เมื่อพูดถึงรถยนต์เปิดหลังคา หรือ ว่าเปิดประทุนเองนั้นต้องบอกเลยว่าหลายๆคนน่าจะนึกถึงบรรดารถยนต์ 2 ที่นั่งซะส่วนใหญ่ แต่จริงๆนั้นมันยังคงมีตลาดสำหรับ 4 ที่นั่งอยู่เช่นกันและในไทยเองก็มีให้เลือกจากค่าย Mercedes-Benz นั้นก็คือในตัว E-Class ในรุ่น Cabriolet นั้นเองครับเพราะว่าจริงๆในตระกูล E-Class ก็มีรุ่นเปิดประทุนมาก่อนหน้านี้ก็ถือว่าได้รับความนิยมระดับนึง รวมถึงยังมีในตระกูล SL ก็เป็นเปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่งเช่นกันแน่นอนว่าค่ายนี้ก็จัดได้ว่าทำตลาดในกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง และในปีล่าสุดก็ได้เปิดตัว E200 Cabriolet ที่เป็นรุ่นการเปลี่ยนหน้าตาหรือว่า Minorchange แล้วนั้นเอง แต่จะมีการปรับลดราคา และ ลดเครื่องยนต์เล็กน้อยถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่จะเป็นรหัส E300 Cabriolet นั้นเอง แต่ก็ถือว่าจับต้องได้ง่ายขึ้นแต่การใช้งานจะเป็นยังไงเองนั้นมาอ่านกัน

Mercedes-Benz E 200 Carbiolet AMG Dynamic เองนั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ต้องบอกว่าแอบเล็กไปนิดหน่อย  เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร  กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่  จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง นั้นเอง ทำให้อัตราเร่ง 0-100 เองก็ 8 วิไม่ได้โหดมากนักแต่ก็เน้นตีนต้นที่ไว สนุกได้อยู่เหมือนกันแต่ถ้าตีนปลายหรือเร่งแซงอาจจะเหนื่อยเลยแหละ ซึ่งคันที่รีวิวอาจจะมีการใส่ตัวเลือกออฟชันเสริมทั้ง ล้อที่ลายแตกต่างกับรุ่นปกติ หรือแม้แต่เข็มขัดแดงนะครับ แต่ถ้าเดิมๆนั้นจะมาพร้อมกับ ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว AMG 10 ก้าน  และทางด้านไฟหน้า Multibeam LED with Ultra Range High Beam แบบครบๆหน้าตาใหม่ทั้งหมด ทั้งด้านหน้าไฟหน้า และ ไฟท้าย และ ภายในเองก็ครบแบบเดิม หน้าจอชุดมาตรวัดแบบ Widescreen Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมหน้าจอกลาง MBUX และระบบสัมผัส แต่น่าเสียดายตัวควบคุมตรงกลางยังคงเป็นแบบเก่าครับ ส่วนออฟชันอื่นๆมาครบ ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Assist และ ระบบเตือนเมื่อออกจากรถ Exit Warning แต่ไม่มีระบบ Adaptive Cruise หรือ Lane Keeping อะไรมาให้เลยครับซึ่งหลายๆรุ่นก็ตัดออกไปเหมือนกันอันนี้แอบน่าเสียดายเลยแหละ แต่กล้องรอบคันต่างๆคันนี้ยังมีมาให้นะครับ และแน่นอนว่าหลังคาผ้าใบแบบ Softtop ที่สามารถพับ และ กางได้ภายใน 20 วิก็ถือว่าเป็นตัวชูโรงในรุ่นนี้เลยนั้นเอง

PRICE 

  • Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic (Facelift) เปิดราคาที่  5,140,000 บาท
  • คันที่รีวิวจะเป็นออฟชัน Night Package ที่ราคาเพิ่ม 270,000 บาท ได้กล้องรอบคัน / HUD / เข็มขัดสีแดง /ชุดแต่งทริมสีดำด้านหน้า หลัง / กระจกมองข้าง ดำ / ล้อ20 นิ้ว 14 ก้าน / ตกแตงภายใน

EXTERIOR

งานออกแบบภายนอกต้องบอกว่ารุ่นนี้จะเป็นการเปลี่ยนหน้าตา Facelift หรือ Minorchange นั้นเองทำให้บอดี้ภายนอกยังคงใช้แบบเดิม แต่เปลี่ยนหน้าตาใหม่ทั้งหมด และ รายละเอียดไฟท้าย ซึ่งต้องบอกตรงๆว่างานออกแบบเส้นสายตัวนี้มีความเรียบ โค้งมนไปทั้งคันแต่ก็แสดงถึงความเรียบหรู และมัดกล้ามแบบเบาๆใส่เข้ามาให้เป็นรุ่นที่ลงตัวมากๆคันนึงของค่ายนี้ในยุคหลังๆเส้นสายไม่เยอะแต่สวยลงตัว รวมถึงทรงรถที่ยาง แบนทำให้มันหรูและแพงมากซึ่งลงตัวทั้งการออกแบบในตัว Coupe และรุ่นเปิดหลังคา Cabriolet เลยทีเดียวต้องยอมเรื่องสัดส่วนออกแบบคันนี้

และแน่นอนว่าตัวรถที่สวยแบบนี้และถือว่าอยู่ในตระกูล E ทำให้ความยาวของมันสูงถึง 4,846 มิลลิเมตร ทำให้ถือว่าเป็นรถที่ยาวคันนึงในการขับขี่ในเมือง แต่ถ้ามองเทียบกับสัดส่วนตัวรถบอกเลยว่าสวยและลงตัวอย่างมากเส้นสายลงตัวมากขึ้นเมื่อปรับหน้าตาใหม่ ตัวรถมีความดุดันมากกว่าเดิมด้วยรูปทรงกระจังหน้าแบบปากคว่ำ อีกทั้งเมื่อเปิดหลังคาทำให้เส้นสายเรียบและคลีนมากกว่าเดิมทั้งด้านหน้าและท้ายทำออกมารับกันได้อย่างดีอันนี้ถือว่าลงตัว

ในรุ่นนี้แน่นอนว่ามีการใช้งานกระจังหน้า Diamond Grille สีเงิน พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz ที่เป็นรูปทรงปากคว่ำแบบยุคใหม่ของค่ายพร้อมกับ เปลี่ยนไฟหน้าให้รับกับกระจังหน้ามากกว่าเดิม และ ชุดแต่งกันชนแบบ AMG ทั้งหมด เสริมด้วยการตกแต่งสีดำทั้งหมด ไม่มีเส้นสายโครเมียมในตัวใต้กระจังหน้า ช่องดักลมอะไรเลยแม้แต่น้อย  ส่วนด้านหลังแน่นอนว่า มีความคลีนมากกว่าเดิมที่ซ่อนกล้อง และ ที่เปิดฝาท้ายไว้ตรงโลโก้ รวมถึงท่อไอเสียปลอกโครเมียมคู่ และชุดแต่งด้านล่างสีดำทั้งหมด ถือว่าสสวยและดูสปอร์ต เข้ากับไฟท้ายแบบเล็กๆยาวๆได้ลงตัวทันทีเลย

ไฟหน้าที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่สูงมากๆตัวนึงของค่ายที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Multibeam + Ultra Range ทำให้ส่องสว่างได้มากถึง 650 เมตรเลยทีเดียวครับ และยังมีเทคโนโลยี ที่จะหลบแบ่งช่องให้กับคันข้างหน้าด้วยเช่นกัน เป็นช่องๆทำให้ไฟสูงไม่แยงตา และ ลดแสงสะท้อนเวลาฝนตกได้ด้วยถือว่าโหดมาก และการออกแบบช่องดักลมต่างๆจะมีการรีดอากาศออกด้านข้างเป็นช่องจริงๆ ขอบๆครับ ส่วนตัวล้อคันนี้มาในขนาดใหญ่และมีการเปลี่ยนจากรุ่นปกติเล็กน้อยครับ ถ้าเดิมๆเราจะได้ 10 ก้านแต่รุ่นนี้เราจะได้ Multi Spoke 14 ก้าน 20 นิ้ว เข้ามาเพิ่มเติมทำให้เสียเงินเพิ่มนะครับ พร้อมกับเบรกขนาดใหญ่ที่มาพร้อมการเขียน Mercedes-Benz สีเทาอันนี้เดิมๆจากสเปกพื้นฐานครับ  ซึ่งจะเพิ่มจากราคาเดิม 270,000 บาทนั้นเองได้ทั้งกล้องรอบคัน ล้อ เข็มขัด และ HUD มาให้เพิ่มนั้นเอง

ด้านท้ายเองนั้นเราจะได้ตกแต่สีดำเข้ามาส่วนกันชนล่าง พร้อมปลายท่อสีเงินสวยงามเป็นท่อจริงข้างในออกคู่ครับและฝากระโปรงที่มีโลโก้ ซ่อนกล้อง และ ที่เปิดฝาท้ายไว้ในตัว รวมถึงไฟท้ายเองนั้นเปลี่ยนรายละเอียดภายในโคมใหม่ทั้งหมด เราจะเห็นการแบ่งช่องเข้ามา จากรุ่นเดิมคล้ายๆคริสตัล จริงๆแอบชอบแบบเดิมมากกว่าดูหรูกว่าเยอะเลยแหละครับ แต่รูปทรงภายนอกไม่มีเปลี่ยนแปลงนะ และเป็น FULL LED ทั้งหมด มีไฟตัดหมอกหลังมาให้เช่นกันครับ

หลังคาผ้าใบแน่นอนว่ารุ่นนี้สามารถเลือกสีได้ครับว่าจะเป็น แดง น้ำตาลต่างๆในออฟชันที่เพิ่มหรือเสียเงิน แต่คันนี้เป็นสีดำซึ่งจริงๆน่าจะเข้ากับรถมากที่สุดแน่นอนว่าด้วยความที่เปิดหลังคาแบบ 4 ที่นั่งเราจะใช้งานเวลาปิด หรือ เปิดมากกว่ารุ่นเล็กแน่นอน แต่ก็จะไวกว่าหลังคาแข็งแบบเหล็กเช่นกัน ทำให้ระยะเวลาเปิดใช้งานจะ 20 วินาทีเพราะเราจะเห็นว่ามีการยกขึ้นหลากหลายส่วนมากกว่ารถทั่วไป กินพื้นที่กว้างกว่าทั่วไปเช่นกันครับ ทำให้ระยะเวลานานขึ้น แต่เมื่อเปิด ปิดแล้วบอกเลยว่าความแข็งแรง การใช้งานผ้าใบก็ถือว่าสมราคาและเก็บเสียงได้ดีกว่าที่คิดพอสมควรเลย

เทคโนโลยีในคันนี้มีมากมายและสิ่งนึงที่น่าสนใจคือตัว AIRCAP ที่จะเป็นที่ดักลมไม่ให้ผมเรายุ่งเวลาขับเปิดประทุนหรือสิ่งของภายในรถหมุนปลิวไปตามลมนั้นเองซึ่งหลายๆแบรนด์ก็จะมีการออกแบบแตกต่างกันไป แต่ค่ายนี้จะพิเศษกว่าที่จะมีที่ดักลมโผล่ขึ้นมาตรงขอบกระจกหน้าและทำให้ที่ยกลมไปข้างบนขึ้นอีกทั้งหมดทำให้ไม่มีลมเข้ามาในรถ รวมถึงทำงานร่วมกับแผงตาข่ายหลังรถที่จะโผล่ขึ้นแบบพร้อมกันแบบ Automatic เลยนั้นเองเมื่อกดปุ่มครับไม่ต้องถอดเข้าออกเองแบบรุ่นก่อนหน้าหรือแบรนด์อื่นๆ ซึ่งหลังจากที่ได้ลองต้องบอกว่ามันกันได้อยู่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยมากนักครับสำหรับ ผมปลิวอะไรยังคงมีอยู่แต่ถ้าถามว่าน้อยลงไหมก็ต้องบอกว่าน้อยลง แต่สิ่งที่รู้สึกชัดเลยไม่ใช่ผล แต่เป็นอากาศไหลเวียนบริเวณ คอนโซล หรือ ภายในห้องโดยสารส่วนล่างๆมากกว่า ของจะไม่ค่อยปลิวเท่าไรเวลาเปิด AIRCAP นั้นเองครับ แต่สำหรับด้านบนผม หรือลมนั้นยังคงสัมผัสได้เยอะไม่ต่างกันมากนักช่วยได้ 40% คร่าวๆ

INTERIOR

ภายในนั้นยังคงมีความรู้สึกเดิมทั้งหมดแต่ในรุ่นนี้เราจะได้พวงมาลัยใหม่แบบยุคใหม่ของทางค่ายมาให้แล้วและในรุ่นที่เสริม Night Package ทำให้เราได้ HUD เสริมเข้ามาพร้อมกับกล้องรอบคัน และตกแต่งทริมเสริมเข้ามาครับ แต่ฟีเจอร์ต่างๆ การออกแบบยังคงเหมือนกันแน่นอนว่าค่ายนี้เน้นเรื่องภายในโดดเด่นกว่าคู่แข่งเยอะมากทั้งสีสันแสงสียามค่ำคืน หรือว่าความหวือหวาของหน้าจอขนาดใหญ่แนวยาว ช่องแอร์ที่ต้องบอกว่ายังคงไม่ตกยุคเท่าไรนักครับ และค่ายนี้ในแง่ของหน้าตาใช้งาน ถือว่าทำได้ง่ายและลงตัวมากๆรวมถึงหน้าปัดอะไรที่สวยและปรับแต่งได้เยอะมากเช่นกัน ส่วนการใช้งานพื้นที่นั่งต่างๆนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือหนีจากรุ่น E-Class เท่าไรถือว่ากว้างและนั่งสบายมาก

เข็มขัดแดงโดดเด่นสวยงามและรุ่นนี้จะมีมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยยื่นเข็มขัดให้เราใช้งานเวลาปิดประตูครับทำให้เอื้อมถึงง่ายขึ้นอันนี้ทำได้ดี และตัวพวงมาลัยแบบใหม่เองนั้นสวยและลงตัวได้ขอบตัดพร้อมกับ Paddle Shift สวยงามรวมถึงทางด้านปุ่มเป็นสัมผัสแบบเดิมที่ฝังเนียนไปกับพวงมาลัย สั่งงานได้ง่ายและ สามารถควบคุมหน้าจอกลางได้ด้วย ซึ่งเป็นไม่กี่ค่ายที่สามารถควบคุมหน้าจอกลางผ่านพวงมาลัยได้อันนี้ต้องขอชื่นชมและชอบมากๆเลย

แต่ก็มีจุดน่าเสียดายในแง่ของคอนโซลกลางเองนั้นการควบคุมยังคงเป็นแบบเก่าย้อนยุคไปเหมือนเดิม ยังคงไม่ใช่การควบคุมแบบ Touchpad แบบบางๆที่เราเห็นใน CLS53 2021แบบนั้นซึ่งอันนี้ถือว่าไม่ยอมเปลี่ยนให้ในตัวนี้แต่ถ้าถามว่าการใช้งานยากไหมต้องบอกว่าไม่ได้ต่างกันครับ แต่แค่หน้าตาอาจจะไม่ได้ทันสมัยเท่าไรนัก และรุ่นเปิดหลังคาเราจะได้การควบคุมเสริมเข้ามาเป็นแถบสีเงินด้านหลัง ที่จะเปิดหลังคา เปิดที่บังลม เปิดกระจก 4 บาน และ เปิดช่องเก็บของให้ใช้งานตรงกลางนั้นเอง และ ด้านหลังก็ยังคงใจดี ใส่แอร์หลังเข้ามาให้ด้วย ถือว่าจัดเต็มเอาเรื่อง

สิ่งที่โดดเด่นเลยก็คือแสงสีในห้องโดยสารเพราะว่าค่ายนี้ถือว่าโดดเด่นกว่าตัวอื่นๆชัดเจน หรือแม้แต่คู่แข่งก็ตามเพราะแสงสีเยอะมากปรับได้ 64 สีและสามารถไล่เฉดได้สวยงาม แต่น่าเสียดายว่ารุ่นนี้ปรับได้ 1 โซนเท่านั้นแต่ถ้าจะเอา2 โซนต้องเปิดโหมดหลากสี และให้มันปรับให้เองแบบเคลื่อนไหว มันจะเป็น 2 โซนไล่สีไปเรื่อยๆนั้นเองครับไม่สามารถตั้งค่าได้เอง แต่ก็ถือว่าสวยและหลากหลายมากที่สุดตัวนึงในบรรดาคู่แข่งด้วยกันแล้วในแง่สีสันข้างในรถ

TECH

ในเรื่องของเทคโนโลยีหลายๆค่ายก็จัดเต็มมาให้มากขึ้นเรื่อยๆจริงๆแม้แต่เรื่องของไฟหน้าเองค่ายนี้ก็ใส่เข้ามาในการจับรถคันข้างหน้าและแบ่งช่องไฟหน้าหลบหลีกคันอื่นๆไม่ให้แยงตา หรือแม้แต่รถสวนทางอันนี้ก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ต้องบอกว่าใช้งานบ่อยและดีมากๆระบบนึง และนอกเหนือนั้นในแง่ระบบช่วยเหลืออันนี้บอกเลยว่าน่าสนใจเพราะว่ารุ่นนี้มีระบบช่วยจอดเสริมเข้ามาให้ใช้งานในการจอด ทางขนาน หรือ เข้าซองโดยทำงานทั้ง กล้อง และเซนเซอร์รอบคันทำให้เราสามารถเลือกที่จอดและจอดรถเองได้ด้วย ซึ่งแบรนด์นี้สามารถจอดได้โดยไม่ต้องมีรถจอดขนาบข้างครับสามารถจอดที่จอดรถโล่งๆได้เลย เพราะว่าบางแบรนด์นั้นต้องมีรถจอดในซองข้างๆถึงจะทำงาน แต่คันนี้ไม่ต้องเลยก็สามารถทำงานและเข้าจอดได้อย่างแม่นยำโดยที่ไม่ต้องเบรก หรือ จับพวงมาลัยเลยแม้แต่น้อย

นอกเหนือจากระบบช่วงจอดแล้วจริงๆตัว Mercedes-Benz เองพัฒนาหน้าตาระบบ MBUX มาอย่างต่อเนื่องแม้รุ่นนี้อาจจะไม่ได้ใช้แบบเต็มจอเหมือนรุ่นใหม่ EQS – S-Class เองก็ตามแต่ก็ถือว่าเป็นค่ายที่พัฒนาหน้าตาและใช้งานหน้าปัดเรือนไมล์แบบดิจิทัลได้แบบเต็มที่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนสีตามโหมดการขับขี่ แต่สามารถปรับแต่งได้ทั้งหมด 3 โซน ไม่ว่าจะตรงกลาง เรือนไมล์ฝั่งขวา ฝั่งซ้าย ปรับได้ทั้งหมด รวมถึงตั้งค่าได้หลากหลายอย่างมากเช่นกันเป็นข้อดีของแบรนด์นี้และการพัฒนา เทคโนโลยี  UI UX ได้แบบลงตัวและมี HUD ใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันในรุ่นนี้ครับ รวมถึงในหน้าจอกลางเองก็รองรับการใช้งานระบบสัมผัส หน้าตาใช้งานได้ง่าย UI ออกแบบมาดี เข้าถึงได้ง่ายไม่ยุ่งยากและยังคงมีปุ่มแบบปกติมาให้อยู่ ถือว่าในแง่ประสบการณ์ใช้งานตัวนี้สามารถตอบโจทย์ได้ดีและคิดมาดีมากครับ

DRIVING 

การขับขี่ตัวนี้ทำออกมาได้ดีแต่ถ้ามองว่าตัวเครื่องน้อยไปไหมก็ต้องตอบตรงๆว่าน้อยและไม่แรงเท่ากับรูปทรงของมันด้วยการที่รุ่นนี้เครื่องเล็กลงทำให้อัตราเร่งตีนปลายไม่สะใจเท่าไรนัก รวมถึงเวลาเร่งแซงบอกเลยว่าเหนื่อยและโดนรถญี่ปุ่นโมเครื่องแรงๆแซงได้ง่ายๆเลยแหละ แต่ถ้าถามว่าพอไหมในการขับเท่ๆในเมือง ตีนต้นเหยียบสนุกเหมือนกันครับแต่ถ้าหลังจาก 100 จะเร่งแซง เร่งไป 120 160 บอกเลยว่าลุ้นกันเหนื่อยแน่นอน เป็นจุดที่เสียดายมากที่สุดในรุ่นนี้ แต่ส่วนอื่นๆช่วงล่างเองก็อาจจะไม่ได้ถุงลมอะไรแต่เซ็ทมาแน่นหนึบกำลังดีขับสนุกแบบไม่กระด้างไม่กระเด้ง เน้นความนุ่มแบบผู้ดี ขับชิลๆแต่ก็สามารถขับทางตรงแบบมั่นใจได้ในความเร็วสูง แต่ถ้าสายเทโค้งหนักๆแน่นอนว่าตัวนี้ก็อาจจะมีโยนได้ง่ายนิดๆเช่นกันครับ และเรื่องการเก็บเสียงเองก็ตามแบบรถเปิดหลังคาเงียบกลางๆเสียงลม ถนนทำได้ดี แต่เสียงรอบข้างแน่นอนว่าเข้ามาได้ง่ายเวลารถติดอะไรได้ยินข้างนอกชัดเจนครับซึ่งทำให้ภาพรวมคันนี้เน้นความสวย ขับสบาย ไม่ใช่สายซิ่งอะไรทั้งนั้น เน้นความนุ่ม หรูหรา นั่งสบายทุกคนและขับกินลมชมวิว เปิดหลังคา

MERCEDES-BENZ E200 CABRIOLOET

” รถเปิดประทุน ทรงหรูหรา โดดเด่น ขับชิลๆ สำหรับคนที่ชอบความแตกต่างเป็นพิเศษ “

มันเป็นรถที่ต้องบอกว่า ต้องใจรักมากจริงๆถ้าต้องยอมจ่ายราคา 5 ล้านกว่า และได้เปิดหลังคา พร้อมกับเครื่องเล็กแบบนี้ ยิ่งถ้าไปมองตัวเลือกอื่นๆ ถ้าไม่เปิดหลังคาเราก็จะได้ Mustang V8 หรือถ้าเปิดหลังคา ก็จะมี Z4 M40i เป็นตัวเลือกอีกตัว แต่ทั้งนี้ 2 ตัวเลือกนี้ ก็ได้อย่างเสียอย่าง ได้แรงแต่ก็เปิดหลังคาไม่ได้ หรือได้เปิดหลังคา แรง แต่ก็ได้รถที่เล็ก นั่งได้ 2 คนที่เก็บของน้อย ซึ่งทำให้กลุ่มลูกค้าของ E200 Cabriolet เองก็ยังพอมีอยู่เช่นกันครับ คนที่เน้นเรื่องของรูปทรง หรูหรา ยาวใหญ่ เปิดหลังคาได้แบรนด์ตราดาว ภายในหวือหวา ซึ่งตัวนี้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด และ ยังมีออฟชันครบ กล้องรอบคัน ระบบช่วยเหลือต่างๆ และ ประหยัดน้ำมัน ทำให้มันเป็นรถที่เน้นการขับชิลๆ สวยงามหรูหรา เปิดหลังคาเท่ๆ นั่งได้หลายคน และยังประหยัดน้ำมัน แต่ไม่ตอบโจทย์สำหรับสายซิ่งแน่นอน

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget