ในยุคนี้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเริ่มเข้ามาเยอะมากขึ้นและยิ่งการที่มีส่วนลด โครงการต่างๆที่เน้นการลงทุนในประเทศและอาจจะแอบเข้าไปฝั่งทางจีนมากพอสมควร ทำให้หลายๆแบรนด์จากประเทศจีนลงมาลุยตลาดในไทยไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หลักๆอย่าง GWM MG และ แบรนด์ใหม่ๆเช่น NETA BYD อีกมากมายทำให้คนไทยเองมีโอกาสที่จะได้จับรถไฟฟ้าที่ราคาถูกมากขึ้นและทาง NETA เองก็เป็นแบรนด์ที่ลงมาลุยเองในไทยตรงๆเลยเช่นกันแบรนด์นี้ถือว่าน่าสนใจ ก่อตั้งไม่นานมากนักแต่คุณภาพ การใช้งานและยอดขายในจีนก็ไม่ธรรมดา มีหลากหลายรุ่น น่าสนใจและทั้งราคาเริ่มต้นไม่แพงจนระดับคุณภาพสูงๆก็มีทั้ง NETA S , U PRO ก็มีแผนเข้ามาลุยในไทยทั้งหมดเลย แต่ครั้งนี้เราจะอยู่กับน้องเล็ก NETA V ที่ขนาดประมาณ Honda Jazz และ ราคาคาดกันว่า 5 แสนกลางๆเปิดตัว มิถุนายนนี้
NETA V ถือว่าเป็นรถที่น่าสนใจและมีกระแสทั้งราคาที่จับต้องได้ง่ายที่สุดถ้ามองในตลาดตอนนี้และยังใช้งานจริงในเมืองได้ด้วยระยะทาง 380 กม. ต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 70 กิโลวัตต์ 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ CATL (Ternary Lithium Battery) ขนาด 38.54 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ใช้เวลาราว 8 ชั่วโมง (การชาร์จ 0%-100%) สำหรับ AC Home Charge 6.6kW และใช้เวลา 30 นาที (การชาร์จ 30% – 80%) สำหรับ DC Fast 45kW พร้อมช่องชาร์จไฟ AC แบบ Type 2 และ DC แบบ CCS และ รองรับ V2L จ่ายไฟบ้านได้ รวมถึงมาพร้อมหน้าจอกลางใหญ่ 14.6 นิ้ว ระบบสัมผัส และ หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัลขนาด 12 นิ้ว และ ทางด้านการตกแต่งภายนอกไฟท้าย LED และ ไฟหน้า Projector พร้อม DRL ใช้งานล้อขนาด 16 นิ้ว สีเทาดำ และ ได้เบาะหนังและขนาดไม่เล็กเกินไปถ้ามองเทียบกับเรทราคานี้ในหลายๆรุ่นก่อนหน้าซึ่งตัวรถเองนั้นจะมาพร้อมกับ และ ทางด้านราคาทางการนั้น รอติดตามช่วง มิถุนายนนี้อีกทีครับ ว่าจะเท่าไร สเปกทางการ และ รุ่นย่อยมีกี่รุ่นนั้นเอง แต่ตอนนี้นี้จะมีแค่สีที่จะมาขาย การขับขี่ รูปทรง และ การใช้งานบางส่วน และ ศูนย์บริการตาม NETA และ PTT FIT รวมถึง BRG ที่อาจจะพอเป็นจุดอ้างอิงได้นั้นเอง และ รอลุ้นตัวขายไทยอีกที ซึ่งคาดกันว่าราคา 5 แสนกว่าบาทไม่เกิน 6
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกเราจะเห็นว่าด้วยตัวรถเองขนาดพอๆกับ ECO CAR หรือ JAZZ แต่ใต้ท้องรถที่สูงกว่ามากทำให้มันอาจจะดูรถโย่งๆหรือแปลกตาไปพอสมควรครับ แต่ก็เหมาะกับความปลอดภัยเวลาขับในไทยเช่นกันแล้วแต่คนชอบ เลยทำให้บางมุมรถมันดูไม่ลงตัวเล็กน้อยด้วยใต้ท้องที่แอบสูง รวมถึงเส้นสายไฟหน้าอะไรที่แอบแปลกๆนิดหน่อยนั้นเอง ถ้ามองเทียบกับรุ่นอื่นๆคันนี้อาจจะไม่ทันสมัยเท่าไร แต่ด้วยแนวคิดที่มาจากปลาโลมากระโดด อาจจะพอเข้าใจได้ในการใช้งานเส้นสายโค้งเว้าเยอะนั้นเอง ตัวรถมาพร้อมกับขนาด ยาว 4,070 มม. ความกว้าง 1,690 มม.ความสูง 2,420 มม. และความยาวฐานล้อ 2,420 มม. ถือว่าขนาดกำลังดีในเมืองและใต้ท้องสูงกว่าคู่แข่ง
เมื่อดูเส้นสายรอบคันด้านหน้าการที่เป็นรถไฟฟ้าทำให้ไม่ต้องมีกระจังหน้าที่เป็นช่องระบายขนาดใหญ่อะไรมากนักและสีฟ้าถือว่าดูสวยงามและโดดเด่นแต่ด้วยเส้นสายกระจกหน้าที่ชัดและใหญ่ทำให้มันอาจจะดูแปลกตาไม่เพรียวบางเท่าที่ควรและทำให้ตัวรถดูโย่งสูงและแปลกตาเมื่อมองจากด้านข้างแต่ทางค่ายเองก็พยายามทำให้หลังคาหรือรถบางขึ้นโดยการเสริมสีดำตรงเสา c ท้ายรถ และทำให้หลังคาดูลอยขึ้นเช่นกัน และเสริมด้วยคิ้วขอบล้อสีดำทั้งหมดคล้ายๆกับแนวกึ่ง Crossover เช่นกัน ยาวจนมาถึงด้านท้ายรถที่พยายามทำให้หลังคาลาดลงและยื่นทำให้ตัวรถไม่อ้วนตันเกินไปนั้นเองครับ และไฟท้ายขนาดใหญ่ตามสไตล์รถจีนก็ใส่มาเป็น FULL LED ด้วย และมีไฟถอยต่างๆเสริมมาล่างๆ
ในการชาร์จแม้คันนี้จะมีช่อง 2 ฝั่ง แต่ก็เปิดจริงฝั่งซ้ายเท่านั้น และ เป็น AC/DC พร้อมรองรับ 6.6kW และ 45kW นั้นเอง ทำเวลา 30-80% ภายใน 30 นาที ทดสอบจริง รวมถึงจ่ายไฟออกได้ ทำให้รองรับ V2L รองรับการเสียบปลั๊กไฟบ้านได้ จ่ายไฟกับเครื่องใช้ไฟฟ้า เตาปิ้งย่างต่างๆได้สบายเวลาไปตั้งแคมป์ และ ถ้ามองหน้าตรงๆนั้นจะเห็นเลยว่าตัวรถสูงจริงๆเส้นสายเรียบๆในด้านหน้าเกือบลงตัวพร้อมกับโลโก้ NETA และ DRL ที่จะติดเมื่อเข้า D เท่านั้นน่าเสียดายไม่มีเซนเซอร์รอบคัน หรือ กล้องรอบคันมาให้ แต่ในด้านหลัง มีกล้องหลัง และ เซนเซอร์หลังมาให้ครบ ซึ่งเราจะเห็นว่าไม่มีใบปัดน้ำฝนหลัง มาให้ ส่วนฝาท้ายเองก็เป็นระบบมือปกติตามระดับเรทราคาในช่วง 5-6 แสน
ไฟท้ายขนาดใหญ่เป็น LED ทั้งหมดซึ่งในโคมนี้จะเป็น ไฟเลี้ยว ไฟหรี่ ไฟเบรก ส่วนไฟถอย ไฟตัดหมอกหลังจะอยู่ด้านล่างเป็นหลอดไส้ ซึ่งตัวโคมเอาจริงๆแอบใหญ่และดีไซน์แปลกๆไปนิดหน่อยครับ แต่เรามักจะเห็นทรงนี้ในหลายๆรุ่นเช่นกัน และไฟหน้าอันนี้เป็น HALOGEN แต่ได้โคม Projector พร้อมกับไฟ DRL ไฟเลี้ยวหลอด LED ครับๆพร้อมระบบเปิดปิด อัตโนมัติ ส่วนด้านข้างจะมีไฟเลี้ยวตรงล้อ และ ซุ้มล้อเสริมขอบดำมา พร้อมกับล้อ 16 นิ้ว สีเทาดำ และใช้งานยางขนาด 185/55/R16 ลวดลายสวยงาม แต่หน้ากว้างยางขนาดเล็กไปถ้าไปเปลี่ยนน่าจะดีขึ้นครับ
แม้จะไม่ใช่คู่แข่งตรงๆแต่ก็แอบจอดเทียบนิดหน่อยสำหรับ YARIS ครับเราจะเห็นว่าตัวรถไม่ได้หนีกันมากแต่ทาง YARIS เองจะยาวกว่าพอสมควร และ ทางรถเราจะได้เปรียบความสูงใต้ท้องแม้จะถอดชุดแต่งออกแล้วก็ตามครับและที่เห็นชัดเจนคือหลังคาหลังจะลาดกว่าเยอะมากๆด้วยเป็นรูปทรงที่หลังคาลาดมากกว่า และท้ายรถยื่นและปาดขอบสูง
INTERIOR
งานออกแบบก่อนจะเข้าตัวรถเองนั้นจะเห็นเลยว่ากุญแจตัวรถนั้นแปลกตามากๆเพราะว่าเค้าเอาดีไซน์ตัวกุญแจมาจาก อาวุธของ เทพเจ้า นาจา NEZHA นั้นเองและแบรนด์ NETA จะได้กุญแจทรงนี้ทั้งหมดไม่ว่ารุ่นอื่นๆด้วยก็ตามครับ ซึ่งสามารถหมุนเล่นได้ แต่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นครับ ส่วนปุ่มใช้งานก็จะกด 3 ปุ่มวงกลม ปลดล็อก ล็อกรถ และ เปิดฝาท้าย ส่วน ถ้ากดค้างไว้ก็จะเปิดกระจกทั้ง 4 บานได้เลยครับ ส่วนขนาดก็แอบใหญ่กว่าทั่วไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่มีปัญหา
ภายในเข้าสู่การออกแบบยุคใหม่ชัดเจนเราจะได้หน้าจอใหญ่โตตรงกลาง และ จอคนขับเท่านั้น ตัวรถแทบจะไม่มีปุ่มอะไรทั้งนั้น เน้นความเรียบง่ายและควบคุมบนหน้าจอทั้งหมด แม้แต่การดับเครื่องหรือเปิดไฟหน้าต่างๆ หรือแม้แต่เบรกมือไฟฟ้าก็ต้องกดบนหน้าจอเอาด้วยเช่นกันครับ แต่ที่ชอบคือถ้ามองในเรทราคาแบบนี้ 14.6 นิ้ว ไม่น่ามีค่ายไหนให้มาได้ หรือแม้แต่รถราคาล้านกว่าบาทก็หาได้ยากมากและขอบอกเลยว่าสัมผัสความไวทำได้ดีและสู้แสงมากพร้อมกับพวงมาลัยทรงเล็ก และ ช่องแอร์เรียบๆทั้งหมด วัสดุต่างๆตามระดับราคาไม่ได้แย่แต่เป็นแบบแข็งทั้งหมดเลยครับส่วนจอกลางไม่สามารถขยับอะไรได้ มุมต่างๆแต่ระยะการใช้งานเอื้อมถึงกำลังดี และ คอนโซนกลางตำแหน่งต่างๆดีและกระจกมองข้างขนาดใหญ่ แต่ไม่สามารถพับไฟฟ้าได้ แต่มุมมองตัวรถภาพรวมขับง่ายและโปร่งโล่งมากคันนี้
พวงมาลัยขนาดเล็กที่รูปทรงอาจจะแปลกตากว่าที่หลายๆคนเคยขับเพราะมีการปาดขอบบนและล่างทำให้กระขับและเล็กมากและทำให้เราไม่มีอะไรมาบดบังเวลามองเรือนไมล์เลยแม้แต่น้อยจุดนี้ออกแบบได้ดีวัสดุหนังหุ้มสวยงามและมีปุ่มควบคุม CRUISE CONTROL ในฝั่งซ้าย และ ด้านขวาคือเครื่องเสียง และ คุมหน้าจอกลางได้แต่ปุ่มล่างสุดคือปุ่มหลอกนะครับไม่มีฟังก์ชันอะไรและแน่นอนว่าเกียร์อยู่ที่ก้านขวา สั่งงานง่ายและมีระบบป้องกัน ตอนขับไปโดนก็ไม่มีการเปลี่ยนเกียร์ครับ หรือแม้แต่กด P ก็สามารถทำได้ และ กดลง 2 ครั้งสั่งงาน CRUISE CONTROL และ หน้าตาเรือนไมล์ 12 นิ้วแนวยาว แสดงผลทั้ง ความเร็ว ระยะทาง แบตที่ขับได้ ตัวรถ สถานะทั้งหมดเลยนั้นเองครับมองได้ชัดสู้แสงได้ดีพอสมควร และไม่แยงตา คุณภาพหน้าจอบอกเลยว่าประทับใจและทำได้ดีกว่าหลายๆคนในระดับเรทนี้
ส่วนนึงที่ชอบคือตัวเบาะงานประกอบ วัสดุทำได้ดีกว่าที่คิดสวยและลงตัวตะเข็บขาวต่างๆและทรงเบาะนั่งใช้งานสบายแม้จะปรับมือทั้งหมด และไม่มีสูงต่ำก็ตามครับ แต่น่าเสียดายเข็มขัดปรับระดับไม่ได้ส่วนที่วางแก้วตำแหน่งกำลังดีใช้งานได้ง่ายและไม่สูงไป พร้อมช่องเก็บของใต้ที่วางแก้วอีกด้วย แต่เบาะหลังพื้นที่เล็กกว่าคู่แข่งหลายๆคันรวมถึง Jazz March พวกนี้ครับอาจจะไม่สบายเท่าไรเบาะรองนั่งสั้น และพื้นที่แคบไปนิดไม่มีช่องชาร์จไฟด้านหลังมาให้ และไม่มีที่วางแขนหรือแก้วน้ำมาให้เลยในด้านหลัง ส่วนเบาะพับได้ 1 ส่วน มีระดับไม่ได้เรียบครับแต่ขนของได้เยอะมากถึง 335 ลิตร และพับเบาะจริงๆน่าจะได้ได้มากกว่า 500 ลิตรเลยเท่าที่ลองๆดูภาพรวมตัวรถคันนี้ถือว่าใหญ่
เมื่อทุกอย่างรวมอยู่ในหน้าจอทำให้ตัวรถจะควบคุมผ่านหน้าจอทั้งหมดเลยใช้งานหน้าจอ 14.6 นิ้วแนวตั้งมาให้ซึ่งเมื่อพูดถึงทุกอย่างคือทุกอย่างจริงๆ ทั้งรถจะมีแค่ปุ่มไฟฉุกเฉินเท่านั้นครับ กับปุ่มปิดหน้าจอใต้จอ เพราะแม้แต่เปิดไฟหน้ายังต้องเข้าหน้าจอ หรือ แม้แต่เบรกมือก็เช่นกัน รวมถึงแอร์ การควบคุมพัดลม ความร้อนทุกอย่างใช้งานได้ง่าย มี Shortcut เข้าถึงได้จากทุกหน้าจอเลยและปุ่มใหญ่ใช้งานได้ง่ายอันนี้ขอชื่นชม มีภาษาไทยปรับตัวไม่ยากครับ รวมถึงตั้งระดับไฟหน้าได้ และ แอนิเมชันการใช้งานสวยมีภาพเคลื่อนไหว และสัมผัสได้ไว สู้แสงดีไม่หน่วงเลยแม้แต่น้อย
ส่วนในการใช้งานจริงๆนั้นอาจจะเรียกได้ว่ามีข้อสังเกตนิดหน่อยคือ จอคนขับถ้าแสงตรงๆแรงๆอาจจะมองยากแต่ตัวเลขยังคงชัดอยู่ครับเพราะมันไม่มีที่บังแสงอะไรเลยอาจจะมีบางจังหวะแสงที่มองได้ยากนิดหน่อย กับกระจกมองหลังที่ถ้ามองไปยังข้างหลังที่ไม่มีใบปัดน้ำฝนหลังอาจจะเบลอหรือฟุ้งได้ง่ายยิ่งถ้าขับฝนตกละอองมาเต็มได้ง่ายๆเลย
TECHNOLOGY
ในรถสมัยใหม่เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทและแน่นอนว่ากับราคา 5 แสนกว่าแบบนี้ก็ถือว่าให้มาเยอะเช่นกันครับมาพร้อมกับหน้าจอ 14.6 นิ้วขนาดใหญ่พร้อมสัมผัสลื่นไหลและใช้งานควบคุมทุกอย่างบนตัวรถได้ และ สู้แสงได้ดี รวมถึงการออกแบบ UI UX สำคัญมากๆ แต่ค่ายนี้กลับทำได้ดีกว่าที่คิดดีกว่ารถจีนหลายๆคัน เข้าถึงง่ายปุ่มใหญ่ชัดเจน ขั้นตอนไม่เยอะและมี คีย์ลัดเข้าถึงได้จากทุกๆหน้าครับอันนี้คิดมาดี และ สั่งงานทุกอย่างได้แบบไม่งง และการ MIRROR หน้าจอแบบเสียบสบายทำงานได้ดีครับ แม้จะต้องเปิดจอมือถือไว้ตลอดแต่ใน Android สั่งงานผ่านจอหลักได้เลยอันนี้สะดวก แต่ถ้าอนาคตมี Carplay – Android Auto น่าจะจบลงตัวกว่านี้หลายเท่าตัวเลยทีเดียว ส่วนระบบช่วยขับอะไรไม่ได้มีใส่เข้ามาในรุ่นนี้ มีแค่ Cruise Control และระบบเบรกเองเวลาประตูปิดไม่สนิทใส่เข้ามา
DRIVING
ในแง่การขับขี่อันนี้ต้องบอกเลยว่าให้คิดไว้ว่ามันคือรถที่พัฒนามาให้ใช้งานในเมืองเป็นหลักทำให้เราอาจจะพอนึกได้ว่าตอนลองขับมันเป็นแนวทางไหนครับ ซึ่งถ้ามุมมองของคนที่ใช้งานในเมืองมันก็ถือว่าสบายมากๆทั้ง อัตราเร่ง ช่วงล่าง ขนาด และ มุมมองการขับขี่ทุกอย่างลงตัวไม่มีจุดให้บ่นอะไรแม้แต่น้อย มุมมองโปร่ง เบาะนั่งสูง เลี้ยวเข้าซอย จอดรถในห้าง ขึ้นที่จอดง่าย จอดขนานริมถนนได้ง่ายไม่ยาวเกินไป และ วงเลี้ยวกำลังดี แถมอัตราเร่ง 0-50 ภายใน 4 วิและ 0-100 ใช้เวลา 10.45 วิ และ 80-120 ภายใน 7.36 วิ และความเร็วสูงสุด 124 กม/ชม สบายๆ แซงในเมือง ออกตัวไฟแดง รถติดไม่กินไฟ และประหยัดระดับ 12.5kWh/100Km หรือคิดค่าไฟบ้าน 0.56 บาทเท่านั้นต่อ 1 กิโลเมตร ในโหมด Sport รถติดในเมือง ทำให้มันไม่มีอะไรต้องคิดเยอะเลยแหละ แต่ถ้ามองในมุมคนที่คาดหวังว่าจะเป็นรถคันแรกคันเดียว ใช้งานออกนอกเมืองบ่อย ใช้ความเร็วเยอะ หรือ สายเหยียบแน่นนอนว่าจุดแรกที่เจอคือ ช่วงล่างโยนหลัง 80+ คนนั่งหลังมึนหัวและกระเด้งได้ง่ายทันที หรือแม้เจอถนนไม่เรียบต่างๆกระเด้งแน่นอนด้วย ความนุ่มโยนของมันกับช่วงล่างคานแข็งที่เซ็ทมานั่งสบายในความเร็วต่ำครับ เพราะถ้าไม่เกิน 80 บอกเลยว่านั่งสบายและไม่กระด้างเกินไป ถ้าสายขับเร็วควรเปลี่ยนยางและช่วงล่างใหม่ทั้งหมดทันทีสำหรับคันนี้ นั้นเองครับ และระยะทางขับโหดๆก็ยังเหลือ 300กม.+ ได้แน่นอนครับ แต่ถ้าขับทั่วไปน่าจะได้ 330กม.+ ได้เลย
NETA V
” เน้นใช้งานในเมือง ประหยัดมาก อัตราเร่งดี นั่งสบายโปร่ง ขับไม่เร็วถือว่าโอเค “
ถ้ามองในระดับรถไฟฟ้าเปิดตัวในไทยคันนี้จะกลายเป็นรถไฟฟ้าที่ถูกที่สุดในการใช้งานทั่วไปทันที และ ระยะทางที่ได้นั้นไกลมากๆถึงระยะ 300+ กม. แน่นนอนในการใช้งานจริง และค่าไฟบ้านก็ประหยัดมากพร้อมกับใช้งานอาทิตย์นึงแทบจะไม่ต้องชาร์จเลยก็ได้ถ้าขับไปทำงานเช้าเย็นครับ อีกทั้งขนาดตัวรถ การขับขี่ง่ายสะดวก หน้าจอใหญ่สวย และ ตัวรถที่สูงทำให้ลุยน้ำได้สบายระดับนึงเวลาน้ำท่วมขับ และ ชาร์จไฟเข้าก็แรงเอาเรื่องในการใช้งาน DC ทำให้ภาพรวมมันกลายเป็นรถที่น่าเล่น ถ้าหากไม่ใช่คนขับรถเร็ว เน้นในเมืองจริงๆและไม่เดินทางไกลคันนี้สบายแน่นอนครับ ถ้าชอบหน้าตา หรือ ภายนอก ภายในของมัน แต่ถ้าเน้นขับเร็ว เดินทางไกลบ่อยมาก และขนของเยอะอาจจะต้องเพิ่มเงินหรือไปเลือกรุ่นอื่น หรือ รถสันดาปแทนนั้นเอง แต่ไม่ใช่ว่าคันนี้ขับไม่ได้แต่ถ้าทำช่วงล่างเปลี่ยนยางน่าจะพอไหวอยู่นะครับ แต่การใช้งานขึ้นลงเขา จะไหวไหมอาจจะไม่เหมาะมากนักทั้งนี้ต้องทดสอบกันอีกทีเมื่อเดินทางไกลกันครับ
สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget