Free Fire เป็นเกมแนวแบทเทิลรอยัลที่พัฒนาโดย 111dots Studio และเผยแพร่โดย Garena เป็นเกม iOS และ Android ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ล่าสุดแบรนด์สมาร์ตโฟนอย่าง realme ได้ประกาศเปิดตัว realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition โดยมีธีมตามเกม Battle Royale ยอดนิยมอย่าง Free Fire และนี้ครั้งแรกของโลกกับสมาร์ตโฟน Free Fire Limited Edition มาในสโลแกน ” Dare to BOOYAH! ” ความร่วมมือนี้จะรวมจิตวิญญาณหลักของแบรนด์ของทั้งสองฝ่ายเข้าไว้ด้วยกัน แบรนด์ realme สนับสนุนจิตวิญญาณของความ “กล้าที่จะกระโดด” และสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะท้าทายและเอาชนะตัวเอง “Booyah” ถือเป็นตัวแทนในเกม Free Fire แสดงออกถึงความกล้าหาญในการต่อสู้และชัยชนะ ที่จะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของผู้เล่นนับล้านทั่วโลก สมาร์ตโฟนที่ปรับแต่งร่วมกันนี้จะส่งเสริมสโลแกนของ “Dare to Booyah!” อย่างทรงพลัง และจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ทั่วโลกให้พร้อมก้าวกระโดดไปด้วยกัน การใช้งานนั้นลื่นไหลสุดๆ โดยรวมแล้วสเปกก็ต้องบอกว่ายังคงทำได้ดี เพราะสเปกยังคงเหมือนกับตัว realme 9 Pro+ นั้นเอง สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์ในทุกการใช้งานของค่าย realme

ในส่วนของรุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz และความถี่การตอบสนอง 360Hz ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Dimensity 920 ที่รองรับเครือข่าย 5G ส่วนซอฟต์แวร์ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0 ที่ทางบริษัทสัญญาว่าจะอัปเดตซอฟต์แวร์ Android เป็นเวลา 2 ปี มาพร้อม RAM 8GB ที่มี RAM เสมือนอีก 5GB นอกจากนั้นระบบระบายความร้อนมาพร้อม Vapor Chamber จำนวน 5 ชั้น ที่มี heat sink ขนาดใหญ่ถึง 13,029 ตร.มม. สามารถลดอุณหภูมิได้สูงสุด 10 องศาเซลเซียส ส่วนระบบเสียงตัวเครื่องมีลำโพง stereo และช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. มาให้เราได้ใช้งานด้วยนะ และในส่วนของกล้องหลัง ประกอบด้วยกล้องตัวหลัก 50MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ที่รองรับ OIS แบบเดียวกับในสมาร์ตโฟนเรือธงอย่าง Oppo Find X3 Pro + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP + กล้องมาโคร 2MP ทางบริษัทเพิ่มฟีเจอร์ ProLight Imaging และฟีเจอร์ AI Noise Reduction Engine 3.0 ที่เพิ่มคุณภาพของรูปถ่ายในสภาพแสงน้อย นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ถ่ายภาพ low exposure, Peak & Zoom และฟิลเตอร์ 90’s Pop ตัวเครื่องในสีฟ้า (Sunrise Blue) สามารถเปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อม โดยเมื่อสัมผัสแสงแดดหรือแสง ultraviolet ตัวเครื่องจะเปลี่ยนเป็นสีแดงภายในเวลา 3 วินาที ส่วนเมื่อนำออกจากแสงแล้วสีแดงจะจางกลับไปเป็นสีฟ้าในเวลา 2-5 นาที แบตเตอรี่มีความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge 60W สามารถชาร์จแบตได้ 50% ในเวลา 15 นาที

PRICE

realme 9 PRO+ Free Fire Limited Edition (8+128GB) ราคาเพียง 12,499 บาท 

UNBOX 

เมื่อกางห่อกระดาษออกมาพบว่าคือรูปภาพของแผนที่เกม Free Fire นั่นเอง

  • ตัวเครื่อง realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition
  • Adapter
  • สายชาร์จ
  • เคสใส
  • ที่จิ้มซิม
  • คู่มือการใช้งาน

ด้านในมีบัตร REDEEM รับของรางวัลในเกม และสติกเกอร์ที่รวมโลโก้และตัวละครในเกม Free Fire มาให้ 2 แผ่น

ในเรื่องของกล่องบรรจุภัณฑ์นั้นต้องบอกว่าดูดีมากๆ น่าประทับใจสุดๆ ออกแบบมาควบคู่กับความเป็น Free Fire ดูมีลูกเล่นน่าจับน่าใช้ มาพร้อมกับสติกเกอร์สุดเท่มาให้เราได้ใช้ด้วยนะ

เข็มจิ้มถาดใส่ซิมที่ออกแบบมาได้พิเศษสุดๆเหมือนกับมีด FF Knife พร้อมคำว่า Booyah

DESIGN

การดีไซน์ของรุ่นนี้นั้นต้องบอกว่ามาแบบขั้นสุดจริงๆ ได้รับการออกแบบจาก realme Design Studio ออกแบบมาคล้ายๆกับรุ่นก่อนๆ แต่จะดูมีอะไรมากขึ้น มาพร้อมกับฝาหลังที่มีลวดลายเล่นแสงได้ดีสุดๆ ต้องบอกเลยว่าตอนถือนี่ขึ้นมือมากๆ ดูเท่โฉบเฉี่ยวไปในตัวเลย และที่สำคัญในรุ่นนี้สลักชื่อแบรนด์เด่นๆสีขาวไว้ตรงกลางเครื่องด้วย และยิ่งไปกว่านั้นด้านล่างของฝาหลังก็ยังคงสลัก Free Fire มาให้แบบเด่นไม่แพ้กัน แสดงถึงความเป็น realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ได้อย่างแจ่มๆ และด้วยความร่วมมือกับ Free Fire ทำให้ realme ใช้ภาษาและวัสดุการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างการออกแบบที่สะท้อนอารมณ์อย่างแท้จริงและชวนให้นึกถึง Free Fire หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ FF Knife ซึ่งทาง realme ได้นำองค์ประกอบที่เป็นสัญลักษณ์มาใช้เป็นแรงบันดาลใจของการออกแบบโดยรวม

จอแสดงผลของรุ่นนี้มีขนาด 6.4 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ Super AMOLED ให้สีสันจัดจ้าน สวยงาม และอัตราการตอบสนองการสัมผัส 360Hz 411ppi พร้อมกล้องหน้าแบบเจาะรูเล็กๆ บริเวณมุมบนซ้าย สำหรับวางกล้องเซลฟี 16MP

ส่วนล่างของจอแสดงผลมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังไว้ใต้จอแสดงผล

ส่วนบนของหน้าจอยังมีลำโพงสนทนาที่ทำงานร่วมกับลำโพงที่อยู่ด้านล่าง ให้เสียงแบบสเตอริโอแยกซ้ายขวาอย่างชัดเจน ที่มุมบนซ้ายมีกล้องหน้าแบบเจาะรู 

ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. ถัดมาเป็นช่องไมโครโฟนรับเสียงเป็นรูขนาดเล็ก, พอร์ต USB-C และช่องลำโพงสปีกเกอร์โฟน

ด้านข้างซ้ายมีช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ 2 ช่อง สามารถใส่ได้เพียง SIM1 และ SIM2 เท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้ ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง

ที่ด้านบนมีช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับการเปิด-ปิดเครื่อง

ฝาหลังที่มีลวดลายมากขึ้น เป็นสีน้ำเงินสะท้อนแสงตัดกับสีฟ้าที่เป็นพื้นด้าน พร้อมสกรีนคำว่า realme ไว้ตรงกลาง และ Free Fire ไว้ข้างล่างของฝาหลัง

ตัวโมดูลกล้องก็มีการสกรีนคำว่า Booyah ไว้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์จากเกม Free Fire

SPEC

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+, รีเฟรชเรท 90Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass 5
  • ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 6nm ที่ใช้การ์ดจอ Mali-G68 MC4
  • RAM LPDDR4x 6GB + storage (UFS 2.2) 128GB, RAM LPDDR4x 6GB + storage (UFS 2.2) 128GB / 256GB
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0 : FREEFIRE THEME
  • กล้องหลัง
    • กล้องตัวหลัก 50MP (f/1.8) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766, OIS
    • กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX355
    • กล้องมาโครขนาด 4 ซม. 2MP (f/2.4) ที่ใช้เซนเซอร์ Galaxycore GC02M1
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.4) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่วัดอัตราการเต้นหัวใจได้
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, ลำโพง Stereo, Dolby Atmos
  • ขนาดตัวเครื่อง: 160.2×73.3×7.99มม.; น้ำหนัก: 182 กรัม
  • 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.2, GPS/ GLONASS/ Beidou
  • USB Type-C
  • แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 60W

PERFORMANCE

มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 920 รุ่นใหม่ของ MediaTek กระบวนการทำงานขั้นสูงด้วย 6nm ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานดีขึ้น ความถี่หลักของ CPU เพิ่มขึ้นจาก 2.4 GHz เป็น 2.5 GHz เพิ่มขึ้น 4% ในประสิทธิภาพการทำงานแบบ single-core สำหรับ GPU ยังคงเป็น Mali-G68 MC4 ซึ่งความถี่ของ GPU ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นเกม 9% ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดได้มากขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity รุ่นก่อนหน้า ให้ประสิทธิภาพกราฟิกที่ค่อนข้างดีสำหรับสมาร์ตโฟนระดับกลาง โดย RAM LPDDR4x 6GB + storage 128GB และ RAM LDDR4x 6GB + storage 128GB/256GB  พร้อม ระบบระบายความร้อน Vapor
Chamber Cooling System ซึ่ง พื้นที่แผงระบายความร้อนขนาดใหญ่พิเศษ สามารถครอบคลุมแหล่งความร้อนหลักได้ 100% โดยทีพื้นที่รวมมากกว่า 13029 มม. ช่วยลดอุณหภูมิได้และทำให้สมาร์ตโฟนอยู่ในสถานะการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูง

FREE FIRE THEME UI 

realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition นี้จะมีการปรับแต่ง UI มาพิเศษด้วย Wallpaper และชุดไอคอนของ Free Fire ด้วย ให้เข้ากับตัวเครื่อง

ทาง realme ยังได้ใส่ Wallpaper สุดพิเศษพร้อมไอคอนที่ไม่เหมือนใครเป็นธีมพิเศษเฉพาะในรุ่นนี้อีกด้วย

SCREEN

มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาดให้มาที่ 6.43 นิ้ว Full HD+ รีเฟรชเรทแค่ 90Hz ความถี่ตอบสนอง 360Hz ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 1000 nits เลย เป็นจอภาพแบบ Super AMOLED ให้สีสันจัดจ้าน สวยงาม นอกจากนี้ยังมี Touch Sampling ถึง 360 Hz ทำให้ตอบสนองการสั่งงานที่รวดเร็ว

BATTERY

มีแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ขนาดถือว่าไม่มากเท่าไหร่แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ยิ่งใช้ดูหนังเยอะๆ สบาย แต่ว่าถ้าเล่นเกมเยอะอาจจะหมดไวไปหน่อย ทั้งนี้ยังไงก็ข้ามวันได้ประมาณหนึ่ง รองรับการชาร์จแบบ Super Dart กำลังสูงถึง 60W  ให้มาแบตมาแบบจุกๆ จากการได้ลองเล่นใช้งานแล้วนั้นมีการโทรเข้าออกเรื่อยๆ ตลอดวัน เล่นเน็ต บางครั้งเวลาว่างมีการเล่นเกม และดูคลิปต่างๆ การใช้งานทั่วไปเช้ายันเย็น ไม่พบปัญหาเรื่องแบตเตอรี่เลย ใช้งานได้ชิวๆตลอดทั้งวัน แต่หากเล่นเกมหนักๆ แบตก็จะหมดเร็วขึ้นเป็นธรรมดา เรียกได้ว่าให้แบตมาเกินเครื่องจริงๆ ส่วนการชาร์จไฟกลับนั้นจากที่ทดสอบ จะสามารถชาร์จ 0-100% ได้ในเวลาประมาณ 50 นาที ซึ่งถือว่าเร็วมากทีเดียวค่ะ

CAMERA

ในเรื่องของกล้องในรุ่นนี้จัดให้มาแบบจุกๆเลย มาพร้อมกล้องหลังที่มีมาให้ 3 เลนส์ โดยเลนส์หลักให้ความละเอียดมาถึง 50MP (f/1.8) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 รองรับฟังก์ชัน OIS เลนส์ ultra-wide 8MP (f/2.2) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX355 และเลนส์มาโครขนาด 4 ซม. 2MP (f/2.4) ที่ใช้เซนเซอร์ Galaxycore GC02M1 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดมาสูงถึง 16MP (f/2.4) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471 ต้องบอกว่าในครั้งนี้เรียกได้เลยว่ากล้องระดับเรือธงจริงๆ มีความละเอียดคมชัดในทุกๆเลนส์ ใช้ลูกเล่นของเซนเซอร์อย่างหลากหลายใส่มาให้แบบเหมาะสม สวยจบหลังกล้องเหมือนมือโปรถ่ายเลย ตอบโจทย์สายเซลฟีสายถ่ายรูปเลย แม้จะถ่ายตอนอยู่ที่มืดแล้วนั้นก็ไม่เป็นปัญหาเลยนะ มีโหมดต่างๆให้ได้ลองเล่นใช้เยอะมากๆไม่ว่าจะเป็น โหมด Smart long exposure, 90s Pop Filter และโหมดต่างๆอีกมากมาย ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ ยิ่งเทียบกับราคาแล้วยิ่งถูกใจเลยคุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ จากที่ได้ลองใช้งานจริงแอดก็เก็บภาพที่ใช้เจ้ารุ่นนี้ถ่ายทั้งเซลฟี่หรือถ่ายภาพปกติในทุกๆช่วงเวลามาให้ชมกันว่าจะสวยสะใจขนาดไหน

realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition

ในครั้งนี้ต้องบอกว่าประทับใจกับแบรนด์นี้สุดๆ เพราะได้ออกสมาร์ตโฟนระดับเทพออกมาให้ได้ใช้งานแบบจุกๆ เป็นครั้งแรกของโลกที่เป็นสมาร์ตโฟน Free Fire Limited Edition ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก ยังมาพร้อมกับสโลแกน Dare to BOOYAH หรือที่เรียกว่ากล้าที่จะกระโดด สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะท้าทายและเอาชนะตัวเอง แค่ชื่อสโลแกนก็ทรงพลังสุดๆแล้ว ในเรื่องของการใช้งานนนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย มาพร้อมการใช้งาน MediaTek Dimensity 920 5G Processor ที่รองรับการใช้งานได้ดีมากๆ จากการใช้งานจริงนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลย อีกทั้งยังให้จอแสดงผล Super AMOLED 90Hz ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 1000nit เรียกได้ว่าสว่างมากๆ สามารถใช้งานกลางแจ้งได้ดีมากๆเลย ดีไซน์การออกแบบดูโฉบเฉี่ยวทรงพลัง ให้แบตเตอรี่มาแบบจุกๆ รองรับชาร์จไวถึง 60W หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าสเปกให้มาจุกๆแบบนี้ เครื่องจะร้อนไหม ต้องบอกเลยว่าเจ้าตัวนี้มีระบบระบายความร้อนที่เจ๋งมากๆ หมดห่วงเรื่องเล่นเกมส์แล้วเครื่องร้อนจี๋ได้เลย สามารถใช้งานแบบยาวๆได้อย่างสบายใจ ครบจบจริงๆสำหรับรุ่นนี้

ข้อดี

  • หน้าจอ Super AMOLED ให้ความสว่างหน้าจอที่สูงถึง 1000nit
  • รองรับการใช้งานได้อย่างลื่นไหล
  • ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
  • กล้องความละเอียดสูง 50MP
  • มาพร้อมเซนเซอร์จับภาพระดับเรือธง Sony IMX766
  • รองรับชาร์จไว 60W
  • ลำโพงคู่ Dual Stereo Speakers
  • มีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System
  • มีการตอบสนองการใช้งานด้วย Gamer edition X-axis Tactile Engine

ข้อสังเกต

  • กล้องเซลฟียังคงไม่เด่นมาก
  • แบตเตอรี่ให้ระดับกลางๆ
  • ขาดเลนส์เทเลในการใช้งานซูม