Mercedes-Benz ในประเทศไทยก็เรียกได้ว่าลุยตลาดกันหลากหลาย เซกเมนต์ของรถยนต์เยอะมากขึ้นเรื่อยๆแต่ตระกูล SUV ที่ค่อนข้างสำคัญหรือว่าเป็นรถยนต์ที่ในตลาดไทยได้รับความนิยมนั้นจะเป็นตระกูล SUV ระดับใหญ่ที่แต่ก่อนนั้นน่าจะเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดแล้ว ก่อนที่ GLS จะมานั้นเอง และถ้าใครจำกันได้รุ่นนี้ก่อนจะมาเป็น GLE เคยใช้งานชื่อ ML มาก่อน และน่าจะคุ้นเคยกันดีในหนัง Jurassic Park ที่เป็นลายพรางทหารนั้นเองและส่วนตัวก็คุ้นเคยกันมาจากเรื่องนั้นในตอนเด็กๆที่ได้ดูจนกระทั่งมีโมเดลมาเก็บสะสมกันเลยทีเดียวแหละ และ ก็พัฒนามากันอย่างต่อเนื่องจนมาปีล่าสุดมีการเปลี่ยนชื่อในเรียกได้ง่ายขึ้น และ จัดระบบใหม่เป็น GLE นั้นเอง และก็มาถึงปีล่าสุดที่เป็นโมเดลใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเยอะมากๆรวมถึง รุ่นที่ขายในไทยเป็นรุ่นประกอบไทยที่ทำราคาได้ดีขึ้นเช่นกัน

MERCEDES-BENZ GLE เองนั้นในไทยจะมีด้วยกัน 2 รุ่นหลักๆจะเป็น GLE 300D AMG Dynamic และ รุ่นล่าสุดที่เสริมเข้ามาไม่นานคือ ดีเซล+ ระบบไฟฟ้า ในรุ่น GLE 350De Exclusive นั้นเอง ซึ่งถ้ามองในแง่ของรุ่นตัว AMG จะทำได้หวือหวา สวยและชุดแต่ง ออฟชันอะไรครบมากกว่าแต่ก็มีราคามากกว่าที่ 5.19 ล้านบาท ส่วนรุ่น PHEV เองนั้นจะเป็น 4.69 ล้านบาท ซึ่งจะได้ชุดแต่งแบบธรรมดา Exclusive เท่านั้น ภายนอกอาจจะแตกต่างกันชัดเจน แต่จุดเด่นเรื่องไฟฟ้าเข้ามาช่วยก็มีความแตกต่างกันแล้วแต่การใช้งาน ถ้าเรามามองตัวเครื่องต่างๆนั้น ไม่หนีกันมาเป็น 2.0 4 สูบเท่ากัน แต่พละกำลังก็แตกต่างกัน ในรุ่น GLE 300D นั้นจะมาพร้อม เครื่องยนต์ดีเซล  4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร  พ่วงเทอร์โบคู่  กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ก็ถือว่ากลางๆกำลังดีในการใช้งาน แต่อัตราเร่งอะไรอาจจะไม่ได้พุ่งโหดเท่าไรนัก ส่วนในแง่ของออฟชันต่างๆถือว่าจัดเต็มมากๆในระดับเดียวกัน และ มาพร้อมกับเบาะหลังไฟฟ้า และม่านบังแดดหลังไฟฟ้าให้มาครบๆจัดเต็ม รวมถึงฟีเจอร์ภายในต่างๆนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ทั้ง ไฟหน้า MULTIBEAM LED หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ชุดมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว และ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display อีกมากมาย รวมถึงที่นั่งแถว 3 และ มาพร้อมกับ ระบบ ป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE ครบๆ ทำงานร่วมกับ Adaptive Cruise Control ให้มาครบ แต่ไม่มี Lane Following นะครับในรุ่นนี้ แต่สำหรับช่วงล่างตัวนี้ เป็นแบบธรรมดา ไม่มีมีช่วงล่างปรับระดับ หรือ ถุงลมอะไรใส่เข้ามาให้นะครับแอบเสียดายนิดๆ

PRICE : MERCEDES-BENZ  GLE 300d 4MATIC AMG Dynamic  รุ่นประกอบในประเทศ ราคา  5,190,000 บาท

EXTERIOR

งานออกแบบภายนอกเราจะเห็นเลยว่าเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนหน้าชัดเจนตัวรถมีความใหญ่โต และดูเส้นสายโค้งมนมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนรวมถึงยังคงเอกลักษณ์หลายๆอย่างได้ดี ทั้งเส้นสายกระจกด้านข้างที่เรามักจะเห็นตั้งแต่รุ่นแรกๆ และรุ่นนี้มีความใหญ่โต ฐานล้ออะไรกว้างมากขึ้นและการออกแบบ ซุ้มล้อต่างๆ ดูแน่นเต็มเข้ากับตัวล้อ 21 นิ้วได้ลงตัวบอกเลยว่า สมกับขนาดตัวรถในภาพรวม ส่วนความสูงอะไรนั้นปรับแต่งไม่ได้ครับเป็นช่วงล่างมาตรฐานปกติซึ่งในรุ่น AMG เองนั้นเราจะได้หระจังหน้าขนาดใหญ่ พร้อมกับกันชนรอบคันที่มีความดุดันและสปอร์ตมากกว่าเดิม

เราจะเห็นว่าตัวล้อขนาด 21 นิ้วเข้ากับขนาดตัวรถได้ดีและลายก้านมาตรฐานแต่ก็ลงตัวซึ่งถ้าตัวรถสีดำนั้นจะจับในส่วนของโครเมี่ยมรอบคันเข้ามาได้ดี ทั้งเส้นสายกระจก หรือว่าจะเป็นแนวชายล่างของตัวรถ รวมถึงรอบๆคันทั้ง ชายล่างด้านหน้า หรือ ว่าขอบโครเมี่ยมในด้านหลังที่อยู่ในแนวท่อไอเสียต่างๆ ไม่ได้เยอะมากเกินไปกำลังลงตัวจริงๆแนวทางการออกแบบ BENZ รุ่นใหม่ๆส่วนตัวค่อนช้างชอบเส้นสายภาพรวม รวมถึงกระจังหน้าแม้จะใหญ่แต่ก็ไม่ได้ดูเด่นมากเกินไปครับ รวมถึงหลายๆคนเอาไปใช้งานเปลี่ยนเป็น AMG GLE63 เส้นแนวตั้งก็สวยลงตัวเลยครับ

เมื่อมองท้ายและด้านหน้าตรงๆเราจะเห็นเลยว่าท้ายรถมีความอวบใหญ่และตัวยางข้างหลังหน้ากว้างมากๆทำให้ตัวรถดูแน่นหนามากกว่าเดิมเข้ากับทรงของตัวรถได้ดี และส่วนล่างมีความกว้างกว่าส่วนบนของตัวรถภาพรวมในด้านหลังสวยงามมากๆ เส้นสายไฟท้ายต่างๆเข้ากับตัวรถและมีความเส้นสายคมกว่ารุ่นก่อนหน้าชัดเจน ตัดกับสีโครเมี่ยมในด้านล่าง ที่เป็นส่วนชายล่าง และ ท่อไอเสียได้ลงตัวตัดกับสีดำลงทันที และในด้านหน้าเราอาจจะไม่ได้เห็นซุ้มล้อใหญ่แบบด้านหลัง แต่ความใหญ่ของกระจังหน้านั้นตัดกับสีดำของตัวรถได้ลงตัว รวมถึงเส้นสายรอบๆส่วนชายล่างเช่นกัน ในชุดกันชนหน้านั้นเราจะเห็นว่าส่วนโครเมี่ยมโค้งขึ้นมา ตัดกับเส้นสายชายล่างได้สวยงาม และดูดุดันมาก

กระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ AMG เราจะเห็นก้านเดี่ยวเท่านั้นพร้อมกับโลโก้ขนาดใหญ่ที่เป็นแบบ 3 มิติไม่ใช่แบบกระจกครอบที่มีเซนเซอร์ด้านในเพราะว่า บรรดาเรดาร์ต่างๆนั้นจะอยู่ข้างล่างของกันชนนั้นเองครับ พร้อมกับการเล่นจุดๆสีเงินกระจายรอบโลโก้ถือว่าสวยงามส่วนด้านข้างเป็นช่องดักลมขนาดใหญ่ที่เป็นเส้นสาย 2 ขีดโครเมี่ยม พร้อมกับมีช่องรีดอากาศออกไปทางด้านข้าง แต่จะไม่ได้เป็นช่องดักลมเข้าเพราะว่าที่เราเห็นสีดำทั้งหมดเป็นที่ทึบ

ทางด้านล้อตัวนี้ขนาดใหญ่กำลังดี เป็นล้ออัลลอย AMG ขนาด 21 นิ้ว Multi-Spoke พร้อมกับเบรก Mercedes-Benz และ จานเบรกแบบเจาะรู ส่วนทางด้านกระจกมองข้างเองนั้นมาพร้อมกับกล้องรอบคัน พร้อมไฟส่องพื้น ที่มีโลโก้ Mercedes-Benz และ ไฟเลี้ยวในตัวพร้อมกับ ระบบเตือนมุมบอดให้มาครบ ส่วนทางบันไดติดตั้งมาให้ครบพร้อมกับไฟส่องสว่างเวลากลางคืนตรงตัวบันได และมียางกันลื่นให้มาครบ แต่ต้องระวังเวลาลุยทางด้านตัวรถอาจจะขรูดได้ง่ายถ้ามีบันไดแบบนี้ ส่วนขอบกระจกโครเมี่ยมสวยงามในส่วนตอนหน้า กับ ราวหลังคาใส่เข้ามาใช้งานครับ

เราจะเห็นเลยว่าล้อหลังนั้นมีความใหญ่โตสะใจมากๆทั้งการออกแบบ ซุ้มล้อ คิ้วล้อหลังมีความใหญ่กว่าด้านหน้าเข้ากับส่วนล้อยางหลังได้ดีและถ้ามองในด้านหลังส่วนกันชนล่างเราจะเห็นโครเมี่ยมขนาดใหญ่พร้อมกับ ท่อไอเสียหลอกเสริมเข้ามา เพราะว่าท่อจริงๆจะยิงลงพื้นครับในมุมซ้ายเท่านั้น ส่วนไฟท้ายอะไร LED สวยงามรูปทรงเล็กกว่ารุ่นก่อนชัดเจน พร้อมกับเส้นสาย กรอบที่เป็นเอกลักษณ์ของบรรดาตระกูล GL ที่เราจะเห็นในหลายๆซีรีส์ของตัวนี้ และอีกจุดเด่นของตระกูล ML -GLE นั้นเราจะเห็นเลยว่า กระจกหลังเสา C ที่เอียงดั้งเดิมตั้งแต่รุ่นแรกที่ออกมาครับ

ทางด้านหลังคากระจกรุ่นนี้ใสเข้ามาให้ถือว่าใหญ่ กว้างมากๆตัวนึงในตลาดเช่นกัน และสามารถเปิดใช้งานได้ในตอนหน้าเท่านั้นเป็นปกติของบรรดารถตระกูลนี้ เมื่อเปิดแล้วกระจกจะยกขึ้นไปข้างบนพร้อมกับมีที่บังฝุ่น ซึ่งช่องที่เปิดเองนั้นก็กว้างกำลังดีในการใช้งาน สามารถยกขึ้นได้มาตรฐานการใช้งานทั่วไป และ กระจกไม่ร้อนเท่าไรนักครับ

ยามค่ำคืนเองนั้นเมื่อปลดล็อกตัวรถถือว่าไฟรอบคันจัดเต็ม รุ่นนี้ใส่มาให้ครบมากๆ เพราะว่ากระจกมองข้างนั้นมีไฟส่องที่พื้นพร้อมกับ โลโก้ ตราดาวขนาดใหญ่ยิงลงพื้นชัดเจน พร้อมกับมีไฟตรงมือจับมาให้ทั้ง 4 บาทสว่างขาวและนอกเหนือจากไฟที่ยิงลงพื้นแล้วนั้น มีไฟส่องตรงบันไดข้างเข้ามาให้ตามแนวยาวทั้งคันเสริมเข้ามาเรียกได้ว่าสว่างมากๆ ทำงานร่วมกับไฟหน้า ไฟท้ายที่ติดทันทีเวลาปลดล็อก รวมถึงไฟในเก๋งทั้งหมดด้วยเช่นกัน สว่างชัดเจนรอบคัน

INTERIOR

งานออกแบบภายในแน่นอนว่า Mercedes-Benz ถือว่าเป็นค่ายยุโรปที่ออกแบบภายในได้หวือหวามากที่สุดและมีการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆก็ว่าได้ ถ้าเราไปมองคู่แข่งหรือว่าตัวในระดับใกล้กันหลายๆค่ายจะมีความเรียบง่ายหรือไม่ได้แตกต่างกับเดิมเท่าไรนักแต่สำหรับ Mercedes-Benz เองนั้นเปลี่ยนแปลงไปชัดเจนอย่างมากทั้งหน้าตาการใช้งาน หรือแม้จะเป็นแสงสียามค่ำคืน ค่ายนี้ถือว่าจัดเต็มที่สุดแล้วเช่นกัน ทางด้านกุญแจนั้นยังคงเป็นหน้าตาเดิมยังไม่ได้เปลี่ยนไปยุคใหม่แบบ  S-Class ที่จะเป็นรูปทรงใหม่ครับ และแน่นอนว่ารองรับการใช้งานได้ทั้ง 4 ประตูสามารถล็อก และ ปลดล็อกได้ง่ายๆโดยแค่เอื้อมมือเข้ามือจับก็จะปลดล็อกให้ทันที และมี Kick Sensor ในฝาท้าย

งานออกแบบภายในถือว่าหรูหราสวยงาม และมีความแปลกตากว่ารุ่นอื่นๆ ถ้ามองเทียบกันทั้ง GLC GLA G ต่างๆ แต่ภายในคันนี้จะได้ระดับพรีเมี่ยมเดียวกับ GLS เพราะว่าภายในทั้ง GLE GLS นั้นใช้งานภายในตัวเดียวกันเลยนั้นเองครับ ทำให้ยกความพรีเมี่ยม หรูหราเข้ามาจัดเต็ม พร้อมกับระบบ MBUX หน้าจอยาวๆพร้อมระบบสัมผัสที่คุ้นเคยรวมถึง ช่องแอร์ 4 ช่องทั้งหมดทรงเหลี่ยมที่โดดเด่นและแยกกับ E Class ได้ชัดเจน เพราะว่าตัวเก๋งเองนั้นจะเป็นวงกลม พร้อมกับ ลายไม้สีดำวัสดุแบบด้าน พร้อมกับพื้นผิวที่สวยงามและมีความลึก นูนต่ำได้สมจริงเหมือนไม้จริงและแน่นอนว่ามุมมองการขับขี่ไม่มีปัญหา โปร่งโล่ง ทั้งแถว 1 และ แถว 2 หลังคากระจกเต็มบานและฟีเจอร์แน่นๆไม่ว่าจะเป็น แอร์หลัง พร้อมระบบแยกโซน หรือว่าจะเป็น ที่วางแก้วน้ำ ม่านบังแดดไฟฟ้า รวมถึง เบาะไฟฟ้าทั้งหมดครับ

ภายในตำแหน่งคนขับรวมถึงตัวเบาะเองนั้นเป็นทรงมาตรฐานแม้จะไม่ได้เป็นแนวสปอร์ตอะไรมากแต่ก็ถือว่ามีความกระชับ และ นั่งได้สบายสมกับเป็นรถแนวครอบครัวด้วยเช่นกันรองรับการปรับไฟฟ้า หุ้มด้วยหนัง Nappa และ เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อม Memory Seat คู่หน้า และสามารถปรับดันหลัง หรือว่าจะเป็นยืดส่วนรองต้นขาได้ทั้งหมด รวมถึง Welcome Seat และ ทางด้านพวงมาลัยนั้นเป็นระบบปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทางถือว่าเป็นเบาะหน้าที่รองรับการขับขี่ทางไกลได้ดีมากๆ และตัวเบาะเองนั้นมีความนุ่มกำลังดี รวมถึงกระชับในส่วนพนักพิงได้ครับ

คอนโซลกลางถือว่าน่าสนใจแน่นอนว่าค่ายนี้ยังคงเอกลักษณ์ช่องแอร์ต่างๆได้น่าสนใจแม้จะเป็นรุ่นใหม่ๆก็ตามถือว่าโดดเด่นและยามค่ำคืนแสงสีทำได้สวยเช่นกัน ส่วนควบคุมเองนั้นมาพร้อมกับการออกแบบที่จับ ซ้ายขวาสำหรับการใช้งานทั้งคนขับ และ คนนั่งพร้อมกับหนังเย็บสวยงามทั้งชิ้น และมีที่วางมือ สำหรับการใช้งานตรง Touchpad สำหรับสั่งงานหน้าจอกลางทั้งหมด ทางด้านหน้าจอหลักนั้นใช้งาน หน้าจอกลาง Digital Widescreen Cockpit ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ MBUX รุ่นใหม่เช่นกัน และแน่นอน สามารถใช้งาน Android Auto , Apple Carplay และ ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester พร้อม USB-C ในการเชื่อมต่อทั้งหมดเช่นกัน

ทางด้านพวงมาลัยยังคงเป็นทรงที่เราคุ้นเคยกันในหลากหลายรุ่นของค่ายแม้จะเป็น SUV แต่ก็ยังมีพวงมาลัยแบบขอบตัดทรงสปอร์ตใส่เข้ามาใช้งานพร้อมระบบการควบคุมทั้งหมด รวมถึงการปรับ Adaptive Cruise Control และ Paddle Shift นั้นเอง หุ้มด้วยหนัง Nappa และ แดชบอร์ดหน้า และ แผงประตูส่วนบนหุ้มด้วยหนัง ARTICO ส่วนทางด้านมาตรวัดหน้าตาแบบใหม่ชุดมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ปรับแต่งได้อิสระมากๆตัวนึงในตลาดตอนนี้ ถือว่าค่ายนี้ทำออกมาได้หลากหลายมากๆตัวนึงและใช้งานหน้าจอดิจิทัลได้คุ้มค่ามากๆตัวนึงส่วนทางด้าน วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร โครเมียม – H31 Anthracite open-pore oak wood จะเห็นว่าลวดลายนั้นสมจริง และมีนูนต่ำผิวที่สวยและดีมากๆ พร้อมกับโทนสีน้ำตามเข้มๆตัดกับโครเมียมได้อย่างลงตัว

เบาะหลังรุ่นนี้มาพร้อมกับไฟฟ้าทั้ง 2 ฝั่งสามารถเลื่อนหน้าหลัง และ สามารถเอียงเบาะได้เช่นกันถือว่าล้ำมากๆในระดับเดียวกันเพราะว่าส่วนใหญ่เราจะไม่เจอเบาะไฟฟ้ามาให้เลยในส่วนแถว 2 ก็ตามและสามารถปรับได้มากที่สุดในภาพทั้งการเอน และ การเลื่อนมาข้างหน้าสุดก็ยังมีพื้นที่ Leg Room ได้สบายๆ รวมถึง Headroom ก็สบายเช่นกันพร้อมกับแอร์ด้านหลัง 4 ตำแหน่งที่สามารถแยกอิสระ ซ้ายขวาได้ทั้งหมด ทำให้รุ่นนี้สามารถอิสระได้ 4 โซนแยกชัดเจน ส่วนเบาะด้านหน้านั้นเราจะเห็นช่องสำหรับการติดตั้งหน้าจอเพิ่มเติมได้ง่ายๆ หรือจะเป็นที่วางต่างๆตามการใช้งานครับ ซึ่งในรถยนต์ระดับนี้เองนั้นเหมาะแก่การเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัว หรือ แม้แต่ผู้บริหารด้วยเช่นกัน

ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารตอนหลังนั้นมีมาให้ทั้ง 2 ฝั่งและเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดสามารถใช้งานปุ่มเดียวกับที่เปิดกระจกหลังได้ด้วยเช่นกันครับ ซึ่งถ้ามองเทียบคู่แข่งยังคงเป็นแบบระบบมือปกติเช่นกัน รวมถึงเบาะไฟฟ้าด้านหลังที่สามารถแยกปรับซ้ายขวาได้ พร้อมกับ การดันที่พิงศรีษะก็เป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงการพับเบาะเพื่อขึ้นไปยังแถว 3 ก็สามารถปรับได้ง่ายๆเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเช่นกัน แต่ถ้าพับเบาะแนวราบนั้นก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน ที่วางแก้วต่างๆนั้นให้มา 2 ตำแหน่งตรงกลาง พร้อมที่เก็บของเล็กน้อยในที่วางแขน และ ทางด้านแอร์หลังสามารถปรับอิสระผ่านหน้าจอ ดิจิทัล และ เปลี่ยนทิศทางลม  อุณหภูมิแยกได้ง่ายๆ พร้อมกับช่อง USB-C สำหรับชาร์จไฟให้มา 2 ช่อง รองรับการชาร์จไฟในด้านหลังทั้งหมด ถือว่าอิสระมากๆ  ตำแหน่งแอร์ครอบคลุมทั้งคันได้ดี

เบาะแถว 3 นั้นเป็นเบาะเสริมเป็นหลักอาจจะเหมาะสำหรับการให้เด็กๆนั่งซะมากกว่า แต่ถ้านั่งในระยะไม่ไกลมากก็พอไหวแต่ต้องปรับแถว 2 ให้ไกลออกไปสำหรับตัวแอดเองก็พอนั่งได้ครับ และแน่นอนว่ามาพร้อมกับ ที่วางแก้วตรงกลาง พร้อมกับ ที่ชาร์จ USB-C พร้อมกัน 2 ตำแหน่ง ทำให้ทุกที่นั่งนั้นสามารถรองรับการชาร์จไฟได้ทั้งคันเต็มที่

สำหรับมุมมองหรือว่าพื้นที่นั่งแถว 3 นั้นจะเห็นว่าถ้าใช้งานจริงๆอาจจะอึดอัดไปบ้าง ทั้งกระจกที่ไม่ได้ใหญ่ในแถวสุดท้าย รวมถึงพื้นที่วางขาต่างๆแม้จะปรับไปข้างหน้าสุดแบบส่วนขวาในภาพก็ยังถือว่าไม่ได้เยอะมากเท่าไร และถ้าปรับถอยหลังสุดก็จะได้แบบในส่วนซ้ายในภาพนั้นเองส่วนมุมมองจากการนั่งนั้นก็พอมีหลังคากระจกเข้ามาช่วยได้

ทางด้านที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ขนาด 630 – 2,055 ลิตร (เมื่อพับเบาะแถว 2 ลง) ก็ถือว่าเยอะมากๆในการขนของหรือแม้แต่ในภาพจะเห็นว่าแม้จะมีแถว 3 ขึ้นมาก็ยังเหลือพื้นที่ในการใส่กระเป๋าหรือว่าความกว้างก็สามารถรองรับได้สบายๆ เทียบจากขนาดร่มของทางค่ายและสามารถเปิดที่เก็บแผ่นบังสัมภาระข้างใต้ได้อีกเช่นกันครับ ในการพับเบาะแถว 3 นั้นเป็นระบบมือทั่วไปและสามารถพับได้เรียบไปกับพื้นรถ แต่ถ้าแถว 2 นั้นจะเป็นแบบไฟฟ้าทั้งหมด และเรียบไปกับพื้นได้ด้วยเช่นกัน ในแง่ของการใช้งานถือว่ารองรับได้อิสระและขนของได้เยอะแม้จะนั่งเต็ม

แสงสียามค่ำคืนนั้นค่ายนี้ต้องยกให้เป็นสิ่งที่ดีมากๆของค่าย Ambient Light ปรับได้ 64 สี และสามารถแยกโซนได้ทั้ง 2 โซนซึ่งเราจะเห็นเลยว่า ทั้งไฟส่องเท้าต่างๆนั้นสามารถปรับแต่งสีได้ทั้งหมด และเส้นแสง Ambient Light ทั้งตามขอบประตูและเส้นรอบๆคันนั้นจัดเต็มอย่างมาก อีกทั้งไฟตามขอบประตูสีขาวก็ยังคงใส่เข้ามาให้จัดเต็มมาก

แน่นอนว่าไฟห้องโดยสารเป็นสีขาวทั้งหมดทั้งตอนหน้าและหลัง มีความสว่างและสวยงามระดับนึง และ Ambient Light ในด้านหลังก็จัดเต็มไม่แพ้ข้างหน้า ทั้งตรงขอบประตู หรือแม้แต่ไฟส่องเท้าต่างๆให้มาครบจัดเต็มแสงสี

ENGINE

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654 แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC และทางด้านช่วงล่างแบบมาตรฐาน ไม่ได้ใช้งานช่วงล่างถุงลมอะไรในตัวนี้ ทำให้ไม่สามารถปรับความแข็ง อ่อนอะไรได้ รวมถึงในเรื่องของความสูง ทำให้คันนี้จะสูงเป็นระดับเดียวกันทั้งหมด ถ้ามองในแง่ของเครื่องยนต์นั้นเทียบกับคู่แข่ง ตัวนี้จะค่อนข้างเล็กไปทันทีทั้งขนาดและพละกำลังของตัวเครื่องคันนี้

ตัวเครื่องเมื่อเทียบกับราคาค่อนข้างเล็กไปนิดหน่อยในแง่ของพละกำลัง มาพร้อมกับ 4 สูบ 2.0 เท่านั้น ทั้งที่คู่แข่งหลายๆคันนั้นไป V6 กันซะส่วนใหญ่รวมถึงความจุที่มากกว่า และในตลาดนั้นจะเป็นเครื่องยนต์ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยทั้งแบบ Plug-In Hybrid หรือแม้แต่ แบตขนาดเล็กที่ช่วยในการออกตัวต่างๆ แต่คันนี้จะเป็นเครื่องยนต์ล้วนๆ เลยนั้นเองครับ ทำให้พิกัดของเครื่องนั้นเล็กไปเหมือนกัน ทางด้านตัวเลขต่างๆนั้น 0-100 ประมาณ 8-9 วิ และ 80-120 เองนั้นทำไปได้ประมาณ 6-7 วิ ถือว่ากลางๆสำหรับเครื่องและแบกขนาดรถใหญ่แบบนี้ เพราะว่าเครื่องตัวนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีในตัว CLS300D นั้นเองครับ ถ้าใครสายซิ่งมากๆตัวนี้ต้องไปลองกันว่าพอรับได้ไหม แต่ถ้ามองในแง่ของการใช้งานทั่วไป ในเมือง นอกเมืองบอกเลยว่าเหลือๆแล้วในการเร่งแซง หรือ ขับขี่ทั่วไปได้

DRIVING

การขับขี่แน่นอนว่าในรหัสนี้ เนื่องจากตัวเครื่องอาจจะดูเล็กและไม่ได้มีมอเตอร์ไฟฟ้าอะไรมาช่วย และอาจจะไม่ได้เป็นจุดเด่นในเรื่องของอัตราเร่งหวือหวา พุ่งสะใจมากแต่ภาพรวมมันก็เหลือๆแล้วในถนนเมืองไทยแบบนี้หรือในการขับขี่ทั่วไปแล้วนั้นเองแรงบิดกำลังมาได้ดีและสบายๆในการเร่งแซงครับทำให้เรารู้สึกทันใจได้บ้างเหมือนกันในช่วง 0-140 อันนี้สบายๆแม้จะเติมเมื่อไรก็สามารถมาได้ง่ายๆเลย เมื่อใช้งานจริงๆถ้าพ่อบ้านขับทั่วไปก็สบายๆเหลือๆ แต่ถ้าพ่อบ้านสายซิ่ง อาจจะไม่ได้สะใจเท่าไรนัก ส่วนตัวช่วงล่างอะไรนั้นสามารถรองรับการขับขี่ได้หลากหลายแบบ แม้จะไม่ได้มีการรองรับการ ปรับแต่งอะไรได้ แต่เหมือนเซ็ตออกมาได้ลงตัวทั้งในการขับขี่ในเมือง หรือว่าขับขี่ทางไกล เน้นในแง่ของความนุ่มเป็นหลัก ทำให้คนนั่งข้างหลังสบายแม้จะขับเร็วหรือเปลี่ยนเลนยังไงก็ตามตัวนี้สามารถตอบโจทย์คนนั่งได้สบายเป็นหลัก นุ่ม เนียน แม้จะเจอถนนไม่ดีก็สามารถเก็บรอยต่อถนนหรือว่าความแย่ของถนนในไทยได้ดี แต่ถ้ามองเทียบในความหนึบ อาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรบางทีรู้สึกว่ามันนุ่มไปในความเร็วสูงและเปลี่ยนเลนจะค่อนข้างโยนชัดเจนครับ และ ไม่ได้หนึบ แน่นมากนักถ้าคนที่ชอบความเร็วอาจจะไม่ได้มาในแนวทางนี้ แต่ถ้าเน้นสบายทำได้ดี

พวงมาลัยเองนั้น ถ้าเทียบกับขนาดตัวรถต้องบอกว่าเป็นพวงมาลัยที่ตั้งออกมาได้น้ำหนักดีมากจริงๆ ทำให้เวลาขับขี่นั้นไม่ได้รู้สึกว่ารถใหญ่แม้แต่น้อย แต่ก็ไม่ได้เบาไปซะทีเดียวครับ ถ้าเทียบกับอัตราเร่ง ขนาดตัวรถ หรือว่าขนาดยางอะไรของคันนี้บอกเลยว่า พวงมาลัยตัวนี้ลงตัวมากๆในการขับขี่ทั้ง ในเมืองเราสามารถพาคันนี้ขับในถนนเมืองไทยได้ง่ายๆ และ เข้าซอย กลับรถอะไรได้ไม่ยุ่งยากเกินไป และ ต่างจังหวัดเองก็สามารถเปลี่ยนเลนอะไรได้อย่างลงตัวมากๆเป็นพวงมาลัยที่เซ็ตออกมาค่อนข้างคมในแง่ของการใช้งานจริง และ สามารถเปลี่ยนเลนได้แบบมั่นใจมากๆครับ ซึ่งถ้ามองรวมกับช่วงล่าง ในแง่ของทางตรงอะไรก็นิ่งและมั่นใจได้มากๆเช่นกันไม่มีอาการเกร็งอะไรแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากเข้าโค้งหนักมากๆ หรือเปลี่ยนเลนกระทันหัน พวงมาลัยก็ยังเอาอยู่ แต่ช่วงล่างตัวรถอาจจะโยนและย้วยได้ง่าย

การเก็บเสียงเองนั้นทำได้ดีมากๆในความเร็วสูง หรือแม้แต่เสียงจากถนนต่างๆเสียงรอบข้างเข้ามาน้อยในการใช้งานจริงรวมถึงความเร็วสูงมากๆก็สามารถเก็บได้ทั้งหมดไม่มีปัญหาแต่อย่างใดถือว่าสมกับระดับราคาของมันในตระกูลนี้ รวมถึงขนาดของตัวยางเองก็มีผลแม้จะเป็นขอบบาง แต่สามารถเก็บเสียงอะไรได้ดีแม้จะความเร็วสูง 140 ชึ้นไปก็ตาม

CONSUMPTION

ทางด้าน GLE พี่ใหญ่ตัวนี้ในเรื่องของเครื่องยนต์ 2.0 แน่นอนว่าถ้าเทียบกับตัวรถอาจจะดูเล็กไปหน่อยครับ แต่สำหรับ อัตราการกินน้ำมันลองใช้งานประมาณ แบบเต็มที่ขับไป ตจว และ มีในเมืองด้วยรถติดพอสมควรได้ 11 กิโลลิตรครับ ในการเติมน้ำมันดีเซลเต็มถัง ก็ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดครับทั้งการขับขี่ที่เปิด Sport Mode ตลอดเลยมีรถติดยาวๆในเส้นพระราม 2 และในเมือง และมีอัดไป 150 ในหลายๆช่วงก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่น่าพอใจครับ เทียบกับการขับขี่ในภาพรวมของคันนี้ แต่การใช้งานการขับขี่ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันอยู่แล้วแต่การใช้งานจริงๆนะ บางคนอาจจะขับได้ประหยัดกว่านี้ หรือ ซดมากกว่านี้ก็เป็นไปได้ทั้งหมดเลยครับ แต่ถ้าเทียบขนาดการขับขี่ของมันถือว่าไม่ได้แย่เลยนะ เพราะด้วยตัวรถที่หนัก และใหญ่แต่ทำได้เลข 10-11 แบบนี้ถือว่าสบายๆเลยแหละ แต่ถ้าขับหนักๆ หรือ รถติดมากๆ ในเมืองนั้นอาจจะทำได้ 8-9 ต้นๆได้อยู่ครับเพราะว่าเป็นเครื่องยนต์ล้วนๆไม่ได้มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาเสริม ซึ่งถ้าอยากได้ประหยัดมากกว่านี้ หรือระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยในเมืองแน่นอนว่าจะมีตัว 350De มาตอบโจทย์

MERCEDES-BENZ – GLE 300D

” รถครอบครัว หน้าตาสวย นั่งสบาย ฟีเจอร์ครบ อัตราเร่งกลางๆ เน้นขับชิลๆ “

ถ้ามองรถครอบครัวที่สามารถขับได้แบบสบายๆ เน้นนั่งสบายนุ่ม ฟีเจอร์ข้างหลัง ข้างหน้าจัดเต็มพร้อมกับเน้นระบบใช้งานเครื่องยนต์ดีเซล ไม่อยากยุ่งกับระบบไฟฟ้าทั้งหลาย และ ไม่ชอบช่วงล่างถุงลมที่อาจจะมีปัญหาในอนาคตได้ ตัวนี้ทำออกมาตอบโจทย์ได้ครบทุกอย่าง รวมถึงหน้าแบบ AMG ที่สวยลงตัวและมีความสปอร์ตโดดเด่นอย่างมาก ซึ่งต้องลองในแง่ของอัตราเร่งก่อนเลยว่ารับได้ไหม เพราะว่าเครื่องเล็กที่สุดในบรรดาคู่แข่งทั้งหมด ไม่ว่า Q7 / X5 / XC90 เพราะว่าไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้าอะไรมาเสริมด้วยเช่นกัน เป็นเครื่องตัวเดียวกับ CLS300D แต่เราจะได้ฟีเจอร์ความสะดวกสบายครบ เบาะหลังไฟฟ้า หน้าจอใหญ่จัดเต็ม พื้นที่การนั่งที่กว้างขวางและ หน้าตาแสงสีภายในที่หวือหวาสวยงามที่สุดในตอนนี้ อีกทั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยครับมากๆคันนึงในตลาดตอนนี้ ช่วงล่างนุ่มๆ หลับสบายแต่อาจจะไม่หนึบเท่าไร ซึ่งคนข้างหลังชอบแน่นอน แต่คนที่รักการขับขี่เร็ว ขับสนุกตัวนี้อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในส่วนนั้นนัก

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget