JOKER เป็นตัวละครที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันในแง่ของคู๋ปรับแบทแมน เจ้าพ่อแห่งอาชญากรรม และในครั้งนี้หลังจากที่มีเรื่องอื่นๆที่เคยมีตัวละครนี้แทรกกันมานั้นจะไปอยู่ในหนังของ BATMAN และเราจะมองเห้น JOKER เป็นวายร้ายตลอดมาที่คอยมาเสริมในหนัง แต่ในครั้งนี้ มีการสร้างหนังของตัวเองและเล่าเรื่องในมุมมองที่ฉีกออกจากหนังหลายๆเรื่องก่อนหน้าและไม่เหมือนคอมมิคเท่าไรเลยนั้นเองครับ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นแค่การนำชื่อ ตัวละครมาใช้แต่เรื่องราวนั้นเล่าอีกแบบนึงไปเลย เพราะฉนั้นจะไม่เหมือน jOKER จากหนังเรื่องอื่นๆและอาจจะเทียบกันไม่ได้เลยนั้นเองครับ เพราะมันคนละมุมมองกันเลย
ในเรื่องย่อนั้นคงไม่ต้องอธิบายกันเยอะครับมาเล่ากับตัวหนังหลังจากที่ไปดูมากันเลยครั้งนี้ดูโรง IMAX ต้องบอกว่าอัตราส่วนภาพนั้นมันเต็มตาเต็มจอสุดขอบ และเรื่องเสียงนั้นทำได้ดีอิมแพ็คต่อความรู้สึกตอนดูได้ดีมากๆแนะนำครับระบบนี้และเป็นแบบ 2D ด้วยนั้นเอง ในตัวหนังหลังจากดูจบมันรู้สึกหดหู่แบบที่ไม่ค่อยได้เจอมาก่อนในหนังยุคหลังๆ และเป็นหนังที่อิมแพ็คต่อความรู้สึกคนได้ดีและลงลึกไปต่ออารมณ์ความคิดของเราได้เลยว่าดูจบแล้วมันมีให้เรื่องอะไรได้คิดต่ออีกยาว ไม่ค่อยเจอหนังแบบนี้เท่าไรเลยในยุคนี้อันนี้คือชอบมากๆครับ และตัวหนังเป็นเรื่องที่ทำได้ลงตัวและนับแสดงนั้นต้องยอมรับว่าโหดแบบสุดๆ ออสการ์คงไม่ไปไหนไกลเลยสำหรับคนนี้ วาคิน ฟินิกซ์ เป็นหนังที่ทำได้ดีและหายากมากในยุคหลังๆที่สื่อออกมาได้ครบและเล่นอารมณ์กับคนดูได้ขนาดนี้
ตัวเนื้อเรื่องนั้นเรียบๆแบบธรรมดาเลยเล่าเรื่องไล่ลำดับปกติให้เราเห็นตัวละครพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ดูยากอะไรครับแต่การเล่าเรื่องแบบธรรมดาให้มันน่าติดตามและมีอิมแพ็คขนาดนี้อันนี้เป็นเรื่องยากมากๆตัวหนังเล่าเรื่องได้ดีและน่าติดตามในทุกจังหวะรวมถึงตัวบทของหนังนั้นทำออกมาได้ลงตัวในทุกด้าน ตัวบทเจาะลึกไปเรื่อยๆค่อยๆกดดับเราให้รู้สึกหดหู่ไปกับตัวหนัง และกดดันลงไปเรื่อยๆตั้งแต่ต้นจนจบ และพีคสุดๆช่วงท้ายแบบระเบิดที่พร้อมปล่อยออกมาตอนไหนก็ได้ไม่มีทางรู้ได้เลย ถือว่า เป็นหนังที่กดดันคนดูแบบอึดอัดมากๆ บางคนอาจจะไม่ชอบเลยก็ได้ และมีแทรกการเมืองควมแตกต่างของชนชั้นไว้เยอะพอสมควรครับ แต่ถ้าเข้าใจหนังก็จะติดตามแบบไม่กล้าลุกไปไหนเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าหนังจะดำเนินไปยังไงครับในเรื่องนี้ ซึ่งน่าเหลือเชื่อว่าเรื่องนี้มันคือ ฝีมือ ผกก คนเดียวกับหนังสายฮาแบบ The Hangover ถือว่าพลิกและทำได้ดีมากกกกกกจริงๆ อันนี้ยอมจริงครับ
ตัวละครนักแสดงนำนั้น วาคิน ฟินิกซ์ โคตรจะเข้าถึงบทแบบไร้ที่ติจริงๆ กล้าพูดว่าชิงออสการ์ได้สบายมากๆ และแข่งกับทาง อดัม ไดรเวอร์ แบบสูสีแน่นอน วาคินั้นเข้าถึงบทจนน่าตกใจทั้งแววตาและหลายๆฉากที่ไม่ต้องมีคำพูดแต่โคตรจะกดดันเราและสื่ออารมณ์แบบที่เราไม่รู้เลยว่าจะเก็บอะไรไว้ อีกทั้งเสียงหัวเราของเค้านั้นทำได้ทรงพลังและน่ากลัวไปในทางเดียวกัน ทุกฉากที่มีเสียงหัวเรามันกลับทำให้เราไม่ตลกเลยแต่มันแฝงอะไรเยอะมากจนน่ากลัวจริงๆ นักแสดงทำให้หนังเรื่องนี้ไปสู่จุดพีคได้แบบสบายทั้งท่าทาง การพูด ทั้งหมดต้องบอกว่ามันคือที่สุดของ วาคิน แล้วที่เคยดูมาในหลายๆเรื่อง
ตัวงานภาพและเสียงเป็นจุดเด่นหลังๆที่ชอบมากในค่ายนี้ในหลายเรื่องนั้นจะเน้นเรื่องนี้และในเรื่องนี้ก็เป็นจุดหลักที่จะพาอารมณ์ของเราไปให้สุดเสียงซาวนด์นั้นจะมาแนวคล้ายๆ เชลโล่ ที่จะเล่นจังหวะยืดๆเล่นกับอารมณ์ของแต่ละฉากได้แบบลุ้นไปกับหนังได้จริงๆนะ คือว่าฉากไหนเป็นยังไง ซาวนด์ประกอบเรื่องนี้มันสุดจริงๆ และมันดีขึ้นเมื่อดูใน IMAX ผมว่ามันกระแทกบางจังหวะได้สุดมากแม้จะไม่มีแอคชั่นตูมตามและมันลุ้นระทึกกว่าอีกนะในเรื่องนี้ ส่วนงามภาพนั้นสวยและมุมกล้องดีครับ การทำโทนสีภาพนั้นดูเข้ากับยุค นั้นและมีการอิงหลายๆฉากที่เอามาจากหนังยุคเก่าๆเยอะทั้งมุมกล้องและการแสดงถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดีและอิงเรื่องพวกนั้นได้เยอะมากๆครับ
เป็นเรื่องที่ดูแล้วมีผลต่ออารมณ์มากที่สุดเรื่องนึงในหลายๆปีมานี้และมันทรงพลังและน่ากลัวไปในครั้งเดียวกัน และยังเล่นกับอารมณ์ของเราได้แบบลงลึกสดๆครับเป็นหนังที่ดาร์คแบบไม่มีความสดใสหรือบันเทิงในเรื่องนี้เลย แนะนำว่าใครไม่ชอบแนวนี้อาจจะง่วงหรือเบื่อกันได้ และหนังรุนแรงแบบสมจริงมากครับแนะนำว่า ไม่ควรพาเด็กไปดูเท่าไร และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมืองนอกถึงกลัวและเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่างๆไว้เพราะในหนังมันแบสมจริงกับชีวิตใครบางคนได้เลยและมันปลุกเร้าอารมณ์แบบนั้นได้แบบไม่รู้ตัวจริงๆ โดยส่วนตัวคือยกให้เป็นหนังที่ชอบและดีมากๆในปีนี้และในหลายๆปีทีผ่านมาที่เล่นกับความรู้สึกของเราได้ขนาดนี้และมีเรื่องให้คิดอะไรเยอะแยะมาหลังหนังจบและหดหู่มากจริงๆครับ ต้องขอชมกัน ผกก นักแสดง ทั้งหมดเลยว่าทำหนังออกมาขึ้นหิ้งอีกเรื่องครับ แนะนำให้ดูจริงๆ