สวัสดีเพื่อนๆชาว TechHangOut กันอีกครั้ง และในวันนี้แอดมิน iTechHangOut จะขอนำเสนอ iMac ครั้งแรกกับการรีวิวคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสไตล์ TechHangOut.
โดยในครั้งนี้ทางแอดมินได้เลือกรุ่นที่นำมารีวิวคือ iMac 21.5″ 4K Retina Display ที่เป็นตัวเริ่มต้นของ 4K Retina Display ราคาจะเริ่มต้นที่ 47,900 – 54,900฿ ส่วนรุ่นเริ่มต้นของ iMac หน้าจอ Full HD. นั้นจะเริ่มต้นที่ 40,900฿
สำหรับรุ่นจอขนาด 27″ 5K Retina Display นั้นจะมีราคาเริ่มต้นที่ 62,900 – 82,900฿
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง iMac
- magic keyboard (ซื้อแยกในราคา 3,500 ฿)
- Magic Mouse 2 (ซื้อแยกในราคา 2,800 ฿)
- สายชาร์จ keyboard, mouse แบบ Lightning 1 ม. (ซื้อแยกในราคา 790 ฿ )
- คู่มือ
- ถ้าเช็ดหน้าจอ
- สติ๊กเกอร์ Apple Logo 2 ใบ
- สายชาร์จ
Design
Apple iMac ยังคงมาพร้อมกับรูปลักษณ์แบบเดิมที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความบางของตัวเครื่อง ที่ดูน่าใช้งาน. และยังมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด 4K ขนาด 21.5″ ที่ให้ความสว่างมากถึง 500 นิต ที่มีความสว่างมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 43% และยังมาพร้อมกับมาตรฐานคุณภาพสีจอแบบ P3 ที่เหมาะสมสำหรับผู้ทำงานตัดต่อและกราฟฟิคมากที่สุด. และกล้องหน้าแบบ FaceTime HD
สำหรับพอร์ตด้านหลังนั้นจะมาพร้อมกับพอร์ตการใช้งานที่เรียกว่าครบครันมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 , USB-C, 3.5 mm, SDXC, Gigabit Ethernet.
Magic Mouse 2 – เป็นเมาส์ wireless ที่มีขนาดเล็กและกระทัดรัดมาก เป็นเมาส์ที่แอดมินคิดว่าเล็กและเบาสุดในหมู่เมาส์ที่แอดมินเคยสัมผัสมา
ด้านหน้า – มีตรา Apple Logo อยู่กึ่งกลางด้านหล้งและส่วนบนเป็นส่วนของการใช้งานในรูปแบบของ multi touch.
ด้านข้าง – มีความเรียบง่ายและมีความโค้งมนของแผ่นพลาสติกและอลูมิเนียมอย่างลงตัวด้านหลัง – จะมีเซนเซอร์การเคลื่อนของเมาส์ และสวิทซ์เลื่อนเปิด-ปิด เมาส์. ส่วนด้านล่างจะมีรูไว้สำหรับเสียบชาร์จกับ Lightning
Magic Keyboard – keyboard wireless ขนาดเล็กที่มีความพอดีมือในการถือเดินไปเดินมาในการใช้งานได้อย่างสะดวก
ด้านหน้า – ดีไซน์ด้วยแผ่นอลูมิเนียมที่วางปุ่มด้วยพลาสติกทั่วไป ที่ให้ความรู้สึกของการกดแข็งๆและกระด้าง
ด้านข้าง – ออกแบบเพื่อให้ง่ายต่อการพิมมากขึ้น ไม่แบนเรียบจนเกินไป สะดวกต่อการใช้งานแป้นพิมพ์แบบไม่ต้องเอื้อมมือมากเหมือนแป้นพิมพ์ทั่วไป.
ด้านบน – ซ้ายมือจะเป็นสวิทซ์ เปิด-ปิด และส่วนตรงกลางนั้นจะเป็นช่องเสียบชาร์จแบบ Lightning
ด้านหลัง – ออกแบบด้วยแผ่นพลาสติกใส ที่ตรงกลางนั้นจะมีตรา Apple และ มุมทั้ง 4 จะมาพร้อมกับแท่นรองขนาดเล็ก.
และเมื่อทุกอย่างวางบนลงโต๊ะ เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า โต๊ะคอมนั้นจะมีพื้นที่การทำงานที่มากกว่าเดิม เพราะ ไม่ต้องเสียพื้นที่การวาง PC และหน้าจออันใหญ่ยักษ์ แถม Keyboard + Mouse ที่มีขนาดเล็กและกะทัดรัดมากกว่าเดิมถึง 2-4เท่า(แอดมินเทียบกับ keyboard , mouse อันเก่าของแอดมิน)
Performance
สำหรับ iMac ที่ทางแอดมินนำมารีวิวในครั้งนี้จะเคลื่อนที่บนระบบปฏิบัติการ macOS Sierra
- CPU Intel Core i5 Gen 7 3.0 GHz Turbo boost ได้ถึง 3.5 GHz
- Ram 8 GB
- GPU AMD Radeon Pro 555 Ram 2 GB
สำหรับการเทสประสิทธิภาพครั้งนี้ทางแอดมินได้เตรียมแอพสำหรับการเทสไว้ดังนี้ :
GeekBench4
จากผลเทสจากเว็บไซต์ GeekBench นั้นสำหรับรุ่น iMac 21.5″ 4K นั้นถือว่ามีผลการทดสอบที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอสมควรสำหรับ Single core แต่ในส่วนของ Multi-Core นั้น Intel Core-i5 7500 Gen 7 ถือว่าทำออกมาได้ดีมากสำหรับผลเทสของรุ่น Core-i5 Gen 7
เรามาลองดุผลเทสจากเครื่องกันเองดีกว่า ทั้ง Single Core, Multi-Core และ OpenCL ผลปรากฏว่า….. คาดเคลื่อนกับผลที่ทาง GeekBench ได้ทำการทดสอบนิดเดียว
BlackMagic Disk Speed Test
สำหรับ HDD ที่อยู่ในเครื่อง iMac 21.5″ นั้นเป็น 1 TB, 5400 rpm การ อ่าน-เขียน อยู่ที่ประมาณ 90 Mb/s ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอรับได้ของ HDD ความเร็ว 5400 rpm.
GFXBench Metal
CompuBenchCL
CineBench OSX
DotA 2
สำหรับ DotA 2 ใน iMac 21.5″ 4K นั้นสามารถเล่นได้ในความละเอียด 2K จนไปถึง SubHD และ Refresh rate อยู่ที่ 60 Hz. ทางแอดมินจะทดสอบที่ความละเอียด 2K และ FullHD ที่เป็นความละเอียดยอดนิยมและทั่วไปของผู้เล่นเกมส์.
สำหรับการเล่นเกมส์ 2K ด้วย การ์ดจอ Radeon Pro 555 ในเกมส์ DotA 2 นั้น fps จะตกมาอยู่ที่ 30-35 fps ถือว่าพอถูไถไปได้ในการเล่นแก้เซ็ง เล่นชิวๆไปเรื่อยๆ.
สำหรับการเล่นในความละเอียด FullHD นั้นถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร โดยที่ fps อยู่ที่ช่วง 40-50 fps กันเลยทีเดียว ไม่สูงมากแต่กำลังดีสำหรับการเล่นเกมส์บน iMac.
Heroes Of The Storm (HOS)
สำหรับเกมส์ HOS นั้น ถือว่าทำออกมาได้ดีในการใช้บนแมคจริงๆครับเพราะ สามารถรันได้ถึง 4K และยังมี API ให้เลือกว่าจะใช้เป็น OpenCL หรือ Metal ได้อีกด้วย. โดยในครั้งนี้แอดมินได้ทำการทดสอบบน Metal ผลปรากฏว่า ทำออกมาได้น่าพอใจมากครับ.
ในการเล่น HOS กราฟฟิคระดับ Ultra สามารถแตะในระดับ 55-60 fps กันเลยทีเดียว.
— สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ทดสอบผ่าน Borderless Window จึงทำให้เฟรมเรตของเกมส์นั้นมีการตกหล่นมานิดหน่อยจากที่ควรจะเป็น —
ข้อดี
- มาพร้อมหน้าจอ 4K ขอบเขตของสีในระดับ P3 แถมมีความสสว่างที่มากถึง 500 นิต
- intel Gen 7 + GPU เป็นการใส่สเปคมาได้ดีขึ้น (จากแต่ก่อนที่เริ่มต้นด้วย iris Pro)
- ThunderBolt3 (Type C) มา 2 พอร์ต ซึ่งดีต่อใจ ในการต่อจอเพิ่มได้อีกถึง 2 จอ
- OS ที่เหมาะแก่การทำงานและใช้งานได้ง่ายมาก
- จอบาง ดีไซน์โค้งมน ล้ำสมัยสุดๆ
- การทำงาน ตัดต่อภาพและทำวิดีโอ นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าดี ใช้งานง่ายทั้ง Pixelmator และ FinalCut Pro
- สำหรับ iMac 21.5″ 4K นั้นมีการปรับราคาที่ถูกลง เมื่อเทียบกับ iMac 21.5″ 4K ของรุ่นก่อนหน้านี้พอสมควร
- รองรับ VR แล้ว สำหรับรุ่นที่มีการ์ดจอแยก
- iDevices, OSX เชื่อมต่อส่งข้อมูลกันได้รวดเร็วและทันใจ จนแอดเกือบเผลอจะใช้งานแต่ iDevices
ข้อเสีย
- Mouse + Keyboard มีความบอบบาง ไม่คงทนซักเท่าไหร่
- ขอบจอออกแบบได้กินเนื้อที่มากเกินไปในยุคที่ จอส่วนใหญ่นั้นมีขอบจอที่บางลงเรื่อยๆ
- ผลการใช้งานระยะยาว การซ่อมบำรุงยังคงต้องพึ่ง Apple Care ไม่เหมาะสมกับกลุ่มคน DIY อย่างแน่นอน
- Metal ยอมรับว่าดีจริง. แต่หลายองค์กรยังไม่นิยมเอามาพัฒนา
- ไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมส์ (ในอนาคต อาจไม่แน่)
-สำหรับ เพื่อนๆชาว TechHangOut ที่สนใจ iMAc นั้นตอนนี้ทาง Studio7 พร้อมจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วในแต่ละ สาขา ไปทดลอง รองเล่นรองใช้งานกันได้เลยครับ สำหรับนักศึกษานั้นสามารถหาซื้อในราคานักศึกษาได้ที่ iStudio by SPVI หรืออีกช่องทางนึงผ่านทาง Apple –
สำหรับ macOS High Sierra นั้นทางแอดมิน ไอ จะนำมาพรีวิวในเร็วๆนี้ อย่างแน่นอนครับ.
Written icrEAm