Fitness Tracker ที่เน้นๆในเรื่องของความแม่นยำ คุณภาพคงหนีไม่พ้นยี่ห้อ FITBIT ครับแน่นอนว่าหลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้วสำหรับแบรนด์นี้ที่เด่นในเรื่องของ อุปกรณ์สวมใส่ในการออกกำลังกาย มีทั้งแบบราคาเริ่มต้น ไปถึงตัวเทพๆมีหน้าจอแบบ Smartwatch เลยนั้นเองแน่นอนว่าตอบโจทย์ลูกค้าได้เยอะขึ้นดีไซน์ลงตัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ตระกูล CHARGE ก็ถือว่าได้รับความนิยมที่สุดเลยด้วยราคาและดีไซน์ของมันที่จับต้องได้ง่าย ใส่ได้ทุกวันและใส่สบายเมื่อเทียบกับคุณภาพและฟีเจอร์ที่ได้ครับและในครั้งนี้ออกมาถึง CHARGE 4 แล้วครับที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใส่ GPS มาให้เลยสำหรับตระกูลนี้เป็นครั้งแรกและมาในราคาเดิมถือว่าปรับปรุงจากเดิมได้ลงตัวและน่าสนใจขึ้นเลย

FITBIT CHARGE 4 เปิดตัวมาด้วยจุดเด่น ที่ยังคงยึดจากรุ่น 3 คือในแง่ของสายเปลี่ยนง่ายและ ตัวเรือนได้มีการอัพเกรดระบบสัมผัสหน้าจอมาดีขึ้น ปุ่มด้านข้างเป็นรองรับแรงกดไม่มีปุ่มจริงๆแล้ว สามารถว่ายน้ำได้ ลงน้ำได้ลึก 50 เมตร ครับ และ หน้าจอบอกข้อมูลแสดงผลใหญ่ขึ้น สวยขึ้นและเคลื่อนไหวเนียนตาขึ้นครับถือว่าพัฒนามาเยอะเลย และได้พัฒนาต่อยอดจากเดิมอีกคือ มาพร้อมกับการรองรับ GPS ในตัวเองเลย Built in มาให้ ทำให้มี GPS-powered heat map สำหรับตรวจสอบความหนักเบาของการออกกำลังกาย รวมถึงมีฟีเจอร์ใหม่ๆเข้ามาทั้งการรองรับ วัดระดับออกซิเจนในเลือด ฟีเจอร์ Active Zone ต่างๆ รวมถึงมีควบคุมเพลงอะไรได้แล้วในตัว Spotify ส่วนเรื่องแบตใช้งานได้ 7 วัน ใช้เวลาชาร์จ 2 ชั่วโมง รวมถึง ตัวงานออกแบบ ที่ชาร์จ ยังใช้งานร่วมกับรุ่น 3 ได้ทั้งหมดเพราะงานออกแบบเหมือนเดิมทั้งหมดครับ และรวมถึงสเปคในภาพรวมก็ไม่ต่างกันมากนัก ส่วน เพิ่มระบบจ่ายเงินบนข้อมือของคุณด้วย Fitbit Pay ได้ในของธนาคาร กสิกร , ktc , กรุงเทพ , ไทยพาณิชย์ เท่านั้น

FITBIT CHARGE 4 เปิดราคาในประเทศไทยมาด้วย 2 รุ่นหลักๆครับ 

  • Fitbit Charge 4  สี Rosewood และสี Storm Blue/black ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 6,490 บาท
  • Charge 4 Special Edition ซึ่งมาพร้อมกับสายข้อมือสีดำแกรนิต และสายสีดำแบบธรรมดา เหมาะสำหรับเปลี่ยนใช้งานหลากหลายโอกาส ในราคา 6,990 บาท เป็นรุ่นที่เรารีวิวครับ จะมีสายเยอะกว่าตัวปกติ 

UNBOX

  • ตัวเรือน Fitbit Charge 4
  • สายที่ติดมากับตัวเรือนแบบผ้า ไซส์ M
  • สายสำหรับเปลี่ยนคนข้อมือใหญ่ ขนาด L แบบผ้า (ในรุ่น Special Edition )
  • สายแบบยางปกติ ให้มาอีก 2 ขนาด
  • ที่ชาร์จ หัว USB
  • คู่มือ

DESIGN

การออกแบบตัวนี้ยังคงดีไซน์แบบเดียวกับรุ่น CHARGE 3 ทั้งหมดเลยครับ แน่นอนยังคงความหรูสวยมากขึ้นและยังสามารถเปลี่ยนสายได้มากขึ้นครับ หน้าจอขนาดใหญ่แสดงผลแบบขาวดำ OLED และ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 3 มาในการออกแบบเหลี่ยมๆตามแนวทางของ Fitbit มองไกลๆก็มองออกว่าแบรนด์นี้ครับแนวทางการออกแบบชัดเจนดี กระจกเรียบๆครับผม น้ำหนัก วัสดุโดยรวมทำได้ดีและแน่นหนารวมถึงปุ่มออกไปทำให้บอดี้แข็งแรงกว่าเดิมแน่ๆและกันน้ำได้ดีขึ้นครับ รวมถึงบอดี้เรียบสวยงามขึ้นเลยครับ และรุ่นนี้สายผ้าก็ใส่ไปข้างนอกชิลๆ  โดยรวมด้านดีไซน์นั้นไม่ได้แตกต่างกับรุ่น 3 มากเท่าไรนักในแง่ของความเป็น Smartband มากขึ้นมากกว่าแค่สายรัดข้อมือแบบปกติซึ่งในรุ่นนี้จะเป็นแบบเป็นสายผ้าสีสวยงามใส่ไปทางการได้สบายๆ และตัวเรือนมีนูนขึ้นมาจากตัวสาย การออกแบบให้ดูดีขึ้นในส่วนของหน้าจอ สาย ขอบหน้าจอ รวมถึงบอดี้ที่เป็นชิ้นเดียวกัน และสายที่เปลี่ยนได้ง่ายและหลายแบบครับ จุดนี้ทำมาได้ดีจริงๆถือว่าเป็นจุดที่เหมือนกับทาง CHARGE 3 ทั้งหมดและสายด้วยเช่นกัน

ด้านหน้าจะเห็นการออกแบบหน้าจอนั้นมีขนาดเต็มตาแบบเดียวกับรุ่น 3 แน่นอนว่า ดูเรียบและสวยกว่าเดิมครับหน้าจอสีดำทั้งชิ้นและขอบเหลี่ยมรอบตัวจอสวยงาม โลโก้แบรนด์อยู่ในด้านล่าง จอแสดงผล ใหญ่เท่ากับ 3 แต่เหมือนจะชัดสว่างกว่าเดิมนิดหน่อย และ มีอนิเมชั่นเคลื่อนไหวได้ดีเนียนตาเช่นเดิมครับ จอใช้กระจก Gorilla Glass 3 ครอบทับครับ จอสีดำจะไม่ได้โค้งลงขอบทั้ง 2 ข้างแบบเดิมแล้วนะครับ เป็นกรอบล้อมรอบแทนทั้ง 4 ด้านเลยทำให้ดูหรูเป็นสัดส่วนมากกว่าเดิมด้วยครับ ว่าส่วนของสายกับตัวหน้าจอนั้นแยกกันชัดเจน และด้านหลังก็เป็นเซนเซอร์พร้อมพอร์ตชาร์จแม่เหล็กปกติครับ เป็นที่ชาร์จแบบเฉพาะเช่นเดิมเลยและน่าจะใช้งานกับรุ่น 3 ได้ครับไม่ได้เปลี่ยนแปลง

มาที่ด้านข้างกันบ้างเป็นปุ่มรองรับแรงกด หรือ ง่ายๆคือคล้ายๆปุ่ม Home บน iPhone 8 นั้นแหละครับที่กดลงไปแล้วจะสั่นตอบมา ไม่สามารถกดลงไปจริงๆ ตัวนี้ไม่มีปุ่มเป็นแค่รอยเว้าบอกว่ากดตรงนี้เฉยๆเมื่อกดแล้วจะสั่นเบาๆตอบกลับมาครับ แน่นอนว่ามันจะสั่นทั้งตัวเรือนเลย อาจจะรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาการใช้งานแต่อย่างใดกดได้ทั้งในน้ำ และ บนบกทั่วไปครับตอบสนองได้ดี และ สามารถใช้งานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ ทำให้บอดี้แข็งแรง เป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้นกว่าเดิมและแน่นอนว่าความทนทานมากขึ้นครับในการใช้แบบนี้

มาที่ด้านขวากันบ้างครับในด้านนี้จะไม่มีอะไรเลยเรียบๆจะเห็นวัสดุของตัวเรือนที่เป็นสีเทาด้านสวยงามครับและเส้นสายการเล่นลวดลายของตัวสาย กับ ตัวเรือนเข้ากันได้อย่างลงตัว และตัวเซนเซอร์วัดชีพจรจะนูนออกมาเล็กน้อยเพื่อจะได้ผลการวัดที่แม่นยำ และ แนบกับผิวหนังของเราได้ดีสุดครับ งานวัสดุออกแบบนั้นต้องบอกว่าเนี้ยบสมราคาเลย

ตัวสายรุ่นนี้ยังคงมีสายลายคลาสสิคมาให้ในกล่องเช่นเคยกับลาย 4 เหลี่ยมสวยงามแต่มาในลักษณะที่มีความเรียบง่ายมากขึ้น ส่วนที่รีวิวนั้นจะเป็นรุ่น SE ทำให้มีสายผ้าเป็นสายหลักครับสายผ้าเนื้อผ้าแข็งกำลังดีใส่สบาย และไม่อับแต่แน่นอนว่าถ้าเน้นออกกำลังสายบางแบบเดิมก็จะดีกว่า เปลี่ยนได้ในกล่องครับ การออกแบบครั้งนี้ดีอย่างที่สายสามารถเปลี่ยนได้ง่าย มีสายผ้า สายหนัง สายแบบเจาะรูให้เลือกค่อนข้างเยอะครับ ตัวตะขอล็อคอะไรก็แข็งแรงมีขนาดเล็กลงแต่กว้างขึ้น โค้งมนขึ้นครับ วัสดุที่สายทำมาใส่สบาย แน่นและไม่เกิดอาการแพ้ใส่วิ่งสบายๆเลยตัวนี้

SPEC

  • กันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร
  • รองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน (ภาษาอังกฤษ)
  • รองรับการใช้งาน GPS ในตัว
  • ใช้งานได้สูงสุดถึง 7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
  • เซนเซอร์วัดชีพจร ตลอด 24 ชั่วโมง
  • รองรับฟีเจอร์ Active Zone
  • รองรับการวัดระดับ ออกซิเจนในเลือด
  • จัดการชำระเงินได้ด้วย Fitbit Pay
  • หน้าจอระบบสัมผัส ปรับแสดงหน้าจออัตโนมัติ
  • หน้าจอกระจก Gorilla® Glass 3 ป้องกันรอย
  • ติดตามคุณภาพการนอนหลับอัตโนมัติ
  • Bluetooth 4.0
  • ชาร์จแบต ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จาก 0-100%
  • Android 7.0 ขึ้น และ iOS iPhone 5s เป็นต้นไป

SOFTWARE

ทางด้าน Software ยังใช้แอป FITBIT หน้าตาของแอปนั้นยังคงเป็นแบบล่าสุดที่ตั้งแต่มีการยกเครื่องใหม่ทั้งหมดเปลี่ยนหน้าตาแล้ว เพราะหลังจากที่อันเดิมใช้มานานและไม่ค่อยสวยครับ จริงๆทำให้มันใช้ง่ายและคลีนขึ้นเยอะครับ ในหน้าแรกจะเป็น 3 ส่วนหลักๆคือส่วนของ โปรแกรมในการออกกำลังกาย หน้าต่อไปจะเป็นส่วนของข้อมูลสถิติต่างๆครับ และ หน้าสุดท้ายจะเป็น Community ทั้งหมดเพื่อนต่างๆนั้นเอง และ ช่วงนี้มี TAB COVID-19 ให้เราเข้าไปดูความเคลื่อนไหว และ มีแอปแนะนำได้ว่ามีแอปไหนเหมาะกับช่วงนี้ และออกกำลังกายที่บ้านนั้นเองครับ

3 หน้าหลักครับ มีสรุปข้อมูลรวมๆ หน้าทำกิจกรรม หรือจะเป็น Community ต่างๆ และในส่วนหน้าของการตั้งค่ายังคงเหมือนเดิมครับสามารถเข้ามาจัดการได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ การแจ้งเตือนอะไรทั้งหลายครับ รวมถึงการตั้งค่า Wifi ข้อมือที่ใส่ หรือจะเป็นการเชื่อมต่อทั้งหมดครับ และ ยังมีหน้าของแอปของเรา หน้าจอ คำสั่งต่างๆ อีกทั้ง ในหน้าขวาสุดจะเป็นการจัดการการแจ้งเตือนว่าแอปไหนบ้าง แจ้งยังไง และ ตอบกลับด่วนอะไรยังไงบ้างแต่น่าเสียดายคือการแจ้งเตือนก็ยังไม่รองรับภาษาไทยครับ

ในตัวของหน้าปัดก็หลากหลายมากกว่าเดิมและสวยงามขึ้นมีให้เลือกทั้งของจากทาง Fitbit เท่านั้นและแน่นอนว่าด้วยความเป็นหน้าจอขาวดำเลยทำให้มีลูกเล่นอะไรนั้นไม่ค่อยเยอะเท่าไรและหน้าตาก็มีเท่าที่เห็น ครับ

ในส่วนอื่นๆนั้นก็จะเป็นพวก คู่มือใช้งาน การใช้งานจ่ายเงินผ่าน Fitbit Pay ในหน้าของแอปนั้น ตัวนี้อาจจะไม่ได้มีเยอะมากครับแต่ที่เด่นๆคือมีแอป Spotify มาแล้วแบบ Official ก็ทำงานได้ดีมากๆครับ

และแน่นอนว่าในส่วนของข้อมูลสถิติแบบละเอียดก็คงมีมาให้และละเอียดสมชื่อ Fitbit ครับเป็นแบรนด์ที่เด่นในเรื่องของการ Track มากๆและเก็บข้อมูลต่างๆได้ดีและละเอียดพอสมควรครับ  รายละเอียดการนอนหลับต่างๆให้มันชัดขึ้นและดูรายละเอียดได้ค่อนข้างดีครับ สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดแบบชัดขึ้น และสรุปเป็นอาทิตย์ให้ใช้งานดูกันครับ การแทรคก็สามารถเก็บข้อมูลได้ปกติครับ ถ้าเราพกมือถือไปด้วยก็จะสามารถเก็บข้อมูลอะไรได้หมดทั้งเส้นทางระยะทั้งหลาย และ ดูข้อมูล ชีพจร และอื่นได้ปกติเลย และมี GPS ในตัวทำให้ไม่ต้องพกมือถือเวลาไปวิ่งแล้ว

COVID-19 TAB

อันนี้ถือว่าทันสมัยและพึ่งอัปเดตมาให้เลยครับทำให้เราสามารถมีข้อมูลในส่วนของการติดตาม ดูข้อมูลรวมถึงทาง FITBIT เองก็จะมีแนะนำการออกกำลัง แนะนำว่าควรทำอะไรยังไงในช่วงนี้ เช่นเตือนให้ออกกำลังในบ้าน เตือนให้ขยับร่างกาย เตือนให้ล้างมือในบางรุ่นที่รองรับ รวมถึงตัวเป้าหมายให้นอนเพียงพอ และพักผ่อนให้ตามเวลาที่กำหนด ตั้งการดื่มน้ำอะไรพวกนี้ และมีแท็บที่จะติดตามส่วนของข้อมูลจาก WHO ได้คือเข้าไปยังหน้าของ WHO ได้เลยว่าดูอัปเดตล่าสุด หรือจะเป็นการติดตามยอดต่างๆและการแนะนำการปฎิบัติจากทาง WHO นั้นเองครับตัวนี้

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเซนเซอร์ SpO2 ให้ผู้ใช้ได้อ่านกราฟระดับออกซิเจนในเลือดจากแอปพลิเคชันของฟิตบิท เพื่อประเมินความเข้มข้นของค่าออกซิเจนในเลือด ซึ่งจะช่วยในการประเมินผลการหายใจในช่วงนอนหลับได้

FEATURE 

จริงๆในส่วนของฟีเจอร์ที่แทรกเข้ามานั้นจะคล้ายเดิมแต่ที่เด่นๆคือจะเพิ่ม GPS เข้ามาครับ ที่ช่วยแทร็กระยะทางและความเร็วของการเดินแบบ real-timeได้โดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ออกไป ผู้ใช้สามารถซิงค์อุปกรณ์เข้ากับแอปพลิเคชันฟิตบิท เพื่อวัดค่าการใช้งานในระบบ GPS-powered heat map สำหรับตรวจสอบความหนักเบาของการออกกำลังกาย ได้ด้วย รวมถึงมี ACTIVE ZONE จะช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านระบบ PurePulse® 24/7 ของฟิตบิท พร้อมกับระบบเตือนแบบ real-time ขณะออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถประเมินว่าควรเพิ่มหรือลดความหนักจากกิจกรรมที่ทำอยู่ และเมื่อออกกำลังจะสามารถดูข้อมูลได้ตลอดเวลาเลยครับ

ส่วนฟีเจอร์อื่นๆก็สามารถใช้งานพวก การกด นับเวลา สภาพอากาศอะไรได้ผ่านตัวนาฬิกา กด แทรคกิจกรรมได้เลยไม่ต้องผ่านมือถือครับ หรือเช็คพวกชีพจรก็เลื่อนดูได้เลย การนับก้าวข้อมูลทั้งหลายแต่จะเข้าไปดูแต่ละส่วนไม่ได้ ดูแค่ตัวเลขล่าสุด ครับผม ข้อมูลเยอะๆต้องผ่านแอป ส่วน Fitbit pay กดข้างๆค้างไว้ครับจะเข้าหน้าจ่ายตัง ตอนนี้รองรับกสิกร , ktc , กรุงเทพ , ไทยพาณิชย์ ครับผมแค่ 4 ธนาคารก่อน ในอนาคตน่าจะมีอัปเดตเพิ่มที่รองรับครับ

SPOTIFY

มันมาแล้วแบบ Official ต่อจากตอน VERSA 2 SE แน่นอนว่ารอมานานครับ เพราะหลายๆคนคงใช้งานกันบ่อยและสามารถเปลี่ยนเพลง  เปลี่ยนอัลบั้ม เลือกอัลบั้มได้เลยถือว่าค่อนข้างดี เพราะหลายๆคนเวลาวิ่งก็อาจจะควบคุมผ่านตัวนาฬิกาเลยและหน้าจอก็สามารถค้างหน้านี้ได้ไม่หายไปไหนเวลาวิ่งและเปลี่ยนเพลงก็ยกมาเปลี่ยนได้เลยไม่ต้องเข้าแอปซ้ำ ถือว่าสะดวกอยู่เหมือนกันครับสำหรับตัวนาฬิกาในครั้งนี้ในการใช้งานควบคุมเสียงเพลง Spotify

  • สามารถเปลี่ยนเพลง เลือกอัลบั้ม ได้ กดสุ่มเพลง และเลือกเครื่องที่จะเปิดได้ แต่ !! เพิ่ม ลด เสียงไม่ได้เช่นเดิม

NOTIFICATION 

ส่วนการแจ้งเตือนถือว่าทำได้ดีในแง่ของความไว แต่ปัญหาหลักมันไม่รองรับภาษาไทยเลยครับ ค่ายนี้มันขาดแค่ตรงนี้ไม่งั้นจะลงตัวและกล้าแนะนำให้มากกว่านี้ แต่หลายๆคนอาจจะไม่ได้ซีเรียสเท่าไร แต่ถ้าหากถามคนที่ต้องคอยดูแจ้งเตือนตลอดเวลานั้นค่อนข้างหงุดหงิดเอาเรื่องเลยแหละ รองรับทุกแอปในการแจ้งเตือนทั้ง Line Facebook Page manager รวมถึงสามารถตั้งค่าตอบกลับด่วนได้ด้วยอันนี้คือทำได้ดีครับ ส่วนเวลามีคนโทรมานั้นก็จะแสดงชื่อ หรือ เบอร์ และกดรับสาย หรือ วางสายได้เลยผ่านตัวนาฬิกา ครับ ถือว่าในแง่ของการแจ้งเตือนในหน้าจอขนาดนี้ทำได้ดี

ในด้านการรับสายนั้นเมื่อมีคนโทรมาแน่นอนว่าต้องเชื่อมไว้ตลอด สามารถแจ้งเตือนในส่วนนี้ได้ดีครับสั่นแรง จอมีบอกชื่อถ้าภาษา อังกฤษนั้นก็จะโชว์แบบในภาพเลย สามารถ กดวางสาย รับสายได้ เราเลื่อนตัวเลือกขึ้นมาได้เลย

FEELING 

ในการสวมใส่ตัว Fitbit Charge 5 ตัวนี้น้ำหนักเบา ขนาดไม่ใหญ่เกินไปสาวๆตัวเล็กใส่ก็ยังดูดีและไม่ได้เทอะทะเกินไปครับ หรือแม้แต่แอดมินเองก็ใส่ได้ไม่มีปัญหา งานออกแบบทุกอย่างมันเหมือนกับ FITBIT CHARGE 3 ทุกอย่าง แน่นอนว่า การสวมใส่นั้นค่อนข้างสบายครับทั้งวัสดุสายทำมาดีแน่นอนอยู่แล้ว การรัดข้อมือพอดีและรับกับทรงข้อมือได้ดีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงใส่ได้ทั้งหมดและมีสายมาเปลี่ยนให้ด้วยกัน 2 ขนาดครับผม และ สายยางแบบเดิมก็มีมาให้ เรื่องของการใส่นั้นไม่เจอปัญหาหรืออะไรครับใส่สบายและไม่รู้สึกหนักหรือเทอะทะเลย แต่ได้หน้าจอใหญ่ขึ้นและสวยกว่ารุ่นเดิมครับผม ในเรื่องของแบต  ตัวนี้อายุการใช้งานถ้าเปิด Sync ไว้ตลอดทั้งนอนทั้งตื่นแบบทั้งวันได้ประมาณ 2-4 วันครับผมแล้วแต่การใช้งานของแต่ละท่านว่าแจ้งเตือนเยอะขนาดไหน หรือแทรคกิจกรรมบ่อยแค่ไหนครับ ก็ขึ้นอยู่การใช้งานของแต่ละท่านเลย ส่วนเวลาชาร์จเข้าก็จะเท่าๆกับตัว Charge 3 ครับใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

ในด้านการใช้งานนั้นจริงๆการปรับเปลี่ยนปุ่มการปุ่มจริงๆมันเป็นบอดี้ที่รับแรงกดได้จากด้านข้างถือว่าต้องมีการพัฒนามาอย่างดีแล้วหละไม่ให้มันเอ๋อ หรือ ไปโดนง่ายๆตัวข้างๆนั้นต้องใช้แรงกด ถ้าเราแตะนั้นไม่ทำงานนะครับต้องออกแรงกดแบบปุ่มจริงๆเลยนั้นแหละเมื่อกดแล้วตัวเครื่องจะสั่นตอบสนองกลับมานิดหน่อย คล้ายๆใน HTC U12+ หรือตัว Apple Watch ตัวใหม่นั้นเอง จากที่ใช้งานมาซักพักไม่เจออาการ เอ๋อ กดยากหรือเผลอโดนอะไรครับผม ในด้านหน้าจอสัมผัส และหน้าจอแบบใหม่เวลา มีไอคอนเคลื่อนไหวนั้นทำออกมาได้เนียนตาขึ้นครับ และการสัมผัสหน้าจอนั้นไม่เจอปัญหาอะไรทำได้ลื่นและตอบสนองต่อนิ้วได้ดีครับ หน้าจอสัมผัสเต็มรูปแบบเลื่อนซ้ายขวา ขึ้นลง กดได้ครับผม ส่วนเป็นรอยง่ายไหมจริงๆ Gorilla Glass 3 แอบเป็นรอยง่ายนะถ้ามีฟิล์มติดไว้ก็ดีเหมือนกันครับผม

FITBIT CHARGE 4

” ดีไซน์เดิม เพิ่มเติม ฟีเจอร์แน่นขึ้น GPS , Active Zone , ออกซิเจนในเลือดในราคาเดิม “

ถือว่าเป็นรุ่นใหม่ที่ปรับปรุงจากรุ่นเดิมในเรื่องของฟีเจอร์ สเปคให้ลงตัวขึ้นแต่แอบเสียดายว่าหน้าจออะไรหลายๆอย่างนั้นยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนักครับทั้งยังคงเป็นหน้าจอขาวดำอยู่รวมถึงดีไซน์งานออกแบบทั้งหมดเลย คือตัวเดียวกับ Charge 3 ทั้งหมดแต่ก็ยังดีว่าในเรื่องของราคานั้นเปิดมาเท่าเดิม แต่ได้ GPS ที่เป็นจุดเด่นๆหลักของพวก Fitness Tracker ก็ว่าได้ทำให้เราไม่ต้องพกพามือถือไปเวลาออกไปวิ่งอะไรแบบนี้ครับ แน่นอนว่าในเรื่องฟีเจอร์อื่นๆก็มีการรองรับการวัดระดับ ออกซิเจนในเลือดเข้ามาด้วย รวมถึงมี Active Zone คอยเตือนว่าเราออกกำลังกายหนักเกินขีดจำกัดของเราไหม รวมถึงมี HeatMap เข้ามาให้ดูเวลาเราวิ่งว่าช่วงไหนเป็นยังไงครับ ก็ถือว่าถ้าเน้นสายออกกำลังต้องการข้อมูลลึกและเป๊ะๆ รายละเอียดแน่นๆแม่นยำ FITBIT ยังคงตอบโจทย์กับราคาแบบนี้ครับ แต่ถ้าใครที่กำลังหาเริ่มต้นก็ต้องอาจจะเป็นตัวอื่นๆในเรทต่ำกว่าแทน แต่ถ้าใช้งานมืออาชีพ จริงจังเน้นความแม่นยำและไม่ได้เน้นฟีเจอร์อะไรมากตัวนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ในแง่ของออกกำลังกายที่สุดและเชื่อถือได้อย่างมาก

ข้อดี

  • การออกแบบตัวเรือนสวยงาม รวมถึงวัสดุ สายต่างๆ
  • หน้าจอสู้แสงได้ดี คมชัด และ เนียนตา
  • ระบบสัมผัสทำงานได้ดีในการใช้งาน
  • ปุ่มรองรับแรงกดทำงานได้ดีไม่เจออาการเอ๋อ
  • แบตถ้าใช้งานทั่วไปเกิน 1 อาทิตย์ได้ครับ
  • กันน้ำได้ 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้
  • สายเปลี่ยนได้ง่ายกว่าเดิม
  • ระบบการวัดทำได้แม่นและเชื่อถือได้
  • มี GPS ในตัวแล้ว !!
  • รองรับฟีเจอร์ วัดออกซิเจนในเลือด ในช่วงเวลานอน
  • รองรับฟีเจอร์ Active Zone Minutes เตือนว่าออกกำลังหนักไปไหม

ข้อสังเกต

  • ยังไม่รองรับภาษาไทย ซะที..
  • ยังไม่มีแอปภายนอกมากนัก
  • ยังไม่รองรับส่งข้อมูลไป Apple Health Google Fit
  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจาก รุ่น 3 ในแง่ของการออกแบบเลย

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr