OPPO ในตระกูล A นั้นต้องบอกว่าค่อนข้างขายดีมาก่อนหน้านี้แล้วแต่ครั้งนี้เป็นเหมือนกับการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ทั้งด้านของ สเปค และ การตลาด การโปรโมทที่จัดเต็มกว่าเดิมเยอะมากๆ A9 2020 ในครั้งนี้ได้ทำการเปิดตัวในไทยเรียบร้อยด้วยคำว่า สเปคแรงสุด SuperSpecแน่นอนว่าเป็นการจัดเต็มที่สุดของทางค่ายในตระกูล A เลยก็ว่าได้ครับในครั้งนี้ถือว่าเป็นการลุยเต็มที่ในช่วงเรทราคานี้ของทางค่าย  และเป็นการที่ OPPO จัดเต็มในบรรดามือถือในช่วงเรทราคานี้แบบจัดหนักที่สุดเลยก็ว่าได้ถ้านับในแบรนด์นี้นั้นเองครับ ส่วนในการใช้งานสเปคและความคุ้มค่านั้นจะเป็นยังไงกันบ้างมาชมรีวิวกันได้เลยสำหรับตัว OPPO A9 2020 ซึ่งในภาพจะเป็นสี Space Purple ครับ

OPPO A9 2020 นั้นเปิดตัวมาด้วยคำว่า สเปคแรงสุด แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆนั้นในรุ่นนี้ได้จัดเต็มในอะไรหลายๆอย่างเข้ามาทั้งเรื่องของ CPU ลำโพง และ กล้อง ในครั้งนี้ OPPO ได้ใช้งาน CPU Snapdragon 665 พร้อมกับ RAM 8GB และ Storage 128GB ซึ่งถือว่าน่าสนใจอย่างมาก ในการใช้งาน UFS ในตัวหน่วยความจำด้วยครับ และในด้านของกล้องหลังนั้นมาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวที่รองรับมุมกว้าง และ ขาวดำทำให้เพิ่มมิติของภาพได้ดีขึ้น รวมถึงกล้องหน้าก็ให้มาที่ 16MP ครับ และในส่วนของลำโพง ตัวนี้มาพร้อมกับลำโพง คู่ ที่รองรับ Dolby Atmos ด้วยถือว่าในเรทราคานี้ทำได้ดีมากๆ ส่วนเรื่องของคุณภาพเสียงก็รองรับ Hi-res Audio ด้วยเช่นกันถือว่าน่าสนใจ แต่หน้าจอนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอ 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) และอัตราส่วนของหน้าจอต่อเครื่องอยู่ที่ 89% ครับและวัสดุฝาหลังก็มีการไล่สีอะไรค่อนข้างสวยกว่ารุ่นก่อนๆเยอะเลย

OPPO A9 2020 นั้นเปิดตัวในประเทศไทยพร้อมกับ 2 สีใหม่ล่าสุดในตระกูล A ที่จะเน้นความพรีเมี่ยมมากขึ้น Snap 665 + RAM 8 GB + STORAGE 128 GB / สี Space Purple -Marine Green ในราคา 8,990 บาท

DESIGN

ทางด้านการออกแบบต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะเป็นครั้งแรกในตระกูล A ที่มีการเล่นเลเยอร์ของสีฝาหลังและไม่ใช่สีเดียวโล้นๆแล้วมีการใส่ความพรีเมี่ยมเข้ามามากขึ้นครับ เป็นฝาหลังแบบ 3D และขอบเครื่องโค้งด้านหลังนั้นโค้งรับมือเล็กน้อยครับ ถือว่าเป็นตระกูล A ที่สวยขึ้นเยอะครับส่วนวัสดุนั้นยังไม่ใช่กระจกครับเป็นปกติในเรทพวกนี้ และด้านหน้านั้นจะเป็นหน้าจอแบบติ่งหยดน้ำที่ ตัวติ่งหยดน้ำนั้นเล็กลงกว่าเดิมนิดหน่อยครับ พื้นที่หน้าจอเต็มตามากขึ้น

หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับติ่งหยดน้ำที่เล็กกว่าเดิม 31.4% และ สเปคของหน้าจอนั้นมาที่ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) และอัตราส่วนของหน้าจอต่อเครื่องอยู่ที่ 89% พร้อมติดฟิลม์มาให้เลย

กล้องหน้าความละเอียด 16 นั้นอยู่ในตำแหน่งตรงกลางพร้อมกับเซนเซอร์ต่างๆที่แทรกอยู่ระหว่างกลาง แต่ที่น่าสนใจมากๆและค่อนข้างแปลกใจคือรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่ ซึ่งลำโพงด้านบนใหญ่และเสียงดังสะใจเอาเรื่องเลยครับ

ในส่วนของขอบด้านล่างนั้นจะเป็นเพื้นที่ของขอบหน้าจอที่ต้องมีการแทรกพาแนลอะไรต่างๆทำให้ขอบหน้าจอด้านล่างนั้นหนากว่าส่วนอื่นๆอยู่พอสมควรครับ และ ปุ่มควบคุมทั้งหลายก็อยู่ในหน้าจอกันเป็นปกติแล้วในสมัยนี้

ด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะไม่มีไมค์ตัดเสียงอะไรครับรวมถึงไม่มีรูอะไรเลย แต่จะเห็นความโค้งของฝาหลังและเส้นสายทำให้ตัวเครื่องไม่ได้หนาเท่าไรครับ  ส่วนตัวกล้องนั้นจะนูนขึ้นมาตามภาพเลยครับอาจจะต้องระวังนิดนึงในการวาง

ในขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม เพิ่ม ลดเสียง และ ถาดใส่ซิมแบบ Triple Slot ครับ และจะเห็นว่ามีเส้นสายรอบตัวเครื่องนิดหน่อยทำให้ตัวเครื่องดูไม่หนาและเป็นชิ้นเดียวกันด้วยส่วนตัววัสดุเครื่องรวมๆก็แข็งแรงดี สำหรับตัวถาดซิมนั้นจะเป็นถาดซิมแบบ Triple Slot – Nanosim  2 ช่อง และช่องสำหรับ MicroSd Card ครับส่วนเรื่องการรองรับนั้นจะรับ NON-CA หรือไม่รองรับนั้นเองครับ

ในตัวเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Power เปิดปิดเครื่อง มีเล่นแถบสีเขียวตรงปุ่ม และ มีการเล่นเส้นสายเหมือนกับอีกข้างไว้ครับไม่ใช่เรียบๆแบบในรุ่นก่อนๆ ส่วนตัวฝาหลังจะเห็นว่ามีการโค้งเข้ามาด้วยเช่นกันสำหรับมองด้านข้าง

ในตัวเครื่องแถบข้างล่างนั้นจะเป็นที่อยู่ของ ลำโพงหลักตัวที่ 1 และ ใช้งานพอร์ต USB-C แล้ว !! พร้อมกับรูไมค์ขนาดใหญ่ และ รู 3.5 มม. ที่รองรับเสียง Hires ด้วยเช่นกัน รวมถึงลำโพงก็รองรับลำโพงคู่ DOLBY ATMOS

สำหรับกล้องหลังนั้นจะจัดวางตรงกลางพร้อมกับกล้อง 3 ตัวในเลนส์เดียวกัน และ กล้องตัวที่ 4 Portrait นั้นจะแยกออกมาด้านขวาตรงไฟแฟลชครับ ส่วนสแกนนิ้วนั้นจะอยู่ด้านหลังออกแบบมาตรงกลางทั้งหมด และมีวงแหวนสีเขียนตรงกล้องล่างสุดครับเป็นเลนส์จับระยะ ส่วนสเปคกล้องนั้นจะมาที่ กล้องหลัก 48MP F.18 พร้อมกับ เลนส์ Ultra Wide- Angle 8MP เลนส์ Portrait 2MP เลนส์ Monochrome  2MP ครับ ส่วนฝาหลังนั้นสวยงามเล่นแสงสีได้สวยและมีเลเยอร์เวลาเจอแสงไฟด้วยครับจะเป็นเส้นๆตัว S แน่นอนว่าดูดีพอสมควรแต่ไม่ใช่วัสดุกระจกนะครับ

SPEC

  • Android 9 Pie + ColorOS 6.0.1
  • หน้าจอ แบบ IPS LCD 6.5 นิ้ว HD+ (1600 x 720 พิกเซล)
  • Qualcomm Snapdragon 665  2.0 GHz
  • GPU  Adreno 610
  • RAM 8 GB
  • Storage 128GB +  MicroSD ได้สูงสุด 256GB ใช้งาน UFS 2.1
  • กล้องหลัง 4 ตัว มาพร้อมตัวหลัก 48MP F.18 – Ultrawide 8MP – Portrait 2MP – Mono 2 MP รองรับ Night Mode 2.0
  • กล้องหน้า 16 MP AI Beautification
  • Video รองรับสูงสุด 4K 30FPS – EIS ในความละเอียด FHD
  • ใช้งาน USB Type-C 2.0
  • ลำโพงคู่ Dolby ATMOS
  • Hi-res Audio ผ่านทางรูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh พร้อมกับ ชาร์จไฟให้เครื่องคืนอื่นผ่าน OTG C-C
  • มาพร้อมสี Marine Green –  Space Purple

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพตัวนี้มาพร้อมกับ CPU Snapdragon 665 และใช้งาน RAM 8GB Storage 128gb แบบ UFS ทำความเร็วในการอ่านได้ดีพอสมควร ทางด้านคะแนน Antutu นั้นทำไปได้ที่ 133000 คะแนน ถือว่าตามสเปคกับตัว Snapdragon 665 เลยนั้นเองส่วนทางด้านการอ่านเขียนนั้นต้องบอกว่าทำไดดีดี ประมาณ 500 MB/S สำหรับการอ่านครับ น่าจะเป็นตัว UFS นั้นเอง ส่วนในด้านของคะแนน CPU Geekbench นั้นทำได้ Single และ Multi Core ครับ ในส่วนของ DRM ทดสอบความปลอดภัยนั้นทำได้ L1 ตามมาตรฐานสบายๆครับ

SYSTEM UI

หน้าตาระบบในรุ่นนี้มาพร้อมกับ Colour OS6 ตัวใหม่ล่าสุดพร้อมกับ Android 9 แน่นอนว่ามีการปรับหน้าตาให้เรียบง่ายขึ้นเยอะเลยครับ และจะเริ่มมีความแตกต่างกับอีกแบรนด์ชัดเจนขึ้น ในตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอล็อค พร้อมกับนาฬิกาแนวตั้ง แน่นอนว่าไอคอนนั้น  มีเลขมุมแอพอะไรปกติครับไอคอนเป็นทรงเหลี่ยมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับ ตัวนี้ไม่มี Appdrawer นะครับในค่าเริ่มต้นสามารถปรับได้

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมด รวมถึงเป็นการใช้สี่เหลี่ยมด้วยครับ การปรับแสง การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็มครับ รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่ายและเสถียรมากๆ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 128 GB นั้นเหลือใช้งานได้ 106 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 4.13 จาก 8 GB

ส่วนการโคลนแอพ อะไรทั้งหลายก็มีมาให้ครับผม รวมถึงตัว Game Space มาใหม่อันนี้น่าสนใจยังไงไปดูในหัวข้อ Gaming ได้เลย และ ยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะมาให้ในการปัดมาด้านขวาในจอหลักจะคอยช่วยในการจัดการแจ้งเตือนอะไรต่างๆ หรือ ดูการใช้งานของเราว่าเน้นอะไรยังไงก็จะเสนอมาให้ใช้งานกันเลย อีกทั้งยังมีโหมดช่วยขับรถมาให้จะดูแลการแจ้งเตือน ขณะขับขี่ ระบบจะทำ การปิดเสียงการแจ้งเตือน ระบบจะใช้ตัวอักษรและ ปุ่มขนาดใหญ่ที่สามารถรับหรือปฏิเสธได้เท่านั้น และส่ง SMS ตอบกลับให้เองเลย แต่เรื่องของติ่งหน้าจอไม่เจอให้ปิดนะครับผมในตัวนี้

Smart Sidebar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอพลิเคชั่น บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smart Sidebar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้สบาย Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับ รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย

THEME

ตัว Theme การตกแต่งนั้นมีมาให้ปรับแต่งกันครับทั้งเรื่องของหน้าตา พื้นหลัง หน้าตาแอพในบางส่วนและรวมถึงตัว ICON แอพด้วยแน่นอนว่าปรับแต่งได้พอสมควรแต่อาจจะไมไ่ด้ปรับในส่วนของการตั้งค่าอะไรพวกนั้นเช่นเวลาลากการดูแจ้งเตือนเข้ามาอะไรก็ยังเป็นหน้าตาแบบเดียวกันทั้งหมดครับ ซึ่งหน้าตาธีมก็เยอะพอสมควรนะ และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เสียตังด้วยครับสำหรับการปรับแต่งธีมของตัว OPPO A9 2020

SCREEN

ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับขนาด ขนาด 6.5 นิ้ว และใช้หน้าจอแบบ HD+ แบบ IPS และติ่งหน้าจอนั้นมีรอยบากทรงหยดน้ำเล็กลง 31.4% เทียบรุ่นเดิมครับและซ่อนกล้องหน้าอะไรไว้ได้พอดีส่วนหน้าจอจากที่ลองทำได้ดีแต่เรื่องสู้แสงอาจจะยังไม่ได้โหดมากนัก ซึ่งจอของตัว A9 2020 มี Sunlight Screen ที่่ทำให้การอ่านหน้าจอง่ายขึ้นแม้อยู่ในที่ที่มีแสงแดดโดยตรง และ Blue Shield ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา แต่มิติสีอะไรที่ลองถือว่าใช้ได้รู้สึกดีกว่ารุ่นที่ออกมาก่อนหน้าอยู่บ้างนะครับ ส่วนเรื่องการสัมผัสก็ปกติติดมือได้แต่อาจจะไม่ได้ไวมากเท่าไร จริงๆน่าจะน่าจะเป็นจุดที่หลายๆคนบ่นกันเลยแหละเพราะถ้ามันให้ FHD มาจะครบๆเลยและคุ้มราคามากๆซึ่งก็เป็นจุดน่าเสียดายครับ แต่มองในแง่คุณภาพใช้งานทั่วไปก็ไม่ได้มีปัญหาแต่ถ้าใครใช้จอ 2K 4K มาก่อนอาจจะรู้สึกแตกต่างกันชัดเจน แต่ถ้าให้คนทั่วไปใช้งานก็ไม่ได้แตกต่างกันแน่ๆครับในการใช้งานทั่วไป

มุมมองของตัวหน้าจอนั้นกลางๆครับเนื่องจากจอเป็นแบบ IPS LCD นั้นทำได้กลางๆในการมองข้างๆหรือการสู้แสงในหลายๆสภาพแสงนั้นอาจจะไม่ได้โหดมากนักครับ เรื่องจอรุ่นนี้อาจจะไม่ได้เด่นมากเท่าไรพอใช้งานได้ทั่วไปครับ  ส่วนเรื่องความดรอปลงในมุมมองอื่นๆนั้นก็เจอบ้างครับถ้าเป็นโทนสีเข้มจะดรอปลงพอสมควรครับ และความสว่างในมุมมองเอียงๆนั้นไม่เท่ากับมองตรงๆเท่าไร และเป็นปกติของพวกหน้าจอ IPS LCD นั้นที่ส่วนสีดำจะไม่สนิท

SOUND

สำหรับเรื่องของเสียงผ่านทางหูฟังนั้นรุ่นนี้ไม่มีหูฟังอะไรมาให้กับทางเราๆได้ลอง แต่ตัวขายจริงมีหูฟังมาให้ด้วยนะครับเสียดายที่ไม่ได้ลอง ทางเราเลยทดสอบผ่านทางหูฟังประจำกันนนิดหน่อยครับรุ่นนี้ได้ผ่านมาตรฐานและการรับรองเสียงคุณภาพสูง Hi-res Audio กันมาด้วยน่าจะมีชิพเสียงใส่เข้ามาแต่ไม่ได้ระบุรุ่นครับซึ่งตัวอื่นๆไม่มีมาให้แน่นอนและทำให้มันแตกต่างกันรุ่นที่ไม่ได้ใส่มาแน่ๆ และจากที่ลองก็ถือว่าน่าจะเป็นเสียงผ่านหูฟังที่ดีที่สุดในบรรดามือถือเรทราคานี้เลยก็ว่าได้ที่รู้สึกได้ชัดสุดคงเป็นแรงขับกำลังขับที่มันมากกว่าตัวอื่นๆในเรทราคานี้และเสียงที่ได้นั้นดีขึ้นไมไ่ด้แหลมจัดอย่างเดียวแต่มีมิติฟังสนุก รายละเอียดมาดีขึ้นครับเสียงเบสอะไรมาดีขึ้นแน่นอนว่าไม่แบนๆแห้งๆแบบรุ่นอื่นๆหรือตัวก่อนหน้านี้แล้วถือว่าเรื่องเสียงนั้นทำได้ดีที่สุดในบรรดาคู่แข่ง

SPEAKER 

ระบบเสียงมาพร้อมกับลำโพง Dual Speaker ลำโพงคู่ในครั้งแรกของตระกุล A  ที่รองรับ Dolby Atomos ด้วย  ถือว่าน่าสนใจเมื่อดูในเรทราคาของมันมีลำโพงคู่มาให้ และที่ลองนั้นเสียงดัง และ แยกซ้ายขวาดี รวมถึงมิติเสียงดีกว่ารุ่นก่อนหน้าและคู่แข่งหลายๆตัวแบบชัดเจนอันนี้ชอบจริงครับเสียงลำโพงตัวบนออกมาดังแต่อาจจะไม่ได้เท่าตัวล่างครับเลยอาจจะหนักขวาเล็กน้อยในเรื่องของเสียง ส่วนถ้าเราเอามาเทียบกับคู่แข่งตัวอื่นๆนั้นต้องบอกว่า A9 2020 นั้นทำได้ดีมากๆในการขับเสียงออกมาเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งหมดในเรทราคาประมาณนี้

GPS

การทดสอบ GPS นั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้ทำได้ดีกว่าตอนใช้ MTK เดิมๆทั้งตระกูล F และก่อนหน้าครับน่าจะมีส่วนช่วยด้วยนิดหน่อยในการปรับมาใช้ Snapdragon ทำให้จับได้ดีกว่าเดิมเยอะเลยแบบรู้สึกได้ครับทั้งความแม่นยำและความไวในการจับหลังจากเปิดแอพครับ จากการทดสอบนั้นจับได้ประมาณ 30 ดวง จากทั้งหมดที่เห็น 46 ดวง ในการใช้งานขับรถนำทาง ส่วนในที่ร่มหรือใต้ทางด่วงต่างๆนั้นจะทำได้ 22 ดวง จากทั้งหมด 48 ดวง รวมถึงนำทางได้ดีไม่มีปัญหาเลยครับ ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นที่แตกต่างกับ A ก่อนหน้าเหมือนครั้งนี้จะใส่ใจในหลายๆจุดมากขึ้นเยอะเลย

BATTERY

ทางด้านแบตนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจครับในรุ่นนี้ให้มามากถึง 5,000 mAh ทำให้เรื่องของการใช้งานไม่มีปัญหาเลยสบายๆทั้งวันได้ครับแน่นอนว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้ใช่ชาร์จไวมาให้อาจจะต้องชาร์จนานนิดนึงครับ ส่วนเรื่องของการใช้งานจริงๆนั้นทั้งวันได้สบายเลยนะ เพราะด้วย CPU หน้าจออะไรนั้นไม่ได้มีผลกินแบตเท่าไรทำให้ 5,000 mAh ของมันเหลือๆทั้งวันแบบสบายๆเลยแหละแม้จะเล่นเกมยาวๆก็ยังลดลงค่อนข้างช้าเลยครับสำหรับตัวนี้

GAMING

ในการเล่นเกมนั้นในรุ่นนี้มีฟีเจอร์เข้ามาช่วยทั้งด้านของการเพิ่ม เฟรมเรท และ เพิ่มความไวในการสัมผัสแน่นอนว่าใส่ใจสายเกมมากขึ้นทำให้ลองรับการเล่นเกมได้สบายๆทั้งการสัมผัสและความลื่นไหลและใช้งาน Snapdragon 665 ด้วยทำให้ไว้ใจได้มากขึ้นครับจากที่ทดสอบนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีเลยแหละในเรื่องของการเล่นเกมต่างๆ เรื่องของการเล่นเกมส์รุ่นนี้โดยรวมถือว่าค่อนข้างทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว เท่าที่ทดสอบโดยรวมถือว่าทำออกไม่ได้ดี Game booster 2.0 ที่ทาง OPPO ใส่มาให้ในรุ่นนี้ถือว่าช่วยได้เยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความร้อนหรือแบตเตอรี่ เท่าที่ทดสอบหลักๆอย่างเช่นเกม PUBG MOBILE ในรุ่นนี้โดยรวมสามารถเล่นได้เเต่อาจจะยังปรับภาพระดับ HD ไม่ได้อาจจะเป็นเพราะชิปใหม่คงจะต้องรอตัวเกมส์อัพเดทอีกทีนึง ในส่วนของเกมส์ ROV เท่าที่ทดสอบก็ถือว่ามีค่า FPS ค่อนข้างมี FPS นิ่งพอสมควรเลย ROV ค่า FPS เท่าที่ทดสอบก็ถือว่า FPS ค่อนข้างนิ่ง เอาเป็นว่ามาลองชมคลิปที่ทดสอบกันดีกว่าจะได้ตัดสินใจซื้อรุ่นนี้ได้ง่ายขึ้น

CAMERA

ทางด้านกล้องหลังของทาง OPPO A9 2020 นั้นมีกล้องทั้งหมด 4 เลนส์  จัดวางตรงกลาง กล้องหลัก 48MP F1.8 และในตัวที่ 2 เลนส์มุมกว้าง 8 ล้าน เลนส์จับระยะ 2MP และ เลนส์ขาวดำ 2MP ในการเพิ่มมิติของภาพ รวมถึงตัวด้านหน้ามาพร้อมกับกล้องหน้า 16MP รองรับ AI ส่วนของ Video  รองรับการถ่ายที่ 4k 30fps และ รองรับการกันสั่น และ Ultra Nightmode 2.0 รองรับการถ่ายขณะถ่ายวีดีโอด้วย จะเก็บเป็นภาพนิ่งที่ โหมดกลางคืน กันสั่น EIS ก็ให้มาด้วย มาดูตัวอย่างภาพถ่ายเล็กน้อยในแต่ละโหมดกันก่อนครับสำหรับตัว OPPO A9 2020 ซึ่งจากที่ลองนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะคุณภาพกล้องนั้นทำได้ดีเลยแหละในส่วนของมุมกว้างและโหมดกลางคืนต่างๆ โทนสีค่อนข้างตรงและการโฟกัสอะไรทำได้ดีและไวพอสมควรครับ และยังมีโหมดเร่งสีอะไรมาให้ครบเหมือนเดิมเลย

Nightmode

Portrait 

Front Camera 

กล้องหน้านั้นตัวนี้ให้มากับความละเอียด 16MP รองรับการถ่ายพร้อมกับแต่งหน้าแบบ AI Beauty มาให้ครบเลยในเรื่องของกล้องหน้านั้นต้องบอกว่าค่ายนี้ไว้ใจได้แม้จะไม่ได้เน้นมากสำหรับรุ่นนี้แต่โทนสีอะไรต่างๆนั้นทำออกมาได้ดีสมชื่อครับ และการถ่ายวีดีโอก็ยังรองรับการถ่ายและเปิดโหมดหน้าเนียนด้วยเช่นกัน  โดยรวมนั้นทำได้ดีและมุมกว้างพอสมควรเลยครับ ถือว่าสายๆน่าจะชอบกล้องหน้าของรุ่นนี้เหมือนกัน แต่ถ้าแสงน้อยหรือไม่ได้มีแสงมากพอภาพนั้นอาจจะไม่ได้คมใสมากเท่าไรครับ และ การตัดขอบยังมีไม่ได้เป๊ะมากในส่วนเวลาใช้การละลายหลังนั้นเอง

VIDEO

การถ่ายวีดีโอนั้นรองรับ 4K 30FPS สูงสุดถือว่าทำได้ดีมากๆในเรทราาคานี้ครับแน่นอนว่า มาพร้อมกับกันสั่น EIS แต่จะทำงานในความละเอียด FHD เท่านั้นด้วยแน่นอนว่าทำได้ดีตามเรทราคาของมันแต่น่าเสียดายไม่มีไมค์ตัดเสียงอาจจะทำให้การอัพเสียงมีเสียงแทรกเข้ามาได้ง่ายครับ แต่ที่ชอบคือกล้องหน้ามี  AI Beauty มาให้ด้วยทำให้ถ่ายหน้าสวยๆได้สบายครับ ส่วนกันสั่นก็ใช้ได้ครับในการเดินถ่ายในความละเอียด FHD

OPPO A9 2020

” สเปคทั้งหมดให้มาดีและมาพร้อมลำโพงคู่ และ ระบบเสียงที่ดีที่สุดในเรทนี้  “

ถือว่าครบเครื่องและทำสเปคได้แรงกว่าเดิมเมื่อนับในค่าย OPPO ถือว่าเป็นรุ่นที่จัดเต็มขึ้นมามากครับรอดูกันว่าราคานั้นจะทำได้ดีแค่ไหนกันและในการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงกันบ้างแต่ที่ลองนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีกว่า A Siries ที่เราเคยรู้จักกันทั้งเรื่องของสเปค และ ดีไซน์ที่ชอบมากๆคือมาพร้อมลำโพงคู่ด้วย และ รองรับ Hires รวมถึง ใช้งาน USB-C แล้วนั้นเองส่วนหน้าจอนั้นเสียดายเป็นแค่ HD+ แต่ด้านอื่นๆนั้นถือว่าทำมาดีมากๆจริงครับในครั้งนี้

ข้อดี

  • สเปคให้มาค่อนข้างครบในการใช้งานภาพรวม
  • กล้องหลัง 4 ตัวทำได้ดี และ มีมุมกว้างถ่ายสนุก
  • ระบบเสียงลำโพงที่ดีที่สุดในตอนนี้ ในเรทราคานี้
  • รองรับ Hi-res Audio  ยังมีรู 3.5 มม.
  • ฝาหลังดีไซน์สวยงามขึ้น
  • UBS Type-c
  • แบตอึดมากๆในการใช้งานทั้งวันสบาย

ข้อสังเกต

  • หน้าจอยังคงเป็น HD+ เท่านั้น
  • วัสดุฝาหลังเป็นรอยง่ายต้องระวังนิดนึง
  • กล้องหน้าแสงน้อยยังไม่ได้ดีมากนัก
  • ไม่มีไมค์ตัดเสียงตัวที่ 2

เปิดจองตั้งแต่ 16-27 กันยายนนี้ และ ราคากับเครือข่ายนั้นเริ่มเพียง 3,990 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจกับผู้ให้บริการเครือข่ายที่ร่วมรายการ ทั้ง AIS, dtac และ Truemove H โดยจะวางจำหน่ายวันแรกที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สามารถสัมผัสของจริงและเป็นเจ้าของ OPPO A9 2020 ได้ในวันที่ 28 กันยายนเป็นต้นไป

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ