Fitbit ได้ทำการเปิดตัว Fitbit Versa 2 ในประเทศไทยไปเรียบร้อยมาพร้อมกับการพัฒนาในหลายๆด้านให้มันลงตัวมากขึ้นทั้งเรี่องของหน้าจอที่ดีกว่าเดิม รองรับการใช้งาน Always On Display แล้ว และยังมีการเสริมไมค์เข้ามาทำให้รองรับคำสั่งเสียงได้จาก Amazon Alexa รวมถึงสามารถตอบกลับด้วยเสียงได้ เช่นเวลามีคนไลน์มาเป็นต้น แต่ยังไม่รองรับภาษาไทยในตอนนี้ครับ ส่วนทางด้านการออกแบบนั้นก็สวยขึ้นเรียบและลงตัวกว่าเดิมหน้าจอเต็มตากว่าเดิมและดีไซน์โค้งมนมากขึ้นครับในส่วนของหน้าจอ และ ตัวอายุการใช้งานก็ทำได้ดีขึ้น และตัวเซ็นเซอร์การวัดชีพจรก็มีการพัฒนาให้มันแม่นยำกว่าเดิม รวมๆนั้นเป็นเหมือนการอัพเกรดแก้จุดด้อยที่ผ่านมาให้ครบ และเรื่องความไวในการสัมผัสหน้าตาของระบบนั้นไม่หน่วงแบบรุ่นก่อนแล้ว ติดนิ้วและลื่นไหลกว่าเดิมแบบรู้สึกได้เลย

Fitbit Versa 2 เปิดตัวมาแล้วในไทยมาพร้อมกันทั้งหมด 2 รุ่นหลักๆ คือ Fitbit Versa 2 และ Fitbit Versa 2 Special Edition ซึ่งจะแตกต่างกันที่สายที่ให้มาครับ

  • โดยตัวปกตินั้นจะ มาพร้อมสายแบบเดียว ราคา 7,990 บาท     
  •  รุ่นพิเศษแบบที่รีวิวนั้น  // จะมาพร้อมกับสายผ้า และ สายซิลิโคน ทั้งคู่เลย
    ราคา8,990 บาท

UNBOX

  • Fitbit Versa 2 Se
  • แท่นชาร์จ Fitbit Versa 2 *ใช้ร่วมกับรุ่นก่อนหน้าไม่ได้*
  • สายไซส์ L สำหรับเปลี่ยน แบบผ้าลายพิเศษสำหรับตัว Se
  • สายไซส์ S/L แบบ ซิลิโคน สีเขียว * จุดที่รุ่นปกติจะไม่ได้แถมมาให้
  • คู่มือ ใบรับประกัน
  • สายติดมาในเรือนจะเป็นไซส์ S

สายไซส์ S/L แบบ ซิลิโคน สีเขียว * จุดที่รุ่นปกติจะไม่ได้แถมมาให้เพราะในรุ่นปกตินั้นจะเป็นสายซิลิโคนติดมากับเรือน และ สายอีกไซส์นึงให้มาในกล่องเท่านั้น แต่ถ้ารุ่น Se ที่ราคาแพงกว่าจะได้สายผ้าลายพิเศษ ติดมา และ แถมสายแบบปกติมาให้อีก 1 คู่ทั้งไซส์ S-L ถือว่าคุ้มเลยครับสำหรับการเพิ่มแค่ 1,000 บาทจากราคาปกติ

DESIGN

ในด้านของการออกแบบในตัวเรือนอันนี้ เป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างทันสมัยเหมือนเดิม และปรับเปลี่ยนจากดีไซน์รุ่นก่อนหน้าไม่ได้เยอะมากแต่มันดูสวยและลงตัวขึ้นทั้งความโค้งมน และการใช้กระจกที่เต็มมากขึ้นครับ และใส่ได้ทั้ง หนุ่มๆ และ สาวๆครับ ขนาดกำลังดีไม่ใหญ่ไม่หนาเกินไป ส่วนตัวเรือนสีต่างๆนั้นก็แล้วแต่เราเลือกได้เลย แต่จะมีจุดแตกต่าง ในรุ่นก่อนหน้านั้นที่จะมีปุ่ม 2 ปุ่มในด้านขวานั้นเองครับ ในรุ่นนี้เป็นปุ่มเดียวในด้านซ้ายและมีไมค์มาแทน ส่วนวัสดุคุณภาพยังดีเช่นเดิมคืออลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบแข็งแรงมากๆ ตัดขอบได้คมสวยและงานเนียนมากๆครับในรุ่นนี้

หน้าจอเป็นหน้าจอ AMOLED ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 3 เป็นการพัฒนาหลักๆของตัวหน้าจอครับทำให้สีดำนั้นคมชัดและเข้มอีกทั้งสู้แสงแดดได้ดีมากกว่าเดิม ในขนาดหน้าจอเป็นสีเหลี่ยมเหมือนเดิมขนาด 1.34 นิ้ว แต่มีการวางไว้กลางเรือนแล้ว และไม่มีโลโก้ในด้านหน้าแล้วด้วยเช่นกันครับ และหน้าจอดำเนียนไปกับขอบข้างๆทั้งหมดเลยสวยกว่าเดิมเยอะมาก ตัดขอบโค้งมนได้สวยงามและเนียน ส่วนด้านหลังนั้น เป็นส่วนของเซ็นเซอร์วัดชีพจรต่างๆตรงกลาง และ แท่นแม่เหล็กทองแดงสำหรับชาร์จไฟเข้า ตัววัสดุเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด บอดี้แข็งแรงมากจริงๆ จะเห็นว่าแถบสีดำนั้นเต็มตัวเรือนมากกว่ารุ่นก่อนและพัฒนาเซ็นเซอร์ที่ดีขึ้นและทำให้การวัดชีพจรนั้นดีกว่าเดิม บอดี้นั้นจะเป็นสีเทาเข้มๆเล่นกับแสงได้สวยพ่นวัสดุพื้นผิวแบบด้านๆเล็กน้อยทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีครับ

ปุ่มทั้ง 2 ข้างคือจุดแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจนระหว่างรุ่นแรกครับในรุ่นนี้ด้านขวาได้ปรับเป็นปุ่มเดียวแล้ว และใช้งานการสัมผัสแบบเต็มที่ได้มากกว่าเดิม และแทนที่ด้วยไมค์ที่รองรับคำสั่งเสียงครับ ส่วนด้านซ้ายนั้นมีปุ่มเหมือนกันคือทำหน้าที่ ย้อนกลับหรือกดค้างเพื่อเข้าตั้งค่าต่างๆพวกนี้ แล้วแต่หน้าได้เลย แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้จำเป็นเท่าไรในปุ่มพวกนี้เพราะระบบสัมผัสก็ค่อนข้างครอบคลุมและทำงานได้ดีกว่าเดิม สัมผัสได้ติดนิ้ว ลื่นไหลกว่าเดิมด้วยครับ

ตัวสายในรุ่น Special Edition นั้นจะเป็นสายผ้าอย่างดีที่ทำลายได้สวยมากๆครับ และวัสดุของมันนั้นทำออกมาเนียนมากๆแต่สายนั้นจะมีความแข็งกว่าแบบซิลิโคนและแน่นอนว่าสายแบบนี้จะไม่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายสักเท่าไร และแน่นอนว่าทาง Fitbit ก็ใจดีแถมสายแบบปกติสีเขียวมาให้ด้วยครับ ซิลิโคนที่ค่อนข้างเกรดดีและนุ่มใส่สบายแน่นอน ค่ายนี้ไม่เคยผิดหวังเรื่องใส่สบายใส่ได้ทั้งวันและใส่นอนได้ผิววัสดุไม่ทำให้ระคายเคือง แต่ขอแนะนำว่าหลังออกกำลังกายให้ล้างทุกครั้งนะ ส่วนตัวสายนั้นจะสามารถใช้สายรุ่น Versa – Versa Lite ได้ทั้งหมดครับรองรับสายได้เหมือนกันสามารถใช้สายสลับกันได้เลยอันนี้ถือว่าดีมากๆครับ

ตัวสายเมื่อถอดออกมาแล้วก็จะเห็นเป็นตัวล็อคเวลาใส่ก็เสียบเข้าไปทีละข้างและง้างตัวล็อคไว้เท่านั้นเอง ตัวเรือนจะเห็นว่าบอดี้มันเป็นอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบแข็งแรงมากๆ Unibody เลยทีเดียวส่วนนี้แกะออกมาแล้วรู้สึกถึงความแข็งแรงได้ดีมาก ตัวสายก็เก็บงานอะไรได้เนียนและเปลี่ยนได้ง่าย สามารถง้างเปลี่ยนได้เลยครับ การออกแบบคิดมาเผื่อเวลาเราเปลี่ยนได้ดี ในหลายๆรุ่นก็เริ่มมีสายที่เปลี่ยนง่ายแบบนี้รวมถึง Smartwatch สมัยนี้ก็เป็นแบบนี้ทั้งหมดแล้ว

VERSA LITE VS VERSA 2 

ในการออกแบบนั้นจะเป็นการพัฒนาแบบเล็กๆน้อยให้มันลงตัวขึ้น หน้าจอไม่ได้ใหญ่ขึ้นมากอะไรแต่การวางนั้นสมมาตรมากขึ้นอยู่ตรงกลางจอมากกว่าเดิมพร้อมกับสีของหน้าจอสวยและสู้แสงได้ดีมาก และสีดำนั้นดำสนิทกว่าครับ อีกทั้งตัวกระจกหน้าจอก็เต็มกรอบมากกว่าเดิมและโค้งมนขึ้นทำให้มันดูดีและสวยงามกว่ารุ่นแรกหรือรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดเลย แต่ถ้าหน้าจอเต็มมากกว่านี้ หรือสามารถทำขอบโค้งได้คงจะสวยกว่านี้เยอะเลยแหละในตัวนี้ครับ

เอาจริงๆดีไซน์นั้นเป็นการพัฒนาขึ้นนิดหน่อยให้มันดูดีขึ้นสวยขึ้นจะเห็นว่าบอดี้นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากอันนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีครับเพราะรุ่นแรกนั้นทำได้บางเบาและใส่สบายมากๆ และในรุ่น 2 ก็ยังคงจุดนี้ไว้ได้นะส่วนตัวเรือนนั้นจะเห็นว่าตรงส่วนสายนั้นจะทำได้เนียนกว่าเดิมไม่มีเว้าอะไรแบบรุ่นแรกทางด้านขวามือแล้ว ก็ทำให้บอดี้มันสวยและเต็มขึ้นครับและความโค้งของกระจกอะไรทำให้ดูลงตัวขึ้น เมื่อมามองด้านข้างแทบไม่แตกต่างกันมากแต่ฝาหลังจะโค้งกว่านิดหน่อยครับและการตัดขอบอะไรก็แตกต่างกัน แต่ที่ลองนั้นไม่สามารถใช้ที่ชาร์จด้วยกันได้นะอันนี้แอบเสียดายมากๆ

SPEC 

  • 3-axis accelerometer
  • Optical heart rate monitor
  • Altimeter
  • Ambient light sensor
  • Vibration motor
  • Wi-Fi antenna (802.11 b/g/n)
  • Relative SpO2 sensor
  • NFC
  • Built-in microphone
  • Corning Gorilla Glass 3
  • หน้าจอ ขนาด 1.34 Inch AMOLED 
  • Charge time (0-100%): Two hours
  • แบตสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 5 วัน
  • Radio transceiver: Bluetooth 4.0
  • Operating temperature: -10° to 60° C
  • Maximum operating altitude: 8,535 m
  • resistant to 50 meters. 5ATM

SCREEN 

ทางด้านหน้าจอต้องบอกว่าเป็นการอัพเกรดที่น่าจะว้าวที่สุดแล้วครับเพราะการที่ปรับมาใช้ AMOLED นั้นส่งผลอะไรดีๆเยอะมากทั้งเรื่องของความสวยงาม ความดำสนิทของตัวหน้าจอทำให้กลืนไปกับขอบเครื่อง อีกทั้งยังทำให้ประหยัดแบตได้ดีกว่าเดิมรวมถึงการสัมผัสนั้นรู้สึกว่าดีกว่าเดิมด้วยเช่นกันครับ หน้าจอมาในขนาด 1.34 นิ้ว ครอบทับด้วย Gorilla Glass 3 อันนี้ยังคงไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าเท่าไรครับในส่วนของวัสดุกระจกในด้านหน้า แต่โค้งมนมากกว่าเดิมทำให้ดูสวยและทันสมัยขึ้นเยอะ และจัดวางหน้าจอตรงกลาง ไม่มีโลโก้แล้วมันดูดีกว่าเดิมเยอะเลยครับ

ในส่วนของหน้าจออีกจุดนึงที่เป็นข้อดีของการปรับมาใช้งาน AMOLED ก็คือสามารถใช้งานหน้าจอติดตลอดเวลาได้หรือที่คุ้นกันว่า Always On Display แต่ยังรองรับแค่ขาวดำ มีให้เลือกแค่ 2 แบบด้านบนเท่านั้น และสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูล มุมขวา ซ้าย ด้านล่างได้ครับว่าจะให้โชว์อะไร จริงๆแอบเสียดายคิดว่าจะติดตลอดได้หลากหลายกว่านี้ครับแต่ก็ไม่แน่เพราะเรื่องแบบนี้สามารถอัปเดตปรับเปลี่ยนได้แน่นอน เพราะทางหน้าจอนั้นรองรับสบายๆครับ

SOFTWARE FEATURE 

ในด้านหน้าตาของแอพนั้นมีการยกเครื่องใหม่ทั้งหมดเปลี่ยนหน้าตาแล้วว หลังจากที่อันเดิมใช้มานานและไม่ค่อยสวยครับจริงๆทำให้มันใช้ง่ายและคลีนขึ้นเยอะครับ ในหน้าแรกจะเป็น 3 ส่วนหลักๆคือส่วนของ โปรแกรมในการออกกำลังกาย หน้าต่อไปจะเป็นส่วนของข้อมูลสถิติต่างๆครับ และ หน้าสุดท้ายจะเป็น Community ทั้งหมดเพื่อนต่างๆนั้นเอง

ส่วนหน้าของการตั้งค่ายังคงเหมือนเดิมครับสามารถเข้ามาจัดการได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ การแจ้งเตือนอะไรทั้งหลายครับ รวมถึงการตั้งค่า Wifi ข้อมือที่ใส่ หรือจะเป็นการเชื่อมต่อทั้งหมดครับ และ ยังมีหน้าของแอพของเรา หน้าจอ คำสั่งต่างๆ อีกทั้ง ในหน้าขวาสุดจะเป็นการจัดการการแจ้งเตือนว่าแอพไหนบ้าง แจ้งยังไง และ ตอบกลับด่วนอะไรยังไงบ้าง และ ฟีเจอร์ล่าสุดคือ ตอบกลับด้วยเสียงนั้นเองครับ

ในหน้าของแอพนั้นก็มีหลากหลายขึ้นเรื่อยๆและสามารถโหลดได้สบายๆ ใช้งานบ่อยๆหรือจากทาง Official ทั้ง Starbucks และ Spotify ก็ทำงานได้ดีมากๆครับ และในตัวของหน้าปัดก็หลากหลายมากกว่าเดิมและสวยงามขึ้นมีให้เลือกทั้งของจากทาง Fitbit และเจ้าอื่นๆที่ทำกันให้เลือกใช้งานทั้งแบบฟรีและเสียเงินครับ ส่วนภาพขวาสุดจะเป็นคำสั่งเสียงคล้ายๆพวก Siri แบบนั้นแต่จะเป็นของ  Amazon Alexa ที่เมืองนอกใช้งานกันเยอะมาก  สามารถใช้ในไทยได้สบายครับถ้ามี Account แต่ยังไม่รองรับภาษาไทยนะครับในตอนนี้

ในส่วนอื่นๆนั้นก็จะเป็นพวก คู่มือใช้งาน การใช้งานจ่ายเงินผ่าน Fitbit Pay หรือจะเป็นการควบคุมเพลงซึ่งสามารถใส่เพลงลงไปในตัว Versa 2 ได้ด้วยเช่นกันครับและฟังเพลงผ่านหูฟังที่เชื่อมกับ Versa ได้เลยไม่ต้องผ่านมือถือ

และแน่นอนว่าในส่วนของข้อมูลสถิติแบบละเอียดก็คงมีมาให้และละเอียดสมชื่อ Fitbit ครับเป็นแบรนด์ที่เด่นในเรื่องของการ Track มากๆและเก็บข้อมูลต่างๆได้ดีและละเอียดพอสมควรครับ  รายละเอียดการนอนหลับต่างๆให้มันชัดขึ้นและดูรายละเอียดได้ค่อนข้างดีครับ สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดแบบชัดขึ้น และสรุปเป็นอาทิตย์ให้ใช้งานดูกันครับ การแทรคก็สามารถเก็บข้อมูลได้ปกติครับ ถ้าเราพกมือถือไปด้วยก็จะสามารถเก็บข้อมูลอะไรได้หมดทั้งเส้นทางระยะทั้งหลาย และ ดูข้อมูล ชีพจร และอื่นได้ปกติเลย แต่รุ่นนี้ยังคงไม่มี GPS ในตัว เลยต้องพกมือถือไปนะครับ

SMARTWATCH FEATURE 

ในส่วนของฟีเจอร์ นั้นก็รองรับอะไรได้ดีขึ้นแต่ก็อาจจะไม่ถึงพวก Smartwatch จ๋าๆแบบนั้นครับ แต่ในรุ่นนี้ก็ยังรองรับได้ดีในแง่ของสายออกกำลังกาย Tracking ที่ต้องบอกว่าดีกว่าหลายๆแบรนด์เยอะครับ ส่วนหน้าตาก็มีการแทรกอะไรมาเพิ่มและที่ชอบมากๆคือตัว Quick Setting นั้นเองครับทำให้เราควบคุมได้ง่ายขึ้นในการตั้งค่าเช่น ห้ามรบกวน หรือ โหมดนอน การเปิดปิด Always On หรือจะเป็นการปรับแสงสว่างด้วยเช่นกัน และการปลุกหน้าจอเวลาพลิกข้อมือด้วยครับ จริงๆชอบมากๆที่ใส่แบบนี้มาให้มันสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้นเยอะ แต่ยังทำได้น้อยไปนิดนึง

การใช้งานได้ทั้งหมดเข้าถึงผ่านตัวนาฬิกาได้ทั้งหมดแบบรุ่นปกติเลย สามารถเปลี่ยนแอพได้ผ่านหน้าปัดและใช้งานได้โดยไม่ต้องมี Smartphoneครับ สามารถกดใช้งานและมีรายละเอียดนิดหน่อยด้วย หน้าจอจะแสดงผลครั้งละ 4 แอพหลักๆและแน่นอนว่าสามารถเพิ่มแอพเข้าไปได้ และโหลดเพิ่มเองได้ ฟีเจอร์หลักๆทั้งหมดก็มีใช้งาน ทั้งดูสภาพอากาศ จับเวลา ตั้งปลุก นับถอยหลัง ฝึกหายใจ หรือกด ออกกำลัง ตั้งค่าได้ทั้งหมดเลย เมื่อเป็นหน้าหลักแล้วเราปัดขึ้นมานั้นจะเป็นการสรุปประจำวันว่าวันนี้เราทำอะไรไปบ้าง และ บอก แบตเตอรรี่ รวมถึงวันที่ หน้านี้จะเป็น 3 บรรทัดหลักๆ  สีแดงอันแรกจะเป็นการบอกจำนวนก้าว และ ชั่วโมงต่อวัน  บรรทัดที่ 2 จะเป็น จำนวนก้าว ระยะทาง แคล พลังงานทั้งหมด เป็นการบอกคร่าวๆไม่สามารถดูรายละเอียดได้

ตัว Exercise นั้นก็เป็นการออกกำลังเราสามารถเข้าไปใช้งานแต่ละชนิดที่เราเลือกได้และเหมาะสำหรับการออกกำลังกายทั้งหลากหลายแบบ  ซึ่งเมื่อเราแตะตั้งค่า ก็จะมีตั้งค่า รอบ ระยะทาง หยุดอัตโนมัติ หรือตั้งเปิดหน้าจอตลอดเวลาได้ เมื่อเรากดเข้าไปแล้วมันก็จะเชื่อมต่อ GPS บนมือถือและเริ่มนับถอยหลังครับ และตั้งค่าว่าวันนี้เราจะวิ่งกี่กิโล  นานแค่ไหนตั้งได้ทั้งหมดครับ  ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ยังคงเด่นสำหรับค่ายนี้และจะดูสรุปในตัวมือถือเป็น Maps ได้

AMAZON ALEXA 

ในการใช้งานคำสั่งเสียงก็เป็นฟีเจอร์หลักๆที่ใส่เข้ามาแต่รองรับแค่ AMAZON ก่อนนะครับจริงๆถ้ารองรับ Google จะโหดมากๆ แต่ในตัว Alexa เองนั้นก็ทำอะไรได้หลากหลายเหมือนกันนะครับแต่ตอนนี้รองรับแค่ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆก่อนนะครับ ยังไม่รองรับภาษาไทย ส่วนคำสั่งจากที่ลองนั้นก็แม่นอยู่ครับ สามารถใช้งานเช็คนัดหมายอะไรต่างๆ ตั้งปลุก ตั้งเวลาถอยหลัง เช็คสภาพอากาศ ถามเรื่องสถิติการออกกำลังทั้งหลายครับ ก็ถือว่าใช้ได้แต่ยังไม่หลากหลายเท่าไรนัก ไม่สามารถใช้คำสั่งโทรเข้าออก หรือ เปลี่ยนเพลงได้ ในตอนนี้ครับ จริงๆในไทยนั้นคนใช้ยังไม่แพร่หลายมากนักครับสำหรับเจ้า Amazon Alexa

ในการใช้งานคำสั่งเสียงนั้นสามารถกดค้างไว้ที่ปุ่มซ้ายมือและมันก็จะขึ้นมาครับ จากที่ลองเสียงนั้นรองรับได้ชัดเจนดีครับสำเนียงบ้านๆก็ยังค่อนข้างเป๊ะ แต่เรื่องความหลากหลายอาจจะยังไม่เยอะเท่าไร ส่วนเมื่อกดมุมขวาบนก็จะเป็นการเช็คคำสั่งย้อนหลังว่าเราสั่งตั้งเวลาอะไรไปบ้าง หรือ ตั้งเตือนอะไรไปบ้างนั้นเองครับ หลังจากที่ลองนั้น ก็ถือว่ารองรับได้ดี เช่นลองสั่งว่า / Set reminder For me Please ก็จะขึ้นมาว่าจะให้เตือนอะไร ก็กดตอบไป และ เมื่อตอบเสร็จมันจะถามมาอีกว่าเตือนเมื่อไรก็แจ้งวันเวลาไปเลยครับ แต่ทุกครั้งต้องกดตอบก่อนไม่สามารถคุยยาวได้ แต่ถ้าเราสั่งแบบครบๆเลยในครั้งเดียวก็ทำได้เช่นกัน บอกไปเลยว่า ตั้งเตือนอะไรในวันไหนและกี่โมง ก็จะตั้งได้เลย

OFFICIAL SPOTIFY BUILT IN 

มันมาแล้วแบบ Official แน่นอนว่ารอมานานครับ เพราะหลายๆคนคงใช้งานกันบ่อยและสามารถเปลี่ยนเพลง  เปลี่ยนอัลบั้ม เลือกอัลบั้มได้เลยถือว่าค่อนข้างดี เพราะหลายๆคนเวลาวิ่งก็อาจจะควบคุมผ่านตัวนาฬิกาเลยและหน้าจอก็สามารถค้างหน้านี้ได้ไม่หายไปไหนเวลาวิ่งและเปลี่ยนเพลงก็ยกมาเปลี่ยนได้เลยไม่ต้องเข้าแอพซ้ำ และสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะเสียงจะออกไปที่เครื่องไหน หรือ หูฟังอันไหน แต่น่าเสียดายว่าไม่สามารถ ปรับเสียงได้ครับ

VOICE REPLY 

อีกฟีเจอร์ที่มันทำได้ดี แต่ถ้ารองรับภาษาไทยมันจะดีงามกว่านี้มากครับ ฟีเจอร์ตอบกลับด้วยเสียงนั้นรองรับการตอบกลับในหลายๆแอพแต่ที่ลองนั้นจะเป็น Line นั้นเองสามารถอ่านแจ้งเตือนและตอบกลับได้เลย เราก็แตะ Reply จากนั้นก็แตะไมค์ สามารถเปลี่ยนภาษาได้แต่ยังไม่มีภาษาไทยครับ รวมถึงมีข้อความสำเร็จ และ Emoji มาให้ด้วยครับ

หลังจากที่ลองนั้นก็ตอบกลับทำได้ดี เมื่อเราพูดเสร็จแล้วนั้นก็จะบอกว่าจะส่งใช่ไหม และเราก็สามารถกดส่งได้เลย อีกทั้งในตอนส่งยังสามารถยกเลิกได้ถ้าเราพูดผิดครับ จากที่ลองตัวไมค์มันจับเสียงได้แม่นอยู่เหมือนกันในการใช้งานเสียงกลางแจ้งปกติ ถ้ามันรองรับภาษาไทยจะลงตัวเลยครับในส่วนของฟีเจอร์นี้

NOTIFICATION

ส่วนการแจ้งเตือนถือว่าทำได้ดีในแง่ของความไว แต่ปัญหาหลักมันไม่รองรับภาษาไทยเลยครับ แต่ก็มีข่าวว่าจะมีอัพเดทในเดือนหน้าแล้ววว เตรียมจุดพลุครับ รอกันมานานตั้งแต่รุ่นแรกยังไม่เปิดตัวเลย เพราะค่ายนี้มันขาดแค่ตรงนี้ไม่งั้นจะลงตัวและกล้าแนะนำให้มากกว่านี้ แต่หลายๆคนอาจจะไม่ได้ซีเรียสเท่าไร แต่ถ้าหากถามคนที่ต้องคอยดูแจ้งเตือนตลอดเวลานั้นค่อนข้างหงุดหงิดเอาเรื่องเลยแหละ แต่เวลาแสดงก็จะแยกสีแอพทั้ง Line Facebook Page manager รวมถึงสามารถตั้งค่าตอบกลับด่วนได้ด้วยอันนี้คือทำได้ดีครับ แยกเป็นแอพๆชัดเจน และตอบกลับด้วยเสียงได้ ส่วนเวลามีคนโทรมานั้นก็จะแสดงชื่อ หรือ เบอร์ และกดรับสาย หรือ วางสายได้เลยผ่านตัวนาฬิกาครับ

CHARGING 

การชาร์จแบตก็ยังคงต้องใช้ที่ชาร์จเฉพาะของมันและเป็นฐานแบบเดิมครับหนีบตัวเครื่องและชาร์จได้วางทิ้งไว้ครับ แต่ !! ที่ชาร์จนั้นไม่สามารถใช้งานร่วมกับรุ่น 1 หรือ Versa Lite ได้นะครับ อันนี้สำคัญ *** ส่วนการชาร์จยังคงใช้เวลาชาร์จเต็มทั้งหมด 2 ชั่วโมง และแบตใช้งานได้ 5-6 วันในการเชื่อมต่อตลอดเวลาและใส่ทั้งวันนะครับดูแจ้งเตือนบ้าง แต่ถ้าใส่วิ่งให้มันจับตลอดนั้นอาจจะใช้ได้น้อยกว่านี้ครับ เป็นข้อดีเหมือนเดิมสำหรับตัวนี้แบตค่อนข้างอึดเลยแหละ ถ้านับในแง่ของฟีเจอร์ที่ได้และการเชื่อมต่อตลอดเวลานะ และใช้หน้าจอแบบมีสีและค่อนข้างสวย และประหยัดกว่าเดิมครับ แต่ระยะการชาร์จ 2 ชั่วโมงบางทีก็แอบช้าไปนิดนึงนะ ถ้ามีพวกชาร์จไวจะดีมากๆในอนาคต

FEELING 

ในการใส่นั้นค่อนข้างสบายและเบาเหมือนเดิม ยังคงเป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้ครับ และรูปทรงของมันพอดีเข้ารูปกับแขนได้ทั้ง ชาย และ หญิง ตัวเรือนนั้นมีขนาดไม่ใหญ่และไม่หนักเกินไปรวมถึงตัวสายที่ทำออกมาค่อนใส่สบาย ทั้งตัวสายแบบผ้าและซิลิโคนแม้จะมีเหงื่อหรือใส่ทั้งวันก็ไม่ระคายเคืองครับ แต่ตัวสายผ้าอาจจะสะสมเหงื่อได้ง่ายกว่า ส่วนวัสดุที่เอามาใช้ของค่ายนี้ไว้ใจได้แน่นอนถ้าเป็นสายแท้ของมัน ส่วนตัวเรือนเป็นวัสดุอลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาดีงานประกอบดีและเนียน ใส่นานๆถ้ารัดกำลังดีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรไม่ร้อนเวลาจับชีพจรหรือใส่แทรคนานๆครับ ระบบสัมผัสนั้นตอบสนองได้ไว และไม่หน่วงแบบรุ่นก่อนแล้วครับ ถือว่าพัฒนาขึ้น ระบบเสถียรพอสมควร จริงๆค่อนข้างประทับใจกว่ารุ่นก่อนหน้าในเรื่องของความไวในการใช้งานเลื่อนไปมาหรือเข้าแอพต่างๆครับ

FITBIT VERSA 2 SE

” เป็นการอัพเกรดที่ลบข้อด้อยจากรุ่นก่อนไปเยอะ น่าใช้งาน ลงตัวมากขึ้น ! ”

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า Fitbit นั้นจะไม่ได้เป็นแบบ Smartwatch เต็มที่อะไรมากนักมันคือสำหรับสายออกกำลังกายมากกว่า สายฟีเจอร์ครับแน่นอนว่าใครที่เน้นออกกำลัง แม่นๆ  Tracking ดีๆบอกเลยว่าค่ายนี้ไม่ผิดหวังครับแต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์เยอะๆอาจจะไม่ใช่แนวทางเท่าไร เพราะมันจะให้ฟีเจอร์ที่จำเป็นเน้นๆมากกว่าครับ เช่นการควบคุมเพลง หรือ คำสั่งเสียง ฟีเจอร์การออกกำลังทั้งหลายที่จัดเต็มมากจริงๆ ส่วนการแจ้งเตือนก็ทำได้ดี ขาดแค่รองรับภาษาไทยเท่านั้น ซึ่งใกล้จะมาแล้วครับ หลายๆอย่างได้อัพเกรดทั้งหน้าจอ แบต ไมค์ การออกแบบมันลงตัวขึ้นเยอะอันนี้ขอชมครับ แต่เรื่องพวก Gps เสียดายว่ายังไม่ใส่มาให้ และ ในไทยอาจจะไม่คุ้นชินกับ Amazon Alexa เท่าไร ในภาพรวมถ้าเน้นออกกำลัง อยากได้หน้าจอสวยๆดูข้อมูลได้ แจ้งเตือนได้บ้าง ควบคุมอะไรได้เยอะขึ้น เน้นแบตอึด รุ่นนี้ตอบโจทย์ แต่ถ้าเน้น ฟีเจอร์เยอะๆ ลูกเล่นอะไรเยอะๆจัดเต็ม รุ่นนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไรครับประมาณนี้

ข้อดี

  • หน้าจอสวยและสู้แดดได้ดีกว่าเดิมจากที่ดีอยู่แล้ว
  • การออกแบบดูดีและเรียบสวยมากขึ้น
  • แบตใช้งานได้นานกว่าเดิม
  • ยังคงความเบาและใส่สบายได้ดี
  • ฟีเจอร์การใช้งานรองรับได้ดีขึ้น คำสั่งเสียง / ควบคุมเพลง เป็นต้น
  • มี Always On มาให้ใช้งานแล้ว
  • มีไมค์ในตัว ต่อยอดฟีเจอร์ได้หลากหลายขึ้น
  • Alexa / Spotify ในการใส่เข้ามาในเครื่องถือว่าใช้งานได้เต็มที่ขึ้น

ข้อสังเกต

  • ไม่สามารถใช้ที่ชาร์จร่วมกับรุ่นอื่นได้
  • ยังไม่รองรับภาษาไทยในตอนนี้ // อัปเดตมาเดือนหน้า
  • ฟีเจอร์คำสั่งเสียงไม่รองรับภาษาไทย
  • ในไทยนั้น ตัวแอพ Alexa อาจจะไม่คุ้นกันมากเท่าไร และไม่มีคำสั่งเสียงปลุก ต้องกดอย่างเดียว
  • ลูกเล่นอาจจะไม่เยอะมากเท่าพวก Smartwatch บางตัว *ไม่มี GPS ในตัว

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr