ถ้าหากมองในตระกูลหนังที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง และ มีมายาวนาน แน่นอนว่า MI หรือ Mission Impossible ต้องเป็น 1 ในเรื่องที่หลายๆคนรู้จักและติดตามกันมา ด้วยตั้งแต่ภาคแรกตั้งแต่ปี 1996 กันเลยทีเดียว และเป็นภาพยนต์ชุดที่ ทำได้ดีอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น แอคชั่น และ เนื้อหา รวมถึงการแสดงของ พี Tom Cruise ของเราที่เน้นสแดงจริง เล่นจริงกันแบบเจ็บตัวจริงๆ ไม่เวอร์เกินไปแบบหลายๆเรื่องทำให้เป็นจุดหลักๆที่คนติดตามกันเรื่อยๆด้วยนะ และด้วยความที่ภาคก่อนหน้าหรือว่า Fall Out ทำออกมาได้สุดมากในความเข้ม มิติของหนัง และ แอคชั่นในแต่ละฉากทำให้เรื่องนี้หลายๆคนคาดหวัง รวมถึงตัวผมเอง หลังจากที่ชมแล้วบอกเลยว่า สนุก เพลิน แต่ไม่พีคเท่าภาคก่อน
ตัวเนื้อเรื่องเองแน่นอนว่าเล่าได้ดี ในแนวที่พยายามใส่ความเป็นเทคโนโลยีที่เป็นภัยกับโลกสมัยใหม่เข้าไปมากขึ้น ตัวร้ายทำได้น่ากลัว น่าสนใจ และตัวหนังเองเล่าเรื่องได้ไวในบางช่วง แต่ก็มีแบบยืดๆในบางช่วงผสมกันไปจึงทำให้มันน่าจะสามารถกระชับได้มากกว่านี้ รวมถึงจังหวะในบางช่วงก็เล่าเร่งรีบไป มีหลากหลายกลุ่ม หลายทีมซึ่งถ้าใครตามไม่ทันก็อาจจะมีหลุดไปบ้าง แต่ข้อดีของมันคือไม่ต้องดูภาคก่อนๆมาก็สามารถเข้าใจได้ แต่ถ้าดูมาก่อนก็จะอินในหลายๆตัวละครมากขึ้นครับ เนื้อหา บท เลยไม่มีปัญหา แต่แค่การเล่าเรื่องบางช่วงทำไมมันยิดเกินความจำเป็นนิดหน่อย แต่ถ้ามองข้ามจุดนั้นไปก็ถือว่าเพลิน สนุก และ จังหวะหนังในบางสถานที่ผมชอบมากกว่าทั้งเรื่องเลยแหละ แม้ว่า แอคชั่นจะไม่เดือดเท่าภาคก่อน หรือ ลูกเล่นลูกต่อ จังหวะการเล่นกับตัวละครจะไม่เยอะเท่าภาคก่อนๆ ก็ตามภาคนี้ก็ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ดี อาจจะไม่ได้สุดเท่ากับภาคก่อนหน้า หรือ เดือดเท่า แต่ก็ไม่ได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
ในแง่ของนักแสดงน่าจะเป็นจุดนึงที่ทำให้หนังเองมีความลงตัวมากขึ้น ทั้งทีมของพระเอก และ ตัวร้ายรอบนี้ที่มาแบบเงียบๆ แต่ก็น่ากลัว ระแวงไปได้ไม่ใช่น้อยครับ รวมถึงการแสดงที่เล่นเอง เจ็บจริงของ Tom Cruise ของเค้าซึ่งทำให้หลายๆฉากเราลุ้นไปด้วยจริงๆ การแสดงของนักแสดงเลยไม่ใช่ปัญหา และ เป็นจุดดีที่หนังเรื่องนี้ เคมีแต่ละตัวละครมันยังคงทำได้ดี อารมณ์แบบภาคแรกๆกลับมาเสมอครับ จังหวะตลกก็ส่งไปในหลายๆช่วงกำลังดีไม่เยอะล้นไปนัก รวมถึง การที่เรื่องนี้จะมีถึง 2 Part ทำให้มันสามารถเล่าได้ดีเทลเยอะและละเอียดไปได้มากกว่าปกติด้วยเช่นกัน
งานภาพ และ เสียง ต้องบอกว่าเรื่องนี้ใช้ IMAX ในการถ่ายออกมาเป็น FORMAT นั้น ภาพสวยคม แต่น่าเสียดายว่าสุดท้ายเราจะไม่ได้ฉากขยายอะไรแบบตัวอย่างที่เราเคยดูครับเสียดายมาก ซึ่งถ้ามองข้ามเรื่องนั้น ในการที่หลายๆฉากเน้นไปถ่ายสถานที่จริง เล่นจริงทำให้มิติของภาพสวย และ อลังการมากรวมถึงการกระโดดหน้าผาของจริงเล่นจริงๆคือขนลุกครับ เพราะถ้าพลาดมาคือจบชีวิตจริงๆ แต่สถานที่ โปรดักชั่น และ CGI ทำออกมาได้เนียนหลายๆฉากครับอันนี้ดีเทลดูดี รวมถึง เสียงเพลงประกอบ ธีมประจำตัวของหนังก็ทำได้ดี คุ้นหูปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้นแต่มันจะมีซีนหลายๆซีนที่มีแต่เพลง และ นักแสดงเดินเล่าเรื่องที่อาจจะรู้สึกว่ามันยืดๆไปพอสมควรในหลายๆช่วงเลย
ถ้าหากมองว่ามันเป็นหนังภาคต่อที่ทำได้ดีมาตลอด รักษามาตรฐานได้ดี เรื่องนี้ทำได้ดีกว่าหลายๆภาคต่อของหนังแล้ว การที่หนังภาคที่แล้วมันดันไปสุดเทพทุกอย่าง ก็อาจจะเป็นสิ่งท่ียากที่ภาคนี้จะสามารถไปสุดกว่าเดิมได้ครับ ก็เป็นเรื่องยาก รวมถึงการที่แบ่งเป็น 2 Part แบบนี้มันเลยดูไม่จัดเต็ม ไม่กระชับเท่าที่ควรไม่แน่ว่าภาคต่อไปอาจจะลงตัวสุดไปมากกว่านี้ครับ แต่ถ้ามองว่ามันสนุก เพลิน แอคชั่นดีไหม บอกเลยว่าไม่ควรพลาด และ ยังคงคุ้มค่าแก่การเสียเงินเช่นเดิมครับ แน่นอนว่าไม่มี End Credit อะไร เพราะหนังมันจบครึ่งนึงได้แบบกำลังดี รอดูภาคต่อไปได้เลย