OPPO นั้นเปิดตัวบรรดามือถือที่รองรับ 5G ในไทยแบบจัดเต็มไปไม่นานมานี้มีในหลากหลายรุ่น หลากหลายเรทราคาเน้นๆเพื่อการรองรับการใช้งานในอนาคตแน่นอนครับ OPPO 5G ซีรีสเปิดตัวมาด้วยกันทั้งหมด 3 ตัวที่รองรับ 5G มาด้วยกันทั้งหมดเลย แต่ที่น่าสนใจคือน้องเล็กสุดที่รองรับ 5G ถือว่าเป็นรุ่นที่ออกมาใหม่ทั้งเรื่องของหน้าตา และสเปคที่ให้มาด้วยเช่นกันในตัว Oppo Reno4 Z 5G เป็นน้องเล็กสุดที่เปิดตัวมารองรับการใช้งาน 5G ซึ่งมีการออกแบบหหน้าตาใหม่สวยงาม และใช้งานเทคโนโลยีใหม่คือ CPU MTK Dimensity 800 และยังมาพร้อมกับการใช้งานหน้าจอ 120Hz Silky Display และแน่นอนว่ากล้องหลังยังคงจัดเต็ม 4 ตัวพร้อมกับเลนส์หลัก 48MP ถือว่ามีความน่าสนใจอยู่เหมือนกันสำหรับ OPPO Reno4 Z 5G รุ่นนี้ในงบหมื่นต้นๆของทางค่ายและรองรับการใช้งาน 5G รองรับเครือข่าย
ได้สองโหมด ทั้ง SA / NSA  ถือว่าพร้อมใช้งานเลยในไทยครับ

OPPO Reno4 Z 5G เปิดตัวมาพร้อมกับการใช้งาน CPU ตัวใหม่ล่าสุดของ MTK คือตัว MTK Dimensity 800 รองรับการใช้งาน 5G พร้อมใช้งานทันทีตั้งแต่เปิดกล่องเลยทีเดียว และใช้งาน RAM 8GB LPDDR4X STORAGE 128GB UFS 2.1 แต่ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำอะไรได้นะครับไม่รองรับ Micro-SD และทางด้านหน้าจอนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นๆเพราะให้มาที่ 120Hz เลยนั้นเอง หน้าจอใช้งานหน้าจอ LTPS LCD นะครับ พร้อมกับขนาดหน้าจอ 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400×1080 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate ที่ 120Hz ให้ความสว่างสูงสุด 480 นิต ใช้งานกระจก Gorilla Glass 3 ส่วนทางด้าน กล้องหน้านั้นให้มา 2 ตัวรองรับการใช้งาน จับระยะ  ตัวหลักใช้งาน 16MP F2.0 และเลนส์จับระยะ 2MP F2.4 พร้อมกับใช้งานกล้องหลัง 4 เลนส์ ออกแบบสวยงาม มาพร้อมกับ เลนส์หลัก  48MP F1.7 / เลนส์ Ultra-Wide มุมมอง 119 องศา 8 MP  F2.4 / Portrait ขาวดำ 2 MP F2.4 / Portrait วินเทจ ด 2 MP F2.4 และทางด้าน แบตเตอร์รี่นั้นให้มา 4,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W และ ยังคงมีรู 3.5 มม. ใส่เข้ามาให้รองรับระบบเสียง Hi-Res เช่นกันครับ ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆนั้นรองรับเป็นมาตรฐานใหม่ทั้งหมดเลยนั้นเอง

OPPO Reno4 Z 5G เปิดตัวในไทยมาพร้อมกับ  สเปค RAM 8GB / STORAGE 128GBราคา 12,990 บาทพร้อมกับสี  Dew White และ Ink Black

UNBOX

  • ตัวเครื่อง OPPO Reno4 Z 5G
  • เคส OPPO Reno4 Z 5G แบบ TPU ใส
  • Adaptor ชาร์จ 18W Fast Charge
  • สาย USB-C
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม
  • หูฟัง OPPO Earbuds  3.5 มม.
  • ฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้จากโรงงาน

ตัวเคสที่แถมมานั้นต้องบอกว่ายังคงเป็นเคสใสนิ่มปกติครับ พร้อมกับคลุมทั้งตัวเครื่องด้านหลังทั้งหมด ส่วนขอบเครื่องในส่วนหน้าจอนั้นทั้ง 4 มุมมีการนูนขึ้นมาปกป้องหน้าจอ รวมถึงมีเว้าตรงขอบลำโพงด้านบน ความหนาของเคสกลางๆกำลังดีครับไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องหนักเกินไป และ ไม่ได้หนาเกินจำเป็นด้วยครับ ตัวเคสนั้นในเรื่องของตามขอบกล้องและหน้าจอสามารถครอบคลุมได้ทั้งหมดในส่วนของด้านหน้านั้นจะมีขอบเครื่องทั้ง 4 มุมโผล่ขึ้นมาทำให้ปกป้องได้ดีเวลาวางหน้าคว่ำครับ และช่วยในการตกกระแทกได้ดีเป็นเคสแถมที่ดี แต่ในเรื่องของงานออกแบบยังเป็นเรียบๆไม่ได้ใช้วัสดุพิเศษแบบรุ่นก่อนรวมถึง ตัวกล้องหลังนั้นตัวเคสไม่ได้คลุมมาเกินตัวเลนส์เท่าไรครับ

DESIGN

งานออกแบบทาง OPPO Reno4 Z 5G รุ่นนี้มาพร้อมกับออกแบบใหม่ทั้งหมดในด้านหลังซึ่งเราจะเห็นในรุ่นนี้เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวและมีความแปลกใหม่พอสมควรกับการวางเลนส์กล้องข้างในแบบเฉียงและครอบทับด้วย 4 เหลี่ยมสีดำทำให้เป็นโมดูลเดียวกันมากขึ้น และฝาหลังแบบด้านเล่นแสงสีรุ้งเวลาเจอแสงแดดได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ และตัวเครื่องบางแค่ 8.1 มม.เท่านั้นพร้อมกับเลนส์กล้องดีไซน์ไม่นูนมากนักอีกทั้งมาพร้อมกระจกแบบ 2.5D ด้วยและที่สำคัญการแสกนนิ้วนั้นจะย้ายไปด้านข้างตรงปุ่มเปิดปิดเครื่องทำให้ฝาหลังนั้นเรียบเนียนและใช้งานง่ายขึ้นครับ

หน้าจอในรุ่นนี้ยังคงการออกแบบเป็นหน้าจอแบบ Dual Punch-hole Display เจาะรูตรงมุมซ้าย 2 ตำแหน่งครับ เป็นกล้องหน้าทั้งคู่ และใช้หน้าจอแบบ  ขนาด  LPTS LCD ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มีฟิล์มกันรอยติดมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งานเลยครับ ถือว่าออกแบบสวยและขอบบางเช่นเดิมเลยในรุ่นนี้ครับแม้จะเป็นรุ่นน้องก็ตาม

หน้าจอ ขอบล่างนั้นจะเห็นว่ามีความหนากว่าด้านอื่นๆเป็นปกติของบรรดามือถือในเรทนี้ครับ พร้อมกับการควบคุมแบบ 3 ปุ่มนำทางและใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ตามสบายเลย

หน้าจอขอบบนนั้นเราจะเห็นว่ายังคงความบางได้เท่ากันทั้งหมดและตรงกล้องหน้า ลำโพงเซนเซอร์อื่นๆยังคงฝังไว้ตรงขอบด้านบนเช่นเดิมเลย กล้องหน้าให้มาเน้นๆที่ 16MP f/2.0 ครับ และ 2MP F2.4 ในรุ่นนี้วสำหรับจับระยะ

ขอบเครื่องในด้านซ้ายนั้น เราจะเห็นว่ามี เพิ่ม-ลด เสียง และ ถาดซิมในด้านนี้พร้อมกับรองรับการใช้งาน ซิมคู่นะครับรวมถึงตัวขอบเครื่องนั้นมีความเงา เล่นกับสีทองอ่อนๆได้สวยงามและดูพรีเมี่ยมอย่างมากและมีความบางเอาเรื่องเลย

ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่าเป็นที่อยู่ของ ไมค์อีกตัวเป็นส่วนในการอัดเสียง และตัดเสียงอีกส่วนนึงนั้นเอง และจะเห็นว่ากล้องหลังนั้นไม่ได้นูนอะไรออกมาเยอะด้วยเช่นกันครับถือว่าทำออกมาได้ค่อยข้างดีเลยแหละ ขอบเครื่องแม้จะไม่ได้โค้งมาเยอะเพราะค่อนข้างเรียบๆครับสมมาตรกัน แต่ก็ยังจับถืออะไรได้ถนัดอยู่ครับ

ตัวเครื่องด้านขวานั้นจะเห็นว่าเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power ที่รองรับการใช้งานสแกนนิ้วในตัว สามารถกดลงไปได้และแตะสแกนนิ้วได้ครับ รวมถึงใช้งานเป็นการแตะเพื่อถ่ายภาพได้ด้วย ส่วนตัวเครื่องขอบเป็นพลาสติกเล่นสีโครมเงาสวยงาม

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นออกแบบใช้สีเงาสวยงามโทนเดียวกับตัวเครื่องพร้อมกับ ลำโพงหลัก และ  USB-C รวมถึง รูไมค์ และ รูหูฟัง 3.5 มม. ให้มาด้วยจะเห็นว่าตัวเครื่องนั้นมีความบางมากจริงๆและเป็นวัสดุแบบเงาทั้งหมดเลย

ฝาหลังนั้นถ้าไม่ได้มีแสงมากระทบก็จะเป้นสีขาวๆฟ้าๆครับเป็นวัสดุแบบด้านๆพร้อมกับการใช้งานกระจกแบบ 2.5D สวยงามเรียบๆ ส่วนตัวกล้องนั้นวางไว้มุมซ้ายบนพร้อมกับกรอบสี่เหลี่ยม วางกล้องกระจาย 4 มุมและมีเล่นขอบกล้องแนวเฉียงค่อนข้างแปลกตา และโลโก้ไว้มุมขวาล่างของตัวเครื่อง ฝาหลังถือว่าสวยและเล่นแสงได้ดีครับและเป็นฝาหลังแบบด้านทำให้การใช้งานสีสันหรือเวลาเจอแสงสะท้อนนั้นจะออกโทนนุ่มๆไม่ได้เด่นแต่ดูพรีเมี่ยมลึกลับดีมาก

การวางกล้องหลังนั้นแปลกตากว่ารุ่นอื่นๆครับแน่นอนว่าเป็นกรอบสี่เหลี่ยมก็จริงแต่ภายในนั้นจะเป็นการวาง 4 มุมพร้อมกับไฟแฟลชตรงกลางมาให้ใช้งาน รวมถึงเป็นการเน้นตัวเลนส์หลัก มุมกว้าง มุมปกติที่เป็นแนวเฉียง และไฟแฟลช รวมถึง เลนส์ที่เหลือคือตัว ถ่าย Portrait แบบขาวดำ และ วินเทจนั้นเองครับถือว่าออกแบบแปลกตาแต่ลงตัว มาพร้อมกับ เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล F1.7 / เลนส์ Ultra-Wide มุมมอง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล  F2.4 / Portrait ขาวดำ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล F2.4 / Portrait วินเทจ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล F2.4 รองรับการถ่าย Portrait และแน่นอนว่าฟีเจอร์การถ่ายนั้นยังคงให้มาครบเช่นกันครับ

SPEC

  • ColorOS 7.1 + Android 10
  • หน้าจอ LPTS LCD ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400×1080 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate ที่ 120Hz ให้ความสว่างสูงสุด 480 นิต
  • MediaTek Dimensity 800 + Mali-G57 MC4
  • RAM 8GB LPDDR4X
  • พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน  128GB UFS 2.1
  • กล้องหลัง 4 เลนส์ / เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล F1.7 / เลนส์ Ultra-Wide มุมมอง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล  F2.4 / Portrait ขาวดำ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล F2.4 / Portrait วินเทจ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล F2.4
  • กล้องหน้า 2 เลนส์/ เลนส์หลัก ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.0 /ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล F2.4
  • Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz)
  • Bluetooth 5.1, NFC, GPS, GLONASS, Beidou
  • พอร์ต USB Type-C
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร + Hi-Res และ Dirac 2.0
  • แบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W
  • ขนาดตัวเครื่อง 163.8 x 75.5 x 8.1 มม. น้ำหนัก 184 กรัม

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพของตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับ MTK Dimensity800 ทางด้าน RAM นั้นมาให้ทั้งหมด 8GB LPDDR4X และในด้านความจุนั้นมาพร้อมกับ 128GB ใช้หน่วยความจุแบบ UFS2.1 ทำคะแนนไปได้ 310725 คะแนน ในตัว Antutu และในตัว Androbench การอ่านเขียน UFS 2.1 ครับทำการอ่านเขียนไปได้ 933 MB/s  และ 200 MB/s และในตัว Geekbench ทำได้ 517 / 2160 คะแนน ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยนั้นแน่นอนว่ารองรับ L1 ดูหนังในความละเอียดสูงสุดได้เลยครับรุ่นนี้ ถือว่าประสิทธิภาพนั้นทำได้ดีเมื่อเทียบกับตัว CPU ครับ แต่การอ่านเขียนนั้นถือว่าทำไปได้ไวมากๆเกินหน้าตา UFS 2.1 หลายๆตัวเลยทีเดียวใช้งานตัวอ่านเขียนเทพมาก

SYSTEM UI

ในตัวระบบนั้นเองจะเป็น ColorOS ที่เราคุ้นเคยกันดีแต่พัฒนาขึ้นในหลายๆด้านการใช้งานครับ ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 สวมทับด้วย ColorOS 7.1 ตัวล่าสุดเลยแน่นอนว่าในการใช้งานหน้าตาอะไรดูดีขึ้นพอสมควรครับแต่ก็ยังมีเอกลักษณ์ของแบรนด์อยู่ ในแง่ของการใช้งานเร็วลื่นขึ้นตอบสนองต่อหน้าจอได้ดี ตัวเลขแอป การแจ้งเตือนอะไรต่างๆทำได้ดีครับและจะไม่มี App Drawer นะครับเป็นหน้าหลักเลยแอปรวมทั้งหมดจะอยู่ในหน้านี้

ในส่วนของหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting นั้นเป็นโทนสีเขียวขาว พร้อมไอคอนเหลี่ยมทั้งหมดรวมถึงสามารถปรับ ความสว่างหน้าจออะไรได้ และเมื่อลากลงมาอีกก็จะเป็นหน้าตาตั้งค่าแบบเต็มรูปแบบพร้อมเลื่อนไปซ้ายได้อีก  และแน่นอนว่า ยังคงแบ่งหน้าจอได้ โดยการเข้าแอปและกดปุ่มเคลียร์แอปค้างไว้ ก็เลือกแอปที่จะแบ่งได้เลยครับ

ทางด้านของแป้นพิมพ์นั้น ใช้งานของ Google Keyboard เลยถือว่าเป็นคีย์บอร์ดที่ใช้งานได้ดีที่สุดอันนึงเท่าที่เคยลองมาและยังประทับใจที่สุดสำหรับตัวแอดมินเองครับ ส่วนตัว RAM 8 GB ใช้งานไป และเหลือ 4.3 และในตัวความจำนั้นมาให้ 128GB เหลือกใช้งาน 108 โดยประมาณจากทั้งหมด ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ไม่สามารถเพิ่ม Micro-SD Card ได้นะครับ

Gesture นั้นรองรับการใช้งานปกติเลย ทั้งหลากหลายการใช้งานในหน้าจอเปิด และ หน้าจอปิดรวมถึงการแคปหน้าจอและการรับสายวางสายได้ทั้งหมด และสามารถ ยกขึ้นและหน้าจอจะติดได้ด้วยทำให้ไม่ต้องกดปุ่มเวลาจะใช้งาน

ส่วนตัวการนำทางนั้นรองรับการใช้งานแบบเต็มจอและปุ่มปกติครับและแน่นอนว่ารองรับได้เป็นมาตรฐานครับ รวมถึงหน้าจอในรุ่นนี้รองรับการใช้งาน 60-90-120Hz สามารถปรับได้ทั้งหมดว่าจะเอาความลื่นไหลประมาณไหนใช้งาน รวมถึง Smart Sidebar ในรุ่นนี้ยังคงใส่เข้ามาและรองรับการใช้งานอยู่ครับเลือกปรับแต่งได้เหมือนกันในรุ่นก่อนๆ

THEME

คลังธีมรุ่นนี้มีให้ปรับเยอะมากพอสมควรเลย ตัวการปรับแต่งธีมนั้นรองรับการเปลี่ยนพอสมควรครับซึ่งมีให้เลือกค่อนข้างเยอะจากที่รุ่นแรกๆนั้นปรับแต่งไม่ได้แต่ตอนนี้ปรับแต่งมาแล้ว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้นและเปลี่ยนทั้งตัวหน้าตาไอคอน แอป และรวมถึงพื้นหลังต่างๆ และพื้นหลังงานออกแบบสวยงาม รวมถึงมีการเปลี่ยนตามเวลาได้ด้วย

Dual-Mode 5G

OPPO Reno4 Z 5G ใช้โซลูชันการออกแบบเสาอากาศ 5G ในกระบวนการ FPC เต็มรูปแบบพร้อมการออกแบบสวิตช์ ซึ่ง หมายถึงการออกแบบที่มีสมดุลของความถี่กลางสูงและต่ำของเสาอากาศ 2G / 3G / 4G โดยเสาอากาศ 5G ทั้งหมดจะอยู่ใน รูปแบบกระจาย เพื่อตอบโจทย์กับตำแหน่งการถือที่หลากหลายของผู้ใช้งาน Dimensity 800 รองรับทั้งโหมด SA และ NSA 5G ทำให้เรื่องของการรองรับในหลากหลายคลื่นความถี่นั้นมีความนิ่งและจับได้เสถียรแม้จะใช้งานในหลากหลายรุปแบบก็ตามครับ และ การใช้งาน Dimensity 800 ที่มีเบสแบนด์ 5G ก็ทำให้เราสามารถใช้งาน 5G  ได้อย่างรวดเร็วและมีความนิ่งพอสมควรรองรับใช้งานทันทีเลย

FINGERPRINT / FACE UNLOCK 

สแกนนิ้วในด้านข้างนั้นยังคงรองรับการใช้งานทำงานได้ไวระดับนึงเป็นปกติครับตำแหน่งใช้งานได้ง่ายและเป็นตำแหน่งพื้นฐานเวลาจับเครื่องยังคงใช้งานสแกนนิ้วแบบนี้เป็นหลักครับ และรองรับการใช้งานแตะสแกนนิ้วเพื่อถ่ายภาพได้ด้วยรวมถึงทำงานได้ดีเหมือนกัน ตัวเครื่องนั้นรองรับการสแกนใบหน้าด้วยเช่นกันครับถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

SCREEN

ทางด้านหน้าจอนั้นแน่นอนว่าพัฒนาขึ้นมาใช้งานความถี่มากถึง 120Hz ทำให้รองรับการใช้งานการทำงานได้ดีแม้จะเป็นเรทราคาเริ่มต้นแต่คุณภาพความลื่นไหลนั้นถือว่าดีแน่นอนครับ ในรุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอ LPTS LCD ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400×1080 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate ที่ 120Hz ให้ความสว่างสูงสุด 480Nits และใช้งานกระจก Gorilla Glass 3 แน่นอนว่าการใช้งาน 120Hz นั้นได้ความลื่นไหลมากขึ้นแต่ก็ต้องยอมปรับมาใช้ LPTS LCD ยังไม่ได้เป็น AMOLED อาจจะด้วยราคาต่างๆครับก็เป็นจุดที่อาจจะเป็นจุดตัดสินใจได้ เพราะการสู้แสงอาจจะไม่ได้โหดมากนัก แต่ถ้าเทียบกันจริงๆ มุมมองความสวย และ ตอบสนองนั้นไม่ได้ต่างกันมากเลย ถือว่าในยุคนี้ LCD ก็ยังคงพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆและรองรับการใช้งานได้ดีกว่าเดิมเยอะมากแล้ว มุมมองสีสันสวยสมจริง เวลาใช้งานดูหนัง หรือภาพถ่ายจริงๆหน้าจอตัวนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยนะในหลายๆสภาพแสงที่ใช้งานกันมา

ในเรื่องของการใช้งานมุมมองนั้นถือว่าตอบสนองต่อมุมมองได้ดีครับมุมมองเอียงๆก็ยังสามารถรองรับได้ภาพที่ได้ไม่มีดรอปหรือว่าเพี้ยนจากมุมมองปกติเท่าไร และแน่นอนว่าในเรื่องของการใช้งานรองรับเวลาเราตั้งดูหนังหรืออะไรแบบนี้ก็ไม่มีเพี้ยนหรือดรอปลงเท่าไร ส่วนเรื่องการสู้แสงหน้าจอตัวนี้อาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรนักเนื่องจากเป็นหน้าจอแบบ LCD เลยทำให้จุดนี้ไม่ได้โหดมากนัก แต่ในเรื่องของการสัมผัสใช้งานหน้าจอนั้นติดนิ้วอย่างมากเลยครับ ทั้งหน้าจอ 120Hz และการตอบสนองต่อการสัมผัสนั้นถือว่าในเรื่องของการใช้งานหน้าจอตัวนี้ไม่เจอจุดให้บ่นอะไรเลยเมื่อเทียบกับราคาของรุ่นนี้ ได้ความลื่นไหลและตอบสนองดี รองรับมุมมองได้ดี แต่แค่สู้แสงอาจจะไม่ได้โหดสะใจมากนัก

SOUND

ของคุณภาพเสียงในรุ่นนี้ยังคงมีรูหูฟัง 3.5มม.มาให้ครับและในด้านของ Software นั้นจะรองรับระบบเสียง Real HD Sound แน่นอนว่าทำให้เสียงมันแตกต่างกับรุ่นก่อนๆทั้งหมด เรื่องของกำลังขับเสียงที่ดี มีกำลังมากขึ้นรวมถึงในแง่ของคุณภาพเสียงนั้นแตกต่างกันแบบรู้สึกได้ครับ เสียงที่ได้ลองฟังจากหูฟังประจำนั้นก็บอกได้ว่าเสียงมันปรับแต่งได้เยอะมีกำลังขับที่มากกว่า และรองรับการปรับแต่งเสียงเข้ามาแล้วครับ รองรับเสียงได้ดีขึ้นแน่นอนในเรื่องของลำลังขับที่ดีขึ้น เสียงชัดใสกว่าเดิมครับพวกนี้ถือว่าทำได้ดี เสียงภาพรวมเลยทำให้ไม่ได้ดรอปลงจากรุ่นก่อน ถือว่าทำได้ดีเลย

ส่วนหูฟังที่เเถมจะเป็นหูฟังสีขาวรูปทรงนั้นจะเหมือนกับตัวก่อนหน้าครับ และในด้านของโทนเสียงที่ได้ลองฟังก็อยู่ในระดับที่ฟังสบายเสียงที่ได้จากตัวเครื่องนั้นออกมามีเบสมาดีมาก เสียงย่านต่ำมาแบบนุ่มๆ และ เสียงมิติทำได้ค่อนข้างดี เวทีเสียงนั้นอาจจะไม่ได้กว้างมาก เสียงจะออกนุ่มๆฟังสบายๆเเละโทนเสียงไม่แหลมจนเกินไปครับ แต่ที่ชอบคือทรงแบบนี้มันใส่สบายและเหมาะสำหรับฟังเพลงนานๆหรือคุยโทรศัพท์อะไรพวกนี้ครับ ตัวหูฟังมีไมค์และปุ่มควบคุมมาให้ด้วย แต่ด้วยสีขาวอาจจะต้องรักษากันนิดหน่อยครับเป็นปกติเวลาใช้งาน รูปทรงนั้นจะเป็นแบบเดิมเช่นกันครับ

GPS

การนำทางตัวนี้แอดมินทดสอบนำทางจริงๆ และ ใช้แอปทดสอบเช่นเคยครับตัวนี้จากที่เคยลองตัวก่อนๆนั้นถือว่าค่ายนี้จะมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้แม่นขึ้นและแน่นอนว่าการใช้ CPU ตัวใหม่ๆก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบนำทางพวกนี้ได้แม่นยำมากขึ้นเยอะมาก แม้จะเป็น MTK Dimensity แต่ในรุ่นนี้เมื่อเทียบกับการใช้งาน และ เรทราคาของมันถือว่ารองรับได้สบายและใช้งานได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนั้นเอง ส่วนในการใช้แอปทดสอบนั้นก็จับได้ทั้งหมด 22 ดวง จากทั้งหมด 49 ดวงครับทั้งบนรถ และ ทางเดินเท้าปกติ กลางแจ้งนะครับ และ ในที่ร่มนั้นทำได้ 22 ดวง จาก 49 ดวงนะครับ ไม่ได้หนีกันมากนัก แต่ทดสอบในช่วงนี้ เมฆจะค่อนข้างเยอะมากๆครับ แต่ถ้าก่อนหน้านี้ทดสอบนั้นจะได้ 55 ดวงที่เจอ และใช้งานได้ 39 ดวงในสภาพอากาศปกติ และใช้งานข้างนอก

BATTERY

แบตเตอรี่รุ่นนี้มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W แน่นอนว่าตัวแบตให้มาเยอะพอสมควรในการใช้งานจริงๆแต่น่าเสียดายแค่ในเรื่องของการชาร์จไฟเข้านั้น ทำได้ไม่ได้เทพหรือไวมากนักเพราะยังเป็นแค่ 18W Fast Charge และทดสอบอายุแบตในการใช้งานจริงนั้น จากการใช้งานทั้งวัน ดู Netflix อยู่บ้านยาวๆ 3 ชั่วโมง  รวมถึง เล่น Facebook ทั่วไป และนำทางเยอะมากๆในการใช้งานจริง หลายชั่วโมงพอสมควร และจอเปิด 5 ชั่วโมง ใช้งานได้ทั้งหมด 8 ชั่วโมง อันนี้คือเปิดหนักหน่วงมากครับ ถ้าปกติก็เพียงพอทั้งวันอยู่เหมือนกันครับ

GAMING

เรื่องของการเล่นเกมรุ่นนี้ผมต้องบอกเลยว่าลื่นมากๆ การทัช ความเนียนตา ความร้อนถือว่ารุ่นนี้ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนเท่าที่ได้ทดสอบรุ่นนี้ในเกมต่างๆ สามารถเล่นได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา ส่วน ROV อาจจะเปิดได้สูงสุดเพียง 30 FPS เท่านั้น อาจจะต้องรออัพเดทอีกทีนึง ความร้อนสูงสุดเท่าที่ทดสอบอยู่ร้าวๆ 40 องศา ทดสอบ 1 ชั่วโมง กินแบตอยู่ราวประมาณ 13% ส่วนฟีเจอร์การรองรับนั้นยังคงมีมาให้เช่นเดิมพร้อมกับตัวห้ามรบกวนครับ

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับการรองรับการถ่ายมุมกว้าง มุมปกติ รวมถึงมีเลนส์การถ่าย Portrait มาให้พิเศษ 2 ตัวในการจับระยะรวมถึงทำฟิลเตอร์แสงสีสวยงามแบบ วินเทจด้วยเช่นกันแน่นอนว่าเลนส์หลักนั้นถือว่ามีคุณภาพที่ดีใช้ได้เพราะมาพร้อมกับ 48MP F1.7 รองรับการใช้งานหลากหลายสภาพแสงได้ดีครับ และยังคงให้เลนส์มุมกว้างมาด้วยที่ 119 องศา รองรับการถ่ายมุมกว้างทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ ส่วนฟีเจอร์การถ่ายก็ยังคงให้มาครบทั้ง Portrait ต่างๆและโหมดกลางคืน โหมดมืดมาก รวมถึงฟิลเตอร์สี ก็ยังคงใส่เข้ามาถือว่าเป็นรุ่นที่กล้องนั้นจัดเต็มพอสมควรในแง่ของคุณภาพ ฟีเจอร์ และโหมดกลางคืนทำได้ดีเลยทีเดียวเก็บแสงสีอะไรได้ดีและโทนภาพออกมาสวยงามครับ อีกทั้งการถ่ายก็ไมไ่ด้ยุ่งยากใครๆก็ถ่ายสวยได้ตามสไตล์ของค่ายนี้เลยนั้นเอง ส่วนเท่าที่ลองนั้นบอกเลยว่าใช้งานได้ดี โทนสีของภาพค่อนข้างแม่นยำ และ กลางวันกลางคืนนั้นถ่ายง่าย ตอบโจทย์ได้ดีสำหรับมือใหม่หรือเริ่มใช้งานแรกๆ

NIGHTMODE 

PORTRAIT

SELFIE

กล้องหน้าในรุ่นนี้ให้มาที่ เลนส์หลัก ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.0 และกล้องตัวที่ 2 สำหรับการจับระยะและทำฟีเจอร์ต่างๆให้มาที่ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล F2.4 กล้องหน้านั้นถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานครับ เลนส์แม้จะไม่ได้มีมุมกว้างอะไรมาให้ แต่เลนส์หลักของตัวเองนั้นถือว่าเก็บระยะอะไรได้ดีมากพอสมควรครับแม้จะไม่ได้ยืดสุดแขนก็ตาม ส่วนการละลายหลังหรือ Portrait  นั้นยังคงให้มาทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ สามารถรองรับการถ่ายได้ดีพอสมควร เนื่องจากมีกล้องจับระยะใส่เข้ามาทำให้การละลายหลังนั้นเนียนตาขึ้นมากและเก็บขอบได้ดี รวมถึงมีการให้โหมดแต่งหน้าพิเศษมาให้ใช้งานและมีความเนียนสวยตามสไตล์ของ OPPO ชัดเจนครับรวมถึงโทนสีผิวทำได้ดี

VIDEO

การถ่ายวีดีโอนั้นรองรับการถ่ายสูงสุด 4K 30FPS และรองรับ FHD 30FPS และรวมถึงฟีเจอร์การถ่ายทั้ง ละลายหลัง และ กันสั่นพิเศษถือว่าใช้งานเพียงพอและครอบคลุมในการใช้งานครับ แต่น่าเสียดายไม่รองรับ 60FPS เลยในหลายๆความละเอียด รวมถึง เลนส์มุมกว้างได้แค่ FHD 30FPS เท่านั้นครับ ส่วนฟีเจอร์ละลายหลังต่างๆนั้นรองรับทั้งกล้องหน้า และ กล้องหลังนะถือว่ายังดีที่ใส่เข้ามาให้ และ การกันสั่นพิเศษนั้นก็ใส่เข้ามาให้ใช้งานได้ดีพอสมควรครับ

OPPO RENO4 Z 5G 

” รองรับ 5G ในราคาที่จับต้องได้ พร้อมดีไซน์สวยงาม บางเบา และ กล้องถ่ายสวย “

OPPO ยังคงตอบโจทย์สาวๆในเรื่องของกล้องหน้าที่มีโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ถ่ายออกมาสวยดูดีและโทนผิวดีงาม อีกทั้งงานออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องยังมีความโดดเด่นในการถือใช้งานและพกพา มีความบาง 8.1มม.และเบามากๆถือว่าไม่หนักกระเป๋าแน่นอนสำหรับสาวๆใช้งานถือออกมาดูพรีเมี่ยมแพงมาก แต่ราคานั้นทำออกมาได้ดีพร้อมกับจุดเด่นคือการรองรับ 5G พร้อมใช้งานทันทีครับและทดสอบก็ใช้งานได้สบายด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าหน้าจอนั้น 120Hz มีความลื่นไหลพอประมาณในการใช้งานทั่วไปแค่เลื่อนรูปก็มีความแตกต่างกันแล้วครับถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่หลายๆค่ายต้องมีและ OPPO ก็ใส่เข้ามาให้ด้วย ส่วนตัว CPU MTK Dimensity 800 ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ในหลายๆอย่างนะถือว่าโอเคมาก และแน่นอนว่าแบตให้มาแน่นๆ 4,000 mAh แต่น่าเสียดายแค่การรองรับชาร์จยังไม่ได้สูงมากนัก

ข้อดี

  • หน้าจอทำได้ดีรองรับการใช้งาน 120Hz
  • รองรับ 5G Dualmode – SA  NSA
  • หน่วยความจำอ่านได้เร็วถึง 900MB/S
  • กล้องหลังทำได้ดี ในหลายๆสภาพแสง
  • กล้องหน้าโทนสียังคงไว้ใจได้
  • งานวีดีโอทำได้ดี
  • ตัวเครื่องดีไซน์สวย พรีเมี่ยม และมีความเบาบาง
  • ประสิทธิภาพในการใช้งานทำได้ดี ตอบสนองได้ไว

ข้อสังเกต

  • รองรับ 18W FastCharge
  • ไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD
  • หน้าจอยังเป็น LTPS LCD

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr