คียบอร์ด สำหรับสายเกมมีตัวเลือกมากมายในปัจจุบันครับทั้งแบบ เสียงลั่นๆ เสียงเงียบๆ นุ่มๆมีให้เลือกเยอะแยะกว่าเดิมมากและตลาดเกมในปีนี้ก็เริ่มเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆครับ แน่นอนว่าในวันนี้เราจะมาลองคียบอร์ดตัวล่าสุดจากแบรนด์ Razer กันหน่อยครับ เป็นรุ่นที่ ซีรีย์ที่ขายดีที่สุด นิยมที่สุดเลยก็ว่าได้กับตระกูล Blackwidow ครับ ในปีที่ก็ได้ออกรุ่นใหม่มาในนามชื่อว่า Blackwidow Elite ที่มีการอัพเกรดใหม่ทั้งหมด ทั้งการออกแบบ สวิทช์ ตัวหลอดไฟ การวางตำแหน่งปุ่ม รวมไปถึงรูปทรงทั้งหมดครับ เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปเยอะกว่าเดิมพอสมควรและบอกเลยว่าไปในทางที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม มันลงตัวทั้งหมด และ มันถือว่าเป็นคียบอร์ดที่ดีที่สุดของ Razer ได้เลยนะในตอนนี้เราลองไหมไปดูกัน

Razer Blackwidow Elite เปิดตัว มาด้วยการยกระกับการดีไซน์การออกแบบทั้งหมด จริงๆก็ยังมีกลื่นอายรุ่นเก่ามาบ้างครับแต่เมื่อมองดีๆจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรเลย คีย์แคป ยกลอยเหนือบอร์ดี้และพอร์ท USB และรูแจ็คอะนาล็อคสำหรับหูฟัง / ไมโครโฟนแบบ 3.5mm และ ยังที่รองข้อมือหุ้มหนังนุ่มแถมฟรีภายในแพ็คเกจรวมถึงตัว ควบคุมเพลงทางด้านขวามือด้านบน และ ไฟ รวมถึงปุ่มแมคคานิคอลรุ่นปรับปรุงใหม่จาก Razer ที่มี เขียว ส้ม เหลือง อีกทั้งยังมี ผนังแป้นแบบคู่ ช่วยในการกดได้ดีขึ้น และเป็นครั้งแรกที่มี หน่วยความจำบนบอร์ดและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ ทั้งคู่ทำให้สามารถเรียกใช้งานได้ในทุกๆที่ครับผม

Razer Blackwidow ราคา ที่ขายในไทยนั้นอยู่ที่ 5,990 บาทไทย โดยตัวที่รีวิวเป็น สวิทช์ เขียว ครับพร้อมกับคีย์ไทยมาให้เรียบร้อย ครับลองหาซื้อกันได้เลยตามร้านทั่วไป 

UNBOX

ตัวกล่องตัวนี้มาพร้อมกับขนาดใหญ่พอสมควร บอกชื่อรุ่นมีรูปอะไรบนหน้ากล่องเรียบร้อยครับ พร้อมกับช่องเว้นไว้ให้ลองกดได้เลย เมื่อเปิดกล่องมานั้นก็จะเจอคียบอร์ดวางนอนอยู่และมีพลาสติกใสแข็งครอบทับกันฝุ่นมาให้ครับ

  • ตัวคียบอร์ด
  • คู่มือ สติกเกอร์
  • แผ่นวางมือ แบบนุ่ม

DESIGN

ทางด้านการออกแบบนั้นต้องบอกครับว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกือบทุกจุดทั้งวัสดุที่ดีขึ้นเลือกใช้ระดับพรีเมียมเป็นโลหะเกรดเดียวกับที่ใช้ในการทหาร คียบอร์ดเป็นแบบ Full-Size รองรับการตั้งค่า Macro Mode, Gaming Mode และปุ่มควบคุมมัลติมีเดีย และไฟ Razer Chroma RGB 16.8 ล้านสี และยัง รวมไปถึงการบันทึกการตั้งค่าเอาไว้ในเมมโมรี่ภายในตัวเพื่อความสะดวกเวลาต้องพกพาครับ ไม่ต้องหาไดรเวอร์ลงอะไรเลย ตัวปุ่มควบคุมก็มีการออกแบบใหม่ในด้านการควบคุมเสียง การจัดวางปุ่มทั้งหมดแตกต่างชัดเจน และดูดีขึ้นมากครับ และใช้สวิทช์แบบใหม่ด้วย

มาดูกันที่ด้านหน้าโดยรวมกันก่อนเลยครับตัวคียบอร์ดมาแบบ Full Size ปกติมีปุ่มเพียงพอต่อการใช้งานและมีปุ่มควบคุมเพลงไว้ในด้านขวาบน ซึ่งเป็นจุดที่ทำออกมาได้ดีและไม่มีในรุ่นก่อนๆครับ อีกทั้งยังมาพร้อม แผ่นรองมือนิ่มๆเวลาใช้งานด้วยแค่แปะลงไปแบบแม่เหล็กมันก็จะดูดลงไปเลยครับ ค่อนข้างสบายเลยแหละในการใช้งานจริงๆ

มากับที่ตัวปุ่มที่เป็นจุดที่แตกต่างกันแบบชัดๆกับรุ่นก่อนหน้าครับเป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน มากกว่ารุ่นก่อนๆครับและตัวปรับเสียงเป็นแบบวงแหวนหมุนได้จากทางด้านข้างและด้านบนออกแบบมาได้ดีมาก และกด Muted ได้ด้วยและไฟตรงวงแหวนนั้นจะเป็นเป็นสีแดงครับ ส่วนปุ่ม ทั้ง 3 ปุ่มย่อยก็ใช้งานได้สะดวกเหมือนกัน ส่วนไฟสถานะต่างๆนั้นได้ถูกย้ายมาเหนือลูกศรทั้ง 4 ปุ่มครับจะเป็นไฟสถานะสีขาว แต่แอบมองอักษรยากไปนิดครับผม เริ่มจากจุดแรกคือ Capslock / Numlock /Scroll lock/ ตั้งมาโคร จะเป็นสีแดง / รวมถึงอันสุดท้าย Gaming Mode

ด้านข้างทั้ง 2 ข้างจะดีหน่อยตรงที่มีช่อง USB 2.0 และ 3.5มม. มาให้ในการใช้งานเสียบหูฟังหรือเมาส์ หรือะไรก็ได้ครับไม่ต้องไปเสียบในตัวเคสด้านหลังถือว่าช่วยในการใช้งานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ แต่ในรุ่นต่อไปขอ Type-C มาอีก 1ช่องนะจะลงตัวมาก และ ในด้านขวานั้นเป็นที่หมุนปรับเสียง ครับสัมผัสใช้งานได้ค่อนข้างดี และใครตาดีเห็นว่ามันเหมือนมีรูอยู่ตรงท้างด้านล่างทั้ง 2 ข้างนั้นเป็นช่อง ร้อยสายไฟหลักออกนะครับถ้าไม่อยากเอาออกด้านหลัง

มาที่ด้านหลังตัวนี้แน่นอนว่ามันจะมีรูสำหรับล็อคสายไว้ถ้าใครจะเอาออกด้านหลังแต่ถ้าใครไม่เอาออกตรงด้านหลังก็จะร้อยไปด้านข้าง 2 ข้างตามภาพก่อนหน้านี้ครับ ก็ช่วยในการเก็บระเบียบของสายไฟได้อย่างดีเลย ส่วนหัวสายที่ออกไปนั้นจะเป็นเส้นใหญ่หนาแข็งแรงมากๆ และออกเป็น 3 หัวคือ USB X2 และ สาย 3.5มม. นั้นเองครับผม

มาต่อกันที่ด้านท้ายของตัวคียบอร์ดนั้น จะเห็นว่ามียางรองมาให้ 5 จุดหลักๆถ้าเรากางขาขั้นสุดแบบในภาพนะครับตรงขาก็มียางรองเช่นเดียวกัน ช่วยได้ในเวลาใช้งานจะค่อนข้างมั่นคง แต่ถ้าอยากแน่นๆก็พับขาลงไปได้ การร้อยสายออกอย่างภาพแรกนั้นจะเป็นการเอาสายออกตรงๆแต่ถ้าอยากเอาไปด้านข้างก็ทำตามภาพที่ 2 เก็บงานได้เนียนเลยทีเดียวส่วนขาตั้งนั้นมีขา ยกระดับย่อย 2 ชิ้นด้วยกันสามารถปรับระดับได้ค่อนข้างละเอียดครับว่ายกมากแค่ไหน

มากันที่จุดขายสำคัญอีกอย่างคือตัวของ Green Switch (Blue Cherry MX Switch) จากทาง Razer ครับ
ที่มีจุดเด่นคือมันจะเป็นแบบ Clicky กับ Tactile เป็นสวิทช์ที่มีการกดแบบ 2 จังหวะกดลงไป แน่นอนว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคีย์บอร์ดที่กดแล้วมีเสียงดังคลิ๊กๆ เสียงลั่นๆดังๆ แน่นอนว่าสะใจแน่ๆ ตัวนี้จะมีแรงกดที่ 50 กรัม และสามารถกดได้ถึง 80 ล้านครั้งจากที่ทาง Razer เครมกันมานะครับ และตัวสวิทช์นั้นจะเห็นได้ว่ามี กำแพงทั้ง 2 ข้าง ทำให้รักษาสมดุลได้ดีกว่าแบบเดิมเวลากดลงไป และ ตัวไฟนั้นก็มีความสว่างและใหญ่แสงสีสวยชัดเจนเลย ระยะการกด หรือน้ำหนักโดยส่วนตัวแอดมินค่อนข้างชอบมากกว่ารุ่นอื่นๆที่ได้ลองมานะครับและเสียงมันดังสะใจเลย

SPEC

  • Razer™ Mechanical Switches designed for gaming
  • 80 million keystroke lifespan
  • Razer Chroma™ customizable backlighting with 16.8 million color options
  • Ergonomic wrist rest
  • Multi-function Digital Dial
  • Dedicated Media Controls
  • USB 2.0 and audio pass through
  • Hybrid On-Board Memory and Cloud Storage – up to 5 profiles
  • Razer Synapse 3 enabled
  • Cable routing
  • 10 key roll-over anti-ghosting
  • Fully programmable keys with on-the-fly macro recording
  • Gaming mode option
  • 1000 Hz Ultrapolling
  • Military grade metal top construction
  • Instant Trigger Technology

SOFTWARE

ทางด้านของระบบการปรับแต่งแน่นอนรุ่นใหม่ๆใช้ Synapse 3 กันทั้งหมดครับการปรับแต่งหน้าตาอะไรพวกนี้ใช้ง่ายและสะดวกเหมือนเดิม จุดเด่นของรุ่นนี้คือมันมีหน่วยความจำในตัวเอง และ ยังมีบนคราวด์ได้ด้วยครับทั้ง 2 แบบเลยทำให้สะดวกต่อการใช้งานถ้าไม่อยากลงโปรแกรม ตัวคียบอร์ดเองก็ยังจำค่าที่เราตั้งไว้ได้ด้วยครับในรุ่นนี้เจ๋งเลยแหละ

ในหน้าแรกจะเป็นการตั้งปุ่มทั้งหมด โหมดเกมต่างๆครับ หรือตั้งค่า Profile ของเราแน่นอนว่าทุกปุ่มนั้นสามารถตั้งค่าได้หมดเลย เยอะแยะมากจะเห็นได้ในแถบด้านซ้ายมือของหน้าจอครับ

หน้าที่ 2 จะเป็นเรื่องของการปรับแต่งแสงไฟ ในด้านของความสว่าง โหมดต่างๆการพักในช่วงไหน หรือจะเป็นโหมดไฟสำเร็จรูปถ้าใครไม่อยากเข้าไปใน Chroma Studio นั้นเองครับมีทั้งหมด 8 โหมดง่ายๆดังภาพเลยครับ

มาในส่วนของการตั้งค่าในส่วน Chroma Studio กันครับว่าสามารถตั้งค่าได้ทุกจุดของตัวคียบอร์ดครับตั้งได้ค่อนข้างเยอะและหลากหลาย สามารถปรับได้ละเอียดทั้งสี จังหวะ ความเร็ว ทิศทางพวกนี้ครับสามารถปรับได้ทั้งหมดเลย แต่จะแอบสังเกตว่าตัวไฟทั้ง 3 ปุ่มด้านมุมขวาบนนั้นจะเป็นชุดเดียวกันครับไม่ได้แยก 3 ปุ่ม 3 สี

การตั้งมาโครก็ยังสามารถตั้งได้ครับ บันทึกอะไรได้ปกติ ส่วน อื่นๆเช่นเวลาเล่นเกม ตัวคียบอร์ดก็จะปรับตามเกมที่เราเล่นครับเช่นแอดมินเล่น Overwatch นั้นเวลาเลือกตัวละครสีคียบอร์ดก็จะปรับตามตัวละคร และ ไฟจะแสดงแค่ปุ่มที่ ตัวละครนนั้นๆมี สกิลครับ ก็จะแสดงแค่ปุ่มที่สำคัญเวลาเล่นเกมนั้นๆถือว่าค่อนข้างดีเลยแหละในจุดนี้

FEELING 

ในด้านการใช้งานกันบ้าง แน่นอนว่าตัวปุ่มกันก่อนครับ การออกแบปุ่มระยะห่าง ความโค้งรองรับกับนิ้วมือทำได้ดีเลยเพราะว่าแอดมินใช้งานมักจะยกมาสูงสุดก็รองรับกับนิ้วมือเวลาเล่นเกม พิมพ์บทความหรือใช้งานทั่วไปได้อย่างดี ตัวนี้ไม่มีปัญหาในด้านการใช้งานเลยครับถือว่าออกแบบมาดี ส่วนเรื่องของเสียงดัง ระยะปุ่ม น้ำหนักทั้งหลายของ Green Switch Razer นั้นเสียงแน่นอนแอดมินค่อนข้างชอบอะไรดังๆลั่นๆ อยู่แล้วตัวนี้ทำได้ดี ส่วนจังหวะกด 2 จังหวะทำได้ดีไม่ได้ต้านมือมากหรือต้องใช้น้ำหนักอะไรนัก ในด้านของความไวก็ไวพอสมควร แต่ไม่ได้เด่นในเรื่องของความไวมากครับผม เป็น สวิทช์ที่ลงตัวในหลายๆด้านตอบโจทย์การใช้งาน เล่นเกมได้ดีมากครับ

ในการวางมือพิมพ์งานเล่นเกมตัวนี้ถ้าไม่ใส่ตัวแผ่นรองมือนั้นจริงๆก็ไม่ได้เมื่อยแต่อย่างใดครับค่อนข้างใช้งานได้ปกติเลยด้วยซ้ำ จริงๆแอดมินแอบชอบแบบไม่มีแผ่นรองมือมากกว่าในการเล่นเกมส์พวกนี้ แต่ถ้าทำงานพิมพ์บทความนานๆนั้นอาจจะต้องมีแผ่นรองมือเข้ามาช่วย แน่นอนว่าถ้ามีมันช่วยลดอาการล้าได้แบบชัดเจนและตรงส่วนวางมือนั้นจะนุ่มและไม่เจ็บมากครับ ส่วนตำแหน่งเมื่อใช้แล้วก็ไม่ได้เจอปัญหาอะไรในส่วนนี้แม่เหล็กใช้ได้ดีไม่เลื่อนไปไหน แจ่ถ้าเล่นเกมบางทีมันจะแอบดันขึ้นมาชนกับปุ่มล่างสุดบ้างบางครั้งเช่นตรง Control แอบจะโดนๆนิดหน่อย แต่จะสังเกตได้ว่าตัวไฟนั้นจะไม่มีในส่วนของคียบอร์ดไทยในบรรทัดล่าง แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นปกติของ Razer ครับแต่ถ้าใครยังไม่ชินหรือไม่ถนัดในการพิมพ์ อาจจะใช้งานลำบากกันนิดหน่อยเพราะมันจะมองตัวบรรทัดล่างค่อนข้างยาก

ในด้านของปุ่มควบคุมทั้ง 3 ปุ่ม และ ปุ่มเพิ่มลดเสียงนั้นอันนี้คือชอบมาก ออกแบบมาได้ดีครับใช้งานได้ไหลลืนและเนียนมากๆในการปรับระดับเสียง และกด Muted ได้ไวทำงานได้ดี วงแหวนเป็นจังหวะถี่ๆทำให้เลื่อนเพิ่ม-ลดเสียงได้ทีละ 2 เลยครับ 2-4-6-8 ประมาณนี้ค่อนข้างละเอียดเลยแหละส่วนปุ่มทั้ง 3 กดได้แน่นดีครับแต่ถอดไม่ได้ รวมถึงไฟมีแค่ตรงวงแหวนไม่ได้มีตรง ไอคอน อาจจะทำให้มองยากเวลาใช้งานแรกๆครับผมว่าปุ่มไหนทำอะไรได้บ้าง

RAZER BLACKWIDOW ELITE

” มันลงตัวทั้งประสิทธิภาพที่ได้และดีไซน์ที่มีความสวยงาม”

เป็นคียบอร์ดอีกรุ่นจากทาง Razer ที่ค่อนข้างประทับใจมากๆในรุ่นก่อนๆจริงๆนั้นทางแอดมินได้ลองแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรมากเท่ารุ่นนี้ด้วยการที่มันพัฒนาทั้งเรื่องของการวางปุ่มควบคุม สวิทช์แบบใหม่ ดีไซน์ฟังก์ชั่นพวกนี้มันดูลงตัวกว่ารุ่นผ่านๆมาในหลายๆตัวครับ แน่นอนว่าเรื่องของ ราคาก็อาจจะดูสูงไปแต่ถ้าเทียบกับฟังก์ชั่น ตัวคุณภาพโดยรวมหลังจากที่ลองใช้งานมานานพอสมควรก็ถือว่ายังรับได้ครับ และ ในเรื่องระยะยาวนั้นจะเป็นยังไงก็ต้องรอดูกันไปแต่รู้สึกว่าหลังๆตัวคุณภาพสินค้าเหมือนจะดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ คงมีการปรับปรุงกันบ้างแหละแอดมินคิดว่านะ ตอนนี้ก็ยังเป็นคียบอร์ดที่ชอบที่สุดของ Razer ในตอนนี้ที่แอดมินได้ใช้งานมา ทั้งดีไซน์ การวางปุ่มต่างๆ และ วัสดุ

ข้อดี

  • การออกแบบ และ ฟังก์ชั่นการใช้งานลงตัวมาก
  • วัสดุของตัวฐานและโดยรวมทำออกมาได้ดี
  • สวิทช์ Razer Green ใช้งานได้ดี
  • ตัวปุ่ม มุมขวาบน ควบคุมมัลติมีเดียวางตำแหน่งใช้งานได้ดี
  • ที่วางข้อมือ ออกแบบมาได้ดีสบายและกันเหงื่อได้ระกับนึง
  • สายถัก USB หนามากกก

ข้อสังเกต

  • คีย์ไทยบรรทัดล่างไม่มีไฟ
  • พอร์ทตรงด้านขวาคียบอร์ดยังเป็นแค่ 2.0
  • ไฟสถานะ Capslock ต่างๆมองดูยากว่าไฟของปุ่มอะไรในที่มืด

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr