MSI ประเทศไทยได้เปิดตัว MSI GE66 Raider Dragonshield Limited Edition ที่เราได้เห็นกันไปในงาน CES 2020 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยราคาวางขายในประเทศไทยจะอยู่ที่ 80,990 บาท สาวกมังกรแดงห้ามพลาดเด็ดขาดสำหรับรุ่นนี้ มีการนำเข้ามาขายแบบจำนวนจำกัด รวมทั้งยังได้ชุด Dragonshield Box Set Limited Edition ที่ข้างในนั้นบรรจุไปด้วยของพรีเมี่ยมมูลค่ารวมกันกว่า 7,500 บาท GE66 Raider Dragonshield Limited Edition นั้นถูกออกแบบมาด้วยขั้นตอนอันสุดแสนพิเศษจากการร่วมงานกันระหว่าง MSI และ Colie Wertz (facebook.com/ColieWertzDesign) ศิลปินผู้ออกแบบ Visual Concept ในภาพยนตร์ sci-fi ต่าง ๆ รวมถึงมหากาพย์สงครามอวกาศสุดยิ่งใหญ่อย่าง Stars War ที่เขาได้มีส่วนในการออกแบบยานอวกาศต่าง ๆ ที่ใช้ในภาค 1 – 3 นั่นเอง เป็นงานออกแบบที่มีความพรีเมี่ยม และ โดดเด่นในบรรดา Gaming
ทางด้านประสิทธิภาพ มาพร้อมกับ Intel Core i7 10th Gen และการ์ดจอสำหรับเล่นเกมอย่าง GeForce RTX 2070 รวมถึงฟีเจอร์เด่น ๆ ใช้งานหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว FHD รองรับ รีเฟรชเรท 300Hz และ ความแม่นยำ ใกล้เคียงกับ 100%sRGB พร้อม ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มาพร้อมพัดสองพัดลมขนาดใหญ่ ฮีทไปป์ 6 เส้น, คีย์บอร์ดสำหรับเล่นเกมจาก SteelSeries ที่มีฟังก์ชันปรับเปลี่ยนสี RGB ได้แบบ Per-Key 1 ปุ่มต่อ 1 สี, มีไฟ Mystic Light บริเวณด้านหน้าและใต้เครื่อง ให้การแสดงผลแสงและสีแบบ PANORAMIC AURORA สำหรับประสบการณ์ในการเล่นเกมที่หาไม่ได้ในโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นอื่น ๆ, แบตเตอรี่ที่มีความจุ 99.9 WHr จัดเต็มเรื่องเวลาในการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น, กล้อง webcam ที่มีความละเอียดถึงระดับ Full HD, มีพอร์ตการเชื่อมต่อมากถึง 10 พอร์ต, ลำโพงเทคโนโลยีใหม่ในชื่อ Duo Wave Speaker, ระบบ LAN และ W-Fi จากทาง Killer ที่เป็นระบบเน็ตเวิร์คประสิทธิภาพสูงสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะถือว่าจัดเต็มมากๆ และ ดีไซน์เด่นที่สุด
Dragonshield Limited Edition Box Set ที่ถูกบรรจุมาอยู่ในแพ็คเกจเดียวกันกับตัวเครื่องนี้ จะมี Dragonshield Spaceship มูลค่า 4,000 บาท, Dragonshield Mousepad มูลค่า 1,500 บาท, Gaming Mouse Dragonshield Edition มูลค่า 1,500 บาท, Concept Collection Book มูลค่า 500 บาท ทางด้าน GE66 Dragonshield 10SF-441TH พร้อมกับ Intel Core i7-10875H / GeForce RTX™ 2070, GDDR6 8GB / 15.6″ FHD (1920*1080), 300Hz Thin Bezel, close to 100%sRGB / DDR-IV 16GB*2 (3200MHz) / 1TB NVMe PCIe Gen3x4 SSD / Killer Wi-Fi 6 AX1650i (2*2 ax) + BT5.1 / Per-Key RGB Gaming Keyboard by SteelSeries / 2 Years Warranty.
ตอนนี้อยู่ที่ ราคา 72,900 บาท
UNBOX
กล่องนั้นถือว่ามีความอลังการแน่นอนครับด้วยความที่เป็นรุ่น Limited Edition นั้นจะมาพร้อมกล้องใหญ่ซึ่งในกล่องนั้นจะมี กล่องย่อย ตามภาพ และมี แผ่นรองเมาส์ขนาดใหญ่มาให้ รวมถึง Gaming Mouse ด้วยเช่นกัน
- ตัวเครื่อง MSI GE66 Raider DragonShield Limited Edition
- Adaptor 230W ชาร์จไฟ
- คู่มือ ใบ รับประกัน
- Gaming Mouse Dragonshield Edition
- Dragonshield Mousepad แผ่นรองเมาส์แบบยาว
- โมเดล วัสดุพลาสติก Dragonshield Spaceship
- Concept Collection Book
แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นรุ่นพิเศษทำให้มี โมเดลแถมมาให้ในกล่องซึ่งเป็นโมเดลที่มีความสวยงามและ ดีเทลค่อนข้างสวยและดูดีอย่างมาก ได้ผู้ออกแบบ Visual จากทาง Starwars ถือว่ามีกลิ่นอายมาเยอะมากๆ และควรค่าแก่การสะสมเลยทีเดียว พร้อมกับ วัสดุพลาสติกขึ้นรูปสวยงามและขาตั้งพร้อมใช้งาน รวมถึงทางด้าน Gaming Mouse ก็ดูดี พร้อมกับสีส้มและไฟ RGB อีกทั้งยังดีไซน์ให้มีน้ำหนักเบาและใช้งานได้ง่าย รวมถึงมีแผ่นรองเมาส์ลายพิเศษใส่เข้ามาให้ในกล่องเลย ถือว่าซื้อตัวนี้พร้อมใช้งานทันทีและได้ความพรีเมี่ยมและ Limited
DESIGN
งานออกแบบต้องบอกว่ามีความโดดเด่นในการใช้งานทั้งเรื่องของสีสัน รวมถึงดีเทลในหลากหลายส่วนเรียกได้ว่าถือไปไหนมาไหนใช้งานมีความโดดเด่นแย่ซีนแน่นอน เป็นงานออกแบบที่คล้ายๆกับเทคโนโลยีอนาคต Cyberpunk แบบนั้นเลยพร้อมกับการเล่นสีดำตัดส้มเป็นคู่สีที่ต้องบอกว่าตัดกันแบบลงตัว ถ้าใครชอบโทนสีแบบนี้ต้องรักรุ่นนี้แน่นนอนครับ เป็นการพ่นสีลวดลายพิเศษทั้งข้างนอกข้างในรวมถึงมีแผ่นรองเมาส์และ โมเดล เมาส์ พิเศษมาให้ใช้งานเลย ส่วนงานประกอบ คุณภาพนั้นสมราคากับรุ่น GE66 RAIDER ตัวเทพของค่ายอีกรุ่นนั้นเอง
งานออกแบบทั้งหมดนั้นอิงจากรุ่น GE66 RAIDER ทั้งเรื่องของรูปทรงและบอดี้ทั้งหมดแต่ในรุ่น Limited ตัวนี้จะเป็นการทำสีใหม่ทั้งหมดทั้งภายนอกและภายในมีการออกแบบพิเศษ จากทีมผู้ออกแบบ Visual Concept Starwars นั้นเองเลยทำให้หลายๆส่วนมีกลิ่นอายจากหนังเรื่องนั้นมาเยอะมากๆ และส่วนตัวแอดมินเองค่อนข้างชอบมากๆเลยทีเดียวการออกแบบเส้นสายเหมือนกับพวกเทคโนโลยีในอนาคต หรือ ยานอวกาศทำให้ดูล้ำและดิบไปในตัว รวมถึงการตัดสีส้มดำ พร้อมกับตัดกับไฟ RGB หน้าตัวเครื่องทำให้รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่มีความโดดเด่นตัวนึงเลย มาพร้อมกับ WALLPAPER พิเศษ และแน่นอนว่าขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วพร้อมกับงานออกแบบวัสดุโลหะทั้งเครื่อง
ฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าเป็นการใช้งานสีส้มทั้งหมดพร้อมกับเป็นการทำลายที่มีความคมสวยเส้นสายคม ถือว่าออกแบบและคุณภาพนั้นทำได้ดีเลยทีเดียวเขียนชื่อรุ่น พร้อมกับโลโก้ MSI ครึ่งนึง เล่นสีดำส้มตัดกันอย่างลงตัว แต่น่าเสียดายว่าไม่มีไฟตรงโลโก้ครับ ส่วนบอดี้นั้นก็จะเป็นการอิง GE66 RAIDER พื้นฐานนั้นเอง ส่วนวัสดุโลหะทั้งหมด ทั้งฝาหลังและฐานเครื่อง ส่วนตัวถ้าใครชอบงานแนว อวกาศหรือเครื่องบินพวกนี้น่าจะชอบตัวนี้แน่นอน
ส่วนงานออกแบบภายในก็มีการเล่นลวดลายเช่นกัน ไม่ใช่แค่ข้างนอกเครื่องข้างในเล่นสีสันสวยงามเลยทีเดียวพร้อมกับเขียน GE66 ขนาดใหญ่ส่วนพวกข้อพับอะไรนั้นซ่อนได้ดี และมีความแข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆของค่ายนี้รวมถึงสามารถกางได้เยอะพอสมควร สามารถจับข้างเดียวกางได้แบบสบายๆส่วนปุ่มทั้งหลายนั้นวางเหมือนรุ่นปกติ ขอบหน้าจอถือว่ามีความบางในขอบซ้าย และขอบขวา แต่ตรงขอบบนนั้นแอบใหญ่และมีกล้องหน้ามาให้อยู่
ขอบเครื่องด้านหน้านั้นมาพร้อมกับไฟ MYSTIC LIGHT RGB ที่สามารถรองรับการปรับแต่งได้ในตัวเครื่องเป็นแถบไฟขนาดใหญ่ถือว่ามีความสวยงามพอสมควร และเป็นรูปทรง 3 มิติสวยงามอันนี้ถือว่าโดดเด่นเลยทีเดียว ส่วนขอบเครื่องด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่ามีการใช้งานวัสดุสีส้มกับสีดำตัดกัน และตัวข้อพับนั้นดูแข็งแรงพอสมควรในการใช้งานทั่วไป และมีช่องระบายความร้อนออกไปในด้านข้าง และในด้านหลังก็มีช่องระบายเช่นกันพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อ
ฝาหลังนั้นรองรับการแกะได้ง่ายๆ พร้อมกับช่องระบายความร้อนด้านฐานล่างแบบคล้ายรังผึ้ง เจาะช่องระบายทั้ง 2 ฝั่งพร้อมกับพัดลมขนาดใหญ่ ยางรองทั้ง 4 มุมและในขอบด้านหน้าจะเป็นยางรองแนวยาว เมื่อแกะฝาฐานล่างออกมาเราจะเห็นพัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่พร้อมกับ Heatpipe 6 เส้นจัดเต็ม ระบายความร้อนออกข้างหลังและข้างซ้ายขวาทั้งหมด เรื่องจัดการความร้อนรุ่นนี้ถือว่าสบายและมีโหมด Turbo ระบายแบบเต็มที่เสียงพัดลมดังสูงสุด ส่วนการรองรับอัพเกรดนั้นให้ M.2 มาทั้งหมด 2 แถม รองรับอัพอีก 1 แถว รวมถึงมีแผ่นระบายความร้อนแปะมาให้ทุกส่วนของตัว M.2 และ ส่วนของ RAM เช่นกันมาให้ 2 แถว 32GB ใส่มาให้เต็มพร้อมใช้งานไม่ต้องอัพเพิ่มเติม
SPEC
- Intel Core i7-10875H
- NVIDIA GeForce RTX 2070 8GB GDDR6
- RAM 32GB DDR4 Bus 3200MHz
- 1 TB SSD M.2 NVMe PCIe
- หน้าจอขนาด 15.6″ FHD (1920×1080), 300Hz, IPS-Level
- Per-Key RGB Backlight Keyboard BY Steelseries
- Mystic Light แบบ Panoramic Aurora RGB ขอบเครื่องด้านหน้า
- 802.11 ax Wi-Fi 6 + Bluetooth v5.1
- 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack
- Duo Wave Speaker ลำโพงคู่ ขอบเครื่อง
- DYNAAUDIO
- ขนาด 358 x 267 x 23.4 มม.
- น้ำหนัก 2.38 กิโลกรัม
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU i7-10875H 14nm 2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz 8 Core/16 Thread ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2070 มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 32GB DDR4 bus 3200 พร้อมรองรับ Dual Channelส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่อง รองรับอีก 1 แถวเพิ่มเติม และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าสเปกนั้นทำได้ดีพร้อมใช้งานเลยทีเดียวครับและการ์ดจอก็แรงสะใจเอาเรื่อง
PC MARK
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen10 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ไปได้ 5076 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 5,200 คะแนนครับ ถือว่าคะแนนในเรื่องของการทำงานสบาย
3D MARK
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 3624 ถือว่าดี และตัว TIMESPY ปกตินั้นทำได้ 7783 และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 4487 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 81 CPU GPU 78 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 9361 และ FIRE STRIKE ULTRA 4864 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 2070 เลยนั้นเอง
CINEBENCH R15 – R20 / DISK MARK
R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1771 cb/ 123 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆ ดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจน และมองเทียบกับ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 9750H ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 3589 เลย ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะ และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 นั้นทำการอ่านเขียนไป 3,355 MB/s และ 3,074 MB/s ถือว่าแรงมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านและการเขียนถือว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีมากๆ
SCREEN
หน้าจอครั้งนี้จัดเต็มปรับมาใช้งาน 300Hz แน่นอนว่าถ้าใครเล่นสาย FPS น่าจะเข้าใจกันดี ส่วนในเรื่องของความสว่างก็มามากกว่าเดิม และทำได้สู้แสงดีกว่าเดิม และสีที่แม่นยำกว่าเดิมด้วย สีมีความใกล้เคียงกับ 100% sRGB จอด้านทำให้มันใช้งานได้ดีไม่เจอแสงสะท้อนหรือใช้งานข้างนอกก็ทำได้ดี มาที่เรื่องของสีสันต่างๆนั้นสบายๆจอแบบ IPS FHD นั้นความแม่นยำของตัวสีและมุมมองนั้นทำได้ดีและจากที่ลองมันก็ เล่นเกมได้ ดีคือลื่นไหลเนียนตามากๆ และหน้าจอมีความสว่างสู้แสงได้ดีถือว่ารองรับการประมวลผลในการทำงานสายแต่งภาพก็รองรับได้ หรือรองรับได้ทั้งเล่นเกมที่มความลื่นไหลในการใช้งาน เวลาเล่นเกมที่ตอบสนองต่อภาพที่เน้นกราฟิกได้ดีด้วย
มุมมองของหน้าจอก็ถือว่ารองรับได้ดีแม้อาจจะไม่ได้เทพมาก ถ้ามองเทียบกับสายทำงานครีเอเตอร์ในเรื่องของมุมมองนะครับ แต่ถ้าเทียบกับสายเกมมิ่งต้องบอกว่าหน้าจอตัวนี้ถือว่าเป็นหน้าจอที่มีความลื่นไหลในการใช้งานได้ดี เป็นจอแบบ IPS 300Hz ที่ดีมาๆคือมุมมอง พร้อมทำงานและรองรับได้ทุกมุมมอง คือมันเป็นจอเกมที่ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ทั้งรองรับมุมมองที่กว้าง Refresh rate 300Hz ทำให้เน้นสายเกมเป็นหลักตัวนี้สามารถขับ FPS ได้ลื่นไหลมากๆ 150+ ได้สบายๆ แบบปรับภาพสุดแต่ถ้าอยากลองภาพแบบลื่นไหลเต็มที่นั้นปรับภาพระดับกลางๆก็จะเจอความลื่นไหลแบบที่ไม่ค่อยเจอในหน้าจอแบบอื่นๆ รวมถึงส่งผลเวลาใช้งานหน้าจอทั่วไปด้วยเช่นกันในการเลื่อนทำงานต่างๆ
KEYBOARD
แป้นพิมพ์ในรุ่นนี้มาพร้อมกับการใช้งานขนาดพื้นฐานของพวกหน้าจอ 15.6 นิ้ว คีย์บอร์ด Full Size จากทาง SteelSeries พร้อมไฟ RGB Pre-Key ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ทุกปุ่มครับสามารถปรับแต่งได้ค่อนข้างอิสระเลยทีเดียวและการใช้งานคียบอร์ดจากทาง SteelSeries นั้นถือว่ายังคงสานต่อจากรุ่นก่อนๆจนมาถึงรุ่นนี้ได้ดี พัฒนามาอย่างลงตัวทั้งระยะการกด และความเด้งรับอะไรนั้นรองรับการใช้งานเวลาเล่นเกมได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวตัวนี้ และที่ชอบคือมีปุ่มใช้งานหลากหลายเมื่อกด FN ก็จะเน้นสีแดงส่วนที่รองรับฟังก์ชันนี้ และ F8 สำหรับเปิด TURBO ในการระบายความร้อนสูงสุดเป็นปุ่มที่ทาง MSI ใส่เข้ามาให้ตลอด และ F9 สำหรับการเข้าตั้งค่า Steel Series นั้นเอง เพื่อปรับเปลี่ยนโปรไฟล์สีของ Steelseries Engine 3 ว่าจะปรับโซนไหน แสงสีแบบไหนบ้าง
เอาจริงๆนั้นระยะถือว่าทำออกมาได้กำลังดีและเว้นระยะห่างของแต่ละปุ่มได้ดี ส่วนตัวนั้นค่อนข้างชอบงานออกแบบปุ่มของค่ายนี้ในเรื่องของตัวอักษรที่เน้น ภาษาอังกฤษไว้เด่นๆทำให้ตัวเครื่องนั้นดูไม่รกมากและภาษาไทยก็มีมาให้แต่ก็ไม่ได้แย่งซีนตัวอังกฤษนั้นเอง ส่วนระยะห่างแต่ละปุ่มนั้นเมื่อเล่นเกมนั้นรองรับได้ดีเลยตัวปุ่มทรงเหลี่ยมพื้นฐาน และเว้นระยะไม่ได้ชิดหรือห่างมากเกินไป ทำให้เวลาเล่นเกมกดได้ต่อเนื่องรวมถึงการพิมพ์งานต่างๆเช่นกัน
TOUCHPAD MOUSE
ทัชแพดนั้นเป็นขนาดปกติไม่ได้ใหญ่อะไร รองรับการใช้งานได้กำลังดี แต่แน่นอนว่าสายเกมส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นในส่วนนี้เท่าไรนักเลยไม่ได้มีขนาดใหญ่ซักเท่าไร รวมถึงปุ่มคลิกซ้ายขวา นั้นเป็นแบบซ่อนปกติ วัสดุสีด้านรองรับการใช้งานได้ลื่นไหลและโทนสีคล้ายกับตัวเครื่องทำให้เนียนตาไปพอสมควร แต่น่าเสียดายว่าไม่ได้มีการเล่นลวดลายอะไรตรงทัชแพดเพราะว่าต้องเน้นการใช้งานเป็นหลักนั้นเอง ส่วนระยะกดอะไรนั้นทำได้ดีตามมาตรฐาน
แน่นนอว่าสายเกมต้องแถมเมาส์เข้ามาให้ด้วยครับทำให้การใช้งานนั้นสามารถตอบโจทย์ได้ดีมากขึ้นรองรับการเล่นเกมได้เต็มที่กว่าเดิม เมาส์แถมมาให้ถือว่าดีไซน์สวยน้ำหนักเบาและออกแบบสีส้มโทนเดียวกับตัวเครื่องมีไฟ RGB มาให้ใช้งานครบพร้อมกับส่วนล่างและส่วนบน รวมถึงออกแบบเมาส์ให้จับถนัดมือและเจาะรูให้มีน้ำหนักเบาที่สุดครับ
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อรุ่นนี้ให้มาทั้งหมด 3 ฝั่งตัวเครื่องรองรับการใช้งานได้ค่อนข้างดีครับ ในส่วนของด้านหลังเครื่องนั้นจะเป็นช่องสำหรับเชื่อมต่อไฟ DC IN พร้อมกับ HDMI – RJ45 – USB-C และ MiniDisplayport ยังคงใส่เข้ามาให้ ถือว่าในด้านหลังนั้นจะเน้นการเชื่อมต่อที่เป็น เครือข่าย สายไฟเข้า และต่อออกหน้าจอทำให้ไม่เกะกะด้านข้าง
ด้านขวานั้นจะเป็นช่องสำหรับ USB 3.2 รองรับการใช้งานได้ดีทั้งหมด 2 ช่อง แบบ USB-A และ ยังคงมี SD-Card Reader ใส่เข้ามาให้ใช้งานแม้จะเป็นสาย Gaming ก็ตามอันนี้ถือว่าตอบโจทย์สายถ่ายภาพเลย
ส่วนทางด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นลำโพงหน้าสุดเช่นกัน และช่องระบายความร้อนด้านหลังสุด พร้อมกับ Kensington Lock และ USB 3.2 TYPE A ใส่เข้ามาให้ครบพร้อมใช้งานรวมถึง USB-C และ 3.5 Combo ครับ แต่น่าเสียดายไม่มี Thunderbolt มาให้เลยในการใช้งานแม้จะเป็นตัวเทพของสาย Gaming ก็ตามแอบน่าเสียดายครับ
WORKING
การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้นครับสำหรับ intel แน่นอนว่าการทำงานโปรแกรมเดียวเน้นๆทำได้ดีอยู่แล้วรวมถึงระยะเวลาการเรนเดอร์อะไรถ้าไม่ได้สลับทำงานเยอะมาก ก็ถือว่าไม่ได้ด้อยกว่าตัวอื่นๆเลย ในรุ่นนี้ยังคงใช้งาน 14nm และ ใช้ CPU i7-10875H + NVIDIA® GeForce® RTX 2070 8GB GDDR6 และ RAM 32GB 3200 Mhz ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทำงานหลากหลายโปรแกรม หลายเลเยอร์ได้สบาย และการอ่านเขียนของ SSD ก็ถือว่าไวมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านเขียน แต่ทดสอบในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงานถือว่าสบายครับ
PREMIRE PRO
เรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 19 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 26 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 9750H นั้นจะใช้เวลาประมาณ 37 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจน ถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน แน่นอนว่าแม้จะเป็นคอมพิวเตอร์สายเกมแต่ระยะเวลาการเรนเดอร์นั้นถือว่าเหลือๆ
GAMING
ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปก ไปยันกินสเปกโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลย จัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ เรามาดูกันในหลายๆเกมว่าจะเป็นยังไงกันและตัว i7 10785H +RTX 2070 จะทำได้ดีแค่ไหน และครั้งนี้มาพร้อมกับ RAM 32GB แล้วด้วย อีกทั้งตัว SSD ให้มาพร้อมกับความเร็วในการอ่านเขียนได้เยอะขึ้น โหลดแมพอะไรก็ทำได้ไวมากๆเล่นเกมรองรับกับ 300Hz ได้สบายในส่วนของความลื่นไหลและการขับภาพออกมานั้นสมกับที่ให้สเปกและหน้าจอออกมารองรับแบบนี้
จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 300Hz ได้บางเกมรันได้สบาย แต่ถ้าเปิดภาพสุดนั้นจะได้ 60-70 FPS ครับเป็นปกตินะ แต่ต้องเข้าใจกันก่อนเลยนะครับหลายๆคนอาจจะมองว่าทำไมความร้อนสูง เพราะ ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย และไม่ได้เปิดแอร์เล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 70-80 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม + ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 200 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไปอีกทีแต่อันนี้เล่นสภาพอากาศปกติ เปิด TURBO โหมดทำให้ระบายความร้อนไม่มีการแตะ 90 เลยครับทำได้ดี
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 151 อุณหภูมินั้น GPU 77 CPU 77 : ULTRA
- APEX ทำไปได้ FPS 126 อุณหภูมินั้น GPU 83 CPU 85 : ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 153 อุณหภูมินั้น GPU 76 CPU 77 : ULTRA
- Modern Warfare ทำไปได้ FPS 107 อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 84 : ULTRA
MSI GE66 RAIDER DRAGONSHIELD LIMITED EDITION
” ความโดดเด่นด้านงานออกแบบ ประสิทธิภาพที่เร็วแรง ระบบระบายความร้อนที่ไว้ใจได้ “
MSI ก็ยังถือว่าเป็นค่ายที่ไว้ใจได้เรื่องระบบระบายความร้อนที่ทำงานได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะมากรวมถึงรุ่นนี้มีความพิเศษทั้งเรื่องของงานออกแบบ สินค้าโมเดล และโทนสีที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ได้คนออกแบบจาก STARWARS มาจึงมีกลิ่นอายมาเยอะมากๆในตัวยาน และได้พื้นหลังพิเศษด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านประสิทธิภาพนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยทั้งเรื่องของหน้าจอ 300Hz พร้อมกับ i7 + RTX2070 รองรับการเล่นเกมได้ลื่นไหล รวมถึงการทำงานเรนเดอร์ก็รองรับได้สบายๆ อีกทั้ง คีย์บอร์ด และ ลำโพงค่อนข้างจัดเต็มทั้งเรื่องของสีสันสวยงาม และ การใช้งานด้วยเช่นกันทำให้เป็นอีกคอมพิวเตอร์สายเกม รุ่นพิเศษที่ควรมีไว้และทำงานก็ได้ เล่นเกมก็เทพแถมโดดเด่นสุดๆครับ
ข้อดี
- งานออกแบบมีความพรีเมี่ยม สวยงาม และ โดดเด่น
- วัสดุงานประกอบยังคงทำได้ดี
- โทนสีสวยและเส้นสายลวดลายโดดเด่น
- ของแถมจัดเต็ม ทั้งเมาส์ แผ่นรองเมาส์ โมเดลเครื่องบิน
- คีย์บอร์ด SteelSeries Per-key RGB
- ลำโพงคู่ กำลังขับสูงรองรับ HIFI ผ่านหูฟัง
- หน้าจอรองรับการใช้งานได้ดี 300Hz
- พอร์ตให้มาทั้ง 3 ด้านรองรับ USB 3.2, HDMI รวมถึง mini DisplayPort 1.2
- ประสิทธิภาพทำได้ดี เร็วแรง Core i7-10875H พร้อมกับ GeForce RTX 2070
- สเปกภาพรวมจัดเต็ม RAM 32GB SSD 1TB รองรับการเพิ่มอีก 1 แถว
- ระบบระบายความร้อนยังคงทำได้ดีสมชื่อ MSI
ข้อสังเกต
- ไม่มีพอร์ต Thunderbolt มาให้ใช้งาน
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr