MSI ในตระกูล GE 66 นั้นถ้าจำกันได้เราเคยรีวิวจัดเต็มไปในตัวเทพที่สุด ที่มาพร้อมกับรุ่นพิเศษ DragonShield Limited Edition กันไปแล้ว แน่นอนว่าในครั้งนี้จะเป็นรุ่นปกติที่สเปกอะไรนั้นจะลดลงมาเล็กน้อยทั้งเรื่องของหน้าจอและที่แตกต่างกันคือเรื่องของงานออกแบบนั้นเองครับ แต่ถ้ามองเรื่องของสเปคการ์ดจออะไรนั้นตัวที่เรากำลังจะรีวิวนั้นทำได้ดีกว่าชัดเจนเนื่องจากเป็นรุ่น RTX 3070 แล้วครับส่วนเรื่องของงานออกแบบหรือว่าดีไซน์ตัวบอดี้เองนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนักครับในรุ่นนี้ ยังคงโดดเด่นทั้งเรื่อง แสงสีไฟแถบด้านหน้า รูปทรงบอดี้สวยงาม พัดลมขนาดใหญ่ ช่องเชื่อมต่อในด้านหลังหรือว่าจะเป็นหน้าจอ 240Hz รวมถึงระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 – Wifi 6E ในการเชื่อมต่อ และลำโพงคู่จัดเต็มครับ และมาพร้อมกับคีย์บอร์ดจากทาง Steelseries เช่นเดิมประจำแบรนด์นี้

MSI GE66 RAIDER ในรหัส 10UG 424TH นั้นจะมาพร้อมกับการใช้งาน INTEL I7 10870H รองรับการใช้งาน ความเร็ว 2.20 – 5.0 GHz  8 คอร์ 16 เธร์ด (16 MB L3 Cache) เสียดายว่ายังไม่ได้ใช้งาน Gen11 ครับ ส่วนการ์ดจอได้อัปเดตแล้วมาใช้งาน NVIDIA GeForce  RTX 3070 และใช้งาน RAM 32GB DDR4 3200MHz Dual Channel และทางด้านความจุเครื่อง SSD แบบ M.2 NVMe 2TB รองรับการใช้งานสบายๆครับ แน่นอนว่าสเปกนั้นดี แต่เสียดายไม่ใช้งาน Gen 11 แค่นั้น ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD หน้าจอแบบ IPS รองรับการใช้งานมาตรฐาน sRGB 100% และปรับสีได้ MSI True Color Technology และหน้าจอ 240Hz  ถือว่าความลื่นไหลสบายๆในการใช้งานจริงครับ มาพร้อมกับลำโพงคู่ และ พอร์ตเชื่อมต่ออะไรจัดเต็มมากๆ แต่ไม่มี Thunderbolt 3 มาให้อันนี้แอบเสียดาย ส่วนการระบายความร้อนยังใช้งาน Cooler Boost 5 จัดเต็มเช่นเดิมเลย และรองรับ Wifi 6E ตัวล่าสุุดรวมถึง ประกันนั้นรองรับ 2 ปีมาตรฐานเลยครับ

MSI GE66 RAIDER ราคานั้นจะเริ่มต้น 79,990 บาท แต่ในรุ่นที่รีวิวจะเป็นรุ่น 99,990 บาทไทยครับ มาพร้อมกับสเปก i7-10870H // INVIDIA GeForce RTX 3070 / RAM 32GB / 15.6″ IPS Full HD 240Hz // SSD M.2 NVMe PCIe 2TB เรียกได้ว่าเป็นสเปกที่จัดเต็มมากๆตัวนึงแล้วของทางค่ายนี้

UNBOX

  • ตัวเครื่อง MSI GE66 RAIDER
  • กระเป๋าเป้ MSI
  • คู่มือการใช้งาน
  • ผ้าเช็ดตัวเครื่อง
  • Adaptor จ่ายไฟเข้าเครื่อง

DESIGN

งานออกแบบทางด้าน GE66 นั้นยังคงใช้งานบอดี้ เส้นสายงานออกแบบที่มีความคล้ายหรืออาจจะเป็นบอดี้ตัวเดิมเลยนั้นเองแต่เปลี่ยนแค่ในเรื่องของภายในสเปกเท่านั้นทำให้ข้างนอกอะไรพวกนี้อาจจะไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนเท่าไรครับ แต่แน่นอนว่าบอดี้เดิมมันเองก็ไม่ได้แย่ ทั้งเรื่องของการใช้งาน ความแข็งแรง หรือว่าจะเป็นการออกแบบต่างๆ ข้อต่อมีความแข็งแรง และการระบายความร้อนทิศทางลม หรือว่าจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อนั้นให้มาครบหลายตำแหน่งส่วนทางด้านสีในรุ่นนี้แน่นอนว่าเราเคยรีวิวตัว Dragonshield กันไปแล้วแต่ครั้งนี้เป็นบอดี้แบบเรียบๆสีเงินกันบ้าง

รูปทรงตัวเครื่องอะไรนั้นยังคงไม่ได้หนีจากเดิมอย่างที่แจ้งไปครับมาพร้อมกับไฟในด้านหน้าที่รองรับการเปลี่ยนสีสันได้อิสระ และฝาหลังสีเงินสวยงามเน้นความหรูหราอะไรมากขึ้นพรีเมี่ยมมากกว่าเดิมส่วนทางด้านโลโก้นั้นไม่ได้มีไฟอะไรมาให้ครับเน้นความเรียบและดูไม่เป็นสายเกมมากเกินไปทำให้ภาพรวมนั้นดูไม่เป็นสายเกมมิ่งเยอะมากด้วยครับ

ขอบเครื่องด้านหน้านั้นมาพร้อมกับไฟ MYSTIC LIGHT RGB ที่สามารถรองรับการปรับแต่งได้ในตัวเครื่องเป็นแถบไฟขนาดใหญ่ถือว่ามีความสวยงามพอสมควร และเป็นรูปทรง 3 มิติสวยงามอันนี้ถือว่าโดดเด่นเลยทีเดียว และสามารถปรับแต่งได้เยอะมากๆตัวนึงเลยเราจะเห็นได้เลยว่าตัวหลอดไฟใส่เข้ามาให้เยอะ และแน่นมากๆในการตกแต่งครับ แน่นอนว่ารุ่นนี้มีไฟแค่จุดเดียวทำให้ต้องเน้นๆในเรื่องของการใช้งาน ความสวยงามและความโดดเด่นเป็นหลัก

คีย์บอร์ดทำงานร่วมกันกับไฟได้เป็นอย่างดี RGB PER KEY สามารถเล่นแสงสีได้แยกทีละปุ่มและสามารถเล่นกับตัวแถบไฟด้านหน้าได้เยอะมากๆเราจะเห็นว่ามีความหลากหลายของตัวไฟเยอะจริงๆครับเรียกได้ว่าค่ายนี้ยังคงเน้นเรื่องของไฟและการปรับแต่งได้อิสระมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับใครที่ชอบเล่นเกมหรือปรับแต่งไฟเยอะๆน่าจะชอบกันในจุดนี้

ฝาหลังมีคุณภาพดีทั้งเรื่องของการใช้งานวัสดุ และ การใช้โทนสีรวมถึงการขึ้นรูปโลโก้ของ MSI แน่นอนว่าแม้จะเป็นตัว Gaming ก็ไม่ได้ใช้งานสีสันไฟเยอะในส่วนโลโก้ครับมีความหรูมากๆตัวนึงเลยแหละถือว่าดูดีและพรีเมี่ยม งานโลโก้มีความคมสวย และเป็นโครเมี่ยมสวยงามเลยทีเดียว ส่วนด้านในหน้าจอนั้นขอบจอบางขึ้น และกล้องหน้า ไมค์ยังคงใส่เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปครับแน่นอนว่า หลายๆคนก็ยังคงใช้งานกล้องติดหน้าจอเมื่อยามจำเป็นกันอยู่

ส่วนขอบเครื่องด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่ามีการใช้งานวัสดุสีส้มกับสีดำตัดกัน และตัวข้อพับนั้นดูแข็งแรงพอสมควรในการใช้งานทั่วไป และมีช่องระบายความร้อนออกไปในด้านข้าง และในด้านหลังก็มีช่องระบายเช่นกันพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อต้องบอกว่า MSI พัฒนาคุณภาพในหลายๆส่วนขึ้นเยอะและในเรื่องของข้อต่อและความแข็งแรงนั้นสบายๆรองรับการกางหน้าจอไอ้กว้างสุดตามภาพเลยทีเดียวครับ สามารถใช้งานมือเดียวเปิดหน้าจอได้อยู่เช่นกันในส่วนนี้

ฝาหลังนั้นมีการเล่นลวดลายอยู่เช่นเดิมครับมียางรองในด้านล่างพร้อมกับช่องระบายอากาศต่างๆนั้นเยอะพอสมควรครับแน่นอนว่าจะเน้นหนักๆไปที่ด้านหลังของตัวเครื่องที่จะเน้นๆในช่วงของพัดลมด้านหลัง และการระบายอากาศทั้งหมด ซึ่งในด้านหน้าเลยไม่ต้องมีช่องลมอะไรเยอะครับ เมื่อมองทะลุเข้าไปจะเห็นว่าพัดลมขนาดใหญ่ทั้งสองฝั่งใส่เข้ามา ส่วนในด้านบนตรงคีย์บอร์ดนั้นมีพื้นที่เหลือ ซ้าย และ ขวาอยู่บ้างครับ พร้อมกับวัสดุขึ้นรูปชิ้นเดียวกันทั้งหมดส่วนนี้ถือว่ากำลังดี มีที่วางอุ้งมือและทำได้ดีไม่ร้อนเวลาใช้งานรวมถึงวัสดุไม่ได้เลอะหรือติดคราบมันอะไรได้ง่ายครับ

ฝาหลังนั้นรองรับการแกะได้ง่ายๆ พร้อมกับช่องระบายความร้อนด้านฐานล่างแบบคล้ายรังผึ้ง เจาะช่องระบายทั้ง 2 ฝั่งพร้อมกับพัดลมขนาดใหญ่ ยางรองทั้ง 4 มุมและในขอบด้านหน้าจะเป็นยางรองแนวยาว เมื่อแกะฝาฐานล่างออกมาเราจะเห็นพัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่พร้อมกับ Heatpipe 6 เส้นจัดเต็ม ระบายความร้อนออกข้างหลังและข้างซ้ายขวาทั้งหมด เรื่องจัดการความร้อนรุ่นนี้ถือว่าสบายและมีโหมด Turbo ระบายแบบเต็มที่เสียงพัดลมดังสูงสุด ส่วนการรองรับอัพเกรดนั้นให้ M.2 มาทั้งหมด 2 แถม รองรับอัพอีก 1 แถว รวมถึงมีแผ่นระบายความร้อนแปะมาให้ทุกส่วนของตัว M.2 และ ส่วนของ RAM เช่นกันมาให้ 2 แถว 32GB ใส่มาให้เต็มพร้อมใช้งานไม่ต้องอัพเพิ่มเติม

SPEC

  • Intel Core i7-10875H
  • NVIDIA GeForce RTX 3070 8GB GDDR6
  • RAM 32GB DDR4 Bus 3200MHz
  • 2 TB  SSD M.2 NVMe PCIe
  • หน้าจอขนาด 15.6″ FHD (1920×1080), 240Hz, IPS-Level
  • Per-Key RGB Backlight Keyboard BY Steelseries
  • Mystic Light แบบ Panoramic Aurora RGB ขอบเครื่องด้านหน้า
  • 802.11 ax Wi-Fi 6E + Bluetooth v5.1
  • 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack
  • Duo Wave Speaker ลำโพงคู่ ขอบเครื่อง
  • DYNAAUDIO / HI-RES AUDIO
  • ขนาด 358 x 267 x 23.4 มม.
  • น้ำหนัก 2.38 กิโลกรัม

PERFORMANCE

ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU i7-10875H 14nm 2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz 8 Core/16 Thread ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 3070  มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 32GB DDR4 bus 3200 พร้อมรองรับ Dual Channelส่วน SSD 2TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่อง รองรับอีก 1 แถวเพิ่มเติม และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าสเปกนั้นทำได้ดีพร้อมใช้งานเลยทีเดียวครับและการ์ดจอก็แรงสะใจเอาเรื่อง

PC MARK

คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen10 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ไปได้ 5947 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ  6,100 คะแนนครับ ถือว่าคะแนนในเรื่องของการทำงานสบาย

3D MARK 

ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 4884 ถือว่าดี  PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 6316 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 85 CPU GPU 80 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 12752 และ FIRE STRIKE ULTRA 6856  คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 3070 เลยนั้นเอง คะแนนสูงกว่ารุ่นก่อนเยอะครับถ้าเน้นในเรื่องของการใช้งานเล่นเกม หรือว่าหน่วยประมวลผลต่างๆนั้นถือว่ารองรับได้สบายขึ้นเยอะ

CINEBENCH R15 – R20 / DISK MARK 

R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1643 cb/ 115 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆ ดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจน และมองเทียบกับ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 9750H ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 3589 เลย ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะ และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 2TB นั้นทำการอ่านเขียนไป 3,473 MB/s และ 2,404 MB/s  ถือว่าแรงมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านและการเขียนถือว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีมากๆตัวนึงเลย

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้ยังคงมีขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วพร้อมกับ ใช้งานหน้าจอ IPS ความละเอียด FHD หน้าจอแบบด้านพร้อมกับสีที่มีความใกล้เคียงกับ 100% sRGB ถือว่าในเรื่องของหน้าจอทำได้ดี และมี RefreshRate ที่ 240Hz ครับ และการออกแบบใช้งาน จอด้านทำให้มันใช้งานได้ดีไม่เจอแสงสะท้อนหรือใช้งานข้างนอกก็ทำได้ดี ของสีสันต่างๆนั้นสบายๆจอแบบ IPS FHD นั้นความแม่นยำของตัวสีและมุมมองนั้นทำได้ดีและจากที่ลองมันก็ เล่นเกมได้ ดีคือลื่นไหลเนียนตามากๆ และหน้าจอมีความสว่างสู้แสงได้ดีถือว่ารองรับการประมวลผลในการทำงานสายแต่งภาพก็รองรับได้ หรือรองรับได้ทั้งเล่นเกมที่มีความลื่นไหลในการใช้งาน เวลาเล่นเกมที่ตอบสนองต่อภาพที่เน้นกราฟิกได้ดีด้วย ถือว่าถ้ามองเทียบกับตัวก่อนหน้านั้นหน้าจอมีความสวยคมชัด คุณภาพใกล้เคียงกันมากๆต่างกันแค่ Hz เท่านั้น

เรื่องของมุมมองหน้าจอนั้นต้องบอกว่าแม้จะเป็นสายเกมก็ตาม ตัวหน้าจอก็ถือว่ามีสีสันที่ไม่เพี้ยนหรือดรอปอะไรมากในการเปลี่ยนมุมมองครับ ถือว่ายังคงมองเห็นและสู้แสงความสว่างไม่ดรอปอะไรมากด้วยเช่นกันถือว่ารองรับงานได้สบาย และในเรื่องของ Hz หน้าจอนั้นรองรับการเล่นเกมได้ไหลลื่นและขับร่วมกันกับ RTX 3070 ได้เป็นอย่างดีและใช้งานได้เต็มที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้เน้นสายเกมเป็นหลักตัวนี้สามารถขับ FPS ได้ลื่นไหลมากๆ 150+ ได้สบายๆ แบบปรับภาพสุดแต่ถ้าอยากลองภาพแบบลื่นไหลเต็มที่นั้นปรับภาพระดับกลางๆก็จะเจอความลื่นไหลแบบที่ไม่ค่อยเจอในหน้าจอแบบอื่นๆ รวมถึงส่งผลเวลาใช้งานหน้าจอทั่วไปด้วยเช่นกันในการเลื่อนทำงานต่างๆมีผลทั้งหมด

KEYBOARD 

แป้นพิมพ์ในรุ่นนี้มาพร้อมกับการใช้งานขนาดพื้นฐานของพวกหน้าจอ 15.6 นิ้ว คีย์บอร์ด Full Size จากทาง SteelSeries พร้อมไฟ RGB Pre-Key ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ทุกปุ่มครับสามารถปรับแต่งได้ค่อนข้างอิสระเลยทีเดียวและการใช้งานคีย์บอร์ดจากทาง SteelSeries นั้นถือว่ายังคงสานต่อจากรุ่นก่อนๆจนมาถึงรุ่นนี้ได้ดี พัฒนามาอย่างลงตัวทั้งระยะการกด และความเด้งรับอะไรนั้นรองรับการใช้งานเวลาเล่นเกมได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวตัวนี้ และที่ชอบคือมีปุ่มใช้งานหลากหลายเมื่อกด FN ก็จะเน้นสีแดงส่วนที่รองรับฟังก์ชันนี้ และ F8 สำหรับเปิด TURBO ในการระบายความร้อนสูงสุดเป็นปุ่มที่ทาง MSI ใส่เข้ามาให้ตลอด และ F9 สำหรับการเข้าตั้งค่า Steel Series นั้นเอง เพื่อปรับเปลี่ยนโปรไฟล์สีของ Steelseries Engine 3 ว่าจะปรับโซนไหน แสงสีแบบไหนบ้างถือว่าจัดเต็มากๆ

เอาจริงๆนั้นระยะถือว่าทำออกมาได้กำลังดีและเว้นระยะห่างของแต่ละปุ่มได้ดี ส่วนตัวนั้นค่อนข้างชอบงานออกแบบปุ่มของค่ายนี้ในเรื่องของตัวอักษรที่เน้น ภาษาอังกฤษไว้เด่นๆทำให้ตัวเครื่องนั้นดูไม่รกมากและภาษาไทยก็มีมาให้แต่ก็ไม่ได้แย่งซีนตัวอังกฤษนั้นเอง ส่วนระยะห่างแต่ละปุ่มนั้นเมื่อเล่นเกมนั้นรองรับได้ดีเลยตัวปุ่มทรงเหลี่ยมพื้นฐาน และเว้นระยะไม่ได้ชิดหรือห่างมากเกินไป ทำให้เวลาเล่นเกมกดได้ต่อเนื่องรวมถึงการพิมพ์งานต่างๆเช่นกัน

TOUCHPAD

ทัชแพดนั้นเป็นขนาดปกติไม่ได้ใหญ่อะไร รองรับการใช้งานได้กำลังดี แต่แน่นอนว่าสายเกมส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นในส่วนนี้เท่าไรนักเลยไม่ได้มีขนาดใหญ่ซักเท่าไร รวมถึงปุ่มคลิกซ้ายขวา นั้นเป็นแบบซ่อนปกติ วัสดุสีด้านรองรับการใช้งานได้ลื่นไหลและโทนสีคล้ายกับตัวเครื่องทำให้เนียนตาไปพอสมควร ส่วนระยะกดอะไรนั้นทำได้ดีตามมาตรฐาน

SPEAKER

ลำโพงในรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพง ซ้าย ขวา ระบบเสียง Duo Wave Speaker และ เทคโนโลยี Dynaudio ก็ถือว่าเรื่องของระบบเสียงทางด้านลำโพงตัวนี้ทำออกมาได้น่าประทับใจทั้งเรื่องของความดังและมิติเสียง ส่วนตัวถือว่าตำแหน่งวางลำโพงซ้าย และ ขวาได้ดีมากๆครับยิงออกด้านข้างทำให้เสียงไม่บังอะไรเท่าไรนัก ส่วนเรื่องเสียงเวลาเล่นเกม ความหนักแน่นของเสียงหรือว่าความกังวานมิติเสียงต่างๆนั้นทำออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียวรองรับการปรับแต่งเสียงผ่าน Nahimic 3 ด้วยเช่นกัน ทำให้ค่อนข้างยืดหยุ่นต่อการใช้งานและเล่นเกม ดูหนังทั้งหมดได้เลยครับ ส่วนตัวระบบเสียงผ่านหูฟังก็รองรับการใช้งาน HI-RES AUDIO รองรับ  4bit/192kHz ผ่าน Hi-Fi DAC ครับ

CONNECTOR

พอร์ตเชื่อมต่อรุ่นนี้ให้มาทั้งหมด 3 ฝั่งตัวเครื่องรองรับการใช้งานได้ค่อนข้างดีครับ ในส่วนของด้านหลังเครื่องนั้นจะเป็นช่องสำหรับเชื่อมต่อไฟ DC IN พร้อมกับ HDMI – RJ45 – USB-C และ MiniDisplayport ยังคงใส่เข้ามาให้ ถือว่าในด้านหลังนั้นจะเน้นการเชื่อมต่อที่เป็น เครือข่าย สายไฟเข้า และต่อออกหน้าจอทำให้ไม่เกะกะด้านข้าง

ส่วนทางด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นลำโพงหน้าสุดเช่นกัน และช่องระบายความร้อนด้านหลังสุด พร้อมกับ Kensington Lock และ USB 3.2 TYPE A ใส่เข้ามาให้ครบพร้อมใช้งานรวมถึง USB-C และ 3.5 Combo ครับ แต่น่าเสียดายไม่มี Thunderbolt มาให้เลยในการใช้งานแม้จะเป็นตัวเทพของสาย Gaming ก็ตามแอบน่าเสียดายครับ

ด้านขวานั้นจะเป็นช่องสำหรับ USB 3.2 รองรับการใช้งานได้ดีทั้งหมด 2 ช่อง แบบ USB-A และ ยังคงมี SD-Card Reader ใส่เข้ามาให้ใช้งานแม้จะเป็นสาย Gaming ก็ตามอันนี้ถือว่าตอบโจทย์สายถ่ายภาพเลยจุดนี้ถือว่าดี

MSI DRAGON CENTER

ทางด้านโปรแกรมการจัดการอะไรต่างๆนั้นต้องบอกว่า MSI DRAGON CENTER ยังคงตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการจัดการประสิทธิภาพของตัวเครื่องเวลาเล่นเกม หรือว่าจะเป็นการดูข้อมูลประสิทธิภาพของตัวเครื่องทั้งการทำงานของระบบต่างๆ ความร้อนการใช้งาน CPU GPU ทั้งหมด และโปรแกรมช่วยในเรื่องของการช่วยการเล่นเกมเพิ่มเติม อีกทั้งยังปรับในเรื่องของพัดลม แสงสีไฟหรือจะเป็นการซิงค์ต่างๆทั้งหมดได้เลยเรียกได้ว่าครบเพียงพอต่อการใช้งาน

WORKING

การทำงานแน่นอนว่าแม้จะเป้นคอมพิวเตอร์สายเกมก็ตาม แต่ก็รองรับการทำงานได้สบายๆครับโดยที ในรุ่นนี้ยังคงใช้งาน 14nm และ ใช้ CPU i7-10875H + NVIDIA® GeForce® RTX 3070 8GB GDDR6  และ RAM 32GB 3200 MHz ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทำงานหลากหลายโปรแกรม หลายเลเยอร์ได้สบาย และการอ่านเขียนของ SSD ก็ถือว่าไวมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านเขียนสามารถเอาไปทำงานได้สบายๆทั้งเรื่องของการเรนเดอร์ หรือว่าจะตัดต่อแน่นอนว่าสเปกแบบนี้ทำงานได้สบายๆอยู่แล้วครับและตอบโจทย์ และสามารถรันโปรแกรมพร้อมกันได้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีความหน่วงต่อการใช้งาน หรือว่า สลับโปรแกรมเลยนั้นเองจุดนี้ทำออกมาได้สบายๆเลยทีเดียว

GAMING

การเล่นเกมแน่นอนว่าด้วยความเป็น MSI และ รุ่น GE66 แบบนี้รองรับเรื่องของการเล่นเกมทั้งฟีเจอร์ หรือการระบายความร้อน การใช้งานหนักๆได้แบบหายห่วงครับทำงานร่วมกันกับระบบระบายความร้อน Cooler Master 5 ได้เป็นอย่างดี และค่ายนี้ถือว่าเน้นเรื่องนี้อยู่แล้วด้วยเช่นกันครับ  ทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปก ไปยันกินสเปกโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลย จัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ  เรามาดูกันในหลายๆเกมว่าจะเป็นยังไงกันและตัว i7 10785H +RTX 3070 จะทำได้ดีแค่ไหน และครั้งนี้มาพร้อมกับ RAM 32GB แล้วด้วย อีกทั้งตัว SSD ให้มาพร้อมกับความเร็วในการอ่านเขียนได้เยอะขึ้น โหลดแมพอะไรก็ทำได้ไวมากๆเล่นเกมรองรับกับ 240Hz ได้สบายในส่วนของความลื่นไหลและการขับภาพออกมานั้นสมกับที่ให้สเปกและหน้าจอออกมารองรับแบบนี้ แต่ในการทดสอบจะเปิดภาพโหดสุดนะครับเลยอาจจะขับได้ไม่เยอะมากนัก

จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 240Hz ได้บางเกมรันได้สบาย แต่ถ้าเปิดภาพสุดนั้นจะได้ 60-70 FPS ครับเป็นปกตินะ แต่ต้องเข้าใจกันก่อนเลยนะครับหลายๆคนอาจจะมองว่าทำไมความร้อนสูง เพราะ ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย และไม่ได้เปิดแอร์เล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 70-80 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม +  ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 200 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไปอีกทีแต่อันนี้เล่นสภาพอากาศปกติ เปิด TURBO โหมดทำให้ระบายความร้อนไม่มีการแตะ 90 เลยครับทำได้ดี

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 179 อุณหภูมินั้น GPU 72 CPU 88  : ULTRA
  • APEX ทำไปได้ FPS 150 อุณหภูมินั้น GPU 81 CPU 89 : ULTRA
  • PUBG ทำไปได้ FPS 70+  อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 80  : ULTRA
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS  100  อุณหภูมินั้น GPU 83 CPU 87  : ULTRA  

MSI GE66 RAIDER 

” สเปกโหดขึ้นใช้งาน RTX 3070 บอดี้เดิม ระบายความร้อนทำได้ดี RGB สีสันสวยงาม “

GE66 ครั้งนี้มาพร้อมกับ RTX 30 แล้วแน่นอนว่าสเปคการใช้งานเล่นเกมต่างนั้นดีขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนรวมถึงยังคงใช้งานบอดี้แบบเดิมทั้งหมด เส้นสายเรียบๆผสมกับช่องดักลมระบายลมอะไรขนาดใหญ่ แน่นอนว่าแอบเสียดายในเรื่องบอดี้เล็กน้อยครับแต่ก็ถือว่าเป็นการปรับสเปกให้ใช้งานได้ไหลลื่นขึ้นมากกว่า ส่วนทางด้าน CPU เองนั้นยังคงใช้งาน i7 Gen10 ไม่ได้ปรับหรือเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักครับ รวมถึงหน้าจอก็ยังคงมีความโดดเด่นในเรื่องของคุณภาพและความลื่นไหลตัวนี้ให้มาที่ 240Hz รองรับการทำงานได้สบาย รวมถึงการเล่นเกมสามารถขับออกมาได้ไหลลื่นมากๆตัวนึง อีกทั้งระบบเสียงอะไรก็จัดเต็มเช่นเดิมครับ รองรับ hi-res แต่เรื่องของพอร์ตยังคงไม่มี Thunderbolt ใส่เข้ามา แต่ถ้ามองสเปกรวมๆทั้ง RAM 32GB และ SSD 2TB ก็ต้องบอกเลยว่าเหลือๆในการใช้งานแบบหนักๆ หรือว่าจะเป็นการเล่นเกมที่หนักๆทางด้านสเปกในภาพรวมนั้นบอกเลยว่าไม่ต้องอัพอะไรแล้วในจุดนี้

ข้อดี

  • หน้าจอ คุณภาพสูงในการใช้งาน ในสเปก 15.6 นิ้ว IPS FHD รองรับ 240Hz
  • วัสดุ งานออกแบบ คุณภาพในการใช้งาน ทำออกมาได้ดี
  • การระบายความร้อนรองรับการใช้งานได้ดี Cooler Boost 5
  • พอร์ตเชื่อมต่อทำออกมาได้ครบ ทั้ง HDMI – USB-A  USB-C และ RJ45
  • SteelSeries Per-key RGB สีสันสวย ระยะกดทำได้ดี
  • แถบไฟด้านหน้าสวยงาม รองรับการปรับแต่งได้อิสระ
  • ลำโพงทำอออกมาได้ดัง คุณภาพเสียงดีในการเล่นเกม
  • ให้ SSD 2TB มาพร้อมใช้งาน และเหลือ 1 แถวในการอัพเกรด

ข้อสังเกต

  • ไม่มีพอร์ต Thunderbolt ใส่เข้ามาให้
  • บอดี้ รูปทรงยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก
  • ใช้งาน i7 Gen10 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่าไร

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr