หูฟัง realme Buds Q ในรุ่นแรกถือว่าทำได้ดีอยู่แล้วในเรื่องของ ราคา เทียบกับสเปก และครั้งนี้ทาง realme ได้เปิดตัว realme Buds Q2 สานต่อรุ่นแรก ราคากลับทำได้ถูกลงแต่สเปกนั้นดีขึ้นทำให้มันกดราคาได้ต่ำกว่า 1,000 บาทได้ทันที มาพร้อมกับหูฟังตัวเริ่มต้นที่สเปกดีอันดับต้นๆของตลาดในตอนนี้ และ การสั่งงานสัมผัส ปรับแต่งอะไรยังทำได้ดีไม่ต่างกับรุ่นพี่เลยจริงๆ พร้อมกับการชาร์จไฟและสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 20 ชั่วโมงทั้งหมด ในราคา 999 บาท สเปกที่บอกเลยว่าน่าสนใจ และ ตัดสินใจได้ง่ายๆมากทั้งฟีเจอร์ สเปก และคุณภาพเสียงที่ได้
realme BUDS Q นั้นจะมาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนขณะโทร, ไดรเวอร์ขนาด 10 มิลลิเมตร, Bluetooth 5.0 พร้อม AAC codec และโหมดดีเลย์ต่ำ 88ms สำหรับเล่นเกม ซึ่งถือว่าเร็วกว่ารุ่นที่ผ่านมาที่ 119ms และตัวบอดี้มาพร้อมระบบควบคุมด้วยการสัมผัสแบตเตอรี่ของ Buds Q2 สามารถใช้งานติดต่อกันได้ 20 ชั่วโมงรวมเคส และสามารถใช้งานได้ 5 ชั่วโมงแบบ stand alone ที่รองรับระบบชาร์จเร็ว โดยการชาร์จ 10 นาทีสามารถใช้งานได้ 2 ชั่วโมง และชาร์จผ่านช่อง micro USB แน่นอนว่าเนื่องจากทำราคาให้ต่ำกว่า 1,000 บทเลยอาจจะต้องปรับมาใช้งาน Micro-USB นั้นเองครับ แต่ถ้าเทียบกับไดรเวอร์ และ สเปกที่ได้บอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอนเสียงต่างๆนั้นแทบจะไม่ต่างกับรุ่น Buds 2 Neo เลยแต่แค่ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC เท่านั้นในงบต่ำกว่า 1,000 ถือว่าทำได้ดี
PRICE
สำหรับราคาเปิดตัวนั้นทางด้านหูฟัง realme Buds Q2 ถือว่าราคาถูกกว่ารุ่นแรก และได้ ดีเลย์ต่ำกว่าเดิม เสียงดีขึ้น และ งานออกแบบดีขึ้นกว่าเดิมทั้งหมด
มีให้เลือกในสีฟ้าและสีดำ โดยมีราคาอยู่ที่ 999 บาท ไทยครับ
UNBOX
ตัวกล่องยังคงใช้งานดีไซน์งานออกแบที่ต้องบอกว่าคล้ายกับรุ่นเดิม แต่ส่วนที่แอบขัดใจคงจะเป็นการที่หน้าปกบนกล่องนั้นจะเป็นสีดำ แต่พอข้างในเป็นสีฟ้าครับ ซึ่งเป็นในหลายๆตัวของค่ายนี้เลย ซึ่งอาจจะเป็นการทำสีมาตรฐานไว้เท่านั้นครับ ส่วนการวางอะไรนั้นจะมีการเปลี่ยนมุมจาก Buds Q รุ่นแรกอยู่บ้าง ส่วนอุปกรณ์อะไรนั้นให้มาเหมือนกัน
- ตัวเคส realme Buds Q2
- หูฟัง realme Buds Q2
- คู่มือการใช้งาน
- สาย USB-A ไป Micro-USB
- จุกหูฟังอีก 2 ขนาด
DESIGN
งานออกแบของ Buds Q2 จริงๆจุดเด่นคงหนีไม่พ้นเรื่องของขนาดและการพกพารวมถึงวัสดุแบบสีด้านออกสีเทาฟ้าๆนิดหน่อยครับและสีสันตัวหูฟังที่มีความโดดเด่นและดูวัยรุ่น และมองไปๆมาๆมันคือ realme Buds Air 2 Neo แต่เปลี่ยนดีไซน์ฝา และ ลดฟีเจอร์นั้นเอง เพราะว่ารูปทรง ดีไซน์ออกแบบจาก Kaleidoscopes ขนาด ตัวกล่องอะไรนั้นมีความใกล้เคียงกันอย่างมากเลยทีเดียว ส่วนขนาดและน้ำหนักนั้น น้ำหนักเบาเพียง 39 กรัม และตัว Buds หนึ่งข้างหนักเพียง 4.1 กรัม ถือว่ามีน้ำหนักเบากว่ากระดาษ A4 และ ออกแบบตามหลักสรีระร่างกายของรูปทรงหูชั้นในของคนส่วนใหญ่ รูปทรงนี้ทำให้ใส่แล้วพอดีกับช่องหูของทุกคน เพื่อความสบายและสามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีขึ้นทำให้ได้รับประสบการณ์เสียงที่สมจริงมากยิ่งขึ้น ถือว่างานออกแบบ ดีไซน์ส่วนตัวไม่ติดปัญหาในรุ่นนี้เลยครับ
หูฟังทรงนี้นั้นจะเน้นการใส่ฟังเพลงมากกว่าการใช้งานคุยทำให้ทรงเลยออกมาแบบนี้ครับ เน้นใส่ง่ายไม่เกะกะกระชับมากกว่า งานออกแบบ บริเวณส่วนด้านบนของตัว Buds จะมีความสวยงามและเล่นพื้วผิวเงาๆนิดหน่อยและมี Texture สามมิติด้านในครับ และ นอกจากนี้ยังมีการใช้กระบวนการ Matte Process และยังมาพร้อมกับการควบคุมอย่างอัจฉริยะ ผ่านตรงสีเงาๆด้านนอกรวมถึงมีไมค์และที่ชาร์จมาให้ในด้านในที่เป็นแถบทองแดงครับ ส่วนท่อเสียงนั้นเป็นวงกลมและมีขนาดใหญ่กำลังดี รวมถึงตัวจุกซิลิโคนเช่นกัน เป็นรูปทรงที่จัดว่าสวยและใส่สบายเลย แม้จะคล้ายกับ Buds Air 2 Neo แต่งานออกแบบ ตำแหน่งไมค์อะไรนั้นแตกต่างกันทั้งหมดเลยครับตัวนี้
ตัวเคสมาพร้อมกับสีเทาฟ้าแบบสีด้าน พัฒนาต่อจาก Bud Q มากกว่าแต่ปรับคุณภาพอะไรได้ดีขึ้น สวยขึ้นด้วยเช่นกันครับ ตัวเคสมีความเบาและสวยรวมถึงใช้งาน MICRO-USB ในด้านหลังเนื่องจากเป็นรุ่นที่ทำราคาต่ำมากๆอันพอเข้าใจได้ครับ และเคสจะไม่มีปุ่มอะไรเลยนะแตกต่างกับรุ่นอื่นๆ จะมีแค่ไฟสถานะในด้านหน้าตัวเคส วัสดุเป็นพลาสติกพื้นฐานครับตัวฝาอะไรแน่นกำลังดีไม่โยกอะไร สมกับราคาและคุณภาพ ถือว่าดีขึ้นกว่ารุ่นแรกแบบชัดเจน
เมื่อใส่ใช้งานเวลาชาร์จก็จะมีไฟสถานะบนตัวเคสขึ้นมาครับ เป็นมาตรฐานส่วนด้านในนั้นไม่มีปุ่มอะไร รวมถึงตัวฝานั้นค่อนข้างธรรมดามากๆโล่งๆไม่ได้มีเว้าแบบรุ่นพี่ทำให้ความแข็งแรงก็ตามราคาของมัน ตัวเคส หรือหูฟังเป็นสีเดียวกันทั้งหมด มีแค่เล่นลวดลายตรงบอดี้ของหูฟังเท่านั้น เป็นพลาสติกเงาๆเล่นลวดลายแค่นั้นเลย เป็นสีเดียวทั้งหมดไม่มีการเล่นสี 2 สีอะไรแต่อย่างใด บอดี้แบบด้านก็รักษาได้ง่ายครับไม่มีพวกรอยขนแมวต่างๆให้กวนใจ การเชื่อมต่อ หรือรีเซ็ทนั้นเนื่องจากไม่มีปุ่มบนเคส ทำให้แตะหูฟัง 2 ข้างพร้อมกันเมื่ออยู่ในเคสจะเป็นการเชื่อมต่อให้
SPEC
- ดีไซน์แบบไม่มีก้าน
- มาพร้อมซิลิโคนนุ่มและเป็นมิตรต่อผิวหนัง
- ไดรเวอร์เบสบูส 10mm มาพร้อม PEEK และไดอาแฟรม TPU Polymer และระบบเพิ่มเบส Bass Boost+
- Bluetooth 5.0, AAC audio codec
- Intelligent Touch Controls & Voice Assistant.
- อัลกอริทึม ENC, ที่สามารถลดเสียงรบกวนระหว่างการโทรได้
- Gaming Mode ดีเลย์ต่ำ 88ms
- เชื่อมต่อกับแอป realme Link ทำให้สามารถปรับฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ เช่น switching bass boost+, อัปเดตซอฟต์แวร์ ฯลฯ
- น้ำหนักหูฟัง 4.1 กรัม; น้ำหนักรวมเคส 39 กรัม
- กันน้ำ (IPX4)
- แบตเตอรี่หูฟัง 40mAh ที่สามารถใช้งานได้ 5 ชั่วโมง,
- แบตเตอรี่รวม 400mAh ที่สามารถใช้งานได้ 20 ชั่วโมง,
- การชาร์จเพียง 10นาทีสามารถใช้งานได้ 2 ชั่วโมง (รวมทั้งหูฟัง + เคส)
SOFTWARE
ทางด้านระบบหน้าตานั้นแน่นอนว่าใช้งาน realme Link ที่เราคุ้นเคยกันดีในรีวิวก่อนๆหรือว่า AIOT รุ่นอื่นๆเป็นแอปเดียวรวมใช้งานด้วยกันทั้งหมด ครั้งนี้ใช้งานได้ง่ายขึ้นหน้าตาสวยงามและสามารถเอามาปรับแต่งใช้งานได้เยอะขึ้น และแอปเดียวจบสามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ตัวและรองรับทั้ง หลอดไฟ และ นาฬิกา รวมถึงทุกอย่างของ realme
เมื่อเชื่อมเสร็จแล้วก็จะสามารถใช้งานได้ทันทีเลยนั้นเอง แน่นอนว่าตัวระบบมีแจ้งเตือน สถานะแบตทั้ง 3 ส่วนในหน้าแจ้งเตือนไว้ตลอดเวลาด้วยแบบในภาพที่ 2 ส่วนภาพที่3 นั้นจะเป็นหน้าตาการตั้งค่าหลักๆที่ สามารถดูสถานะแบต และ ปรับโหมดการตัดเสียงได้ รวมถึงมี Game Mode และ สามารถปรับระดับเสียงดังพิเศษได้ด้วย รวมถึงเปิดปิดระบบการรับสายอัตโนมัติในภาพขวาสุด และการปรับแต่งการควบคุมทั้งหมด นั้นจะสามารถปรับได้ ซ้าย ขวา แยกอิสระ 3 แบบหลักๆครับ ซึ่งถือว่าปรับได้เยอะมากเมื่อเทียบกับหูฟังตัวอื่นๆในระดับเรทราคาเดียวกันแบบนี้ครับ
SOUND
เรื่องของเสียงนั้นตัวนี้ใช้งาน มาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 10 มิลลิเมตร ใช้วัสดุ PEEK&PU โดยวัสดุ PEEK ความแข็งแรง ความทนทานต่อการใช้งาน และ PU จะช่วยให้เสียงเบสหนักแน่นและมีพลัง เพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าเรามองไปเทียบกับ Q รุ่นก่อนหน้าบอกเลยว่าเป็นการพัฒนาขึ้นเยอะนะแม้ไดรเวอร์จะขนาดเดียวกันแต่รู้สึกว่า เสียงแน่นขึ้น กำลังขับกลางๆ ไม่หนีจากเดิมมากครับ และฟังสนุก การเก็บเสียง ทำได้ประทับใจเช่นกัน รวมถึงทรงของหูฟังก็เก็บเสียงได้ดีอยู่แล้ว ทำงานร่วมกับระบบตัดเสียงยิ่งดีขึ้นไปอีกขั้นครับ ส่วนแนวเสียงก็จะเน้นไปทางฟังสนุก เบสมาแน่นเช่นกันและเป็นหูฟังที่ขับง่าย แม้จะไม่มี ANC แต่ก็เก็บเสียงรบกวนได้ดีตามทรงของหูฟังตัวมันเองด้วยเช่นกัน ภาพรวมบอกเลยว่า ดีเกินราคาของมัน เสียงเอาเรื่องเลยนะตัวนี้คุ้มๆเลยครับ
GAMING เด่นขึ้นเยอะมาก เพราะว่า ที่เด่นๆคือโหมดเกมที่มีความหน่วงต่ำ เพื่อช่วยให้ภาพและเสียงตรงกันในขณะเล่นเกมหรือรับชมภาพยนตร์ ช่วยให้เชื่อมต่อได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นและลดการเกิดความหน่วงของเสียงต่ำเพียง 88 มิลลิวินาที ที่ดีกว่าเดิมเยอะมากๆ ส่วน ในเรื่องของการปรับเสียง EQ นั้นสามารถปรับได้ 3 แบบ แต่จะไม่สามารถปรับอิสระได้ครับ มาพร้อมกันทั้งหมด 3 โหมด คือ Bass Boost+ ที่เน้นเสียงเบสหนักๆ จนแอบบวมไปนิดๆครับไม่แนะนำเท่าไรเพราะว่าเดิมๆก็เบสมาดีอยู่แล้วนะ และมาอีก 2 โหมด ได้แก่ โหมด Dynamic และ โหมด Bright โดยโหมด Dynamic จะมีการปรับสมดุลของเสียงเบส และเสียงในย่านแหลมและกลาง โหมด Bright ช่วยเพิ่มเสียงพูดของมนุษย์ ซึ่งโหมดนี้เหมาะกับการฟัง podcasts หรือ Audiobooks นั้นเอง ครับในโหมดนี้
หูฟังตัวนี้เรื่องของเสียงนั้นจะไปในแนวทางเดียวกับรุ่นพี่ Buds Air 2 Neo แต่แค่ไม่มี ANC เท่านั้นเลยจริงๆ แน่นอนว่าเสียงทำได้ดี ฟังง่าย เน้นเพลงตลาดได้ดีครับรวมถึงเบสมีความแน่นกระชับและฟังสนุก ในแง่ของย่านเสียงนั้นบอกเลยว่ามาดีในย่านต่ำเสียงฟังสนุกแน่นและมีโหมดเพิ่มเสียงเบสเข้ามาเช่นกันทำให้มันสนุกสะใจและเหมาะกับฟังเพลง EDM POP ROCK ได้ดีไม่แพ้กันรวมถึงเสียงในย่านอื่นๆก็ไม่ได้กลบไปซะทีเดียวครับ ถือว่าเสียงนั้นทำได้ดีขึ้นเยอะ แต่ถ้าถามจุดต่างกับรุ่น AIR 2 Neo คงจะเป็นเรื่องของคุณภาพรวมๆ และเรื่องของไมค์ที่ตัว Q2 จะดรอปลงกว่านั้นเอง พวกการคุยโทรศัพท์ มีการเพิ่ม การตัดเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมสำหรับการโทร โดยอัลกอริทึมการตัดเสียงรบกวนของ ENC ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมากในระหว่างการโทรทำให้อีกฝ่ายได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้นและมีการสนทนาที่ราบรื่นและภาพรวมนั้นถ้าเราเทียบกับรุ่นแรกนั้นบอกเลยว่าดีขึ้นเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง หรือ ว่าการคุยโทรศัพท์ครับ แต่เสียงไมค์อาจจะไม่ได้เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เท่าไรแต่ใช้งานได้จริงมากกว่ารุ่นแรก
FEELING
ในแง่ของการใส่ใชงานตัวนี้เหมือนจะดูเล็กกว่ารุ่นอื่น แต่จริงๆก็ถือว่าเน้นไปในรูปทรงกลมๆเลยทำให้ดูกระชับเล็กกระทัดรัดมากขึ้นครับ แม้น้ำหนักอาจจะไม่ได้เบากว่ารุ่นอื่นแต่ก็ได้เรื่องของแบตที่อึดมากๆต่อการใช้งานและดีขึ้นรูปทรงในการใส่ใช้งานนั้นไม่ได้เป็นปัญหาแน่นอน การออกแบบคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว รวมถึงน้ำหนักก็ไม่ได้มีปัญหาในการใช้งานแต่อย่างใด และสายออกกำลังน่าจะชอบรูปทรงแบบนี้กันมากกว่าเพราะอาจจะไม่ได้เน้นก้านไมค์อะไรมากนักครับรวมถึงวัสดุแบบด้านและสีสันสวยงามดูสนุกสนานมากกว่ารุ่นพี่ แน่นนอว่าตัวจุกยางอะไรทำได้ดีใส่สบาย แน่นและไม่ปวดหูหรือเกะกะอะไรแม้แต่น้อยรวมถึงทรงของตัวหูฟังไม่ได้บีบหรือดันใบหูด้วยทำให้ภาพรวมนั้นใส่นานๆได้
การสั่งงานนั้นจะสามารถรองรับการสัมผัสได้ทั้งหมดทั้งซ้ายและขวาครับ ซึ่งในรุ่นนี้สามารถปรับการสั่งงานได้ทั้งหมด ผ่านทางตัวแอป realme Link ซึ่งรองรับการใช้งาน ทั้งหมด 4 แบบ จะมีการสั่งงาน แตะ 2 ครั้ง แตะ 3 ครั้ง หรือ แตะและค้างไว้ รวมถึง สั่งงานแบบ 2 ข้างพร้อมกัน แตะ และค้างไว้พร้อมกันทั้ง 2 ข้างนั้นเองครับ ซึ่งแต่ละคำสั่งอิสระทั้งหมด สามารถปรับได้ว่าจะเป็น เล่นเพลง เปลี่ยนเพลง สั่งงานด้วยเสียง ได้ทั้งหมด แต่น่าเสียดายไม่มีการสั่งงานเพิ่มหรือลดระดับเสียงครับในตัวหูฟังนี้ ส่วนการสัมผัสนั้นสั่งงานได้งานและแตะได้ง่ายขณะสวมใส่ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเหมือนกับรุ่นอื่นๆทั่วไป แต่รุ่นนี้จะไม่ได้ฟีเจอร์การตรวจจับเวลาใส่ทำให้เวลาถอดนั้น เพลงจะไม่หยุดเอง ! แต่พื้นที่การสัมผัสใช้งานสั่งงานนั้นไม่มีปัญหาเลยรองรับได้สบายๆและแน่นกำลังดีในการใส่เดิน ใส่วิ่งทั่วไปครับ รวมถึงดีไซน์ขนาดเมื่อมองจริงๆนั้นไม่ได้ใหญ่เกะกะด้วยถือว่ารุ่นนี้เน้นใส่ทั่วไปสบายใกล้เคียงกับรุ่น Air 2 Neo มากๆ
CHARGING
ในเรื่องของแบตแน่นอนว่ารุ่นนี้สามารถใช้งานได้ 5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และทางด้านตัว หูฟังมีความจุแบตเตอรี่ 40 mAh และ charging case มีความจุแบตเตอรี่ 400 mAh สามารถชาร์จได้ 4 รอบเมื่อพกเคสไป สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง ถือว่าเพียงพอสำหรับการรับชมภาพยนต์ได้ 8 เรื่องหรือฟังเพลงได้ 400 เพลง แม้กระทั่งรับชม Game of Thrones ได้ถึง 2 ซีซั่นเลยทีเดียวครับ แบบหยุดพักชาร์จนะ ไม่ได้รวดเดียวจบถ้าเทียบง่ายๆครับ และ สามารถชาร์จ realme Buds Q2 ด้วยสาย Micro-USB ได้เต็มภายในเวลา 2.5 ชั่วโมง และสามารถชาร์จ charging case ได้เต็มภายในเวลา 2 ชั่วโมง ถือว่าจัดเต็มเลย แต่เสียดายตรงMicro-USBนิดๆ
REALME BUDS Q2
” ตระกูล Q แต่ ราคาถูกลง วัสดุดีขึ้น เสียงดีขึ้น ดีเลย์ต่ำลง โคตรคุ้มมากก “
เป็นหูฟังที่คุ้มค่ามากๆตัวนึงในรุ่นนี้เนื่องจากทำเรทราคาที่ดีกว่าเดิมทำได้ต่ำกว่า 1,000 บาทแล้วแต่ได้สเปกที่ดีขึ้น ไดรเวอร์เสียงแน่นขึ้น รวมถึงการสั่งงานระบบสัมผัสอะไรนั้นเรียกได้ว่าปรับได้เยอะมากๆเมื่อเทียบกับ ราคานี้ อีกทั้งการดีเลย์ต่ำลงกว่าเดิม จาก 119ms เป็น 88ms จึงเป็นจุดที่ตัดสินใจได้ง่ายมากๆถ้าใครอยากหาไม่แพงมาก ตัวนี้ ราคาดีขึ้นถูกลง แต่สเปกทุกๆส่วนนั้นดีขึ้น จนเสียงมันแอบไปคล้ายกับ 2 Neo แต่แค่ไม่มี ANC นั้นเองครับ ถือว่าคุณภาพเสียงภาพรวมนั้นทำได้ดีและคุ้มราคาเลยทีเดียว เสียงแน่น ขับได้ดี และ มิติทำได้ดี แต่กำลังขับอาจจะไม่ได้โหดมากนักครับถ้าเทียบกับรุ่นพี่ๆ ส่วนการตัดเสียงนั้นกลางๆไม่ได้เด่นเพราะเป็นการตัดเสียงโดย Hardware หรือการออกแบบแค่นั้นครับไม่มีระบบตัดเสียงอะไร จะมีแค่ Micro-USB แค่นั้นที่น่าเสียดายว่าไม่ได้ปรับไป USB-C
ข้อดี
- งานออกแบบ วัสดุ ดีขึ้นกว่าเดิม
- ราคาทำได้ถูกลง ในสเปกที่ดีขึ้น
- Game Mode ดีเลย์ต่ำแค่ 88 ms ดีกว่าของเดิมที่ 119ms
- เสียงไดรเวอร์ 10มม. ดีขึ้นกว่าเดิม ขับได้ดีกว่ารุ่นเดิม
- ใส่สบาย น้ำหนักเบา และไม่ล้า
- เสียงขับออกมาฟังง่าย มิติดี เบสหนัก
- รองรับกันน้ำ IPX4
- ใช้งานได้ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ดีกว่าเดิม
- Bluetooth 5.0, AAC audio codec
- รองรับการสั่งงานระบบสัมผัสทั้งหมด และ สั่งงานด้วยเสียงได้ ปรับแต่งได้เยอะมาก
- อัลกอริทึม ENC ที่สามารถลดเสียงรบกวนระหว่างการโทรได้
ข้อสังเกต
- ถ้าเปิด Bassboost+ เสียงเบสบวมแน่นอน
- ยังเป็น Micro-USB
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr