RAZER นั้นเป็นแบรนด์สายเกมที่ทุกคนล้วนน่าจะรู้จักครับ เห็นโลโก้ก็น่าจะทราบกันอยู่แล้วในครั้งนี้เราจะมาดูหูฟังสายเกมกันในชื่อของตระกูล KRAKEN ที่ออกมาก่อนแต่ครั้งนี้มาในราคาที่ถูกและจับต้องได้ง่ายมาในชื่อ KRAKEN X ซึ่งมีในเรทราคาที่ไม่เกิน 1,800 บาท และ มีคุณภาพอะไรที่ยังทำได้ดีทั้งเรื่องของไดรเวอร์ 40 มม. และมีน้ำหนักเบาใส่สบาย อีกทั้งยังใช้รูปทรงแบบใหม่ที่ดูสวยและใส่สบายไม่เทอะทะเกินไปครับ ส่วนเรื่องประกันในไทยก็มาพร้อม 2 ปีเช่นกันในเรทราคานี้ ส่วนเรื่องของเสียงและคุณภาพการใช้งานสวมใส่นั้นจะเป็นยังไงกันบ้างมาดูกันเลย

RAZER KRAKEN X เปิดตัวมาด้วยเจาะกลุ่มตลาดที่ราคาไม่แพงแต่เป็นการเอาชื่อ KRAKEN มาใช้งานในรุ่นที่ราคาไม่แพงครับ  โดยจุดเด่นหลักๆของรุ่นนี้มาพร้อมกับน้ำหนักที่เบามากๆแค่ 250 กรัม และใช้งาน ไดรเวอร์ขนาด 40มม. ทำให้คุณภาพเสียงที่ขับออกมานั้นทำได้ดีและรวมถึงมิติเสียงต่างๆด้วย ส่วนเรื่องของระบบเสียงก็รองรับ 7.1 Surround อีกทั้งยังมาพร้อมฟองน้ำแบบ Memory foam ทั้งตรงก้านและตรงหูครับ และมีการออกแบบที่กระชับมากขึ้นและมีปุ่มควบคุมบนตัวหูฟังมาให้ยังใช้งานไมโครโฟนแบบ Cardioid ที่สามารถปรับโค้งงอได้ และจับเสียงของคุณได้อย่างชัดเจน ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดีครับ แต่น่าเสียดายไม่สามารถซ่อนตัวไมค์ได้ครับ

สำหรับตัวหูฟัง RAZER KRAKEN X เปิดราคาในไทยมาที่ 1,790 บาท
หาซื้อกันได้ตามร้านทั่วไปเลยครับ ถือว่าทำราคาออกมาได้ค่อนข้างดีและจับต้องได้ง่ายมากๆในรอบนี้

UNBOX

ตัวกล่องในรุ่นนี้นั้นเนื่องจากมันมีราคาไม่แพงเท่าไรนักทั้งเรื่องของวัสดุตัวกล่องรวมถึงความแข็งแรงอาจจะไม่ได้เหมือนรุ่นพี่ครับ ตัวกล่องนั้นเป็นกระดาษลังข้างในไม่ได้ใช้เคลือบสีดำอะไรครับเน้นราคาไม่แพง และตัวกระดาษข้างนอกเป็นแบบบางๆครับ แต่ก็มีการบอกรุ่น ฟีเจอร์เด่นๆไว้ให้ครบในด้านหน้า ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นมี

  • คู่มือ
  • ใบรหัสใช้งาน 7.1 ต้องขูดรหัสไปกรอกใน RAZER 7.1
  • หูฟัง KRAKEN X
  • ตัวแปลง 3.5 มม. เป็นแยก 2 ตัว

DESIGN

การออกแบบในรุ่นนี้โดยรวมนั้นเมื่อเห็นภาพต้องบอกว่าค่อนข้างชอบดีไซน์ของมันครับดูทันสมัยสวยงามและมีความโค้งมนเข้ามาเยอะพอสมควรครับและโทนเป็นสีดำด้านทั้งหมด ส่วนเรื่องของวัสดุเองนั้นต้องบอกเลยว่าเป็นพลาสติกล้วนๆพลาสติกสีดำด้านทั้งหมดครับ ทำให้มันน้ำหนักเบาด้วยในจุดนี้ส่วนเรื่องของสัมผัสต่างๆยังดูไม่ได้แน่นมากนักครับแต่ก็เมื่อเทียบกับราคาช่วงนี้ในหลายๆตัวก็จะให้ความรู้สึกประมาณนี้เลย ไม่ได้แย่หรือเด่นกว่านี้กันเท่าไรครับ

ในการออกบบภาพรวมนั้นจะไปเหมือนหูฟังสำหรับใช้งานทั่วไปมากขึ้นทั้งขนาดและรูปทรงรวมถึงน้ำหนักด้วยทางด้านวัสดุนั้นเป็นพลาสติกและหนังทั้งหมด ส่วนเรื่องของรูปทรงฟองน้ำต่างๆนั้นมีขนาดกำลังดีและไม่ได้เทอะทะเกินไป ทั้งสาวๆและหนุ่มๆใช้งานได้ครับ ความโค้งของตัวหูฟังกำลังดีไม่ได้กดบีบหัวหรือหลวมเกินไปครับ ตัวครอบหูนั้นสามารถทิศทางหมุนขยับขึ้นลง แต่ไม่สามารถขยับเอียงซ้ายขวาได้ทำให้ไม่ค่อยอิสระเท่าไรครับ เมื่อมองด้านข้างนั้นจะเห็นว่าตัวก้านไมค์นั้นมีความยาวกำลังดีแต่น่าเสียดายมากๆที่ไม่สามารถพับหรือหดกลับเข้าไปได้ทำให้เกะกะนิดๆ

ฟองน้ำหูฟังและตัวหนังนั้นทำออกมาได้นุ่ม และใส่สบายครับยังดีที่ในรุ่นนี้นั้นให้ฟองน้ำแบบ Memory foam มาให้ด้วยทั้ง 2 จุดและทำหนังออกมาได้นุ่มสบายดีครับแม้จะไม่ใช่หนังแท้ก็ตาม ฟองน้ำตรงที่ครอบหูนั้นนุ่มและมีความหนาพอดีครับไม่ชนใบหู และใส่ได้สบายรวมถึงขนาดของมันก็ครอบใบหูได้ทั้งใบสำหรับตัวผมนะครับ และในส่วนของก้านข้างบนนั้นฟองน้ำมีขนาดความยาวนิดหน่อยไม่ได้เต็มทั้งก้านครับแต่ก็รองรับศรีษะได้ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ

ความยาวของก้านที่สามารถปรับแต่งได้นั้นได้สูงสุดตามภาพ ส่วนตัวอักษรในแต่ละข้างก็มีบอกชัดเจนในแต่ละข้าง และงานประกอบเอาจริงๆนั้นดูแข็งแรงใช้ได้ครับ แม้จะเป็นก้านข้างในก็ยังคงใช้วัสดุพลาสติกทั้งหมดเช่นกันมีขีดบอกด้วยว่าเราปรับไปเท่าไรครับความแข็งแรงแต่ละล็อคของมันก็ดูแข็งแรงและไม่เลื่อนง่ายๆเวลาใช้งานครับ

อีกจุดนึงในแง่ของการออกแบบที่ค่อนข้างชอบมากๆคือการที่ปุ่มควบคุมทั้งหมดอยู่บนตัวหูฟัง ไม่ใช่ตัวสายจริงๆอันนี้อาจจะแล้วแต่คนชอบนะครับว่าสะดวกแบบไหนแต่แบบบนตัวหูฟังนั้นใช้งานได้ง่ายและปรับได้ถนัดดีครับ โดยตัวปุ่มนั้นจะมีแค่ข้างซ้ายครับ เป็นที่ปรับระดับเสียง และ กดปุ่มเปิดปิดไมค์แบบกดลงไปครับ แต่ไม่มีไฟสแดงสถานะอะไรนะครับถ้าเราปิดไมค์ ถ้าเด้งแบบในภาพคือปิดไมค์อยู่ครับ ส่วนสายเสียบ และ ไมค์นั้นไม่สามารถถอดออกมาได้ครับ

ตัวไมค์นั้นออกแบบมาให้สามารถปรับได้อิสระและตัดเสียงเวลาเราโค้งเข้าหาเราได้และจะได้รับเสียงเวลาพูดได้ค่อนข้างชัดครับ แต่ที่ไม่ค่อยชอบนั้นในการออกแบบคือไม่สามารถพับเก็บตัวไมค์ หรือ กดกลับเข้าไปได้เลยตัวนี้ทำให้อาจจะเกะกะไปนิดหน่อย แต่ก็สามารถงอๆพับไปกับตัวหูฟังได้ครับ ส่วนเสียงไมค์นั้นจากที่ลองต้องบอกว่ากลางๆไม่ได้ดีเท่าไรครับในเรื่องของเวลาใช้งานเวลาพูด หรือ คุยเล่นเกมต่างๆครับเสียงแห้งไปนิดหน่อยในการใช้งานรวมๆ

SPEC

  • 7.1 Surround Sound
  • Ultra-light at 250g
  • Bendable Cardioid Microphone
  • Custom-Tuned 40 mm Drivers
  • On-headset Controls
  • Cross-Platform Compatibility
  • Frequency response: 12 Hz – 28 kHz
  • Impedance: 32 Ω @ 1 kHz
  • Sensitivity (@1 kHz): 109 dB
  • Drivers: 40 mm, with Neodymium magnets
  • Inner ear cup diameter: 65 x 44 mm
  • Connection type: Analog 3.5 mm
  • Cable length: 1.3 m / 4.27 ft.
  • Approx. weight: 250g / 0.55lbs
  • Oval ear cushions: Designed for full-ear coverage with leatherette, for sound isolation and comfort
  • Microphone
  • Frequency response: 100 Hz – 10 kHz
  • Signal-to-noise ratio: > 60 dB
  • Sensitivity (@1 kHz): -45 ± 3 dB
  • Pick-up pattern: Unidirectional ECM boom

SOFTWARE 7.1 SURROUND Windows 10 

ระบบ 7.1 นั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเมื่อมาอยู่ในเรทราคาแบบนี้แต่ก็มีสิ่งที่ต้องแลกคือใช้งานได้แค่ในตัว Windows 10 และต้องโหลดแอพ และกรอกโค้ดเท่านั้น ซึ่งโค้ดจะอยู่ติดกับ ID ของเราครับทำให้เราสามารถโหลดใช้งานเครื่องอื่นๆได้ด้วย แต่ก็แอบลำบากไปเหมือนกันในการใช้งานที่ไม่ได้มีคอมประจำสำหรับหลายๆคนหรือใช้งานที่อื่นๆแต่ถ้ามีคอมเครื่องหลักอยู่แล้วนั้นไม่ใช่ปัญหาครับ ส่วนทางด้านระบบนั้นไม่ได้มีปรับแต่งอะไรมากแค่เปิดปิดได้ครับ
หลังจากที่เราล็อคอินเข้ามาแล้วนั้นต้องใส่รหัสของมันครับซึ่งของใครของมันกันไปอันนี้จริงๆน่าจะปล่อยให้โหลดไปเลยหรือมากับเครื่องเลยจะดีกว่า ส่วนเมื่อเข้าไปแล้วก็จะเป็นการแนะนำว่าทำยังไงขั้นตอนต่อไปครับและก็เปิดใช้งานว่าจะปล่อย Output ตัวไหนและสามารถเปิดปิดได้ แต่ก็ไม่ได้ปรับแต่งอะไรได้ครับมีแค่นี้เลย ส่วนเรื่องเสียงก็ชัดเจนขึ้นครับในเรื่องของกำลังขับเหมือนจะมากกว่าเดิมเล็กน้อยและเสียงรอบทิศทางก็รู้สึกแตกต่างนิดหน่อยจากเดิมครับ

SOUND 

เรื่องของเสียงนั้นจะใช้งานแบบสาย 3.5มม. นะครับและแถมตัวแปลงแบบ 2 หัวสำหรับใช้กับ PC บางตัวมาให้แน่นอนว่ารองรับทั้ง มือถือ คอม และอื่นๆเป็นมาตรฐานปกติครับ เสียงที่ได้ก็ขึ้นกับตัวส่งด้วยว่าคุณภาพดีแค่ไหนตัวเสียงกันก่อนโดยทำการทดสอบการเล่นเกมกับตัวคอม PC ที่ทางผมนั้นใช่เล่นเกมประจำนั้นเสียงที่ได้จากที่ก่อนหน้านี้นั้นใช้หูฟังตัวประจำคือ Razer Nari ที่จะค่อนข้างมีราคาแพงกว่าครับแต่เมื่อมาลองตัวนี้เสียงยังคงให้มาในแนวเสียงเดียวกันแต่กำลังขับและรายละเอียดนั้นจะด้อยกว่าแน่นอนแหละว่าด้วยราคามันแตกต่างกัน แต่เรื่องของความใส่สบายนั้นกลับชอบตัว KRAKEN X กว่าเยอะเลยสามารถใส่เล่นนานๆต่อเนื่องได้แบบไม่บีบหัว ไม่อึดอัดและไม่หนัก คล้ายๆกับการใส่หูฟังฟังเพลงพวกแนว Beats พวกนี้เลยครับ ส่วนเรื่องของเสียงนั้น เสียงแหลมนั้นค่อนข้างจัดและสูงซึ่งมีอาการแหลมแสบหูบ้างเวลาฟังเพลงในแต่ละแนว อาจจะต้องใช้เวลาใช้งานซักพักอาจจะลดจุดนี้ได้แต่ก็ไม่ได้มาก ส่วนเรื่องของเสียงเบสอะไรนั้นทำได้ดีกว่าที่คิดเยอะครับในย่านเสียงต่ำ ทั้งเรื่องนุ่มและไม่ได้บวมกลับย่านอื่นๆเยอะเกินไปอีกทั้งเบสยังกระแทกได้กำลังดีเวลาเล่นเกม ยิงปืนหรือจะเป็นเสียงระเบิดพวกนี้สะใจเลยครับ และเอาฟังเพลงแนวเพลงแบบ EDM อะไรก็ตอบสนองได้ดีมากๆ เอาจริงๆคือเสียงโดยรวมดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยแหละในงบนี้

ในด้านของระบบเสียง 7.1 นั้นตัวนี้จะเป็นการใช้งานรองรับกับตัว Software ในเครื่องแน่นอนว่าต้องใช้งานกับ Windows 10 เท่านั้นด้วยเป็นข้อจำกัดหลักๆของตัวนี้ ส่วนหลังจากที่ได้ทดสอบต้องบอกว่าเสียงดูแตกต่างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้นถ้าเกมไม่ได้รองรับหรือทำออกมาพิเศษ และในการฟังเพลงก็ปิดไว้จะดีกว่า ส่วนในการดูหนังก็ทำได้ดีคือเสียงพูดชัดเจน และเสียงมิติรอบข้างนั้นแยกซ้ายขวาชัด และ ระบบรอบทิศทางเข้ามาช่วยได้ระดับนึง ส่วนในการเล่นเกม แยกเสียงคนพูดชัดเหมือนกันและรวมถึงเสียงคนเดินเสียงปืนในทิศทางต่างๆ แม้อาจจะไม่ได้ชัดเจนเป๊ะคมอะไรมากนักแต่ก็ดีกว่าปิดไว้แบบรู้สึกได้นะ และ ที่ชอบคือเสียงยิงปืน เสียงระเบิด ขับรถต่างๆมันค่อนข้างแน่นดีเลยแหละน่าจะเพราะขนาดไดรเวอร์และเบสที่ทำได้ดีรวมถึงการเก็บเสียงเวลาใส่หูฟังนั้นเก็บเสียงได้เงียบมาก

ในการสวมใส่ใช้งานจริงๆนั้น ความรู้สึกค่อนข้างสบายมากๆน่าจะด้วยน้ำหนักที่มันเบาและขนาดที่ไม่ได้เกะกะเวลาใส่ทำให้การรองรับกับศรีษะของเรานั้นทำได้ดีและไม่บีบหัว หรือไม่กดด้านบนเลยครับหูฟังเหมือนกับหูฟังสำหรับฟังเพลงทั่วไปแต่ครอบใบหูที่แน่นและเงียบครับในเรื่องการออกแบบฟองน้ำต่างๆในแต่ละจุดทำได้นุ่มสบายครับ แต่ที่น่าเสียดายนั้นคือตัว Earcup ทั้ง 2 ข้างนั้นจะไม่สามารถหมุนซ้ายขวาได้ คือจะขยับได้แค่แหงนขึ้นลงเท่านั้นอาจจะไม่ได้ยืดหยุ่นอะไรมากในการใช้งานครับเป็นอีกจุดที่น่าเสียดายเหมือนกัน ส่วนตัวปุ่มกดก็วางตำแหน่งได้ดีไม่มีปัญหาอะไร และรวมถึงตัวไมค์ก็มีความยาวกำลังดี แต่ที่ไม่ชอบคือไม่สามารถพับเก็บหรือหดกลับเข้าไปได้แบบรุ่นอื่นๆครับ

RAZER KRAKEN X 

” น้ำหนักเบา ใส่สบายพร้อมคุณภาพเสียงจากไดรเวอร์ 40มม. ในราคาไม่แรง “

เป็นหูฟังอีกรุ่นในเรทราคาต่ำกว่า 2 พันและได้แบรนด์ RAZER อีกทั้งยังรองรับระบบเสียง 7.1 และมาพร้อมกับฟองน้ำแบบ Memory foam และได้ไดรเวอร์ขนาด 40มม. แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้ใหญ่เท่ารุ่นก่อนหน้าแต่ก็ตามเรทราคาของมันครับ และดีไซน์สำหรับผมมันค่อนข้างสวยและใช้งานได้แบบไม่สายเกมเกินไป และใช้ทั่วไปได้ครับ ส่วนเรื่องของปุ่มควบคุมก็ทำได้ดีใส่ไว้บนหูฟังทั้งหมด และมีฟองน้ำที่ค่อนข้างนุ่มตรงก้านคาดศรีษะครับ รวมถึงเสียงที่ดีกว่าที่คิดไว้พอสมควรในการเล่นเกมและฟังเพลงนิดหน่อยมิติเสียงมาดี สมราคาครับ ส่วนที่ขัดใจเล็กน้อยคือ เสียงไมค์ที่ได้นั้นค่อนข้างธรรมดาไปและน่าจะดีกว่านี้ถ้าเน้นในการคุยเล่นเกม อีกทั้งยังไม่สามารถพับเก็บอะไรได้เลย และ ระบบเสียงแบบ 7.1 ต้องโหลดแอพมาใช้งานเท่านั้นและรองรับแค่ Windows 10 64bits เท่านั้นครับ

ข้อดี

  • ทำราคาได้ดีเทียบกับสิ่งที่ได้
  • ใส่สบาย ทั้งตัวฟองน้ำและรูปทรง
  • น้ำหนักเบามากๆใส่นานๆได้ไม่อึดอัด
  • ระบบเสียง 7.1 เล่นเกมแตกต่างกันพอสมควร
  • งานออกแบบดูสวยและลงตัวกระชับ
  • ไดรเวอร์ 40 มม. คุณภาพเสียงใช้เล่นเกมได้ดี
  • ปุ่มควบคุมบนตัวหูฟังใช้งานได้ง่าย
  • ประกัน 2 ปี

ข้อสังเกต

  • ระบบเสียง Surround 7.1 ใช้ได้แค่ใน Windows10 64 Bits
  • เสียงไมค์ไม่ได้ดีเท่าไร
  • ไม่สามารถพับ หรือ เก็บก้านไมค์ได้
  • ไม่สามารถถอดสายหูฟังได้

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr