MSI แบรนด์ที่ต้องบอกเลยว่ามีความน่าสนใจทั้งเรื่องของ การออกแบบ สายเกมมิ่งรวมถึงเป็นค่ายที่โดดเด่นในเรื่องของการทำ Gaming Notebook รวมถึงสเปกที่จัดเต็มและการระบายความร้อนต่างๆและในรุ่นนี้เป็นตัวเทพประจำปีของ MSI 2021 เลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ สเปก ความแรง การออกแบบ หรือ ทางด้านราคาที่ทำให้ตัวนี้มีค่าตัว 128,990 บาท แอบคุ้มกว่าตัวแรกด้วยนะ และ ยังมาพร้อมกับขนาด 17.3 นิ้ว 4K และ สเปกอื่นๆที่จัดเต็มรองรับทั้งการทำงานระดับสูง หรือ ว่าจะเป็นการเล่นเกมแบบโหดๆจัดเต็ม ที่เหลือๆในการเล่นเกมมืออาชีพ การเป็น สตรีมเมอร์ หรือ แม้แต่การทำงานเรนเดอร์ระดับสูง ด้วย CPU – GPU ที่เป็นตัวระดับบนสุดของตระกูล ทำงานร่วมกับงานออกแบบที่โดดเด่น และ ฟีเจอร์การใช้งานที่ไม่ธรรมดาในรุ่น MSI GE76 RAIDER พร้อมกับ i9 11980HK จาก intel ครับ
MSI GE76 Raider มาพร้อมกับการใช้งานสเปกระดับเทพทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น CPU ตัวเทพ Intel Core i9-11980H ความเร็ว 2.6GHz-5GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด (16 MB L3 Cache Smart Cache) พร้อมการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 16GB DDR6 ก็บข้อมูลติดตั้งแบบ SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 2 สล็อตติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 2TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 64GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz พร้อมรองรับ Dual Channel พร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 17.3″ ที่ความละเอียด 4K Ultra HD (3840 x 2160 พิกเซล) 120Hz ใช้งาน พาเนลคุณภาพสูง IPS + sRGB 100% พร้อมเทคโนโลยี การปรับแสงสีจอ MSI True Color Technology และมาพร้อมกับการใช้งาน ลำโพงจากแบรนด์ Dynaudio แบบ Duo Wave Speaker พร้อมซอฟต์แวร์เสียง Nahimic เวอร์ชัน 3 ที่จะยิงออกมาข้างหน้าและข้างซ้าย ขวา 4 ตำแหน่งนั้นเอง และยังคง มาพร้อม Windows 10 แท้ ส่วนทางด้านการเชื่อมต่อครบๆ แน่นอนว่าขนาด 17 นิ้วแบบนี้ให้มาครบ USB 3.2 Type-C Gen2 + Type-A USB 3.1 Gen 2 + 1x RJ45+(4K / 120Hz) HDMI + mini-DisplayPort + Thunderbolt 4 + ช่องหูฟัง 3.5 มม. ที่รองรับ Hi-Res Audio รวมกัน ไม่ได้แยก ไมค์กับหูฟัง แอบแปลกใจเล็กน้อย ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเองนั้น ใช้งาน Wi-Fi 6E AX + Bluetooth 5.1 + Killer Double shot Pro ทำให้เล่นได้นิ่งมากขึ้นครับ
MSI GE76 RAIDER ตัวนี้จะมาพร้อมกับในรุ่น 11UH-212TH ตัวนี้ มาพร้อมกับ หน้าจอ 17.3″ 4K 120Hz Gaming Laptop i9-11980HK 64GB พร้อมกับ 2TB และใช้งานการ์ดจอ RTX3080 Win10 ส่วนในประเทศไทยเองนั้นมาพร้อมกับการเปิดราคาที่ 128,990 บาท ถ้ามองเทียบกับรุ่นเดิมที่ 159,900 บาทครับ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นตามแบบฉบับของค่ายนี้มักจะมีกล่องใหญ่ และกล่องย่อยข้างใน เพราะว่าจะแถมกระเป๋าเป้ใส่เข้ามาให้ครับ ส่วนอุปกรณ์การใช้งานต่างๆที่ให้มาก็พื้นฐานเหมือนกับรุ่นอื่นๆของค่ายครับ แต่รุ่นนี้สเปกโหดทำให้การใช้งานที่ชาร์จ Power Adaptor นั้นใช้งานกำลังสูงมากๆและมีขนาดใหญ่ รวมถึง หนักมากเช่นกันในการใช้งานตัวนี้ครับ
- ตัวเครื่อง MSI GE76 RAIDER 11UH-212TH
- กระเป๋าเป้ MSI
- Power Adaptor กำลังไฟ 280W
- คู่มือการใช้งาน
DESIGN
งานออกแบบนั้นยังคงไม่ได้เปลี่ยนอะไรจากรุ่นปีก่อนหน้านี้ทั้งดีไซน์ วัสดุรวมถึงโทนสีตัวเครื่องนั้นจะเหมือนกันทั้งหมด และยังคงโดดเด่นในเรื่องแสงสีไฟด้านหน้าเช่นกัน Mystic Light ที่เป็นแถบ 3 มิติสวยงามอีกทั้งงานประกอบ คุณภาพวัสดุไม่ธรรมดาเช่นกัน พร้อมกับอลูมิเนียมคุณภาพสูง สีไทเทเนียมเงินแบบด้านอมฟ้านิดหน่อยแต่ด้วยขนาด 17.3นิ้ว แน่นอนว่าทำให้การพกพาใช้งานไม่เหมาะเท่าไร เพราะตัวนี้สเปกแน่น และ เครื่องใหญ่ หนา และ หนักเอาเรื่อง มาพร้อมกับน้ำหนักรวม 2.9 กิโลกรัม และ หนา 25.9 มม.เลยทีเดียวครับตัวนี้ พร้อมกับ แบต 4 Cell 99.9 Whr เลยเช่นกัน ทั้งนี้ก็พอเข้าใจได้กับเรื่องสเปก และกลุ่มเป้าหมายสำหรับตัวนี้ที่ไม่เน้นพกพาครับ
ในรุ่นนี้งานออกแบบต่างๆนั้นจะคล้ายๆกับ GE66 GE76 Raider ก่อนหน้านี้เปลี่ยนแปลงไม่เยอะกันมาก และเน้นในเรื่องการออกแบบที่แนวดุดัน พร้อมกับวัสดุที่เน้นสีเงินไทเทเนียมโทนสว่าง แต่ด้านในนั้นจะเป็นสีดำด้านนั้นเอง เรียกได้ว่าตัดกันได้อย่างลงตัว และพื้นผิวสัมผัสบอกเลยว่าทำได้น่าสนใจเนียนและดูมีคุณภาพสูง ทางด้านฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าการขึ้นโลโก้ทำได้สวยหรูหราเกิน Gaming ตัวอื่นๆแต่น่าเสียดายว่าไม่มีแสงสีอะไรในด้านหลังตรงโลโก้เลยแม้แต่น้อย และหน้าจอนั้นรองรับการกางได้ 145 องศา ซึ่งยังคงใส่แสงสีไฟด้านหน้า Mystic Light แบบ Panoramic Aurora เข้ามาเช่นเดิมทำให้เด่นขึ้นเมื่อใช้งาน และสามารถปรับแต่งได้อิสระมากๆเช่นกัน
ขอบหน้าจอนั้นถือว่ากลางๆอาจจะไม่ได้บางมากนักในส่วนข้างบน แต่ก็ปกติในเรื่องของบรรดา Gaming ที่ไม่ได้เน้นมากนักเพราะตัวนี้ขนาด 17.3นิ้ว ทำให้ไม่ต้องเน้นพกพาอะไรมาก แต่ถือว่าบางขึ้นกว่าแต่ก่อนเรื่อยๆครับ และกล้องหน้า พร้อมกับไมค์ยังคงใส่เข้ามาให้ในขอบด้านบน และงานออกแบบขอบหน้าจอ และหน้าจอเป็นแบบด้านทั้งหมดดูเนียนตาสวยงามเป็นชิ้นเดียวกันได้ดี ไม่มีขอบยางอะไรเด่นๆขึ้นมา ทำให้ดูสวยดูพรีเมี่ยมมากขึ้นส่วนโลโก้ MSI เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดแล้ว ใช้งานโลโก้ใหม่ ที่มองไปมาแอบคล้ายกับคำว่า แรง ในภาษาไทย แต่ที่ชอบคือการใช้งานวัสดุแบบด้านเรียบๆจนบางมุมนั้นคล้ายกับเป็นพื้นผิวเดียวกับทางหน้าจอเลย ส่วนโลโก้ก็ทำให้ตัวเครื่องดูทันสมัยขึ้น
ในแง่ของการพับหน้าจอต่างๆนั้นตัวนี้รองรับการกางได้ 145 องศา อาจจะไม่ได้กว้างมากนัก แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว เพราะว่าจะเน้นในเรื่องของความแข็งแรงเป็นหลักมากกว่า ตัวดูดลมเข้าออกนั้นจะเน้นๆด้านหลังทำให้ต้องมีช่องระบายขนาดใหญ่เสริมเข้ามามากขึ้น ทั้งข้างซ้ายขวา และ ด้านหลัง รวมถึง ด้านใต้เครื่องเช่นกัน ข้อพับต่างๆนั้นซ่อนในด้านหน้าได้เนียนและสวย รวมถึงการเปิดปิดเองนั้น สามารถดึงขึ้นมือเดียวได้แบบสบายๆ และการออกแบบด้านนอกจะมีคล้ายกับ เส้นสายที่เสริมเข้ามาส่วนข้อพับทำให้ดูมีอะไรมากขึ้น ดูดุดันกว่าแบบเรียบๆ
ในงานออกแบบด้านหน้านั้นเราจะเห็นว่า มีช่องลำโพงในด้านหน้ามาให้ข้างๆแป้นพิมพ์ และยังคงไม่ได้ตัด Numpad ออกไปด้วยเช่นกัน รวมถึงปุ่มเปิดปิดในด้านมุมขวา และเมื่อมามองด้านฐานเครื่องนั้นจะเห็นว่ามีงานออกแบบเล็กๆน้อย แต่เท่าที่ดูนั้นแอบธรรมดาไปนิดหน่อยเมื่อเทียบกับราคาของมัน ในแง่เส้นสาย การออกแบบความพรีเมี่ยมในฐานนั้นไม่ได้เน้นมาก แต่ช่องระบายอากาศก็ให้มาเพียงพอต่อการดูดลมเข้า และมียางรองให้มาพร้อมใช้งานทั้งหมด
เมื่อเปิดฝาหลังขึ้นมานั้นเราจะเห็นว่า งานการจัดวางข้างในเองนั้นทำได้ดีเลยทีเดียวมาพร้อมกับ ฮีทไปป์ขนาดใหญ่ 6 เส้น และพัดลมแยกซ้าย ขวา พร้อมกับดูดอากาศ ปล่อยลมได้ทั้ง ซ้าย ขวา รวมถึงในด้านหลัง 2 ช่องเน้นๆเลยทีเดียว ส่วน RAM นั้นให้มาเต็มๆ สูงสุดแล้วที่ 64GB ( 32GB x 2 Dual Channel ) และรองรับ SSD M.2 NVMe PCIe ทั้งหมด 2 ช่อง ซึ่งให้มาแล้ว 1 แบบ 2TB และมีแผ่นกราไฟท์ ระบายความร้อน และ ซิลิโคนมาให้ทั้งหมดในการปิด RAM – SSD เรียกได้ว่ารองรับการระบายความร้อนเน้นๆ เลยทีเดียว ส่วนทางด้านลำโพงนั้นมาพร้อมกับ Duo Wave Speaker ขนาดใหญ่ และส่งเสียงออกได้แน่นมากขึ้นในการวางแบบขยับได้ และ ยิงออก 4 ทิศทางแบบนี้ มาพร้อมกับแบตขนาดใหญ่มากๆที่ 99.9Whr รองรับการใช้งานสบายๆเวลาไม่ได้เสียบใช้งานกับไฟ
ทางด้านงานแสงสีให้มาจัดเต็มเน้นๆในด้านหน้า แต่น่าเสียดายว่าไม่มีข้างๆ หรือ ตรงโลโก้ด้านหลังหรือฝาหลังนั้นเอง ซึ่งในด้านหน้าให้มาเป็น Light Bar Mystic Light แบบ Panoramic Aurora ที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 16.8 ล้านสี แยกเม็ดสีไฟได้อิสระมากๆครับ และ เคลื่อนไหวเนียนตาและสวยมากจริงๆ พร้อมกับแสงสีไฟตรง คีย์บอร์ดที่เป็นแบบ RGB Pre-Key เป็นอย่างดี ก็พอทำให้สีสันในการใช้งานนั้นไม่เรียบมากไป แต่น่าจะมีให้ตรงฝาหลังอีกนิด
SPEC
- SCREEN 17.3″ ความละเอียด 4K UHD 2560×1440 IPS 120Hz
- CPU Intel Core i9-11980HK 2.6GHz 8 Cores 16 Threads Max 5GHz
- RAM 64GB DDR4 3200MHz
- Storage 2TB NVMe PCIe Gen4x4 SSD
- GPU NVIDIA GeForce RTX 3080 16GB GDDR6
- OS Windows 10 Home Advanced
- Network Killer WiFi 6E+BT5.2
- I/O 1x USB-C Thunderbolt 4, 1x USB-C 3.2 Gen2, 1x USB-A 3.2 Gen2, 2x USB-A 3.2 Gen1, HDMI 2.1, MiniDP, Card Reader, RJ45, 3.5mm
- 2 Years Limited Warranty
- 2.9 kg / 397 x 284 x 25.9 mm
- 280W adapter + 99Whr
PERFORMANCE
เรื่องของประสิทธิภาพนั้นถือว่าสบายไว้ใจได้ครับ ไม่ว่าจะทำงานโหดแค่ไหน เพราะตัวนี้สเปกน่าจะแรงที่สุดแล้ว มาพร้อมกับ ตัวเทพ Intel Core i9-11980H ความเร็ว 2.6GHz-5GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด (16 MB L3 Cache Smart Cache) พร้อมการ์ดจอรุ่นล่าสุด NVIDIA GeForce RTX 3080 16GB DDR6 มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 2 สล็อตติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 2TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 64GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz พร้อมรองรับ Dual Channel ทำให้ ทั้งการเล่นเกมแบบกินสเปกโหดๆ หรือว่ากินพื้นที่การใช้งานก็รองรับได้ อีกทั้งเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันได้แบบไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย
PC MARK. คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าสบายๆเลยแหละ เพราะว่าเป็นตัว i9 เทพสุดๆทำให้คะแนนนั้นพุ่งไป 6921 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปจนถึงตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 Gen 11 ก่อนหน้า ด้วยในคะแนนส่วนนี้ครับ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 7,100
3D MARK ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 5558 ถือว่าเทพมาก และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 7126 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3DMark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 83 CPU GPU 78 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 13875 และ FIRE STRIKE ULTRA 7735 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 3080 ครับจัดเต็มมากเยอะกว่า 3070 หลายพันและเป็นหมื่นคะแนนในหลายๆการทดสอบเรียกได้ว่า ใครสายเกมถ้าจัด 3080 คือสุดมากๆจริงครับ และการมาพร้อม 16GR DDR6 บอกเลยว่าที่สุดของบรรดา RTX เลยทีเดียวครับ
CINEBENCH R15 R20 // DISK MARK R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเลยแหละ R15 นั้นทำได้ 2028 cb/ 187 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆ และดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผม ส่วนทางด้าน R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 อีกด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 4755 เลยครับ ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 ที่รุ่นนี้ใช้ SSD 2 TB คุณภาพสูงมากๆเรียกได้ว่าตัวท็อปเลยทีเดียว ส่งผลให้การใช้งานการอ่านเขียนนั้นทำการอ่านเขียนไป สูงมากๆ 7075MB/s และ 5201 MB/s ถือว่าแรงมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านและการเขียนถือว่าให้ประสิทธิภาพที่เทพ ตอบโจทย์ในการเล่นเกม ทำงาน และ เหลืออีก 1 ช่องให้อัปเกรดด้วยเช่นกัน
SCREEN
หน้าจอนั้นนอกเหนือจากงานออกแบบที่ดูเนียนตาเป็นชิ้นเดียวกัน รวมถึงการใช้งานแบบจอด้านลดแสงสะท้อน และตัวนี้ยังมาพร้อมกับคุณภาพหน้าจอระดับเทพมากๆตัวนึงในตลาด เทพทั้งการเล่นเกมและการทำงานด้านโพรดักชัน แต่งภาพ โทนสีค่อนข้างตรง คมชัด และสวยมาพร้อมกับความละเอียดแน่นๆถึง 4K ในขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว UHD 16:9 IPS LCD 3840*2160 พิกเซล close to 100% Adobe RG และภาพมีความสวยคมมากกว่าที่เคยเห็นในจออื่นๆ รวมถึงการแสดงผลสีแน่นและตรงมากๆ พร้อมกับ Refresh Rate 120Hz ครับในตัวนี้นะ ถือว่าสู้แสงได้ดีมากๆ และเป็นหน้าจอที่สวยคม มิติภาพดีส่งผลทั้งการเล่นเกมทำงาน และค่าความแม่นยำนั้นไม่ธรรมดาเลยครับตัวนี้ มาพร้อมกล้องหน้า FHD แน่นๆเลยนะอีกทั้ง หน้าจอยังคงรองรับการปรับแสงสีเยอะมากๆ ทั้ง DCI-P3 หรือโหมด MSI True Color ต่างๆทั้ง , sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, ต่างๆเป็นต้น และ สามารถเอามาทำงานได้ง่ายเพราะว่าค่าสีตัวนี้ทำได้ 96-100% เลยทีเดียวเรียกได้ว่าใกล้กับ 100% มากๆ ซึ่งยังคงทำได้ดีไม่แพ้กับรุ่นก่อนหน้านี้เลยนั้นเอง ส่วนในเรื่องของ Hz ก็พัฒนาขึ้นแม้จะเป็น 4K
มุมการใช้งานแน่นอนว่าเป็นหน้าจอแบบด้านก็ทำให้เรื่องของมุมมองนั้นดีกว่าหน้าจอแบบปกติมากพอสมควร และตัวนี้ได้หน้าจอที่มีคุณภาพสูงอันดับต้นๆของสายเกมมิ่งที่ขายกันในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเน้นเรื่องของความแม่นยำของสีได้ชัดเจน และ เวลาเล่นเกมนั้นรู้สึกชัดเจนว่าภาพค่อนข้างมีมิติกว่าทั่วไป แต่การที่ใช้ได้แค่ 120Hz ก็อาจจะไม่ได้สะใจมากเท่าไรนักก็ต้องยอมแลกกันว่าจะเน้น สวยคมชัด สีเทพหรือจะเน้นความลื่นไหล แต่ภาพอาจจะไม่สวยเท่าไรก็แล้วแต่เลือกได้เลย แต่สำหรับรุ่นนี้ค่อนข้างตอบโจทย์สายทำงาน สายเกมได้แบบลงตัวครับ มุมมองสีไม่เพี้ยนหรือดรอปลงแม้แต่น้อย ยังคงความสวยงาม ทั้งการตัดต่อ เล่นเกมก็ยังแสดงค่าสีได้ดีกว่าตัวอื่นแบบชัดเจน และได้ 4K ซึ่งถ้าหากเรามองอีกมุม สำหรับใครที่ไม่ได้เน้น 4K แต่ขอ Hz ลื่นๆมาแทนตัวนี้อาจจะทำให้สายเกมมิ่งอาจจะไม่ได้สะใจมากนัก แต่ถ้ามองในเรื่องความคมชัดที่ได้มากถึง 4K และสีที่มิติสวยแบบนี้ก็เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับ Hz ที่หายไปถ้าเทียบกับพวก FHD 144Hz-300Hz พวกนั้น ซึ่งส่วนตัวแล้วหน้าจอตัวนี้เป็น 4K ที่ดีมากๆในตลาดตอนนี้ และ มาพร้อมกับ 120Hz ที่น่าจะสูงมากๆในตลาดตอนนี้ แลั มากกว่าเดิมเท่าตัวครับ
KEYBOARD
คีย์บอร์ดนั้นมาพร้อมกับแบบเต็มๆใช้งานพัฒนากับ SteelSeries เช่นเดิมครับ แน่นอนค่ายนี้เด่นๆเรื่องนี้เลยแหละ มาพร้อมกับ Numpad ในด้านข้าง รวมถึงรองรับการใช้งานได้ดีทั้งระยะกด ที่มีความลึกและแน่นกว่าทั่วไปอีกทั้งยังรองรับการปรับแต่งสีไฟแบบ RGB Per Key เน้นๆทำให้ปรับได้อิสระสวย และ โดดเด่นสมราคา ทางด้านการออกแบบนั้นไม่ได้เปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้า พร้อมกับเส้นสายเรียบๆมีการเว้าลงไปและวางลำโพงไว้ 2 ข้างซ้าย/ขวาครับ ในแง่ของการพิมพ์ไม่มีปัญหา และเล่นเกมด้วยเช่นกันตัวนี้มีระยะกดลึกมากๆ และเสียงกดหนักๆมีเสียงแน่นเหมือนกัน แต่น่าเสียดายว่าไม่ได้ใช้งานแบบ แมคคานิค หรือ แบบ 2 จังหวะเท่าไรเป็นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าครับ ซึ่งมีบางตัวก็จะใช้งานแบบ 2 จังหวะคล้ายกับแมคคานิคบ้างแล้ว แต่อันนี้ก็แล้วแต่ชอบ ซึ่งข้อดีในตัวนี้จะทำได้เงียบและเนียนกว่า
ในแง่ของการใช้งานระยะกดเองนั้นลึกกว่ารุ่นทั่วไปชัดเจน ถ้าใครได้มาลองใช้งานและฟิลลิ่งการกดนั้นเด้งตอบสนองได้ดีนะ แต่ระยะห่างอะไรถ้ามาจากค่ายอื่นอาจจะต้องปรับนิดหน่อยครับ เพราะปุ่มมีระยะห่างกันแตกต่างกันนั้นเองรวมถึงการวางปุ่มบางปุ่มที่อาจจะแปลกๆพวก FN Shift ต่างๆที่อาจจะไม่ได้เป็นแบบเต็ม รวมถึงการแทรกปุ่ม ลูกศรใส่เข้ามาด้วยเช่นกัน แสงสีไฟนั้นสว่างสวย ใช้งานได้จริงไฟติดชัดเจนและปรับได้อิสระ รวมถึงมองเห็นได้ชัดครับ
TOUCHPAD
ทัชแพดเองนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรมากนักเมื่อเทียบกับตัวเครื่องของมัน แน่นอนว่าในบรรดาสาย Gaming เองนั้นไม่ได้เน้นในเรื่องนี้อยู่แล้วเพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้งานกันรวมถึงไม่ได้เน้นการพกพาอะไรเยอะแยะ ทำให้ขนาดของมันกลางๆเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง และเรียบๆไม่ได้มีการออกแบบอะไรพิเศษรวมถึงวัสดุแบบด้านก็คล้ายกับวัสดุเครื่องแต่มีการทำให้เนียนมือและเลื่อนได้ง่าย พร้อมกับตัดขอบนิดหน่อย ส่วนการกดใช้งานมาตรฐานทั่วไปเลยครับ
SPEAKER
ลำโพงไม่ธรรมดาทั้งเสียงดัง มิติเสียงทำได้ดี เสียงเบสแน่นมากๆ แม้จะไม่ได้ใส่ซับวูฟเฟอร์มาก็ตาม ในรุ่นนี้ใช้งานระบบเสียง Duo Wave Speaker เทคโนโลยีใหม่ของ MSI Dynaudio ทำให้เกิดการสะท้อนรูปแบบใหม่จากการใช้ตู้ลำโพงแบบ Passive ทำให้เกิดเสียงเบสที่หนักแน่น เพราะตัวลำโพงให้ตัว ขยับได้เยอะมากๆและยิงลำโพงออกมา 4 ทิศทาง บน 2 และ ข้างๆ 2 ฝั่งทำให้แยกซ้ายขวาได้ชัด และ รอบทิศทางก็ทำได้ดีด้วยเช่นกันเป็นลำโพงที่เทพมากๆในการขับเสียงออกมา ขับเบส มิติของเสียง และ หูฟังเองนั้นรองรับการใช้งานระบบเสียงเทพ Hi-res 24bit/192kHz ที่ใช้ Hi-Fi DAC ทำให้ฟังเพลงทำงาน เล่นเกมทั้งลำโพง หูฟังก็ไม่มีจุดให้บ่นเลยแม้แต่น้อย
CONNECTOR
ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อตัวนี้ให้มาครบมากๆตามสไตล์ของ MSI และให้มาทั้งหมด 3 ด้านตัวเครื่องทำให้การใช้งานไม่กระจุกอยู่ฝั่งเดียว รวมถึงรองรับได้หลากหลายมากๆ ในด้านหลังเองนั้นจะมาพร้อมกับ Mini-DisplayPort , Type-C (USB / DP / Thunderbolt™ 4) รวมถึง (8K @ 60Hz / 4K @ 120Hz) HDMI , RJ45 และ พอร์ตสำหรับเสียบไฟเข้าแบบหัวเหลี่ยม ที่จะแตกต่างกับรุ่นปกติครับ พร้อมกับช่องระบายความร้อน 2 ฝั่งเน้นๆ
ทางด้านขวานั้นให้มา 2 ช่องสำหรับเสียบใช้งาน Type-A USB3.2 Gen1 และช่องสำหรับเสียบ SD Express บอกเลยว่า ใช้งานได้จริงสำหรับสายถ่ายภาพแบบแอดเอง รวมถึง ช่องระบายความร้อนใหญ่ๆให้มาด้วยเช่นกันครับ
ส่วนทางด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นช่องระบายความร้อนอีกครั้ง ทั้งหมด 4 ช่องรอบเครื่อง และ ช่อง Kensington Lock และ ไฟสถานะรวมถึง USB-A 3.2 GEN 1 , USB Type-C USB3.2 Gen2 , รู 3.5 มม.ทองแดงสำหรับการฟังเพลงที่รองรับ Hi-res และรองรับการใช้งานพื้นฐานทั้งหมด ส่วนเชื่อมต่ออื่นๆนั้นให้มาครบๆ Killer Gb LAN (Up to 2.5G) และ Killer ax Wi-Fi 6E + Bluetooth v5.2 ทั้งแบบไร้สาย และแบบใช้สาย Lan ครบๆเลย
MSI CENTER
จากที่เราคุ้นเคยกันในรุ่นก่อนๆนั้นต้องบอกว่า MSI Dragon Center มีการเปลี่ยนมาใช้งาน MSI CENTER แทนแล้วนั้นเองบอกเลยว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่สวยลงตัวและทันสมัยขึ้นเยอะมากๆ รวมถึงหน้าตาเข้ากับโลโก้ใหม่ทันที ดูมีระดับกว่าในรุ่นก่อนๆที่เป็นมังกรสีแดง ตัวนี้ทางการมากขึ้นและยังสามารถใช้งานได้หลากหลายเช่นเดิม จริงๆมีการเปลี่ยนตัว AFTER BURNER หน้าตาใหม่ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่ายกระดับหน้าตาใหม่ทั้งหมดเลยแต่การใช้งานอะไรต่างๆการดูสเปก ประสิทธิภาพ ปรับแต่ง ซอฟต์แวร์นั้นยังคงจัดเต็มและโหลดมาเพิ่มเติม รวมถึงการปรับหน้าจอโทนสีหน้าจอ หรือว่าจะเป็นโหมดการใช้งานแบบประสิทธิภาพสูงต่างๆก็ใช้งานผ่านตัวแอปนี้ได้ทั้งหมดเลยครับ
GAMING
ในเรื่องของการเล่นเกมต้องบอกว่ารุ่นนี้สามารถขับหน้าจอ 4K 120Hz ได้แบบสบายๆเพราะว่าใช้งานสเปกที่โหดมากๆทั้ง i9 + RTX 3080 16GB DDR6 มาพร้อม RAM 64GB การอ่านเขียน SSD ระดับสูง และในการทดสอบที่ลองนั้นในสภาพอากาศที่ไม่ได้เปิดพัดลม ไม่ได้เปิดแอร์ ซึ่งทำให้ได้อุณหภูมิจริงๆในการใช้งานเลยแหละครับสภาพอากาศจริง ซึ่งก็ได้ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปก ไปยันกินสเปกโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดีมีระยะกดลึกพอสมควรกว่ารุ่นทั่วไป และทำให้เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยครับจัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ และด้วยขนาดใหญ่ทำให้กว้างพอสมควร และ เป็นการทดสอบแบบปรับภาพสูงสุด และเราได้ทดสอบการ สตรีมเกมลง Facebook Live ไปด้วย
จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 120Hz ได้บางเกมรันได้สบาย และอันนี้คือเปิดภาพกราฟิกระดับสูงสุดเท่าที่เกมรองรับ และ ปรับภาพในขนาด 4K ทั้งหมดในการเล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 70-80 ไม่เกินนี้เลยย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม+ ทุกเกมครับ โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 90 บ้างในบางครั้งครับแต่พัดลมเปิดแรงสูงสุด และไม่ได้เล่นในห้องแอร์นะครับถือว่ารับได้ และ FPS นิ่งไม่ตกเลยแม้แต่น้อย ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 100 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 70++ อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 95 : EPIC
- APEX ทำไปได้ FPS 178 อุณหภูมินั้น GPU 78 CPU 84 : ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 120 อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 83 : ULTRA
- Modern Warfare ทำไปได้ FPS 123 อุณหภูมินั้น GPU 78 CPU 95 : ULTRA
- FORZA HORIZON 4
ถือว่าสายเกมมิ่งนั้นไม่น่ามีปัญหาในการเล่นเกม ภาพสวยคมชัด และ ลื่นไหลระดับนึงแต่น่าเสียดายว่าถ้าคนที่ติดใจความลื่นไหลระดับเทพอาจจะหวัง 144-300Hz มากกว่าความคมขัดนั้นเองเลยอาจจะต้องดูว่าเราเน้นอะไรมากแค่ไหน เพราะว่าตัวนี้จะได้หน้าจอ คุณภาพสูงมากๆ ทั้งความคมชัด โทนสีตรง มิติของภาพสวยและสู้แสงได้ดี แต่ Hz จะสุดแค่ 120Hz แต่ก็แลกเปลี่ยนกันไปครับ แต่จุดที่น่าเสียดายมากๆคือตัวจอไม่มี G-Sync ทำให้เกิดอาการภาพฉีกได้ง่ายมากๆ เจอง่ายมากเวลาเล่นเกมแล้วหันหน้าไปมาทำให้มีภาพเฉือนๆเพราะว่าไม่มีตัว Sync นั้นเองครับ แต่บางคนนั้นอาจจะไม่ได้เน้นในเรื่องนี้เพราะว่าได้เรื่องภาพที่สวยและได้ DLSS Resizable bar ที่พัฒนาขึ้น ดึงประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะว่าบางเกมก็ไม่เจออาการนี้เท่าไรครับก็แล้วแต่การใช้งานกันอีกทีนั้นเอง
WORKING
การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ระดับ i9 Gen11 แล้วบอกเลยว่าถ้าสายทำงาน สายเรนเดอร์หรือจะเป็นการตัดต่อ ทำภาพ 3มิติ สร้างบ้าน ขึ้นโมเดล ทำงานหลายโปรแกรม ทั้งการจัดการหลายๆโปรแกรม การรัน การประมวลผลและเห็นชัดมากๆในการ เรนเดอร์โมเดลดีกว่ารุ่นก่อนๆเยอะมาก แน่นอนว่าแม้ว่าเทคโนโลยีอาจจะไม่ได้ใช้งาน 7nm อะไรแต่ตัวนี้มาพร้อมกับ 10nm ในตัว i9-11980HK Processor (24M Cache, up to 5.00 GHz) 8 Cores 16 Threads พร้อมกับ RTX 3080 16GB และใช้งาน RAM 64GB 2TB SSD ก็ถือว่าไวมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านเขียน แต่ทดสอบในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน เพราะว่าตัว Cores Threads นั้นจะเท่ากับ 5900HX เลยทีเดียวครับน่าสนใจมากๆ
LUMION 11
ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ แอนิเมชันล้วนๆเลยครับทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุดครับ และเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วง ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 54 นาทีเท่านั้นนถือว่าไว เทียบกับ i7 Gen10 ก่อนหน้าทำเวลาไป 1 ชั่วโมง แต่ถ้าเทียบกับ Ryzen 9 5900HX ตัวนั้นจะทำไปได้ 41 นาที แอบน่าเสียดายนิดหน่อยในเรื่องเวลาตัวนี้ครับ
SKETCH UP
ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับแต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับ แต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 90-100 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 35 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงาน บอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับไวกว่าตัว i7 Gen10 ประมาณ 25 นาทีเลย
PREMIRE PRO
เรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 12 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 26 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 GEN11 นั้นจะใช้เวลาประมาณ 23 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน และแม้จะเทียบกับค่ายตัวเองในรหัสใกล้ๆกัน แต่เป็นคนละปีก็ยิ่งแตกต่างกันด้วยนั้นเอง
PHOTOSHOP – LIGHTROOM
และในการใช้งานพื้นฐานด้วยทั้ง RAM 64 GB + i9 11980HK ทำให้การทำงานนั้นลื่นไหล และสามารถเปิดหลากหลายโปรแกรมพร้อมกันได้แบบไม่ต้องห่วงว่าจะหน่วงหรือค้างเลยนั้นเอง สำหรับสายทำงานเหมือนจะใช้งานเป็นเครื่องหลักได้เลยรองรับการเปิด ADOBE รุ่นล่าสุดทั้งหมดได้พร้อมกับ รวมถึงเรนเดอร์ได้ด้วยไม่เจออาการหน่วงหรือค้าง และยังทำเวลาได้ดี อีกทั้งหน้าจอที่สีตรงทำให้เอามาแต่งภาพทำงานได้ทันทีไม่ต้องไปต่อจอนอกเพื่อแต่งภาพอะไรทั้งนั้นครับเรียกได้ว่า ถ้าสายทำงานอาจจะชอบหน้าจอแบบนี้มากกว่าและมีความคมชัด สีตรงมากเลยทีเดียว
MSI GE76 RAIDER
” ตระกูลเทพ สเปกแรงที่สุด พร้อมกับหน้าจอ 4K 120Hz ที่พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม “
คอมพิวเตอร์ระดับเทพ ทั้งการทำงาน และการเล่นเกมในการใช้งานต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเรนเดอร์ระดับสูงหรือว่าจะเป็นการตัดต่อ การแต่งภาพเพราะว่าตัวนี้ภาพออกมาสีสันได้ตรง คมชัด และมิติของภาพนั้นไม่ธรรมดาเป็นหน้าจอที่คุณภาพสูงมาก ส่วนทางด้านการเล่นเกมเองนั้นก็ลื่นไหลกว่ารุ่นก่อนให้มามากถึง 120Hz ในความละเอียดแบบ 4K ถือว่าเป็นตัวจบเลยทีเดียวครับ และมาพร้อมกับสเปกที่สูงที่สุดในตอนนี้ด้วยการใช้งาน intel i9 Gen11 ที่ใช้งาน ตัวเทพ Intel Core i9-11980H ความเร็ว 2.6GHz-5GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด (16 MB L3 Cache Smart Cache) พร้อมการ์ดจอรุ่นล่าสุด NVIDIA GeForce RTX 3080 16GB DDR6 มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 2 สล็อตติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 2TB ถือว่าสเปกไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น และ RAM 64 GB แบบเต็มๆแล้วเช่นกัน อีกทั้งงานออกแบบ ลำโพง แสงสีก็ไม่ธรรมดา รวมถึงแป้นพิมพ์เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ลงตัวและเทพสมราคาที่สุดในปีนี้จากทาง MSI และพอร์ตเชื่อมต่อก็ครบพร้อมดีกว่ารุ่นก่อนเช่นกัน
ข้อดี
- งานออกแบบสวย ลงตัว และคุณภาพในการใช้งานนั้นไม่มีปัญหา
- intel i9 Gen 11 รองรับการใช้งานร่วมกับ RTX 3080 16GB DDR6 ได้แบบสบายๆ
- มาพร้อมกับสเปกที่ไม่ต้องทำอะไรต่อ RAM 64GB + SSD 2 TB
- หน้าจอสวยลงตัว 17.3 นิ้ว 4K UHD IPS พร้อมรองรับ 120Hz สีตรง ทำงานเล่นเกมสบาย
- พอร์ตเขื่อมต่อให้มาครบทั้งหมด รวมถึง Thunderbolt 4
- แสงสีไฟปรับแต่งได้หลากหลาย สวยงามและโดดเด่น
- ลำโพง 4 ทิศทาง กำลังขับดี มิติเสียงเด่น และ ดัง
- คีย์บอร์ดระยะกดดี แสงสีสวย และ ปุ่มให้มาครบรวมถึง Numpad
- ระบายความร้อนได้ดี แม้เล่นเกมต่อเนื่องยาวๆ 3-4 ชั่วโมงพร้อมกับสตรีม
ข้อสังเกต
- หน้าจอรองรับสูงสุด 120Hz เท่านั้น (แต่ได้ 4K มาแทนถือว่าสูงมากๆแล้วในตลาด )
- ภาพฉีกได้ชัดเวลาเล่นเกมเพราะหน้าจอไม่มี G-Sync ( ได้เรื่องคุณภาพ ความคมชัด มาทดแทนในจอนี้ )
- ตัวเครื่องหนาและหนักตามระดับสเปกที่ให้มา
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr