HUAWEI ยังคงเดินหน้าทำ Ultrabook ของตัวเองพร้อมกับสานต่อ Ecosystem ของตัวเองไปในตัวแน่นอนว่าเป็นจุดหลักๆที่ทางค่ายนั้นพยายามพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจรงๆและในรุ่นนี้ HUAWEI MATEBOOK 14 ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีและยังออกมารองรับ HUAWEI SHARE ของตัวเองได้ดีอยู่ด้วยเช่นกัน และเด่นๆที่ว้าวกว่าค่ายอื่นเลยไม่พ้นในเรื่องของการปรับมาใช้งาน AMD Ryzen 7 / Ryzen 5 แต่เป็นตระกูล H ตัวแรงที่เรามักจะเห็นในตัว Gaming ต่างๆแต่ครั้งนี้มาใช้งานในตัว Ultrabook ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญและทำให้ในการใช้งานที่ดีขึ้นแน่นอน เมื่อเทียบกับตระกูล U ที่จะเน้นไปในเรื่องของประหยัดไฟครับ ส่วนทางด้านหน้าจอ 2K ให้มาพร้อมกับ IPS sRGB 100% เป็นจุดที่น่าสนใจเมือเทียบกับเรทราคาและได้หน้าจอ 2K กับสีที่ถือว่าตรงพอสมควรในการทำงานครับ และยังคงอยู่ในรูปแบบตัวเครื่องที่เน้นบาง เบา รวมถึงในแง่ของการพกพาทำได้ดีเพราะมีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัมเท่านั้นเลย

HUAWEI MATEBOOK 14 เปิดตัวมาพร้อมกับจุดเด่นหลักๆเลยคือในเรื่องของการใช้งาน CPU AMD Ryzen 5 4600H เพราะว่าเป็น Ultrabook ที่ค่อนข้างจัดเต็มเพราะว่าปกตินั้นเราจะเห็นใช้งานตระกูล U ซะมากกว่า และทำให้เรื่องของประสิทธิภาพนั้นทำได้ดีกว่าพอสมควร ส่วนการ์ดจอนั้นจะเป็น Onboard AMD Radeon และ ทางด้าน RAM นั้นให้มา 16GB DDR4 2666MHz จัดเต็มพอสมควรแต่ไม่สามารถอัพเกรดได้ ส่วนในตัว SSD นั้นมาพร้อมกับ 512GB M.2 PCIe SSD ที่การอ่านเขียนนั้นถือว่าไวพอสมควร ทางด้านหน้าจอนั้นจะเป็นหน้าจอแบบ 2K ที่ใช้งาน หน้าจอขนาด:14 นิ้ว IPS  2160 x 1440, 185 PPI อัตราส่วน 90% อัตราส่วนความคมชัด:1500:1. ความสว่างสูงสุด:300 nits Viewing Angle:178° องศา อัตราส่วนภาพ: 3:2 แต่น่าเสียดายว่ารุ่นนี้ไม่ได้รองรับระบบสัมผัสครับ เพราะจะเป็นแค่รุ่น Ryzen 7 เท่านั้น ส่วนงานออกแบบส่วนอื่นๆก็ยังคงสไตล์เดิมเลยพร้อมกับกล้องที่ซ่อนไว้ตรงแป้นพิมพ์ รวมถึง ลำโพง 2 ตัว และ พอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาเพียงพอ ทั้ง USB-C / USB-A / HDMI ครับ แต่การกางหน้าจอรุ่นนี้จะไม่รองรับการกางหน้าจอ 180 องศาแบบตัวอื่นๆของค่ายนี้นั้นเอง

HUAWEI MATEBOOK 14 เปิดตัวมาพร้อมกัน 2 รุ่นย่อยในราคา เริ่มต้น

  • สเปก RYZEN 5 4600H RAM 16GB SSD 512GB 25,990 บาท** ในรุ่นที่รีวิว
  • สเปก RYZEN 7 4800H RAM 16GB SSD 512GB จอสัมผัส 29,990 บาท 
    ** Ryzen 7 นั้นจะได้หน้าจอสัมผัสมาใช้งาน

UNBOX

  • HUAWEI MATEBOOK 14
  • ที่ชาร์จ USB-C 65W
  • สายชาร์จ USB-C ไป USB-C
  • คู่มือ

DESIGN

งานออกแบบนั้นเน้นความเรียบง่ายครับโทนสีเทา เข้มสวยงามพร้อมกับฝาหลังวัสดุโลหะอลูมิเนียมทั้งเครื่อง โลโก้ HUAWEI ตรงกลางครับแน่นอนว่าดีไซน์อะไรเรียบง่ายสวยงามเลยแหละงานประกอบความรู้สึกในการใช้งานนั้นดูแน่นหนาทีเดียวดีไซน์นั้นไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนๆหรือว่าตระกูล D ของค่ายก่อนหน้านี้มากนักต้องบอกว่าหลายๆส่วนนั้นมีความคล้ายกันเลยทีเดียว แต่รุ่นนี้จะเด่นในเรื่องของน้ำหนักแค่ 1.5 กิโลกรัม และ ความบางที่ทำได้ดีอย่างมากครับแค่ 15.9มม.เท่านั้น หน้าจอนั้นทำได้บางพอสมควรจะเห็นว่าทั้งขอบด้านบน และขอบด้านข้างนั้นมีขนาดใกล้ๆกัน

ดีไซน์ตัวเครื่องรุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอแบบ 3:2 ซึ่งหน้าจออัตราส่วนแบบนี้จะค่อนข้างแปลกใหม่และไม่ค่อยเห็นเท่าไรนัก ถ้ามองในตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วไปแต่เมื่อได้ลองใช้งานกันอาจจะมีหลายๆคนนั้นค่อนข้างชอบอัตราส่วนแบบนี้เพราะว่าในแง่ของการใช้งานนั้นจะเต็มตามากขึ้นเวลาเขียนงานหรือว่าทำงานที่ต้องใช้พื้นที่แนวตั้งมากหน่อยนั้นเอง ส่วนขอบหน้าจอนั้นรุ่นนี้ทำได้บางกว่าเดิม และการที่ไม่มีกล้องหน้าทำให้ขอบด้านบนนั้นมีความบางมากขึ้นไปอีก ส่วนบอดี้ฝาหลังนั้นเรียบๆขึ้นรูปชิ้นเดียวกันทั้งหมดพร้อมกับโลโก้ตรงกลาง ไม่ได้มีลวดลายหรือเส้นสายอะไรพิเศษ

ขอบหน้าจอในส่วนขอบข้างๆนั้นจะถือว่าค่อนข้างบาง และทำให้สัดส่วนของตัวเครื่องนั้นมากถึง 90% เลยทีเดียว ในรุ่นนี้ส่วนช่องระบายนั้นจะยิงออกส่วนด้านล่างไม่ได้ยิงขึ้นมาบนขอบหน้าจอ จะทำงานคล้ายกับรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ ส่วนการระบายแน่นอนว่าไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ถ้ามองในแง่ของระบายจากด้านบนนั้นจะแตกต่างกันอยู่นิดๆ

ในส่วนงานออกแบบการเก็บงานในขอบต่างๆนั้นถือว่ามีความเนียนสวยและเก็บขอบได้ดีถือว่างานประกอบเมื่อเทียบกับงบนี้ทำได้ดีเลยแหละ มีสแกนนิ้วมาให้ตรงปุ่มเปิดปิดเครื่อง ในตัวข้อต่อนั้นมีความแข็งแรงระดับนึงไม่โยกเวลาจับข้างใดข้างนึง จะเป็นกล้องหน้าแบบ PopUp ขึ้นมาแบบกดนะครับซึ่งเมื่อไม่ใช้งานมันจะซ่อนลงไปตรงคีย์บอร์ดมองไม่เห็นเลยว่าจะเป็นกล้อง และการออกแบบแบบนี้นั้นทำให้เก็บเรื่องของความเป็นส่วนตัวได้ดีครับสามารถ ซ่อนได้แบบมิดชิดพอสมควรเลยแหละ แน่นอนว่าช่วยในเรื่องของการออกแบบขอบหน้าจอที่ทำได้บาง

ในด้านหลังการออกแบบการวางช่องระบายอากาศความร้อนในด้านหลังแบบแนวยาวพร้อมกับลำโพงซ้ายขวา รวมถึงยางรองเครื่องแนวยาวในด้านหลังที่ยกเครื่องขึ้นมานิดหน่อย และ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในส่วนของช่องระบายข้างหลังนั้นจะเป็นซ้ายขวา ยิงออกมาตรงหลังคีย์บอร์ด และแน่นอนว่าตัวช่องด้านซ้ายนั้นจะใหญ่กว่าเพราะมันเป็นช่องสำหรับพัดลมที่อยู่ฝั่งนี้ และฝั่งขวาเลยเป็นช่องระบายอีกแบบนึง ในด้านหลังเมื่อเราส่องทะลุผ่านช่องเหล็กนั้นจะเป็นตัวพัดลมระบายความร้อนที่เห็นชัดเจนพอสมควรในการดูดลมเข้าไป และเป่าลมร้อนออกทางด้านหลัง ส่วนของตัวไมค์ 4 ตัวจะวางไว้ใต้เครื่องด้านหน้าทั้งหมด สำหรับรับเสียงคนใช้งานแบบเต็มที่เลย

SPEC

  • หน้าจอ ขนาด:14 นิ้ว IPS  2160 x 1440, 185 PPI อัตราส่วน 90% อัตราส่วนความคมชัด:1500:1. ความสว่างสูงสุด:300 nits Viewing Angle:178° องศา อัตราส่วนภาพ: 3:2
  • AMD Ryzen 5 4600H กราฟิก Radeon
  • RAM 16 GB DDR4 2666MHz
  • SSD 512 GB M.2 PCIe SSD
  • ลำโพง:ลำโพง x 2. ไมโครโฟนในตัว:ไมโครโฟน x 2
  • เซนเซอร์ รองรับ Hall Sensor รองรับ Gravity Sensor รองรับสแกนลายนิ้วมือ
  • พอร์ตเชื่อมต่อ : USB-A 3.2 GEN 1 x 2  USB-C x 1 HDMI x 1
    ชุดหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. แจ็ค 2-in-1 x 1
  • Battery Capacity: 56 Wh (rated capacity)
  • Wi-Fi:IEEE 802.11a/b/g/n/ac, 2.4 GHz และ 5 GHz, 2 x 2 MIMO บลูทูธ 5.0,
  • ขนาดตัวเครื่อง 307.5 X 223.8 X 15.9 mm

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้อัพเกรดมาใช้งาน ตัว CPU AMD RYZEN 5 4600H (3.00 GHz up to 4.00 GHz, 8 MB L3 Cache) เป็นสถาปัตยกรรม 7nm  ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ AMD RADEON  ให้ RAM 16GB DDR4 Bus 2666 MHz ไม่สามารถอัพเกรดได้ และในเรื่องของความจุนั้นมาพร้อมกับ SSD  512GB NVMe M.2 ครบๆเลยแหละ ครับสำหรับรุ่นนี้แน่นอนว่าในส่วนของคะแนนก็พอใช้งานได้พอสมควร มาพร้อมกับ Windows 10 ให้เลย รองรับการทำงานได้สบายๆ

PCMARK คะแนนทำได้ 4921 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าเอาเรื่องเนื่องจากใช้งานตัว 4600H ทำให้รองรับการ ทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลาย และเต็มประสิทธิภาพกว่าแบบชัดเจนครับ ทางด้านความร้อนนั้น CPU 80 และ GPU 75 สำหรับการทดสอบนี้ให้สภาพอากาศปกติ ถือว่าเรื่องความร้อนแอบสูงกว่าตัวก่อนหน้าอาจจะด้วยการปรับมาใช้งานตระกูล H

3D MARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ Sky driver / Night Raid ถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 11074 คะแนนดี การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆแม้จะไม่มีการ์ดจอแยกเข้ามาช่วยด้วยแต่ทำคะแนนได้เท่ากับพวก MX เลยครับ และ ใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลาย ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลทำให้การทำงานต่างเรนเดอร์เริ่มต้นอะไรสบาย ส่วนเรื่องคะแนน Sky Driver นั้นแตะ 9600 ได้เลย และในตัว FIRE STRIKE นั้นทำไปได้ 2523 คะแนน และสำหรับตัว Time Spy นั้นทำไปได้  699 คะแนน ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU 79 และ GPU 72 ครับสำหรับตัวนี้ สภาพอากาศปกติ ถือว่าเป็นการ์ดจอติด CPU ที่ทำได้ดีมากๆ และคะแนนก็แสดงให้เห็นว่าดีมากเลยแหละครับ

CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 1329 ถือว่าแรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนชัดเจน และทำไปได้ 54.15 FPS และในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 2943cb ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU แอบดีกว่าตอนรุ่นที่แล้ว R5 แบบชัดเจนเลย ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้ 3391 ส่วนเขียนที่ 2696 คะแนน จากทดลองหลายๆรอบ ถือว่าการอ่านเขียนนั้นไวมากและใช้งานได้ดีจริงๆ และ ครั้งนี้ให้มา 512GB ครับ ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆในการใช้งานทั่วไป

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้เป็นอีกจุดที่ต้องบอกว่าเหนือกว่าคู่แข่งในเรทราคาช่วงนี้และมีทั้งเรื่องของสเปกที่ดีและการใช้งานที่ดีด้วยเช่นกันหน้าจอมาพร้อมกับขนาด 14 นิ้วแต่ใช้งานอัตราส่วน 3:2 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่เราไม่ค่อยเห็นค่ายไหนใช้งานมากนัก และให้ความละเอียดมากถึง 2K หรือ  2160 x 1440 พิกเซล พร้อมกับใช้งานหน้าจอแบบ IPS รองรับมุมมอง 178 องศาและรองรับความสว่าง 300NITS สุงสุดรวมถึงความหน้าแน่นพิกเซลที่ 186PPI เลยทีเดียวจึงไม่แปลกใจว่าทำไมหน้าจอของเจ้า MATEBOOK 14 รุ่นนี้ถึงมีความโดดเด่นและใช้งานได้ดีอันดับต้นๆ และโดดเด่นเหนือตัวอื่นๆในเรทราคานี้แบบชัดเจน และใช้งานหน้าจอกระจกแบบเงาแน่นอนว่าเรื่องของแสงสีสวยงามกว่าแบบด้านชัดเจน แต่ถ้าเน้นทำงานนอกสถานที่อาจจะเจอแสงรบกวนได้ง่ายมาก อีกทั้งเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายกว่าถ้าเป็นหน้าจอสัมผัสแบบในรุ่น Ryzen 7  แต่ถ้าแลกกับการเอามาทำงานตัดต่อแต่งภาพนั้นหน้าจอแบบเงานั้นทำได้ดีกว่ามาก

ในแง่ของคุณภาพในการใช้งานจริงๆนั้นรุ่นนี้ถือว่าให้คุณภาพการใช้งานเป็นที่น่าประทับใจในทั้งเรื่องของการดูภาพต่างๆสีค่อนข้างตรงและมุมมองสมกับเป็น IPS รองรับมุมมองเอียงได้ดีดีรวถมึงมิติของตัวภาพการแสดงเฉดสีเมื่อเทียบกับเรทราคานี้ถือว่าสบายๆและมีความแม่นยำมาก หน้าจอจึงทำออกมาโดดเด่นและรองรับดีจริงๆ รวมถึงความสว่างในการใช้งานจริงก็สามารถสู้แสงได้ดีใช้งานข้างนอกได้สบายแม้จะเป็นกระจกเงาแต่ก็สู้แสงได้ดีเลยทีเดียวถ้าในงบ 25K และต้องการจอที่สีตรง และเน้นพกพาเอาไปทำงานสายถ่ายภาพ กราฟิกตัวนี้บอกเลยว่าสบายมาก

KEYBOARD

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นยังคงดีไซน์อะไรต่างๆที่เราคุ้นเคยกันในรุ่นก่อนหน้า แต่ในตัวรีวิวนั้นจะเป็นเครื่องนอกนะครับส่วนเครื่องในไทยนั้นเป็นภาษาไทยปกติเลย ใช้งานแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง เว้นระยะห่างกันได้ดี มีไฟ Backlit สีขาวมาให้ด้วยครับ ส่วนระยะการกดนั้นถือว่าทำได้ดีระดับนึงในการออกแบบเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องครับ และโทนสีดำนั้นทำให้เห็นค่อนข้างชัดเจนแม้จะเป็นกลางวันกลางคืน ถือว่าเป็นการเลือกสีที่ดีไม่ใช้สีโทนอ่อนแบบตัวอื่น และตัวอักษรตัวปุ่มที่ใหญ่ทำให้ใช้งานค่อนข้างง่ายและกดพิมพ์งานรัวๆได้แบบไม่ติดปัญหาอะไรเลย

ตัวปุ่มอะไรนั้นจัดวางแบบคีย์บอร์ดทั่วไปเลย แต่จะมีปุ่มตรงกลางที่เป็นกล้องเพิ่มแทรกเข้ามานั้นเองชอบที่ตัวปุ่มนั้นมีความใหญ่และมีพื้นที่ในการใช้งานได้ดีแต่เรื่องของระยะของตัวปุ่มเวลากดลงไปนั้นไม่ได้ลึกมากเท่าไร หลายๆคนอาจจะไม่ชิน แต่ถ้ามองเทียบกับพวก Ultrabook ก็จะอยู่ในระดับนี้ทั้งหมด ส่วนวัสดุเป็นแบบด้านสีดำมีพื้นผิวนิดหน่อยไม่ได้เรียบทำให้เวลากดนั้นมีความเกาะกับตัวนิ้วได้ดีครับ ส่วนตัวปุ่มนั้นไม่ได้มีความโค้งเว้าอะไร และที่ชอบคือตัวปุ่ม Power นั้นมีมาให้และรองรับการสแกนนิ้วได้เลยเวลากดลงไปไวและใช้งานได้จริง ไม่ต้องรอนาน

TOUCHPAD

ส่วนในการใช้งานจริงนั้นก็ถือว่าตัว 14 นิ้วขนาดเต็มๆใช้งานได้ดีเลยแหละ รวมถึงความลื่นไหลของตัวทัชแพดนั้นก็ถือว่าทำได้ดีแต่ที่ชอบคือความแน่นเวลากดลงไปนั้นระยะเสียงอะไรรู้สึกถึงความแน่นแข็งแรงของตัวเครื่องพอสมควรเลย และรองรับการใช้งานหลายๆนิ้วได้ดีไม่ติดปัญหาอะไร และการพัฒนารุ่นนี้ตัว Huawei Share TAG ก็ใส่เข้ามาให้ตรงทัชแพดเลยครับ สามารถวางมือถือแตะลงไปเพื่อทำการแชร์หน้าจอหรือใช้งานฟีเจอร์ร่วมกันมือถือ Huawei

HUAWEI SHARE 

สำหรับฟีเจอร์นี้ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่สำหรับคนใช้งาน HUAWEI เท่านั้นในการโอนย้ายไฟล์ โอนรูปหรือจะเป็นการยกหน้าจอมือถือขึ้นไปบนคอมเหมาะสำหรับคนที่ใช้ ECOCSYSTEM แบบครบๆเลยครับมันจะคล้ายๆกับ MAC ที่สามารถโอนย้ายไปอะไรง่ายๆกับ iPhone นั้นเองและตอนนี้ทาง Huawei ก็ได้ทำออกมาเช่นกันแต่พัฒนาขึ้นให้กับ Huawei Device ด้วยกันเองทำให้เราไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาก็สามารถใช้งานมือถือบนหน้าจอคอมของเราได้เลย ดูแจ้งเตือนเข้าไลน์หรือจะเป็นการย้ายไฟล์ ลากไปมาได้เลยว่าจะเป็นรูป หรือ วีดีโอไฟล์งานทุกอย่างนั้นสามารถทำได้ทั้งหมด และในรุ่นนี้มีการพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมเข้ามาและซ่อนตัว TAG ไว้ตรงทัชแพดแล้วทำให้เนียนตาและใช้งานสะดวกมากกว่าขอบเครื่องแบบรุ่นเดิม อีกทั้งฟีเจอร์ในการ Video Call Meetime ก็ทำได้ผ่านคอมพิวเตอร์แล้วและสามารถรับสายอะไรและใช้งานลำโพงของตัวคอมพิวเตอร์ หรือ ใช้งานผ่านตัวไมค์คอมพิวเตอร์แทนได้ทันทีเลย

ในการใช้งานนั้นจริงๆถ้ามี Huawei อยู่แล้วแค่เปิด Huawei Share และเอามือถือของเราไปแตะตรงที่มีสัญลักษณ์ Huawei Share บนตัวเครื่องจากนั้นมันจะเด้งขึ้นมาถามว่าจะต่อกับตัว Matebook หรือไม่ และเมื่อเชื่อมต่อเสร็จเราก็สามารถยกมือถือออกไปได้เลยไม่ต้องวางไว้ที่ตรงที่แปะครับ ถือว่าเชื่อมต่อ อะไรได้ง่ายจริงและชอบฟีเจอร์นี้มา และยังรองรับกับมือถือ HUAWEI หลายตัวได้เลย และ MATEPAD ก็ได้เทคโนโลยีนี้ไปใช้ได้ด้วยถือว่าดีมาก

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้นั้นจะเป็นลำโพงคู่วางอยู่ข้างล่างพร้อมกับยิงลงล่างครับซ้ายขวา ตัวลำโพงนั้นให้กำลังขับข้างละ 2W ก็ถือว่ามีความดังพอประมาณระดับนึง เพียงพอต่อการใช้งานอยู่บ้างแต่ถ้าเน้นเรื่องของมิติเสียง ความดังมากๆนั้นยังไม่ตอบโจทย์เท่าไร แต่ก็พอเล่นเกม ดูหนังอะไรได้อยู่บ้าง กลางๆไม่ได้เด่นและไม่ได้แย่เกินไป แต่จะเน้นเรื่องของความกังวานซ้ายขวา ได้ดี แต่ความแน่น หรือคุณภาพของเสียงนั้นยังไม่ค่อยจะเด่นกว่าตัวอื่นๆเท่าไรนักนั้นเอง

CONNECTOR

ทางด้านช่องเชื่อมต่อนั้นถือว่าเพียงพอในการใช้งาน ในด้านหน้าจะเป็นที่อยู่ของไมค์ 4 ตัว ในฝั่งขวานั้นจะให้ทางพอร์ตเชื่อมต่อ USB-A  มา 2 ช่อง เท่านั้นและไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม และมีทั้งหมด 2 ช่องทั้งเครื่องนั้นเอง แต่ที่ให้มานั้นจะเป็น USB-A 3.2 GEN 1 ทั้งคู่ ถือว่าในเรื่องของความเร็วในการใช้งานนั้นถือว่าสบายๆ ในรุ่นนี้
ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเป็นตัว USB-C ที่รองรับ PD ในการชาร์จไฟเข้าด้วยและมีไฟสถานะของตัวชาร์จสีขาวมาให้ ส่วนในตัวรู 3.5มม. ก็ให้มาในฝั่งนี้ และ HDMI ก็ให้มาด้วยถือว่ายังเพียงพอต่อการใช้งาน และ นำเสนองานได้ด้วยไม่ต้องเสียบอะไรเพิ่มเติม และด้วยขนาดของมันก็ถือว่าเทียบกับพอร์ตแล้วยังคงจัดการได้ดีเลยแหละ

WORKING 

Ryzen 5 4600H นั้นแน่นอนว่ารองรับการทำงานทั่วไปเช่น Microsoft ทั้งหมด อันนี้รองรับได้สบาย Excel Word สบายครับพวกนี้ไม่มีปัญหา และ RAM 16GB  ก็เพียงพอทำงาน 2-3 โปรแกรมได้เลยสบายๆ และ มาก กว่าตอนที่เราเคยทดสอบ D14 D15 ไปชัดเจน ส่วนของ ADOBE รองรับได้สบายอยู่ครับในส่วนของ Photoshop และการตัดต่อต่างๆนั้น รองรับได้หลากหลาย เลเยอร์มากขึ้น และด้วยตัว CPU มันไหวสบายๆ ทำงานหลายๆอย่างพร้อมกัน เนื่องจากเป็นตัว H ทำให้ประสิทธิภาพนั้นแรงได้สบายๆ และถ้ามองในมุมทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ รองรับการทำงาน 3 มิติระดับเริ่มต้น การตัดต่อไฟล์วิดีโอ หรือ เรนเดอร์ได้แบบไฟล์ไม่หนักมาก ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปสบาย โปรแกรมดูหนัง อื่นๆที่รองรับได้สบายไม่มีปัญหา หลักๆจะเน้นทำงานเบาๆจะดีกว่าครับในรุ่นนี้ หรือต่อภาพออกพรีเซนต์งานอะไรก็ทำได้สบาย มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ และ USB มาให้ค่อนข้างครบเลยแหละ

จากที่ได้ทดสอบจริงๆครับในการทำงานพวก ADOBE ทั้งแต่งภาพ ตัดต่อ หรือ เรนเดอร์ เท่าที่ทดลองการทำงานถ้าใช้งานแค่โปรแกรมเดียวมันสามารถตัดต่อวิดีโอ 4K ได้ด้วยในความยาวไม่เยอะมากนักอันนี้ถือว่าดี แต่เวลาเรนเดอร์จะนานพอสมควรครับเนื่อจากเป็นตัว Ryzen 5 และเช่นในตัวนี้เลยกินเวลาไป 1 ชั่วโมงกว่าๆเลย แต่ช่วงการตัดต่อพวกนี้คือรับไหวสบายๆครับ ส่วนตัว Photoshop – Lightroom พวกนี้รองรับได้สบายๆเท่าที่ลองไม่เจอหน่วงเลยครับถือว่าตัว CPU ประสิทธิภาพมันรองรับพวกนี้ได้ และในครั้งนี้ได้ RAM 16GB ทำให้เราสามารถใช้งาน ประมวลผลหรือสามารถทำงานหลากหลายโปรแกรมพร้อมกัน ได้สบายขึ้นและไม่เจออาการหน่วงหรือแลคครับ

GAMING 

RYZEN 5 4600H เดิมๆ พร้อมการ์ดจอ Onboard ครับใน การทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS  60+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ 70 องศา และ CPU แตะไป 81 องศา ครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมครับ ส่วนความร้อนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับในการเล่นเกม อาจจะไม่ได้เหมาะมาก เพราะคุณภาพนั้นปรับภาพระดับต่ำนะครับทุกเกม และ ที่แอดมินทดสอบคือเล่นในสภาพอากาศปกติ ไม่ได้เปิดแอร์ และ ไม่ได้มีพัดลมช่วยครับ ก็ถือว่าเล่นเกมได้ลื่นพอสมควรกับตัว H รุ่นนี้

HUAWEI MATEBOOK 14 

” Ultrabook แต่มากับ 3600H ทำงานได้สบาย พร้อมกับหน้าจอที่สวย ตัวเครื่องเบา “

เป็น Ultrabook แต่ใช้งาน CPU สายแรงตระกูล H ซึ่งเราจะไม่ค่อยได้เห็นกันซักเท่าไร และทาง Huawei นั้นเป็นค่ายแรกๆที่ใส่เข้ามาให้แน่นอนว่าด้วยประสิทธิภาพของเครื่องนั้นทำงานได้ดีแน่นอนแต่ที่น่าตกใจคือเรื่องของการประหยัดพลังงานหรืออายุการใช้งานนั้นแทบจะไม่ได้แตกต่างกับตระกูลUเลยแม้แต่น้อยเป็นจุดเด่นมากๆในรุ่นนี้ทำให้เราได้ใช้งานประสิทธิภาพในตัวแรงแต่ได้ใช้งานในขนาดที่พกพาได้ง่าย บางเบาพร้อมใช้งานได้ยาวนาน อีกทั้งมาพร้อมกับหน้าจอ 2K ที่มากับ IPS sRGB 100% สีสันเหมาะแก่การทำงาน สายงานแต่งภาพ กราฟิก สายครีเอเตอร์นั้นเหมาะแน่นอนสำหรับการทำงานเบื้องต้นหรือแก้ไขหน้างาน และดีไซน์งานออกแบบแน่นหนาเอาเรื่องสำหรับรุ่นนี้ถือว่าสเปกที่ใส่มาให้ก็เหลือๆทั้ง SSD 512GB RAM16GB ที่ใช้ตัวอ่านเขียนไวเลยแหละ ถือว่าในเรทราคานี้สบายๆในการใช้งานและหน้าจอสวยคุ้มค่าพอสมควรครับสำหรับ HUAWEI MATEBOOK 14 และถ้าหากใครใช้งานมืถถือ HUAWEI นั้นจะรองรับการแชร์หน้าจอและย้ายไฟล์อะไรได้แบบง่ายมากๆสำหรับระบบที่ออกมารองรับ

ข้อดี

  • ใช้งาน CPU รหัสแรงตระกูล H
  • ใช้งาน Ryzen 5 4600H ประสิทธิภาพทำงานได้ดี
  • RAM  16GB DD4 Bus 2666 MHz
  • SSD 512GB เร็วแรงในการใช้งาน
  • หน้าจอสวย สีสันตรงแบบ 2K IPS 100% หาได้ยากในงบนี้
  • วัสดุงานประกอบทำได้ดี แน่นสวย พรีเมี่ยม
  • ชาร์จ USB-C รองรับชาร์จไว แบตอึด
  • HUAWEI SHARE เหมาะกันคนใช้มือถือ HUAWEI อย่างมาก
  • กล้องซ่อนได้ดีสวยและเนียนตา
  • ตัวเครื่องหนักแค่ 1.49 กิโลกรัม บาง 15.9 มิลลิเมตร

ข้อสังเกต 

  • ไม่มีตัวอ่าน Micro SD หรือ SD Card
  • หน้าจอสัมผัสจะมีแค่ตัว Ryzen 7 เท่านั้น
  • ไม่สามารถอัพเกรด RAM ได้

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr