OPPO Reno2 Series เปิดตัวกันมาหลากหลายรุ่น แต่ในรุ่นที่จับต้องได้ง่ายที่สุดคงจะหนีไม่พ้น Reno2 F ครับเพราะด้วยสเปคและตำแหน่งของมันนั้นทำออกมาได้ดีจับต้องได้ง่ายในราคาที่ไม่แรงเกินไปอีกทั้งยังได้กล้อง 4 ตัว 48MP และ งานประกอบวัสดุแบบเดียวกับกับรุ่นอื่นๆเลยถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาได้สวยและพรีเมี่ยมอีกรุ่นนะ คือได้ดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นเทพๆของมันเลยความเงาของฝาหลัง การวางกล้องรวมถึงวัสดุใช้งาน Gorilla Glass 5 ด้วย ทางด้านสเปคก็ให้มาดีพอสมควร แม้อาจจะไม่ได้แรงเวอร์มากนักแต่ก็ไม่ได้แย่ ส่วนเด่นจริงๆคงจะเป็นกล้องหน้าหลัง และ หน้าจอแบบเต็มตาไม่มีติ่งหน้าจอด้วยครับ ซึ่งในเรทราคาประมาณหมื่นต้นๆนั้นต้องบอกว่าดีไซน์ทำได้ดีมาก
OPPO Reno2 F นั้นเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดจาก F Series ไปอีกขั้น ได้ความพรีเมี่ยมและกล้องโหดๆแบบรุ่นพี่มันมาครบๆเลยทำให้มันน่าสนใจมากครับเด่นๆของมันคือการออกแบบที่สวยทุกมุมมอง วัสดุสวย งานประกอบเนียนเป็นจุดเด่นเลย อีกทั้งเรื่องกล้องหน้า 16MP เป็นกล้องหน้าแบบ Rising Camera พร้อมกับมีไฟ Atmosphere Light กล้องหลังก็จัดเต็มมาให้ครับ 48MP (f/1.7) + 8MP (f/2.2) + 2MP (f/2.4) + 2MP (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 ทางด้านสเปคนั้นจะใช้งาน MTK P70 + RAM 8GB + STORAGE UFS 2.1 128GB และใช้งานแบต 4,000 mAh รองรับการชาร์จไว VOOC 3.0 ถือว่าค่อนข้างจัดเต็มในแง่ของกล้องและเทคโนโลยีการออกแบบ การชาร์จ ส่วนหน้าจอนั้นก็ใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว และ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเลยครับถือว่าค่อนข้างดีเลยวัสดุของมัน
สำหรับ OPPO Reno2 F นั้นเปิดตัวในไทยมาพร้อมกับ สี Sky White/ Lake Green ความจุ RAM 8 GB / STORAGE 128 GB ครับ ส่วนราคา นั้นจะเปิดมาที่ 11,990 บาท ครับ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นยังคงมาในลักษณะแนวยาวๆแบบเดิมครับอุปกรณ์ให้มาค่อนข้างจัดเต็มทั้งเรื่องของเคสและฟิลม์ติดมาให้เรียบร้อยและมีหูฟังมาให้ครับส่วนตัวชาร์จก็ให้ตัว VOOC 3.0 มาให้เลยในกล่องเรียกได้ว่าอุปกรณ์ในกล่องนั้นครบๆ
- ตัวเครื่อง OPPO Reno2 F
- เคสใสนิ่ม TPU
- ฟิล์มกันรอย ติดมาเรียบร้อย
- สายชาร์จ USB-C
- Adaptor VOOC 3.0
- หูฟัง 3.5มม.
- ที่จิ้มซิม คู่มือ
เคสที่ให้มาเป็นเคส TPU ใส ข้อดีคือตัวเคสค่อนข้างนิ่ม เเละ สามารถโชว์ตัวเครื่องที่สวยงามของ OPPO Reno2 F ได้ เตัวเคสคุมตัวเครื่องเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงเเค่ด้านบนที่เว้นเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่ให้กล้องออกเลื่อนออกมาครับ ในภาพรวมนั้นถือว่าเคสนั้นทำได้ดีและหนาแข็งแรงมากเลยนะดีกว่าตัวแรกอีกครับ และในเรทราคาที่ถูกกว่าเดิมจับต้องได้ ในเรทนี้ถือว่าเคสทำออกมาดีเลย ในด้านของการปกป้องเลนส์กล้องหลังนั้นทำได้ดีมีพื้นที่เหลือและสูงกว่าตัวเลนส์กล้องแบบสบายใจได้ครับ สามารถป้องกันเวลาวางเครื่องและใช้งานได้แบบสบายๆ และเลนส์กล้องที่เนียนเรียบทำให้ปกป้องได้ดีกว่าเดิม ส่วนของหน้าจอนั้นจะเห็นว่าขอบเคสนั้นสูงขึ้นมาพอสมควรและตรงมุมทั้ง 4
DESIGN
รุ่นนี้นั้นออกแบบถือว่าสวยและพรีเมี่ยมจริงๆในรุ่นนี้ที่ต้องชมที่สุดคงเป็นความสวยทุกมุมมองที่เค้าบอกกันว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาสวยในหลายๆจุดซึ่งต้องบอกว่าดูดีกว่าที่คิด คือเรื่องของการออกแบบ ดีไซน์มันยกระดับไปอีกขั้นเลยนะ ความเงาของฝาหลังและเล่นกับแสงลวดลายได้สวยมากๆอีกทั้งสีโทนเขียวที่คุ้นเคยกันดีและในรุ่นนี้ก็ใส่เข้ามาเช่นกัน Lake Green การวางกล้องตรงกลาง เรียงกันยาวๆ 4 เลนส์สวยงามและ มี O-Dot ป้องกันเลนส์มาให้รวมถึง เขียนชื่อแบรนด์อะไรวางตรงกลางแบบที่คุ้นเคยกัน ถือว่าดีไซน์มีเอกลักษณ์ของตัวเองกันมากขึ้นในหลายๆรุ่นของแบรนด์นี้ครับอันนี้ขอชมว่าไม่เหมือนคนอื่นแล้วด้วยถือว่าเป็นตัวของตัวเองแล้วทั้งการออกแบบและพื้นผิวออกแบบ
หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเต็มตา AMOLED Panoramic Screen 6.5 นิ้ว Full HD+ และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 91.1% แต่ขอบล่างนั้นอาจจะหนากว่าตัว 2 ปกตินิดหน่อย
ด้านขอบบนหน้าจอนั้นไม่มีอะไรเลย กล้องหน้าเซนเซอร์ ลำโพงได้ถูกซ่อนไปทั้งหมด ขอบด้านบนนั้นจะมีการเว้นช่องลำโพงสำหรับคุยไว้ส่งผ่านมาจากกล้องหน้าที่เลื่อนขึ้นลงได้ และเซนเซอร์ ฝังใต้หน้าจอทั้งหมด
เมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้าขึ้นมานั้นรุ่นนี้จะพิเศษตรงมีไฟเวลาเลื่อนขึ้น Atmosphere Light สามารถเปลี่ยนสีได้ด้วย หรือจะให้มันสุ่มสีได้ครับอันนี้ถือว่าเป็นลูกเล่นเล็กๆสวยงามดีนะ และ กล้องหน้า 16 MP f/2.0 พร้อมฟีเจอร์ AI Beautification สามารถเลื่อนขึ้นใน 0.74 วินาทีด้วยการ ออกแบบที่ทนทาน ซึ่งใช้งานได้ถึง 200,000 ครั้ง
รองรับการ ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า และ ลำโพงสนทนา มีโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน รวมถึงติดตั้ง Proximity Sensor ที่ติดตั้งไว้ในส่วนตรงนี้ด้วยครับ
ขอบด้านล่างทำออกมาอาจจะไม่ได้บางมากนักครับ ตัวขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นจะออกแบบได้ยากมากๆที่จะทำได้บางด้วยในเรทราคาประมาณนี้ ถือว่าเป็นปกตินะไม่ได้หนาเลย และการควบคุมนั้นสามารถเลือกใช้งานเป็นแบบเต็มหน้าจอ หรือจะเป็นปุ่มปกติก็สามารถเลือกได้เช่นกัน
ขอบด้านล่างเครื่อง ส่วนนี้จะเป็นที่อยู่ของช่อง Type-C และ รูไมค์ รวมถึง ลำโพงหลักของตัวเครื่องในด้านนี้ เเละ มีรูเสียงหูฟังแบบ 3.5 มม. ยังมีการออกแบบโค้งเว้าอะไรมาให้เหมือนเดิมทำให้ขอบดูไม่ได้หนาเกินไปด้วยนั้นเอง
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง ส่วนการออกแบบฝาหลังจะโค้งลงมารับกับตัวเครื่องได้ดีครับ
ถัดมาชมตัวเครื่องด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็นส่วนที่กล้องหน้านั้นจะเลื่อนขึ้นมา และ มีรูไมค์สำหรับตัดเสียงก็ยังคงอยู่ครับไม่ได้ตัดไปไหนส่วนตัวกล้องจะวางตรงกลาง และเลื่อนขึ้นมาตรงๆไม่ใช่แบบ ครีบฉลามนะครับสำหรับรุ่นนี้
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะมี ถาดซิมแบบ Triple Slot และตัว ปุ่ม Power อยู่ ยังคงมีขีดสีเขียวเข้ามาในส่วนนี้ทำให้มองเห็นได้ชัดแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าครับ และยัง รองรับการทำงานเรียกเป็น Google Assistant อีกด้วย
ที่ต้องชมมากๆคือในเรทราคานี้ แต่ทำงานวัสดุงานประกอบออกมาได้ดีแบบโค้งไร้รอยต่อ ส่วนวัสดุนั้น ฝาหลังผลิตจาก Gorilla Glass 5 และ กระจกที่ครอบ กล้องนั้นถูกเคลือบเงาในระดับนาโน 95 มม. และโค้งรับมือได้ค่อนข้างดี
ยังคงจุดเด่นของมันคือการออกแบบ ฝาหลังเรียบไปชิ้นเดียวกันกับเลนส์กล้อง ไม่มีส่วนนูน และให้รูปลักษณ์ที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้กล้องด้านหลังสี่ตัว ได้จัดให้อยู่ตามแนวแกนกลาง เพื่อสร้างความรู้สึกสมมาตรอีกด้วย และยังคงมีเจ้าเม็ดกลมๆ O-Dot ที่จะป้องกันเลนส์กล้องไม่ให้โดนพื้นและปกป้องรอยขีดข่วนให้ครับ และฝาหลังใช้ ระบวนการ ribbon transfer 2.0 และการเคลือบสี7 ทำให้มี เอฟเฟกต์การไล่ระดับแสงวางซ้อนกับพื้นผิวที่สะท้อนแสงครับ
Reno2 F มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว (48MP+8MP+2MP+2MP) รองรับการถ่ายภาพกลางคืนด้วย Ultra Night Mode 2.0 และ AI Beauty Mode ใหม่ทั้งหมด ซึ่งมาพร้อมกับเลนส์หลักคือ 48MP Samsung Bright GM1 48MP f/1.7+ และกล้องมุมกว้าง 116 องศา 8MP (f/2.2) + Portrait Lens 2MP (f/2.4) + Mono Lnes 2MP (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 มาให้ครบเลย และ รองรับการถ่าย วีดีโอแบบมุมกว้างด้วยนะ
SPEC
- ระบบ Android 9 + ColorOS 6.1
- หน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว Gorilla Glass 5 สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 91.1%
- CPU Helio P70 + GPU Mali-G72 MP3
- RAM 8GB LPDDR 4x
- STORAGE 128GB UFS 2.1 รองรับ MicroSD card 256GB
- กล้องหลัง 48MP GM1 48MP f/1.7+ และกล้องมุมกว้าง 116 องศา 8MP (f/2.2) + กล้อง Portrait 2MP (f/2.4) + 2MP Mono Lens (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 / EIS
- กล้องหน้า Rising Camera 16MP + Atmosphere Light
- สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ Hidden Fingerprint 3.0
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh + VOOC Flash Charge 3.0
- ขนาด น้ำหนัก 161.8 x 75.8 x 8.7 มม. 195 กรัม
- สี Sky White/ Lake Green
PERFORMANCE
ในเรื่องของประสิทธิภาพนั้นมาพร้อมกับ CPU MTK Helio P70 และ ใช้ RAM 8 GB LPDDR4x ร่วมกับ Storage 128GB UFS 2.1 ในส่วนของคะแนนนั้น Antutu กันก่อนเลยทำไปได้ 147233 คะแนน และส่วนของ GeekBench นั้นทำไปได้ คะแนน 284 และ 1400 และ หน่วยความจำไม่พลาดกับ UFS 2.1 อ่านเขียนไปได้ 472 ละ 190 ครับเป็นปกติในเรทนี้จะได้ความเร็วประมาณนี้กันทั้งหมดเลยครับถือว่าทำได้ดีในการใช้งานอ่านเขียนรูปต่างๆ และเรื่องความปลอดภัยได้ DRM L1 นะครับทำให้ดู Netflix แบบ HD ได้ด้วยในรุ่นนี้
SYSTEM UI
หน้าตาระบบรุ่นนี้ Colour OS 6 ร่วมกับ Android 9 การใช้งานทั่วไป แต่หน้าหลักๆนั้นยังคงมีมาคล้ายๆเดิมครับการแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอพอะไรปกติครับไอคอนเป็น ทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับหน้าตาโดยรวมยังคงทำได้ดีแบบเดิมครับเรียบขึ้นเรื่อยๆสวยงามเลยแหละคลีนๆดีครับ
เมื่อปัดนิ้วจากด้านบนลงมาจะเจอ แถบเมนูลัด หน้าตาสวยงามและดูสบายตาขึ้น โดยมีทางลัดสำหรับการตั้งค่าที่เราใข้งานการต่างๆเป็นประจำอย่าง เช่น Wi-Fi, ไฟฉาย , Bluetooth, โหมดเครื่องบิน , NFC , ตัดแสงสีฟ้าบนหน้าจอ , ปรับความสว่างหน้าจอ เป็นต้น ส่วนด้านล่างจะแสดงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่างๆ หากปัดนิ้วลงมาอีกครั้งจะเป็นการขยายเมนู และสามารถใช้งานการแบ่งหน้าจอได้หลากหลายแอพที่รองรับครับผม สามารถใช้งานได้เลย ลาก 3 นิ้วขึ้นไปในแอพที่อย่ากจะแบ่งง่ายๆเลยครับ
แป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่ายและเสถียร ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 128 GB นั้นเหลือใช้งานได้ 108 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 3.82 จาก 8 GB ครับ
ส่วนการโคลนแอพ อะไรทั้งหลายก็มีมาให้ครับผม รวมถึงตัว Game Space มาใหม่อันนี้น่าสนใจยังไงไปดูในหัวข้อ Gaming ได้เลย รวมถึงกล้องหน้าในรุ่นนี้พิเศษที่สามารถปรับแสงสีได้ด้วย หรือจะให้มันสุ่มไปก็ยังได้ครับเรียกว่า Atmosphere Light ที่ใส่เข้ามาเป็นรุ่นแรกของค่ายเลยครับ และเปลี่ยนเสียงได้ด้วย และ ยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะมาให้ในการปัดมาด้านขวาในจอหลักจะคอยช่วยในการจัดการแจ้งเตือนอะไรต่างๆ หรือ ดูการใช้งานของเราว่าเน้นอะไรยังไงก็จะเสนอมาให้ใช้งานกันเลย อีกทั้งยังมีโหมดช่วยขับรถมาให้จะดูแลการแจ้งเตือน ขณะขับขี่ ในการตั้งค่าเพิ่มเติมครับ
ในตัวปุ่มนำทางก็รองรับทั้งแบบเต็มจอ หรือใช้งานปุ่ม สลับตำแหน่งอะไรกันได้ครับ ส่วน Smart bar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smart bar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้สบาย Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับ
THEME
สำหรับตัวธีมนั้นก็มีมาให้ใช้งานกันครับสำหรับตัว OPPO ซึ่งแน่นอนว่าก็รองรับการเปลี่ยนค่อนข้างเยอะและมีหลากหลายแบบที่น่ารักและเท่ห์ๆครับ การเปลี่ยนแปลงนั้นหลักๆจะเปลี่ยนที่ตัวไอคอน พื้นหลังส่วนใหญ่แต่หน้าตาในแอพพวกหน้าจอการโทรเข้าออก หรือแอพติดเครื่องนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามเท่าไรครับ จะเปลี่ยนแค่หน้าจอหลักเท่านั้น
SCREEN
ในรุ่นนี้ได้ใช้งานหน้าจอ AMOLED ที่ผลิตจากวัสดุ E1 ให้การตอบสนองรวดเร็วและใช้พลังงานต่ำ แล้วทำให้เรื่องของคุณภาพ การสู้แสง ความสด มิติของภาพหลายๆอย่างนั้นดีงามไปหมดครับ ในเรื่องของหน้าจอเลยเป็นจุดที่ดีงามมากๆ หน้าจอให้ขนาดมาที่ 6.5 นิ้วในความละเอียด FHD+ อัตราส่วนหน้าจอเต็มขึ้นมาที่ 91.1% และรองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอ รวมถึงใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ด้วยถือว่าจัดหนักจัดเต็มกันเลยครับในเรื่องของการสัมผัสเวลาเล่นเกมหรืออะไรพวกนี้นั้นรองรับได้สบายครับ ความไวความหน่วงนั้นไม่มีเลยซึ่งถือว่าดีสำหรับใครที่เน้นในเรื่องนี้
การใช้งานหน้าจอแบบนี้ทำให้รองรับการใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆ และยังมีโหมดความถี่ต่ำทำให้ไม่ปวดตาเวลาหรี่แสงเยอะๆครับ ที่ชอบคือการสัมผัสนั้นทำได้ติดนิ้วและไวดีกว่ารุ่นอื่นๆในเรทราคานี้ และเท่าๆกับพวกรุ่นพี่แล้วครับจริงๆหน้าจอนั้นก็รองรับมุมมองได้กว้างมากๆเลย การออกแบบเต็มจอไม่มีติ่งทำให้มันสวยงามเต็มตามากขึ้น ส่วนทางด้านฟีเจอร์ถนอมสายตาก็มีมาให้และปรับปรุงได้ดีกว่าเดิมเยอะเลยนั้นเอง และ เด่นๆคือกินพลังงานน้อยด้วย
HIDDEN FINGERPRINT 3.0
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ นั้นได้ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอแล้วครับเป็นแบบ Optical G3 แน่นอนว่าทำได้ดีมากๆในเรื่องของความแม่นยำ ความไวของการสแกนนิ้วครับในรุ่นนี้ได้พัฒนาขึ้นมาอีกโดยเร็วกว่าเดิมและความสว่างของตัวสแกนนิ้วทำได้ดีกว่าเดิม ถือว่าน่าสนใจเลย รุ่นนี้คือไวมากจริงๆต้องกล้าพูดเลยว่าเทียบเรือธงได้สบายครับในเรื่องของความไวและแม่นยำ ดีกว่าหลายๆตัวในเรทราคาเดียวกันเยอะ และ แสงไฟที่ส่องขึ้นมาเป็นสีขาวสว่างมากๆครับแตกต่างกับบางรุ่นที่จะเป็นสีเขียว ฟ้าพวกนั้น เพราะใช้ฟิลเตอร์แสงในการแยกแยะลายนิ้วมือและผิวหนังได้ดีกว่าแบบเดิมนั้นเอง
SOUND
ในเรื่องของคุณภาพเสียงในรุ่นนี้ยังคงมีรูหูฟัง 3.5มม.มาให้ครับและในด้านของ Software นั้นจะรองรับระบบเสียง Dolby atmos แน่นอนว่าทำให้เสียงมันแตกต่างกับรุ่นก่อนๆทั้งหมดเรื่องของกำลังขับอาจจะไม่ได้ต่างกันมากแต่เรื่องของคุณภาพเสียงนั้นแตกต่างกันแบบรู้สึกได้ครับ เสียงที่ได้ลองฟังจากหูฟังประจำนั้นก็บอกได้ว่าเสียงมันปรับแต่งได้เยอะมีกำลังขับที่มากกว่าด้วยการดันเร่งเสียงของ Dolby Atmos ก็ช่วยได้ครับรวมถึงการจำลองเสียงทิศทางก็ช่วยเวลาดูหนังอะไรได้ด้วยนั้นเอง แต่ก็แอบเสียดายที่ไม่ได้รองรับ Hires เข้ามาครับ เพราะอาจจะไม่ได้เน้นมากนัก เสียงนั้นจะนุ่มๆและเบสมีน้ำหนักพอสมควรแต่เรื่องของรายละเอียดเสียงเวทีเสียงอาจจะไม่ได้กว้างมากนักครับ
ส่วนหูฟังที่เเถมจะเป็นหูฟังสีขาวรูปทรงนั้นจะเหมือนกับตัวก่อนหน้าครับและในด้านของโทนเสียงที่ได้ลองฟังก็อยู่ในระดับที่ฟังสบาย เสียงที่ได้จากตัวเครื่องนั้นออกมามีเบสมาดีมาก เสียงย่านต่ำมาแบบนุ่มๆ และ เสียงมิติทำได้ค่อนข้างดี เวทีเสียงนั้นอาจจะไม่ได้กว้างมาก เสียงจะออกนุ่มๆฟังสบายๆเเละโทนเสียงไม่แหลมจนเกินไปครับ แต่ที่ชอบคือทรงแบบนี้มันใส่สบาย และเหมาะสำหรับฟังเพลงนานๆหรือคุยโทรศัพท์อะไรพวกนี้ครับ ตัวหูฟังมีไมค์และปุ่มควบคุมมาให้ด้วย แต่ด้วยสีขาวอาจจะต้องรักษากันนิดหน่อยครับเป็นปกติเวลาใช้งาน
SPEAKER
เรื่องของเสียงลำโพงในรุ่นนี้มีการใช้งานลำโพงเเค่ตัวเดียว หลังจากที่ได้ฟังมีเสียงที่ค่อนข้างดังอยู่ในระดับนึงความดังถือว่าใชได้เลยครับ มิติเสียงถือว่า OK จะมีเสียงออกทุ้มๆหน่อย ส่วนลำโพงเวลาเล่นเกม มิติเสียงอาจจะสู้รุ่นพี่ไม่ได้ในเรื่องของรายละเอียด เเต่ในรุ่นนี้ข้อดีคือลำโพงค่อนข้างดัง จึงสามารถทำให้ได้ยินเสียงภายในเกมอย่างชัดจน เอาเป็นว่าเรื่องเสียงโดยรวมถือว่าดีในเเบบของสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับลำโพงตัวเดียวครับดังแบบไม่แหลมบาดหูเกินไป
GPS
ในส่วนของการนำทางของรุ่นนี้หลังจากที่แอดมินได้ทำการทดสอบนำทางจริงๆ และ ใช้แอพทดสอบ ผลที่ออกมาถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว มีความเเม่นยำพอสมควร สามารถใช้นำทางได้ ส่วนในการใช้แอพทดสอบนั้นก็จับได้ทั้งหมด 27 ดวง จากที่เจอ 41 ดวง ทั้งบนรถ และ ทางเดินเท้าปกติ กลางแจ้งนะครับ และ ในที่ร่มนั้นทำได้ 11 ดวง จาก 42 ดวงนะครับ ถือว่าทำได้ดีและที่ชอบคือมันนิ่งและอัปเดตไวพอสมควรครับแม้จะเป็น MTK เพราะในรุ่นก่อนๆถ้าใช้งานค่ายนี้อาจจะไม่นิ่งไม่ไวครับ แต่ในรุ่นนี้เหมือนจะปรับปรุงให้มันลงตัวและทำได้ดีกว่าเดิมแล้วนั้นเอง
BATTERY
เรื่องของเเบตเตอรี่ในรุ่นนี้จะมีเเบตเตอรี่มาให้ 4,000 mAh และยังรองรับชาร์จไวอย่าง VOOC Flash Charge 3.0 หลังจากที่ได้ทดสอบชาร์จไฟตั้งเเต่ 5% จนถึง 48 % ใช้เวลา 30 นาที ถือว่าชาร์จเเบตได้ไวมากๆ เลยทีเดียวครับ ชาร์จเต็มร้อยใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง 25 นาทีเท่านั้น เรื่องของการใช้งานเเบตเตอรี่ แอดมินลองนำมาออกมาใช้งาน โดยการใช้ในเรื่องของการถ่ายภาพบ้าง เปิดเว็ปไซต์ต่างๆบ้าง ดู Facebook หรือ Youtube ออกจากบ้านไปงานเปิดตัวประมาณ 9 โมงเช้า เเบต 100% กลับถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ เเบตเหลือประมาณ 19 กว่า % โดยรวมถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวครับ หน้าจอเปิดประมาณ 5 ชั่วโมง และ ใช้งานทั่งหมด 12 ชั่วโมงครับ
GAMING
เรื่องของการเล่นเกมในรุ่นนี้ด้วยชิปเซ็ต MTK HELIO P70 หลังจากที่ได้ทดสอบใครที่เน้นเล่นเกมส์ต้องเปิดกราฟิกสูงๆรุ่นนี้อาจจะยังไม่เหมาะมากนัก เพราะว่าเมื่อดูจากสเปคเเล้วเรื่องของการเล่นเกมสามารถเล่นได้กราฟิกระดับกลางๆเท่านั้น รวมไปถึงในเรื่องของค่า FPS ทีปรับได้ไม่สูงนัก เเต่เท่าที่ทดสอบก็ถือว่าเล่นได้เมื่อปรับในระดับสูงสุดเท่าที่ตัวเครื่องจะรองรับ การทัชทำออกมาได้ดี รวมไปถึงเสียงลำโพงที่ดังเเละมีมิติ เรื่องของความร้อนในรุ่นนี้ไม่ต้องห่วงเท่าที่ทดสอบ สูงสุดเพียง 41 องศาเท่านั้น ส่วนการทดสอบเล่นเกม 30 นาที กินเเบตไป 7 – 8 % ครับ
CAMERA
สำหรับกล้องในรุ่นนี้ถือว่าจัดเต็มมากๆอีกรุ่นครับเพราะให้กล้องมาใช้งาน 4 ตัว เลนส์หลักคือ GM1 48MP f/1.7+ และกล้องมุมกว้าง 116 องศา 8MP (f/2.2) + Portrait Lens 2MP (f/2.4) + Mono Lens 2MP (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 มาให้ครบเลย และยังมีพวก AI Beauty Mode การวิเคราะห์และปรับโทนสีผิวสามารถรองรับได้ถึง4 คนในภาพถ่ายเดียว HDR Mode / Portrait Bokeh เพิ่มลูกเล่นลงในภาพถ่ายด้วย Portrait Bokeh มีให้ทั้งกล้องหน้าและหลังคุณสามารถปรับระดับ ความเบลอ ก่อนถ่ายภาพได้แล้วครับ และ เลนส์มุมกว้าง 116 องศา + Ultra Steady Video นั้นสามารถถ่ายวีดีโอได้ดีมากๆเลย รวมถึงภาพนิ่งโหมดกลางคืนก็รองรับเช่นกันครับ หลังจากที่ลองนั้นต้องบอกว่าเรื่องของคุณภาพกล้องถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คิด แต่ยังมีเรื่องของสีอะไรที่ยังแปลกๆบ้างในภาพถ่ายบางสภาพแสง แต่ที่ขอชมอย่างมากคือโหมด Portrait นั้นทำออกมาได้เนียนสวยและโทนสีผิวใสสวยมากๆแม้จะแสงน้อย หรือครึ้มๆก็ยังทำออกมาได้ดีตัดขอบสวยและไม่ได้หลอกตาเกินไปครับถือว่าสวยจริงๆ
ULTRA NIGHT MODE 2.0
ULTRA WIDE ANGLE
PORTRAIT
ในการถ่าย Portrait นั้นในรุ่นนี้สามารถปรับแต่งได้แบบ Real time เลยนั้นเองครับและปรับระดับความเบลอตอนถ่ายได้แล้วโดยการกดมุมซ้ายบน อีกทั้งยังมี Filter แต่งภาพโทนสีให้เลือกด้วยเช่นกันจากที่ลองต้องบอกว่าโหมดนี้มันค่อนข้างเด่นมากๆทั้งคุณภาพและฟีเจอร์ของมันตัดขอบได้ดีเนียนและคมครับอีกทั้งระยะการเบลอก็สามารถทำได้เนียนตามใจเราเลยว่าอยากเบลอเยอะหรือน้อยแต่ถ้าทั่วไปนั้นจะปรับไว้ที่ 60% ครับและการจับโฟกัสหน้าคนอะไรต่างๆนั้นทำได้ดีจริงๆต้องบอกเลยว่าเป็นจุดเด่นหลักๆของรุ่นนี้ในการถ่าย Portrait เลยก็ว่าได้ครับ
SELFIES
ในการถ่ายกล้องหน้านั้นค่ายนี้ต้องบอกเลยว่าเน้นเรื่องนี้เป็นหลักครับและทำได้สวยด้วยนะสาวๆชอบกันทุกคนกล้องหน้าในรุ่นนี้มาพร้อมกับ ความละเอียด 16MP เป็นกล้องหน้าแบบ Rising Camera และรุ่นนี้พิเศษคือมาพร้อมไฟข้างๆแบบ Atmosphere Light ทำให้แจ้งเตือนเวลานับถอยหลังและลูกเล่นเวลากล้องเลื่อนขึ้นลงได้สวยงามมากๆ และตัวกล้องนั้นเองมาพร้อมกับ AI Beauty และ Portrait โหมดละลายหลังได้สวยงามครับ และ ปรับระดับโบเก้ได้แบบกล้องหลังทั้งหมดเลยถือว่าทำได้ดีมากจริงๆ ในการถ่ายทั้งหน้าและหลัง โดยตัวกล้องนั้น สามารถเลื่อนขึ้นใน 0.74 วินาที เลื่อนขึ้นได้ถึง 200,000 ครั้งเลยทีเดียวครับ
VIDEO
ในด้านการถ่ายวีดีโอในรุ่นนี้รองรับการถ่ายสูงสุดที่ FHD 30FPS เท่านั้นและรองรับการถ่ายวีดีโอแบบมุมกว้าง รวมถึงมีระบบกันสั่น IMU ที่มีอัตราการสุ่มตัวอย่างสูงและตัวเซ็นเซอร์ซึ่งมาพร้อมกับระบบ ป้องกันภาพสั่นไหวอิเล็กทรอนิกส์ (EIS) แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีการรองรับการถ่าย 4K มาให้ในรุ่นนี้ครับ แต่ก็ยังดีที่รองรับมุมกว้างมาให้ในแบบถ่ายปกติ FHD 30FPS นั้นเองครับ และ กล้องหน้าชอบที่โทนสีผิวนั้นทำได้สวยและมี Beauty Mode ครับ
OPPO RENO2 F
” การพัฒนาขึ้นของ F Series ที่สวย พรีเมี่ยมขึ้น พร้อมกล้องที่จัดเต็มสวยงามกว่าเดิม ! “
ถือว่าเป็นรุ่นที่จัดเต็มในแง่ของความสวยงาม คือทั้งตัวการออกแบบสวย วัสดุดูดีสวย และ กล้องหน้าหลังที่สวยด้วยเช่นกัน ไม่แปลกใจทำไมถึงเรียกว่าสวยทุกมุมมองครับ ที่ชอบมากๆคือการออกแบบวัสดุที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นของตระกูล F ที่ทำได้ดีจริงๆ อีกทั้งเรื่องของกล้องหลัง และ กล้องหน้าในโหมด Portrait มันทำได้ดีทั้งเรื่องของความสว่าง โทนสีผิว และ การตัดขอบครับ และยังมีมุมกว้างมาให้เล่นกันถ่ายสนุกและเก็บได้กว้างกว่าเดิมเยอะเลย ส่วนในตัวแบตก็ทำได้ดีอึดมากๆทั้งวันสบาย และรองรับชาร์จไว VOOC 3.0 ในตัวครับ ส่วนหน้าจอก็ชอบมากๆมาพร้อมหน้าขอ AMOLED แบบเต็มๆไร้ติ่งหน้าจอด้วย ใช้งานทั่วไปนั้นถือว่าค่อนข้างครบๆทั้งกล้อง หน้าจอ แบตอึด บอดี้สวยครับในรุ่นนี้ เป็นการพัฒนาขึ้นไปสวยงามและลงตัว ส่วนจุดที่เสียดายคงเป็นการถ่าย 4K ที่ไม่รองรับ และ การใช้งาน CPU ที่อาจจะไม่ได้แรงมากนักสำหรับสายเกมครับ แต่ก็ได้เรื่องแบตอึดมากแทนกันไปในส่วนนี้
ข้อดี
- การออกแบบดีไซน์ สวยงาม และ พรีเมี่ยม
- ใช้งานหน้าจอ AMOLED ที่มีคุณภาพ และ สัมผัสที่ไว
- วัสดุใช้งาน Gorilla Glass 5 ทั้งเครื่อง
- กล้องหลังมาพร้อม 48MP และ มี 4 เลนส์ รองรับมุมกว้าง
- กล้องหน้าทำได้ดี โทนสีสวย และ คมชัด
- Portrait คือจุดเด่นในรุ่นนี้ทำได้ดีมากๆ
- แบตใช้งานได้ค่อนข้างอึด และ ชาร์จเข้าที่ไวมากๆจาก VOOC 3.0
ข้อสังเกต
- ยังไม่รองรับการถ่าย 4K
- ลำโพงยังเป็นลำโพงเดี่ยว
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr
*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ