Mercedes-Benz GLB ต้องบอกว่ารหัสชื่อรุ่นนี้เป็นครั้งแรกของทางค่ายที่มีการเปิดตัวในรหัสนี้มาครับ ซึ่งแต่ก่อนนั้นเองเราจะเห็นตัว GLA – GLC แต่สำหรับ GLB นั้นจะมาแทรกตรงกลางระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องแน่นอนว่ามันมีความโดดเด่นและแตกต่าง ที่เห็นได้ชัดคือรูปทรง และ การออกแบบที่เหมือนกับการเอา GLS มาย่อส่วนพร้อมกับเสริมความเหลี่ยมแบบ G-Class เข้าไปอีกทั้งขนาดของมันก็แอบใหญ่เหมือนกันแม้จะดูเล็กๆน่ารัก แต่เมื่อจอดข้างๆ GLC นั้นถือว่ามีความใกล้กันมากๆ และเป็น Crossover ที่รองรับการนั่งได้มากถึง 7 ที่นั่งเลยทีเดียวและรุ่นนี้เป็นรถที่เหมาะกับแม่บ้าน พ่อบ้านแต่ก็อยากได้รถที่สูงหน่อยลุยได้นิดๆแต่ก็ยังขับขี่ในเมืองได้สะดวกอีกทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยนะ เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้รถยนต์หลักของบ้าน แต่ GLA เล็กไป และ GLC ก็ใหญ่นั่งได้น้อยไปนั้นเอง
MERCEDS-BENZ GLB นั้นในไทยจะเป็นการนำเข้าเยอรมัน 100% ทั้งคันแน่นอนว่าทำให้ราคาและออฟชั่นอาจจะดูสูงกว่าพวกประกอบไทยเป็นปกติครับ แต่ทั้งนี้ในปีล่าสุดก็มีการนำเข้ารุ่นย่อยเพิ่มเติมมาแล้วด้วยนะ จากเดิมจะมีแค่รุ่นเริ่มต้น Progressive แต่ครั้งนี้ก็จะมี AMG Dynamics ด้วยเช่นกันทำให้หน้าตาแตกต่างกับรุ่นในรีวิวนิดหน่อยครับ ส่วนทางด้านประสิทธิภาพเครื่องยนต์ต่างๆนั้นจะเหมือนกันทั้งหมด แค่การตกแต่งอะไรเท่านั้น ทางด้าน GLB 200 นั้นจะมาพร้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 1.3 ลิตร พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 7G-DCT 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า เป็นเครื่องตัวเดียวกับ GLA ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าออฟชั่นต่างๆนั้นมาพร้อมกับไฟหน้า LED High Performance และ มีระบบไฟสูงอัตโนมัติเสริมเข้ามา พร้อมกับ ระบบ Keyless-Go ทั้ง 4 บาน แน่นอนว่าฝาท้ายไฟฟ้าให้มาครบพร้อมกับล้อขนาด 18 นิ้ว 5 ก้านคู่ แต่ถ้าตัว AMG จะได้ล้อลาย AMG 19 นิ้วและชุดแต่งรอบคัน รวมถึงภายใน AMG เบาะนั่งต่างๆครับ แต่แน่นอนว่าไม่ได้ปรับช่วงล่างหรืออะไรแตกต่างกันเป็นแค่การตกแต่งเท่านั้น และไม่มีหลังคา Panoramic มาให้นะครับทั้ง 2 รุ่น ส่วนความปลอดภัยเองนั้น ก็พื้นฐานไม่มี Blind Spot อะไรให้มานะครับ แต่ก็จะได้ระบบ MBUX และระบบช่วยจอดอัตโนมัติให้มา รวมถึง เบรกอัตโนมัติเวลากระชั้นชิด แต่ไม่มี Adaptive Cruise Control มาให้นะครับแอบเสียดายมากๆ ถือว่าออฟชั่นพื้นฐานทั่วไปพอใช้งาน และได้หน้าตา เครื่องยนต์สดใหม่ครับ แต่ที่น่าเสียดายมากๆคือไม่มีแอร์หลัง หรือ แถว 3 เลยแม้แต่น้อยทำให้เป็นจุดที่น่าเสียดายที่สุดครับ
MERCEDES-BENZ GLB 200 ในปี 2021 นั้นมีการปรับเปลี่ยนสเปกออฟชั่นเล็กน้อยครับ ทำให้ราคาสูงขึ้นกว่าตอนแรก แต่ก็มีรุ่นย่อย AMG เข้ามาส่วนออฟชั่นที่หายไปนั้นจะเป็น กล่องเก็บแว่นตา, ตาข่ายเก็บเอกสารด้านข้างคอนโซลกลางหายไปรวมถึง กระจกมองหลังแบบไร้กรอบ และ ไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้าง ก็หายไปในราคาเพิ่มกว่าเดิม 30,000 บาทครับ แต่ยังเป็นประกอบ นอกเช่นเดิม ส่วนทางด้านราคานั้นเป็น
- GLB 200 Progressive 2,899,000 บาท
- GLB 200 AMG Dynamic 2,999,000 บาท รุ่นย่อยใหม่ ตกแต่งแบบ AMG
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกเองนั้นต้องบอกว่ามันคือ GLS MINI ก็ไม่แปลกเกินไป รวมถึงรูปทรงที่แอบคล้ายความกล่องเหลี่ยมๆแบบ G-Class ในส่วนไฟหน้า กระจังหน้าบอกเลยว่าเป็นรถยนต์ที่เราไม่ค่อยเห็นงานออกแบบนี้เท่าไรในค่ายนี้ครับดูแตกต่างกับรุ่นอื่นๆเยอะมาก กระจังหน้าแบบเหลี่ยมตรงๆ ไม่ใช่ปากคว่ำแบบยุคใหม่ ก็ถือว่ามีความโดดเด่นมากๆ เอาจริงๆก็แตกต่างกับตัวอื่นเป็นตัวเองดีเหมือนกัน พร้อมกับขนาดตัวรถที่ไม่ใหญ่มาก แต่นั่งได้ถึง 7 คนเลยส่วนตัวแอดชอบตั้งแต่เห็นตอนเปิดตัวในตลาดเมืองนอกนะ แต่เอาจริงคือของจริงก็แอบใหญ่กว่าที่คิดเหมือนกันครับ
งานออกแบบรอบคันนั้นถือว่าด้านท้ายมันคือ GLS จริงๆรวมถึงรูปทรงครับตัวรถแม้จะดูขนาดเล็กแต่ฐานล้อยาวกว่าที่คิดเพราะว่าคันนี้ออกแบบใหม่หมด บอดี้ต่างๆออกมาเพื่อรองรับ 7 ที่นั่งรวมถึง การออกแบบฐานล้อยาว แต่หน้าสั้น และท้ายสั้นทำให้ขึ้นลงได้สะดวก พื้นที่นั่งกว้างขวางตัวรถยาวถึง 4.6 เมตร และ ฐานล้อ 2.8 เมตรกันเลยทีเดียวแหละ ตัวรถเองไม่ได้สูงอะไรมากนักแต่ก็มีข้อดีคือเรื่องของหน้าสั้น ท้ายสั้นทำให้เวลาขึ้นเนิน ลงเนินต่างๆลุยได้นิดหน่อยครับหน้าไม่ขูด ท้ายไม่ขูด แต่ด้วยตัวรถฐานล้อยาวใหญ่ทำให้การเลี้ยวกลับรถอาจจะไม่คล่องเท่าไรนักครับตัวนี้ ส่วนเส้นสายงานออกแบบเหลี่ยมตัดโค้งมนสวย จะเป็นแนวที่จะชอบก็ชอบเลยไม่ชอบก็จะไม่ชอบเลยเหมือนกันนะ และยิ่งไปเทียบกับ GLA เรียกได้ว่าคนละแนวทางกันไปแบบชัดเจนมากๆ คันนี้มีแร็คหลังคาพร้อมเป็นรถครอบครัว
หน้ารถแนวตรงเราจะเห็นกระจังหน้าที่เป็นรูปทรงแตกต่างกับรุ่นอื่นทุกรุ่น เหมือนยกจาก G-Class มาเลยแหละ แต่ถ้าเป็น AMG จะได้ปากคว่ำนิดๆเหมือนเดิมครับ แต่ทรงก็จะเหลี่ยมมากกว่ารุ่นอื่นๆส่วนตัวชอบหน้าตาของมันมากๆนะและยังคงมีการเสริมโครเมี่ยมต่างๆเข้ามาในด้านหน้า ท้ายรถทำให้หรูหรา ตัดกับสีดำ สีขาวได้สวยงามครับพร้อมกับ เส้นสายบนฝากระโปรงหน้าที่ดูดุดัน และด้านท้ายรถ ไฟท้าย GLS พร้อมกับ ท่อคู่แบบหลอกใส่เข้ามาให้ทำให้ตัวรถดูเต็ม สวยและครบมากขึ้น และสัดส่วนตัวรถนั้นแอบอ้วนๆอวบๆนิดหน่อยครับสำหรับซุ้มล้อหลังคันนี้มันเป็นรถที่หล่อ และดุดันคันนึงเลยนะ แต่แค่ด้วยขนาดของมันทำให้บางทีกลับมองเป็นรถทรงอ้วนๆที่น่ารักคันนึงได้เลย
กระจังหน้าทรงเหลี่ยมพร้อมกับเส้นสายงานออกแบบ 2 แถบคู่แบบนี้เป็นทรงเดิมๆของตัวเริ่มต้นในหลายๆคัน แน่นอนว่าเดี๋ยวนี้เห็นได้น้อยมากๆแล้วจะเป็น AMG กันซะหมดแต่ถ้าถามแอดแอดว่ากระจังหน้าแบบนี้ เส้น 2 เส้นแบบนี้ดูเข้ากับตัวรถมากกว่า กระจังหน้าแบบ AMG ซะอีกนะที่เป็นเส้นเดี่ยวตรงกลางครับ รวมถึงเส้นตรงไม่ปากคว่ำดูเหลี่ยมเข้ากับตัวรถได้ดีมากๆ พร้อมกับ ช่องโครเมี่ยมด้านล่าง และ งานออกแบบช่องดักลมข้างๆแบบช่องหลอกนะครับ ไม่มีไฟตัดหมอกมาให้เส้นสายเรียบๆตามสไตล์รุ่น Progressive และ ไฟหน้า DRL 2 เส้นบนล่าง ทรงเหลี่ยมพร้อมกับไฟเลี้ยวในตัว และไฟ LED พร้อมกับไฟสูงอัตโนมัติใส่เข้ามาให้รวมถึงเซนเซอร์รอบคันแต่ไม่มีกล้องรอบคัน
ด้านท้ายรถมาพร้อมกับเส้นสายโครเมี่ยมขนาดใหญ่ด้านล่างทำให้ตัวรถดูแพงขึ้นทันที พร้อมกับเส้นสายที่โค้งเว้าทำให้ตรงท่อนั้นดูใหญ่ขึ้นมาแอบสปอร์ตเล็กน้อย พร้อมท่อไอเสียคู่แบบหลอก ไม่ได้มีช่องทะลุไปแต่อย่างใดครับ และมีเซนเซอร์รอบคันใส่เข้ามาให้พร้อมกับไฟทับทัมด้านหลัง ส่วนฝาท้ายนั้นรองรับไฟฟ้า เตะเปิดได้ปกติเลยนั้นเองฟ้าท้ายบนป่ายทะเบียนตัดขอบตรงดึงมาจากรุ่นพี่ GLS ทันที ส่วนล้อ 18 นิ้วขนาดนุ่มๆกำลังดีพร้อมกับยาง ขนาด 235/55 R18 เป็นงานออกแบบล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ ก็ถือว่าสวยกำลังดีครับแต่ถ้า AMG จะได้ 19 นิ้วลาย AMG
กระจกหูช้างทรงที่เราคุ้นเคยกันในรุ่นอื่นๆพร้อมกับไฟเลี้ยวในตัวกับไฟส่องพื้น แต่ในปี 2021 เหมือนจะตัดไปแล้ว รวมถึงไม่มีกล้องรอบคันนะครับ ส่วนงานออกแบบส่วนล่างนั้นเราจะเห็นแถบพลาสติกสีดำทั้งหมด เสริมเข้ามาทำให้ตัวรถดูไม่อ้วน และช่วยป้องกันเวลาขูดอะไรนั้นจะเปลี่ยนแค่บอดี้ข้างล่างได้ง่ายๆไม่ต้องทำทั้งบานประตู และมีราวหลังคามาให้สำหรับใส่ของข้างบนหลังคา เหมาะกับรถยนต์สายเที่ยวจริงๆครับ เพราะว่าถ้านั่ง 7 คนนั้นจะไม่มีที่เก็บของด้านหลัง ส่วนการออกแบบประตูเองนั้นจะกินพื้นที่มาถึงส่วนล่างตัวรถ ทำให้เวลาลุย ฝนตก แล้วเราจะลงจากรถนั้น ขากางเกงจะไม่เลอะขอบประตู ถือว่าเป็นงานออกแบบที่ดีมาก แต่ก็ต้องระวังเวลาเปิดใกล้ขอบถนนจะโดนได้ง่ายมากๆ เพราะขอบประตูมันยาว ส่วนตัวต้องระวังมากๆครับเวลาจอดริมถนน แอดโดนไปแล้วตอนเปิดประตูครับ
ทรงไฟท้ายเองนั้นต้องบอกว่ามันคือ GLS เป๊ะๆทั้งเส้นสายรูปทรงขาดแค่เส้นโครเมี่ยมด้านบนเท่านั้น เส้นสายด้านในไฟกรอบ 2 โซนพร้อม LED ทั้งหมดให้ไฟตัดหมอกหลังมาให้ในฝั่งขวาครับ ถือว่าทรงอะไรสวยงามนะ ส่วนไฟหน้าเป็นเส้น DRL บนล่าง มีมิติของงานออกแบบสวยมาก กรอบไฟสวยและเส้นไฟเลี้ยวดูมีมิติสวยงามและสว่างชัดเจน พร้อมกับไฟหน้าแบบ LED HIGH PERFORMANCE พร้อมไฟสูงอัตโนมัติ แต่ไม่มีเลี้ยวหรือ Matrix
เมื่อปลดล็อกยามค่ำคืนเองนั้นต้องบอกว่าตัวนี้มีไฟส่องสว่างตรงกระจกมองข้างใส่เข้ามาให้แต่ตัว 2021 อาจจะไม่มีแล้วนะครับผม และเมื่อกดปลดล็อกจะมีไฟติดทั้งหน้าและหลังช่วยเวลาจอดกลางคืนได้สบายๆรวมถึงใช้งานได้ปลอดภัยมากขึ้นด้วยเช่นกันครับ ส่วนไฟหน้าก็จะติดแบบไฟหรี่ รวมถึงไฟท้ายก็จะติดด้วยเช่นกันครับ แต่ไฟส่องตรงมือจับนั้นไม่ได้มีติดตั้งมาให้นะครับ รวมถึงการเช้าตัวรถรองรับ Keyless Go ทั้ง 4 ประตู เอื้อมมือเข้าไปและจะปลดล็อกได้เลยครับ ถือว่าสะดวกมากๆ และเวลาจะปลดล็อกก็สามารถแตะล็อกปกติผ่านตัวมือจับได้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน
INTERIOR
งานออกแบบภายในก็จะยกจาก GLA A CLASS มาทั้งหมดในเรื่องของการวางตำแหน่ง ดีไซน์ แต่จะเปลี่ยนในส่วนฝั่งข้างคนขับนิดหน่อย ทำให้เส้นสายแตกต่างกันในแต่ละรุ่นด้วยเช่นกันครับ ส่วนการใช้งานต่างๆนั้นไม่มีปัญหาเลยจริงๆต้องขอชมว่าทาง Benz เป็นค่ายที่พัฒนางานออกแบบได้จัดเต็มมากๆกล้าที่จะแตกต่าง กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและทันสมัย แสงสีสวยงามรวมถึงมีความหวือหวา ซึ่งค่ายอื่นๆนั้นจะไม่กล้าเปลี่ยนอะไรเยอะแบบนี้แค่ค่ายนี้เค้าพัฒนาได้สุดจริงๆครับ รวมถึงในตัว GLB นั้นก็มาพร้อมไฟจัดเต็ม หน้าจอขนาดยาวพร้อมกับ MBUX ตัวใหม่ล่าสุดครับ แต่เนื่องจากเป็น PROGRESSIVE ทำให้เรื่องพวงมาลัย วัสดุอะไรนั้นจะไม่มีการตัดขอบ หรือ ใช้หนังกลับเลยครับ
มุมมองภายในห้องโดยสารต้องบอกว่ากระจกหน้าต่างความโปร่งโล่งของตัวรถทำได้ดีมากๆ ขับง่ายมุมมองดีและไม่อึดอัดสำหรับคนนั่งตอนหน้า ส่วนแถว 2 นั้นจะสูงกว่าแถวหน้าชัดเจนจะแอบแปลกๆนิดหน่อยครับ ส่วนในเรื่องของความโปร่งก็ยังคงทำได้ดีไม่ได้แย่หรือน่าเกลียดแต่การที่ไม่มีหลังคากระจกเองนั้นทำให้ภาพรวมแอบอึดอัดชัดเจนมากๆครับ รวมถึงการนั่งแถว 3 ก็ส่งผลเหมือนกัน แน่นอนว่าความสบายก็พอนั่งได้แต่มุมมองอะไรนั้นแคบไปนิดๆ
หน้าปัดหน้าตาสวยงามขนาดใหญ่ที่ยกมาจากรุ่นน้อง GLA A-Class เช่นกัน Full Digital ขนาด 10.25 นิ้ว ระบบหน้าตาใหม่พร้อมกับ MBUX ในหน้าจอกลางที่รองรับระบบสัมผัส อันนี้ต้องขอชมทางค่ายที่ทำหน้าตาหน้าปัดออกมาได้สวยอันดับต้นๆของบรรดารถยนต์หน้าปัดดิจิทัลจริงๆ ทั้งเรื่องของการปรับแต่ง มิติความสวยงามนั้นค่ายนี้คือสุดยอดมากๆครับ และใช้งานได้ง่ายผ่านการควบคุม บนพวงมาลัยที่ค่ายอื่นนั้นยังห่างไกลในการพัฒนาและควบคุมแบบนี้ พร้อมกับพวงมาลัยแบบเต็มๆ ไม่มีการปาดขอบอะไรรวมถึงปุ่มทุกอย่างก็ใช้งานได้ง่ายและควบคุม จอซ้ายขวาอิสระ ส่วนจอกลางเองนั้นก็เป็นระบบสัมผัส รองรับ Android Auto , Apple Carplay ใช้งานได้สบายๆแต่ไม่เต็มจออีกแล้ว
การควบคุมอื่นๆนั้นเรียกได้ว่าปุ่มน้อยลงเรื่อยๆทำให้ด้านล่างจะมีแค่ปรับแอร์ ที่ไม่มีการแยกโซนรวมถึงปรับพัดลม ระบบทิศทางลม การไหลเวียนรวมถึงไฟฉุกเฉินครับ แน่นอนว่าตำแหน่งใช้งานได้ถนัดไม่มีปัญหา และสามารถควบคุมผ่านหน้าจอกลางได้ทั้งหมดจริงๆทำให้อนาคตอาจจะไม่มีปุ่มอะไรแล้วเช่นกัน ส่วน Touchpad ตรงกลางเองนั้นยังคงให้มาแบบใหม่ มีที่วางมือและรองรับการปรับแต่งที่คุ้นเคยกันดีและควบคุมจอกลางได้ทั้งหมดเลยเช่นกัน ส่วนระบบสัมผัสตอบสนองได้ดี กดได้ต่างๆถือว่าหน้าตาสวยงามเช่นเดิมและใช้งานได้ง่ายเมื่อเทียบกับบรรดาค่ายอื่นๆด้วยกัน
ตัวเบาะเองนั้นนั่งได้สบายครับทรงทั่วไปไม่ได้เป็นสปอร์ต ซึ่งส่วนตัวเหมาะกับรถยนต์แนวนี้มากๆรวมถึงตัวเบาะเองก็สามารถปรับแต่งได้เยอะรวมถึงมีระบบ Memmory Seat ให้มาด้วยเช่นกันทั้ง 2 ฝั่ง อีกทั้งปรับที่รองต้นขาได้แบบมือดึงครับ การนั่งนั้นกระชับกลางๆเน้นนั่งสบายๆมากกว่ารองรับช่วงต้นขา และ หลังได้ดีครับรวมถึงพนักพิงหัวเองนั้นก็ไม่ได้ดันและปรับได้ถือว่าเป็นเบาะที่แอดเองนั่งขับทางไกลมากๆได้สบายกว่าพวกตัวสปอร์ตซะอีกครับ ชอบรูปทรงนี้มากๆ ส่วนมุมมองของการนั่งบอกเลยว่าเป็น Benz ที่โปร่งโล่งที่สุดเท่าที่เคยลองขับมาและมองอะไรได้ชัดเจนมากๆด้วยกระจกแนวตั้งชันมากกว่ารุ่นอื่นๆรวมถึงหลังคาสูงแบบนี้ทำให้นั่งสบาย ขับง่ายและพ่อบ้าน แม่บ้านขับได้สบายๆ
เบาะหลังเองนั้นแน่นอนว่าจะสูงกว่าเบาะหน้าชัดเจนเวลานั่งลงไปมุมมองต่างๆนั้นสูงเลยแหละ แต่ก็เพื่อที่จะรองรับการเลื่อนหน้าหลัง การขึ้นลงแถว 3 ต่างๆได้ดีขึ้นและเป็นไปตามทรงรถ ส่วนตัวแถว 2 บอกเลยว่าเหลือๆครับถ้านั่งกัน 5 คนสบายๆเลื่อนไปสุดก็มีที่วางขาสามารถนั่งไขว่ห้างได้เลย อีกทั้ง Legroom Headroom กว้างกว่า GLA หลายเท่าตัว แต่น่าเสียดายว่าไม่มีแอร์หลัง หรือ หลังคากระจกใส่เข้ามาให้เลยครับในส่วนแถว 2 แต่ก็รองรับการพับเบาะ 3 ส่วนแยกชัดเจน มีที่วางแก้วน้ำมาให้ และเลื่อนได้อิสระ 2 ส่วนเช่นกันถือว่าขึ้นลงได้ง่าย และ พื้นที่กว้างมากๆครับ
แถวที่ 3 เองนั้นเหมาะสำหรับเด็กๆหรือนั่งเอียงๆมากกว่าแต่ก็ยังถือว่าจัดการพื้นที่ได้อิสระเพราะว่าแถว 2 เลื่อนไปสุดก็จะเหลือให้นั่งได้แบบสบายๆเลยแหละ อีกทั้งยังใจดีให้ที่วางของ พร้อมที่ชาร์จมือถือแบบ USB-C แถว 3 ให้มาทั้ง ซ้าย และ ขวาเลยแหละโหดมากๆ และตรงกลางนั้นจะมีที่วางแก้วน้ำมาให้ ซึ่งทำให้ด้านแถว 3 เองนั้นนั่งได้ 2 คนเท่าที่แอดลองนั่งบอกเลยว่าหัวไม่ติด แต่วางขาอาจจะแน่นๆไปหน่อยครับแต่ถ้าเลื่อนเบาะแถว 2 ขึ้นไปอีกก็พอไหว
ส่วนอำนวยความสะดวกจริงๆนั้นเสียดายแอร์หลังมากๆครับในสภาพอากาศเมืองไทยแบบนี้ รถ 7 ที่นั่งแบบนี้ การที่ไม่มีแอร์หลังทำให้หลายๆคนตัดตัวเลือกออกไปได้ง่ายๆเลยนะแอบเสียดายมากๆครับ ส่วนแอร์ทั้งคันจะมีแค่ตอนหน้าเท่านั้นนะเท่าที่ลอง แถว 3 ไม่ค่อยไหวถ้าเจอแดดโหดๆครับ ส่วนแถว 2 ยังสบายๆอยู่ ส่วนที่ชาร์จนั้นให้มา 2 จุด USB-C ทั้งหมดแล้วในคันนี้ทันสมัยมากๆ และที่วางแก้วลองวางแก้วจริงๆแบบแก้วบางก็เอาอยู่ไม่บีบมากเกินไปครับ
ที่เก็บของเยอะมากถ้าพับเบาะแถว 3 ลงไปครับทำให้มาตรฐานนั้น ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 630 -1,800 ลิตร (เมื่อพับเบาะแถว 2 ) แน่นอนว่าจริงๆแถว 3 พับไปก็เหลือๆแล้วมาพร้อมกับฝาท้ายไฟฟ้า และ เตะเปิดได้รวมถึงตั้งค่าความสูงได้ด้วยเช่นกัน ส่วนเมื่อดึงเบาะแถว 3 ขึ้นนั้งจะเหลือพื้นที่น้อยมากๆครับ ก็พอใส่เข้าทั่วไปได้เป้วางแนวตั้งได้แต่แนวนอนนั้นไม่ค่อยไหวเท่าไร แต่ก็ยังถือว่าเยอะกว่าพวก PPV บางค่ายเมื่อดึงเบาะขึ้นมานะจุดนี้ก็พอรับได้อยู่เช่นกัน ส่วนหลังคาเวลาปิดมาจะพอดีกับเบาะแถว 3 เลยครับไม่โดนหัวนะแต่จะแน่นๆนิดหน่อยเมื่อดึงเบาะมาใช้งานหมด
Mercedes-Benz น่าจะเป็นค่ายรถยนต์ที่แสงสีทำได้สวยงามและปรับได้เยอะที่สุดในบรรดารถยนต์ยุโรปแล้วจริงๆครับมาทั้งไฟตรงช่องแอร์เส้นแสงไฟรอบคันหรือว่าจะเป็นไฟส่องเท้า ไฟขอบประตูต่างๆจัดเต็มมากๆและมีไฟไล่สีไฟเรื่อยๆแยก 3 โซน RGB เลยทีเดียว แต่รุ่นนี้ปรับแยกโซนไม่ได้นะครับ ต้องใช้ Preset ของมัน ซึ่งจะแยกได้ 3 ส่วนสีชัดๆถือว่าปรับได้เยอะมาก และ ละเอียดมากที่สุดเลยเท่าที่แอดมินเคยลองคันอื่นๆมาในส่วนไฟภายในทั้งหมดครับ
แสงสียามค่ำคืนนั้นเป็นจุดที่สวยและเด่นที่สุดของ Mercedes-Benz แล้วจริงๆเมื่อปิดไฟตอนขับก็ยังมีความสวย เส้นไฟเข้มแต่ไม่แยงตา สีสันสดใสและปรับได้เยอะมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ ปุ่มสีขาวต่างๆบอกเลยว่าภายในล้ำยุคมากๆ และเมื่อเปิดไฟก็มีทั้ง ไฟส่องกระจก ไฟส่องเท้า ขอบประตูต่างๆใส่เข้ามาให้ รวมถึงด้านหลังก็มีไฟส่องเท้า
ENGINE
ทางด้านเครื่องยนต์ใช้งานเครื่องตัวเดียวกันกับ A200 หรือ GLA 200 รุ่นอื่นๆมาพร้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง รหัส M282 ขนาด 1.3 ลิตร 1,332 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 72.2 x 81.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1 กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 7G-DCT 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 210 km/h และ ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ประมาณ 16 กิโลต่อลิตร ถือว่าสเปกเครื่องตัวนี้ทำออกมาได้น่าประทับใจพอสมควร รวมถึงการกินน้ำมันนั้นสบายๆในการใช้งานในเมืองทั่วไปครับ และขับขี่ได้ดี
ส่วนระบบความปลอดภัยที่ใส่เข้ามาให้นั้นเพียงพอต่อการใช้งานทั้ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS / โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP / ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติแบบแอคทีฟ Active Brake Assist / ระบบเบรกมือไฟฟ้า ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD / ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA / ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA / ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light /ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control / ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic / ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist / ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง / ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง /ถุงลมนิรภัยหัวเข่า 1 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่ / กล้องมองภาพขณะถอยจอด แต่ไม่มีกล้องรอบคันมาให้ และถ้าถามว่ารองรับกับ 7 ที่นั่งได้ไหมต้องบอกว่าสบายๆเลยครับเพราะว่าเท่าที่ลองมานั้นกำลังเครื่องตัวนี้ไม่ธรรมดา
DRIVING
การขับขี่นั้นต้องบอกว่าน่าจะเป็น Mercedes-Benz ที่ขับง่ายมากๆคันนึงและมีมุมมองการขับที่โปร่งโล่งมองเห็นหลายๆอย่างได้ดีมากๆอาจจะด้วยหลังคาที่สูง แนวกระจกที่กว้างและชันกว่าทั่วไปทำให้ขับในเมืองง่ายและไม่เทอะทะด้วยเช่นกัน อีกทั้งการตั้งค่าตัวรถต่างๆนั้นทำออกมาได้ดี แน่นอนว่าเครื่องว 1.3 ตัวนี้ทำออกมาแรงกว่าที่คิดแต่ก็ไม่ได้สนุกหรือหลังติดเบาะเพราะว่าพื้นฐานตัวรถเองนั้นจะเน้นขับสบายๆแต่เมื่อจะแซงก็พอไหวแต่ก็ต้องกะเวลานิดหน่อยครับ จะไม่เหมือนกับที่ลองใน GLA พวกนั้นอาจจะด้วยขนาดรูปทรงของมันด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเปิดโหมด Sport เครื่องจะลากรอบไป 3-4 พันรอบค้างนานมากๆ ทำให้การเร่งแซงนั้นบอกเลยว่าทันใจขึ้นกว่าปกติแบบชัดเจนเลยครับ
เครื่องยนต์ต้องบอกว่าเมื่อลองขับเจ้า 1.3 เทอร์โบตัวนี้ไม่คิดเลยว่าจะทำเรื่องอัตราเร่งแซง หรือ การขับขี่ได้ทันใจแบบนี้เพราะว่าต้องแบกความยาวใหญ่และ 7 ที่นั่งแบบนี้จุดนี้ขอชมเครื่องเจ้าตัวนี้เลยครับ และประหยัดน้ำมันมาก รวมถึง 0-100 / 9 วิ ก็ทำได้ไม่น่าเกลียด และ แซงช่วง 80-120 ได้ดีกว่าที่คิดแต่มันจะมีจังหวะหน่วงนิดหน่อยต้องเผื่อเวลาไว้บ้างยิ่งถ้าขับแบบโหมดปกตินั้นช่วงเร่งแซงจะค่อยๆไปครับ แต่ถ้าแซงเหยียบสุดจริงๆก็พอไปได้แต่จะไม่ได้ไวมาก และคนนั่งก็จะไม่ได้รู้สึกดึงอะไรเท่าไรเหมาะกับคนแถว 2 ที่พาพ่อแม่นั่งได้เร่งยังไงก็ไม่มีเหวี่ยงหรือมึนเลยแม้แต่น้อยครับ แต่ถ้า Sport โหมดจะเสียงเครื่องดังขึ้น และลากรอบนานมากขึ้นทำให้เร่งแซงดีกว่ามากๆแต่การกินน้ำมันก็ไม่ได้หนีกันแบบชัดเจนครับ ถือว่าถ้าใครขับต่างจังหวัดแนะนำ Sport โหมดไว้ดีกว่า เวลาแซงจะชัวร์กว่า
พวงมาลัยแม้จะรถครอบครัวและรุ่นนี้ปรับอะไรไม่ได้นะครับทำให้เซ็ตมาแบบเดียวเลยถือว่าเหมาะและเซ็ตมาดีเพราะว่าคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองมากๆในการเลี้ยวกลับรถ แซงบนถนนในเมือง หรือว่าจะเป็นการขับขี่ทั่วไปก็ตามเช่นกันเป็นพวงมาลัยที่เหมาะทั้งการขับขี่ทางไกล และในเมืองเซ็ตมาไม่ต้องเกร็งมากนักแม้จะใช้ความเร็วสูง ยังคงมีความมั่นใจมากเช่นกัน แม้จะขับหน้าแต่ถ้าเทียบกับ GLA ต้องบอกว่าการขับไม่ได้หนีกันมากพวงมาลัยพอๆกันแต่ความคล่องตัวถ้าเทียบกับบอดี้ตัว GLB อาจจะดูไม่กระชับกระเชงมากนักครับ แต่การเซ็ตมาแบบนี้ก็ทำให้การเปลี่ยนเลนหรือขับความเร็วสูงจะไม่ได้เหวี่ยงอะไรมาก เพราะไม่ได้คมไวจัดนั้นเอง แต่ที่ชอบคือในเมืองนั้นคล่องตัวกำลังดีครับ
ในแง่ของช่วงล่างนั้นแน่นอนว่าด้วยรูปทรง การขับขี่แนวทางของคันนี้ไม่ได้เน้นความหนึบอะไรมากนักจะเน้นนั่งสบายซะมากกว่ารวมถึงไม่สามารถปรับอะไรได้ทำให้ภาพรวมของช่วงล่างจะเน้นความนิ่มนุ่มสบายและการทำออกมาแนวนี้ทำให้ในเมืองนั้นขับขี่ได้สบายอย่างมากแม้จะเจอถนนที่ไม่เรียบต่างๆอันนี้เก็บได้ดี แต่เมื่อขับทางไกล ความเร็วเกิน 120 นั้นจะเริ่มมีความรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไรและโยนได้ง่ายถ้าเปลี่ยนเลน ด้วยรูปทรงของตัวรถต่างๆนั้นมีผลชัดกว่าตอน GLA ด้วยเช่นกันทำให้ขับเข้าโค้ง หรือ ความเร็วสูงอาจจะต้องเน้นให้มากขึ้น แต่ส่วนอื่นๆก็ถือว่าทำได้น่าประทับใจทางด้านการเก็บเสียงถ้าเทียบกับรุ่น GLA นั้นไม่ได้หนีกันมากนักทั้งเสียงถนน ยาง หรือ เสียงเครื่องยนต์ต่างๆ แต่เสียงลมในความเร็วสูง อาจจะมากกว่ารุ่นพวกนั้นเล็กน้อย ถ้าเกิน 120-140ขึ้นไปครับแต่ต่ำกว่านั้นไม่รู้สึกเท่าไร
CONSUMPTION
อัตราสิ้นเปลืองนั้นต้องบอกว่าโหดเอาเรื่องแม้จะเห็นบอดี้ใหญ่และเครื่องเล็กแบบนี้สามารถทำได้ 15+ กิโลต่อลิตรได้เลยทีเดียวแม้จะขับในเมือง รวมถึงถ้าต่างจังหวัดนั้นขับเรื่อยๆสามารถทำได้ 18 กิโลเมตร ต่อ ลิตรได้แบบสบายมากๆครับ แม้จะมีโหมด Sport แต่เมื่อใช้งานก็ไม่ได้กินน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิมเท่าไรนักแต่ได้อัตราเร่งดีขึ้นเยอะก็ถือว่าจัดการได้ดี แน่นอนว่าที่ทดสอบจะเป็นการนั่ง 4 คน เปิดแอร์ 24-23 ประมาณนี้นะครับทั้ง ต่างจังหวัดและในเมือง แน่อนนว่าถ้านั่ง 7 คนตัวเลขอาจจะมีลดลงไปบ้างเช่นกัน แต่ถ้ามองภาพรวมน้ำหนักรถ การกินน้ำมันและการขับขี่แบบนี้บอกเลยว่าประหยัดเอาเรื่อง เติมน้ำมันทีก็สามารถใช้งานได้สบายๆและในเมืองต่างๆก็ใช้งานได้เหลือๆ เท่าที่แอดทดสอบมา แต่ขับแบบโหดเอาเรื่อง ไป เขาใหญ่ 500 บาทสบาย ครึ่งถังเท่านั้นเลยครับ แต่ถ้าใครขับดีๆไม่เร่งไม่แซงอะไรมาก ไม่ได้เปิด Sport อาจจะทำได้ถูกกว่าด้วยเช่นกันเพราะที่ 500 บาทในอัตรา 15 กิโลลิตรครับผม
MERCEDES BENZ GLB 200
” พ่อบ้าน แม่บ้าน 7 ที่นั่ง ขับสบาย มุมมองโปร่ง ประหยัดน้ำมัน ลงตัวเลยแหละ “
เท่าที่ลองค่ายนี้มาคันนี้น่าจะตอบโจทย์พ่อบ้าน แม่บ้านได้แบบเต็มตัวในขนาดตัวรถไม่ใหญ่ และได้ทั้งเรื่องของประหยัดน้ำมัน นั่งได้ 7 คน มีเด็กๆลูกหลานพาไปเที่ยวได้ทั้งหมด แถมยังเป็น Crossover ยกสูงนิดๆทำให้ลุยได้บ้าง น้ำท่วมไม่กลัวมาก แถมลงดินขับไปเที่ยวขึ้นลงเขา ได้แบบไม่ต้องห่วงอะไรแถมยังได้แร็คหลังคา ไว้ขนของและ งานออกแบบที่ลงตัวในขนาดของมันแบบนี้คันนี้เรียกได้ว่ารถครอบครัวระดับเริ่มต้นได้คุ้มค่าและตรงที่สุดแล้ว เพราะว่าถ้าเราไปมองน้อง GLA ก็จะนั่งได้น้อยกว่า แถม ขนของได้น้อยกว่ามากและแถว 2 ไม่ได้สบายมากนัก แต่ถ้าขยับไป GLC แน่นอนว่าแถว 2 นั่งสบาย การขับขี่ดีกว่า แต่ไม่มีแถว 3 และถ้ามองเรื่องความคล่องตัวในเมือง ประหยัดน้ำมัน ตัว GLC ไม่ตอบโจทย์แน่นอน ทำให้ GLB นั้นมาแทรกระหว่างกลางได้แบบพอเหมาะ เป็นตัวเลือกจิ้มให้แม่ๆขับไปเที่ยว รับส่งลูกได้ แถมเป็นคันหลักขับไปต่างจังหวัดวันหยุดได้แบบชิลๆประหยัดน้ำมัน ขับเรื่อยๆ 500 บาทไปเที่ยว เขาใหญ่ได้แบบสบายเท่าที่แอดลองมาแบบนี้บอกเลยว่าลงตัว แต่จะบ่นแค่เรื่องแอร์หลังเมื่อเทียบกับราคานั้นน่าเสียดายอย่างมาก แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นนำเข้าทั้งคัน เลยอาจจะต้องทำให้เรื่องราคาให้ต่ำมากจับต้องได้ง่ายขึ้นครับ
สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget