไม่ควรหวังอะไรเยอะแบบที่คิดกันว่าจะมีอะไรเยอะ เชื่อมโยงนู่นนี้ กันเท่าๆไรครับ