John Wick เป็นหนังที่หลายๆคนน่าจะคุ้นเคยและเคยดูกันตั้งแต่ภาคแรกๆ เน้นความดิบ เถื่อน และ ต่อสู้แบบระยะประชิดที่ทำออกมาได้น่าสนใจและไม่ใช่แค่แอ็กชันแต่ประเด็น เนื้อหาก็ทำได้ดีจึงไม่แปลกใจว่าทำไมกระแสมันยังขายได้เรื่อยๆ และมีคนคอยสนับสนุนเรื่อยๆด้วยเช่นกัน ซึ่งในตอนแรกตัวหนังเองน่าจะจบกันที่ภาค 3 แต่หนังมันขายได้ และ กระแสกลับดีขึ้นเรื่อยๆทำให้ทาง ผกก. เองนั้นก็ยอมทำภาค 4 ออกมาด้วยความยาว 2.50 ชั่วโมงแถมยังได้กระแสตอบรับที่ดี และ ตัวหนังบอกเลยว่า แอ็กชันมาแบบไม่ยั้ง ไม่หยุด แต่บท เนื้อหา มุมกล้อง มันก็ดีกว่าเดิมได้อีกจึงไม่ค่อยเจอหนังภาคต่อที่ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆแบบเรื่องนี้สักเท่าไรครับ จึงขอชมเลยว่าจุดนี้เรื่องนี้ตอบโจทย์ได้ทุกส่วน
ตัวเนื้อหาเองนั้นแน่นอนว่าด้วยที่ตัวหนังเล่ากันแบบต่อเนื่องตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคนี้ โดยถ้ามองในระยะเนื้อหาหนังเขาบอกว่าไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ทำให้มันค่อนข้างสำคัญในการดูหนังภาคก่อนๆมา ทำให้เราอินและเข้าใจอะไรหลายๆตัวละครและแนวทางได้มากขึ้น ทำให้ภาค 4 เองอาจจะไม่ต้องมานั่งปูตัวละครสักเท่าไร เล่าอะไรมากมายเน้นปิดบทสรุปทุกอย่างของที่ผ่านมาด้วยการเล่าแบบแอ็กชันที่เราสามารถเดาทางได้ง่ายพอสมควร ไม่ได้มีอะไรพลิกหรือซับซ้อนมากนักทำให้มันเป็นหนังย่อยง่ายตามสูตรสำเร็จ แต่กลับไม่น่าเบื่อเพราะว่า การเล่าในแต่ละมุมตัวละคร หรือ แอ็กชันที่แปลกใหม่ทำให้ตัวหนังเองมีอะไรน่าสนใจขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ และ เล่าเรื่องได้แปลกใหม่กว่าภาคก่อนๆไปอีก ซึ่งในภาคก่อนๆเราอาจจะเจอช่วงเรียบๆจนเบื่อได้แต่ครั้งนี้สามารถแก้ไขในหลายๆเหตุการณ์รองให้น่าติดตามมากขึ้น
จริงๆถ้าเรามองในแง่ของการแสดง นักแสดงหลักแบบ Keanu Reeves นั้นพูดน้อยมากๆเลยนะ เน้นต่อยหนัก แอ็กชันหนักอย่างเดียวจริงๆ แต่การแสดงของเขาก็สามารถสื่อออกมาได้ดี ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างชอบทั้งเรื่องเลย เราจะเห็นแต่ละตัวละครออกมาเรื่อยๆ แต่ก็สามารถแสดงได้แต่ละแนวทางของตนเองได้ดีแบบไม่น่าเชื่อซึ่งต้องชมจริงๆไม่ว่าจะเป็น Laurence Fishburne ,Shamier Anderson ,Donnie Yen, Hiroyuki Sanada ซึ่งถือว่าดีในแต่ละซีนของตัวเอง แต่ตัวร้ายค่อนข้างยังไม่ค่อยดูน่ากลัวอะไร อาจจะด้วยบทที่อาจจะไม่ได้เน้นในแง่ความดุดันอะไรมากนักแต่เน้นการใช้พลังอำนาจมากกว่าเลยทำให้ไม่ค่อยดูน่ากลัวเท่าที่ควร แต่สื่อให้เห็นว่าการบ้าอำนาจมันไปในทางไหนก็เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่ตัวละครสื่อออกมาให้ชมกันได้ แต่ถ้ามองความเด่นในตัวหนังนั้นยังสู้คนอื่นๆที่ออกมาไม่ได้เท่าไรนัก
งานภาพ และ เสียง คือดีมาโดยตลอดและทางด้าน JOHN WICK 4 ก็ทำได้แบบน่าประทับใจแบบดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแรกคือการใช้งานคู่สีที่มันอยู่ในฉากเดียวกันแต่สวยและเกรดสีภาพโทนได้สวยมากๆรวมถึงการออกแบบฉากต่อสู้ มุมกล้องแบบมองจากมุมบน หรือ แม้แต่การใช้งานมุมกล้องที่ส่งให้เห็นอาวุธหรือแสงสีได้แบบลงตัว งานภาพเรื่องนี้คือสวยมากจริงๆ แม้จะเป็นฉากรถวิ่งรอบวงเวียนที่เน้นใช้งาน CG ล้วนๆในตัวรถแต่ก็ทำได้ดีเนียนตา รถไม่ซ้ำมากเท่าไร และ จับผิดได้ยาก แต่ถ้าใครสายตัดต่อ สายงานนี้อาจจะพอมองออกครับในหลายๆฉาก แต่รวมๆคืองานดีใส่ใจ และ ยังคงเน้นความอาร์ตของงานภาพทุกฉากจริงๆ อีกทั้งเรื่องเสียง ดีเทลยิงปืน ทิศทางมาดีมาก แน่น และชัดเจน รวมถึงบรรดาเพลงประกอบ เพลงที่เปิดในเรื่องสามารถเสริมอารมณ์ความสนุกได้ดี งานภาพเสียงคือสุดจริงๆ
ต้องบอกว่ากลายเป็นภาคที่ลงตัวทั้งแอ็กชัน เนื้อหา และ การเล่าเรื่องดีกว่าภาค 3 ชัดเจนไม่มีช่วงน่าเบื่อหรือชวนง่วงแบบนั้น การแก้ไขจุดด้อยเดิมๆทำให้หนังลงตัวทันที แอ็กชันมาแบบไม่ต้องพักหายใจอะไรทั้งนั้นรวมถึง งานภาพ เสียง แสงสี คือสวยและน่าติดตามทุกมุมกล้อง และมีมุมแปลกใหม่ที่เราไม่คิดว่าจะใส่เข้ามาเยอะแยะเหมือนกันนะ ไม่ควรพลาดในโรงภาพยนตร์จริงๆเพราะงานภาพสวยและเสียงแน่นมากๆ แต่อาจจะเน้นไปทางโรงธรรมดาได้ หรือ Atmos จะค่อนข้างคุ้มค่า แต่IMAX อาจจะราคาสูงไปเพราะเรื่องนี้ไม่มี ภาพ หรือ ฉากอะไรพิเศษที่ต้องไปโรงนั้น