HONDA HR-V เป็นรถยนต์ตระกูล CROSSOVER น้องเล็กของทางค่ายเป็นอีกรุ่นที่นิยมมากๆเลยทีเดียวของทาง HONDA เพราะว่าด้วยความอเนกประสงค์ หรือ การใช้งานในเมือง ขนาดขับขี่ง่าย และ ประหยัดทำให้มันเป็นรถยนต์ที่ใช้งานได้ทุกๆสถานการณ์ รวมถึงมีราคาที่ไม่แรง และ เป็นรถคันแรกของหลายๆคนได้ ตัวรถสูงเหมาะกับถนนเมืองไทย ลุยน้ำได้เล็กน้อยจึงไม่แปลกว่ารุ่นก่อนหน้าถึงจะเห็นกันเต็มถนน รวมถึงในรุ่นใหม่นี้ก็มีความนิยมยอดจองเยอะ และ รอกันนานหลายเดือนเลยทีเดียวเพราะยอดจองที่เยอะรวมถึงการผลิตที่ตอนนี้อาจจะรองรับได้ไม่ทันซึ่งหลังจากที่ได้ขับต้องบอกเลยว่าตัวรถนั้นมีดีกว่าที่คิดในหลายๆส่วน และ ความอเนกประสงค์ยังคงเป็นจุดเด่นเช่นเดิม
HONDA HR-V eHEV RS มาพร้อมกับเครื่องยนต์ ที่เป็นระบบ eHEV ทุกรุ่นย่อยใช้งาน เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000 รอบ/นาที รองรับน้ำมันสูงสุด E20 แบตเตอรี่ Lithium-ion และ ถ้ามองตัวเลขเมื่อทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว จะได้พละกำลังสูงสุด 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 0-3,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ทางด้าน อัตราเร่ง การใช้งานไม่ธรรมดา รวมถึงมีความประหยัดน้ำมันเยอะมากในรุ่นนี้ ส่วนเรื่องระบบแน่นอนว่ารุ่นนี้ให้ Honda Sensing ทุกรุ่นย่อยเท่าเทียมกันทั้งหมด และ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง จัดเต็มทุกคัน ซึ่งระบบ Honda SENSING จะมีทั้ง ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC with LSF Low Speed Following ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ LCDN และ ออฟชั่นอื่นๆในรุ่น RS ทั้ง Lanewatch ช่วยมองมุมบอด กล้องมองหลังต่างๆหลังคากระจก Panoramic Glassroof และ ฝาท้ายไฟฟ้า หน้าจอกลาง 7 นิ้ว การตกแต่งรอบคัน RS และ ไฟเลี้ยววิ่งต่างๆจัดเต็มให้ทั้งหมด และ การพับเบาะยังคงโดดเด่นในค่ายนี้ อีกทั้งพื้นที่ใช้สอบข้างในถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับ HR-V
- HR-V e:HEV RS 1,179,000 บาท พร้อม รับประกันระบบ Hybrid นาน 5 ปี และ รับประกันแบตเตอรี่ Hybrid นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนหน้าถือว่าเปลี่ยนแปลงเยอะมาก และ HR-V รุ่นนี้ถือว่ามีความแตกต่างกับรุ่นอื่นๆของค่ายชัดเจนเหมือนกันครับ เราจะไม่ได้เห็นเส้นสายแบบรุ่นอื่นๆในคันนี้เลยเป็นรุ่นที่มีความแตกต่างเรื่องของการออกแบบชัดเจนและในประเทศไทย RS เองนั้นก็จะได้กระจังหน้า กันชนต่างๆแตกต่างกับ ญี่ปุ่น หรือ ยุโรปด้วยเช่นกัน หลายๆคนอาจจะชอบ หรือไม่ชอบ ก็เป็นไปได้ ถ้าแบบตัวเมืองนอกจะมีความเรียบคลีนมากกว่า แต่ของไทยเองก็จะโดดเด่น ดุดันมากกว่าในเรื่องกันชนหน้า รวมถึงสีแดง หลังคาดำที่เข้ากับ RS ได้ดีทีเดียว และคันนี้ยังคงสร้างจาก Platform เดิมทำให้มีขนาดอะไรไม่ได้หนีกันมาก แต่ได้ความยาวมากกว่าเดิม กว้างกว่าเดิมเล็กน้อยครับ และ สูงกว่าเดิมด้วย เส้นสายคลีนเรียบเป็นเส้นตรงมากขึ้น และ หลังคาทรง Sport Coupe มากกว่าเดิมสปอร์ตขึ้นชัดเจนครับในรุ่นนี้ รวมถึงเส้นสายส่วนหน้ามีความชันตั้งตรงมากกว่าเดิมทำให้คล้ายกับ SUV มากขึ้นไปด้วยเช่นกัน
เมื่อมองในด้านหน้าในรุ่น RS เราจะได้กันชนหน้าแบบพิเศษดีไซน์สีดำเงา พร้อมกับ โลโก้ RS และ HONDA กรอบสีฟ้า ถือว่าในด้านหน้าดีไซน์เรียบ เส้นสายไม่รก แต่ก็ดูดุดันพอสมควร เสริมด้วยกันชนล่างสีดำแบบสปอร์ตเข้ามารับกับหลังคาสีดำทำให้สีแดงดำ เป็นสีเดียวที่มีหลังคาดำ และ แตกต่างกับสีอื่นๆใน RS ชัดเจน และ ดีเทลกระจังหน้าสวยมากๆเมื่อมอง รวมถึงเส้นสาย AMP UP สีแดงคล้ายกับชีพจร ซึ่งใส่เข้ามาให้แค่ RS เท่านั้นเลยในส่วนล่างเสริมด้วยโครเมียมเส้นยาวทั้งหน้า และท้ายรถตัดกับสีดำได้ดี และ ด้านท้ายหลังคาลาดลงมาทรง COUPE ทำให้ตัวรถดูเพรียวบางมากกว่าเดิม รับด้วยไฟท้ายแนวยาวและกันชนล่าง เสริมตัวรถดูบางมากขึ้นแตกต่างกับรุ่นเก่าเยอะทีเดียว
และไม่พูดถึงไม่ได้คือหลังคาแบบ Glass Roof ซึ่งเป็นเทรนด์ที่รถยุโรปหลายๆคันเริ่มเอามาใช้งานกัน เป็นหลังคากระจกทั้งชิ้น ไม่มีรอยต่อ กระจกโค้งทั้งหมด ไม่สามารถเปิดได้ ซึ่งข้อดีคือไม่มีปัญหารอยรั่ว น้ำซึมในอนาคต ไม่ต้องดูแลระบบกลไกอะไร และ ความโปร่งสวยเมื่อมองจากข้างในมากกว่าเดิม และ เป็น Glass Roof ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาคู่แข่งทั้งหมด และมีแค่ในรุ่น RS รับกับหลังคาสีดำได้ดี และในด้านหลังเราจะเห็นจุดที่เด่นมากๆคือไฟท้ายแนวยาวทำให้เวลากลางคืนท้ายคันนี้แอบโดดเด่นและแตกต่างพอสมควรครับ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้ดีมากๆ
หน้าตรงหลายๆคนมองถ้าไม่มีโลโก้อาจจะไม่ค่อยนึกถึง HONDA เท่าไรนักยิ่งกระจังหน้าแบบนี้ถ้ามองว่าขาดความเป็น HONDA ไปก็ได้เช่นกันในอีกมุมมองนึงแต่การออกแบบที่ชอบคือเส้นสายคลีนมากกว่าเดิมไม่รก และ ส่วนบนกับล่างแยกกันชัดเจน ไฟหน้าไม่ใหญ่เกินไปและดูสปอร์ต รวมถึงทางด้านล้อ RS ให้มาในขนาด 18 นิ้ว 5 ก้านคู่เป็นลวดลายเดียวกับตัวญี่ปุ่น แต่ในไทยทำสีเทาทั้งหมดไม่มีการปัดสีเงินมาให้ ซึ่งตรงๆว่าตัวของเมืองนอกปัดเงามาและดูสวยกว่านะดูมีอะไรมากกว่านิดหน่อยแม้จะลายเดียวกัน พร้อมกับซุ้มล้อสีดำเงาเสริมความลุยนิดๆ และในด้านท้ายไฟท้ายแนวยาวแบ่งครึ่งตัวรถได้ลงตัว และหลังคาที่ลาดมากๆทำให้ตัวรถดูไม่อ้วนแบบรุ่นก่อนหน้า และท่อหลบข้างในใต้กันชนสีดำ ไม่มีการทำท่อหลอกอะไรเข้ามา แต่น่าเสียดายไม่มีกล้องรอบคัน ไม่มีเซนเซอร์หน้าหลังมาให้เลย
ไฟหน้าเองนั้นมาพร้อมกับทรงเรียวมากกว่าเดิมใช้เทคโนโลยีไฟเกร็ดปลาแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆในค่ายไม่เหมือนกับเลนส์แบบรุ่นก่อนหน้าพร้อมกับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ แต่ไม่ได้มีการแหวกหลบคันข้างหน้าเป็นแค่การปิดเปิดเท่านั้นพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบวิ่งใส่เข้ามาให้แค่รุ่น RS เท่านั้นซึ่งไฟแบบนี้สวยแต่ถ้ามองความคม ตัดขอบแบบเดิมเหมือนจะคมมากกว่าครับ พร้อมกับไฟ DRL แนวยาวขอบบน ส่วนไฟท้ายเองนั้นเป็น LED ในส่วนของไฟเบรกไฟหรี่ แต่เสียดายว่าไฟเลี้ยว ไฟถอยยังเป็นหลอดไส้ที่ตกยุคไปแล้วไม่ค่อยสว่างมากนัก แต่เส้นสายอะไรบอกเลยว่าสวยลงตัว และ กระจกมองข้างเองมีไฟเลี้ยวมาให้ มีกล้อง Lanewatch มาให้ แต่ไม่มี Blindspot ไม่มีกล้องรอบคันมาให้เลย
INTERIOR
งานออกแบบภายในเองนั้นค่ายนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ถ้ามองว่าค่ายเองพยายามปรับให้รถดูเรียบร้อยและดูยุโรปขึ้นชัดเจนแบบที่เราเห็นใน CIVIC ก่อนหน้านี้และ HR-V ก็เชนกัน เส้นสายเรียบร้อยไม่รก และใช้งานได้ดีเช่นเดิมพร้อมกับหน้าจอการใช้งานที่ลงตัวขึ้น แต่ทางด้านวัสดุเองอาจจะไม่ได้บุนุ่มเยอะเท่าไรจุดนี้แอบเสียดายรวมถึงพวกงานประกอบต่างๆไม่เนียนมากนัก แต่ HONDA ยังคงเด่นเรื่องการออกแบบพื้นที่ใช้สอยช่องเก็บของต่างๆเยอะมากและใช้งานได้ดี และมุมมองตัวรถเองนั่งแล้วตำแหน่งสูงมองได้ชัดง่ายขับง่ายสาวๆน่าจะถูกใจและขับได้สบาย และการที่รถได้หลังคา Glass Roof เข้ามาทำให้เสริมความโปร่งสบายได้เยอะมากและใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆชัดเจน
หน้าจอกลางเองเป็นจุดที่น่าเสียดายว่าเราไม่ได้หน้าจอบางแบบ CIVIC ทำให้คุณภาพความสวย คมชัด และ ขนาดเล็กไปหน่อยรวมถึงพวกหน้าตา UI หรือ Apple Carplay ไร้สายแบบรุ่น CIVIC ไม่มีมาให้ในรุ่นนี้ซึ่งเทียบกับราคาน่าจะใส่มาให้ แต่ถ้าถามว่ามันใช้งานได้ไหมก็ถือว่าได้ ทั้งการสัมผัส ฟีเจอร์ เสียบสายต่างๆเน้นใช้งานไม่มีปัญหาแต่ความสวยก็เป็นจุดที่ไม่เด่นครับ ในส่วนล่างเป็นควบคุมแอร์ และ ปรับตั้งค่าต่างๆมีลูกเล่นเปลี่ยนสีแดง ฟ้า เวลาปรับอุณหภูมิได้ด้วย พร้อมช่องเก็บของเล็กๆ ข้าง USB ทั้ง 2 ฝั่ง และทางด้านแอร์รุ่นนี้มีความพิเศษคือสามารถปรับหมุนให้แอร์ไม่ปะทะกับหน้าหรือมือได้ คล้ายๆกับระบบกระจายแบบฟุ้งๆ แต่จะเป็นไอเย็นมาแทนทำให้คนที่ไม่ชอบลมแรงๆน่าจะสบายและไม่เย็นมือเกินไปครับอันนี้ดีมาก รวมถึงตัวเกียร์มี B มาให้ และ มีชาร์จไร้สาย และ ปรับโหมดการขับขี่รวมถึงระบบช่วยลงจากเนินที่เรามักจะเห็นในรถลุย แต่คันนี้ก็ใส่เข้ามาให้สำหรับลงทางชันในความเร็วต่ำ
พวงมาลัยเองเปลี่ยนทรงใหม่จับถนัดและใช้งานง่ายปุ่มสั่งงานมาแน่นมากๆเล่นกับขอบด้านสีแดงได้ดี ฝั่งขวาควบคุมระบบช่วยขับ และ ฝั่งซ้ายควบคุมจอคนขับ และ เครื่องเสียง เราจะเห็น Paddle Shift มาให้แต่จะไม่ได้เป็นการเปลี่ยนเกียร์นะ ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นการปรับ รีเจนพลังงานกลับ 4 ระดับจะแตกต่างกับพวกรุ่นเครื่องยนต์ปกติครับ ซึ่งยิ่งรีเจนไฟเข้าแบตเยอะรถจะหน่วงเยอะ ทำให้อาจจะไม่ได้สะใจสายซิ่งไม่มีการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองมาให้ใช้งาน ส่วนหน้าจอเรือนไมล์เองเสียดายไม่เป็นแบบ CIVIC แต่ก็จะได้จอดิจิทัลครึ่งนึงมาแทน แสดงผลได้หลากหลาย ทั้งกำลังไฟ การใช้พลังงาน สถานะตัวรถ ต่างๆตั้งค่าตัวรถ และโหมดช่วยขับก็จะแสดงผลเล็กๆตรงกลางหน้าจอเท่านั้นครับ
และพระเอกของรุ่นนี้หลังคา Glass Roof ที่เป็นหลังคากระจกทั้งชิ้นเต็มบานขนาดใหญ่ที่สุดในคู่แข่งทั้งหมดและมากกว่ารุ่นเดิมเช่นกันเป็นดีไซน์ที่รถยุโรปชอบใช้งานกันแต่ต้องบอกก่อนเลยว่าหลายๆค่ายที่ดีไซน์แบบนี้จะไม่มีที่บังแดดมาให้เลย ซึ่งทาง HONDA เองก็คงพยายามปรับให้เข้ากับเมืองไทยที่สุด เสริมม่านบังแดดหน้าแบบบางมาให้เพราะพื้นที่เก็บค่อนข้างจำกัด และ ด้านหลัง เป็นแผ่นถอดซ้ายขวา เพราะว่าพื้นที่จำกัดเช่นกัน แตกต่างกับรุ่นแรกที่ไม่ใช่หลังคาลาดแบบ COUPE แบบนี้ทำให้รุ่นนี้มันไม่มีที่เก็บแบบม้วนเข้าไปได้เลยเป็นทางออกเดียวในรุ่นนี้ครับ เพราะถ้าเรามองเทียบกับรุ่นอื่นๆที่เป็นหลังคา COUPE หรือ ลาดเยอะๆแบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีที่บังแดดหรือไม่ทำแบบเต็มหลังคามาให้ แต่รุ่นนี้ใส่มาให้ก็ต้องแลกกับการไม่มีที่เก็บนั้นเองครับ เช่น VOLVO C40 / MUSTANG MACH-E ก็ไม่มีที่บังแดดมาให้เลย เป็นกระจกล้วนๆเต็มบานนั้นเอง เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ได้อย่างเสียอย่างครับ แต่ความโปร่งสวย ทุกคนที่ขึ้นมาต่างชอบและชมว่ากระจกใหญ่มากกันเยอะ คนนั่งหลังจะรู้สึกเลยว่ามันสบายจริงๆ
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือรุ่น RS จะมีแอร์หลังมาให้ และ การพับเบาะ ULTRA SEAT ของค่ายนี้ยังคงโดดเด่นมาตั้งแต่ JAZZ ยุคแรกๆ การที่พับเบาะเรียบได้ และ ยกที่วางขาขึ้นได้และปรับได้อิสระหลากหลายแบบทำให้เวลาขนของ ใส่ต้นไม้ ของสูง ของใหญ่ยังไง HONDA HR-V ถือว่าปรับพับเบาะได้อิสระมากที่สุดในบรรดาคู่แข่งและใช้งานได้ง่าย
TECHNOLOGY
แน่นอนว่า ค่ายนี้จัดเต็มเรื่องออฟชั่นเทคโนโลยีมาให้ทุกรุ่นย่อยไม่ว่าจะราคาเริ่มต้นก็ตามครับ จุดนี้ขอชื่นชมเลย ทำให้รถเราจะมี Honda SENSING จะมีทั้ง ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC with LSF Low Speed Following ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ LCDN เรียกได้ว่าเกินหน้าตาจากรุ่นเดิมๆเยอะมาก หรือแม้แต่คู่แข่งบางราย ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานก็จะสามารถให้รถขับอยู่ในเลนตัวเองได้แบบที่ไม่ต้องบังคับไว้ แค่จับประคองไว้เท่านั้นคล้ายกับระบช่วยขับมากขึ้นอีกทั้ง การจับระยะ การเร่งต่างๆทำได้เนียนและไม่มึนหัวในการใช้งานจริง การจับเลนถนนทำได้ดีเช่นเดิมครับ แต่ถ้า ถนนไม่ชัด หรือ โค้งเยอะมากๆ ก็เสี่ยงที่จะหลุดได้ง่าย แนะนำให้ใช้งานกับถนนหลักที่เส้นชัดหรือทางตรงดีกว่า
และ HONDA Lanewatch เองใส่เข้ามาให้ในรุ่นนี้เป็นฟีเจอร์ที่ดีนะ ใช้งานได้จริงมองง่ายถนัด และ ช่วยลดมุมบอดได้เยอะมาก แต่คุณภาพกล้องไม่ดีเท่าไรในเวลากลางคืน และ ถ้าหากใส่ Blind Spot มาให้ทั้ง 2 ข้างน่าจะลงตัวมากกว่านี้เยอะมาก หรือ พัฒนาให้มีกล้องทั้ง 2 ฝั่ง และ แสดงผลหน้าจอเรือนไมล์ได้ก็น่าจะลงตัวมากขึ้นไปอีก
https://www.youtube.com/watch?v=0aijMD7aaGI
DRIVING
การขับขี่เองนั้นรุ่นนี้ยังคงใช้พื้นฐานจากรุ่นเดิมๆทำให้มันอาจจะไม่ได้มีผลต่างกันเยอะแบบที่คิด แต่ถ้าถามว่าดีไหมดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก แต่ถ้าเน้นขับขี่มากๆ Civic ที่พัฒนามาใหม่หมดยังคงดีกว่าแบบรู้สึกได้ และแค่ช่วงล่างก็ถือว่าแตกต่างกันแล้วเช่นกัน ถ้ามองในตัว HR-V เองรุ่นนี้ขับดีขึ้น นิ่งขึ้น หนึบขึ้น และ มั่นใจได้มากกว่าเดิมไม่ย้วยและไม่โยนแบบรุ่นก่อนแล้ว แต่ก็จะมีความกระด้างเข้ามาเหมือนกันถ้าขับในถนนเมืองไทยในเมืองที่ไม่เรียบมีอาการเด้งตามสไตล์ช่วงล่างแบบคานแข็งแบบนี้เข้ามาอยู่ครับ แต่การควบคุมดีขึ้น พวงมาลัยน้ำหนักดีทางไกลขับสบายและควบคุมได้ดี ทำงานกับช่วงล่างได้ลงตัวในการเทโค้ง รวมถึงการประหยัดน้ำมันหลัก 17-18 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียว ยกความดีให้ระบบ eHEV แต่ถ้ามองอัตราเร่ง ทางไกล หรือ สายซิ่งอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในตีนปลายเท่าไรนัก ตัวรถเน้นใช้งานในเมืองมากกว่า อัตราเร่งตีนต้นตอนมีแบตทำได้ดีมากและทันใจ แต่ไหลยาวๆหรือเท้าหนักอาจจะไม่โหด
HONDA HR-V EHEV RS
” ยังคงเป็นรถที่ลงตัวในหลายด้าน ใช้งานได้ง่าย ประหยัด ถ้ารอได้เป็นรถที่ดีมากๆคันนึง “
ถ้ามองรถในระดับเริ่มต้นล้านนิดๆ การใช้งานในเมือง รถคันแรก เน้นแบรนด์หลัก ศูนย์เยอะบริการไว้ใจได้อะไหล่ไม่รอนาน HR-V น่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆแน่นอน และด้วยความอิสระในหลายๆด้าน ทั้งประหยัด อัตราเร่งใช้งานได้ดี พื้นที่ภายในโปร่งนั่งสบาย ดีไซน์สวยทันสมัย และ ระบบช่วยเหลือครบ ทำให้มันน่าเล่นและน่าสนใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจจะไม่ใช่รถที่ขับดีที่สุดช่วงล่างแน่นหนึบแบบยุโรปที่สุด แต่มันเป็นรถที่ OVERALL มันดีมันลงตัวมันครบมากกว่า และ HONDA มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด พื้นที่คนนั่งหน้าหลังสบาย ขนของได้เยอะ ขับขี่ดีระดับนึง และประยัด ทำให้หลายๆคนมองรุ่นนี้มากกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ก็มีบางจุดที่เสียดายทั้ง ออฟชั่นหลายๆส่วน เซนเซอร์รอบคัน หน้าจอกลาง หรืองานประกอบคุณภาพต่างๆเองนั้นถ้าปรับเรื่องนี้ได้น่าจะเป็นรถที่ครบได้มากกว่าเดิม แต่ด้วยขณะที่เองก็รอจองกันยาวนาน รอรถกันข้ามปีกันไปแล้วครับซึ่งอาจจะด้วยยอดจองที่เยอะมาก และ การขาดแคลนชิปด้วยเช่นกัน
สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget