realme ในไทยก็ถือว่าลุยตลาดจัดเต็มแม้แต่ realme Pad ก็เอาเข้ามาในไทยเป็นที่เรียบร้อย รวมถึง รุ่นต่อเนื่องจาก realme Band รุ่นแรก ครั้งนี้มีการเปลี่ยนงานออกแบบสเปกหลายๆส่วนน่าสนใจและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น รวมถึงเจาะกลุ่มที่ราคาไม่แรงมากนัก ทั้ง realme Pad และ realme Band 2 แต่บอกเลยว่าน่าสนใจทั้งคู่ ถือว่าเป็นการลุยตลาดครั้งแรกของค่ายอีกครั้งใน ตระกูล Tablet และสเปกภาพรวมทำได้น่าสนใจรวมถึงราคา และ การรองรับอะไรหลายๆอย่างไม่ธรรมดา โดยเฉพาะลำโพงนั้นเด่นอย่างมากรวมถึงหน้าตาระบบที่เราคุ้นเคยกันดีทีเดียวซึ่งรีวิวนี้เราจะมารีวิวกันจัดเต็ม ทั้ง 2 อย่างกันเลยครับ บอกเลยว่าเป็นค่ายที่เปิดตัวและพัฒนาหลายอย่างต่อเนื่องมาก
PRICE
- realme Pad มาด้วยกัน 3 สเปก
- RAM 4 GB +STORAGE 64 GB WIFI ราคา 8,990 บาท
- RAM 6 GB +STORAGE 128 GB WIFI ราคา 10,990 บาท
- RAM 6 GB + STORAGE 128 GB LTE ราคา 11,990 บาท
- realme Band 2 ราคา 1,499 บาท
REALME PAD
มาพร้อมหน้าจอขนาด 10.4 นิ้ว WUXGA+ ที่มีบอดี้ทำจากโลหะและตัวเครื่องมีความหนาเพียง 6.9มม. ภายในตัวเครื่องใช้ชิบประมวลผล MediaTek Helio G80 ที่มาพร้อม RAM สูงสุด 4GB และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI สำหรับแท็บเล็ต รวมทั้งมาพร้อมระบบปลดล็อก AIoT อัตโนมัติ, การฉายภายหน้าจอ (screen mirroringกล้องหน้าของ realme Pad เป็นกล้องมุมกว้าง Ultra-wide ที่มีความละเอียด 8MP และตัวเครื่องมาพร้อมไมโครโฟน 2 ตัวที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน สำหรับลำโพงมีจำนวน 4 ตัวที่รองรับ Dolby Atmos และ Smart PA แบตเตอรี่มีความจุ 7,100mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 18W และ reverse charging
SPEC
- หน้าจอ LCD ขนาด 10.4 นิ้ว (2,000×1,200พิกเซล) WUXGA+ ความสว่าง 360nits
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio G80 12nm ที่ใช้การ์ดจอ ARM Mali-G52 2EEMC2
- RAM 3GB + storage (eMMC 5.1) 32GB / RAM 4GB + storage (eMMC 5.1) 64GB, ที่ใส่ microSD card ได้ 1TB
- Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI สำหรับแท็บเล็ต
- กล้องหลัง 8MP
- กล้องหน้ามุมกว้าง 105 องศา 8MP
- ลำโพง 4 ตัว, รองรับ Dolby Atmos, คุณภาพเสียง Hi-Res, ระบบปรับเสียงอัตโนมัติ (Adaptive Surround Sound), Smart PA
- ขนาดตัวเครื่อง: 246.1 x 155.9 x 6.9มม.; น้ำหนัก:440 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G LTE (รุ่นทางเลือก), Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz/5GHz), Bluetooth 5.0, GPS, GLONASS
- ช่องเสียบหูฟัง USB 2.0 Type-C
- แบตเตอรี่ 7,100mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 18W และรองรับ reverse charging
REALME UI
หน้าตาระบบนั้นมีการอิงทางหน้าตา realm UI แต่มีการปรับเปลี่ยนจากมือถือ เรียบง่ายขึ้น เหมือนระบบ Google Pure มากจริงๆทำให้ในสัมผัสแรกเราไม่คิด หรือไม่มีเอกลักษณ์ของค่ายนี้ใส่เข้ามาให้แบบที่คิด ซึ่งถ้ามองจากบรรดาแอปบนเครื่องล้วนจะเป็น Google Based ทั้งหมดไม่เจอแอปจากทาง realme เลยแม้แต่น้อยจะมีแค่กล้องเท่านั้นแต่ถ้าถามว่าดีไหมบอกเลยว่ามันลื่นไหล และ ติดนิ้วอย่างมากรวมถึงความนิ่งการทำงานสั่งงานต่างๆนั้นเสถียรมากๆ
ซึ่งถ้ามองดีๆเราจะไม่ค่อยเห็นความเป็น realme ในหน้าตา realme Pad ตัวนี้เท่าไรเหมือนจะอิงระบบ Pure Android มากกว่ารวมถึงบรรดาแอปทั้งหลายนั้นไม่เจอ realme เลยนั้นเองครับ แม้แต่ realme Share ก็ไม่มีมาให้ ซึ่งระบบตัวนี้แตกต่างกับมือถือชัดเจน และเรียบง่ายมากๆแต่ที่เราจะเจอคือความลื่นไหลที่มากกว่าบนมือถือซะอีกครับถือว่าเป็นข้อดีส่วนนึงของทางด้ายระบบที่เราสามารถใช้งานได้ง่าย และลื่นไหลกว่าบนมือถือในระดบราคาใกล้ๆกัน อีกทั้ง หน้าตา UI ยังแอบไม่พัฒนามาเพื่อ Tablet ในหลายๆส่วนทั้ง UI กล้อง หรือการเข้าถึงในบางส่วนน่าจะดีกว่านี้
DESIGN
ตัวเครื่องดีไซน์เมทัลลิค ทำจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ ผ่านกระบวนการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงเครื่องกลึง CNC ที่ใช้ในการตัดเพชร การชุบผิวแบบอโนไดซ์ ขัดผิวด้วยการพ่นทราย ทำให้ได้ฝาหลังดูพรีเมียมและสัมผัสละเอียด สบายมือ บวกกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบขอบเหลี่ยมที่บางเพียง 6.9 มม. และน้ำหนักเบา 440 กรัม ทำให้มีความบางเบา จับถนัดมือขณะใช้งาน และอัตราส่วน 5:3 มาด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Real Grey และ Real Gold
ทางด้านหน้าจอตัวนี้ยังไม่เต็มขอบมากเท่าไร แต่มีกล้องหน้าเจาะรูมาให้ในแนวนอนขอบบนด้านขวา แต่ยังคงความสวยงามไว้อยู่ด้วยจอโค้ง ที่มีหน้าจอแบบ IPS LCD และหน้าจอสัมผัส WUXGA+ (Widescreen Ultra eXtended Graphics Array Plus) ขนาด 10.4 นิ้ว (2000×1200) ทำให้ภาพละเอียดคมชัด และสีสด
ขอบจอบนด้านขวามานั้นเราจะเห็นว่ามากับพร้อมการเจาะรูสำหรับกล้องหน้า Ultra Wide-angle ความละเอียด 8MP และมีคมชัดระดับ HD และพร้อมฟีเจอร์ Ultra Wide-angle 105° ที่ช่วยจับภาพของเราได้กว้างขึ้นเมื่อถ่ายเซลฟี่
ส่วนขอบจอด้านล่างนั้นบางเท่ากันกับในด้านบน ไม่มีปุ่มอะไรมาให้เพิ่มเติม
ขอบเครื่องทางด้านซ้ายมือยังคงความเรียบของขอบสีเหลี่ยมไว้ไม่มีปุ่มกดอะไรใส่เข้ามา เรียกได้ว่าสวยงามเลย
ส่วนทางด้านขวานั้นเราจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียงมาให้ใช้งาน พร้อมกับ ไมค์ 2 ตัว และช่องใส่ถาดซิมอยู่ด้านล่างสุด เราจะเห็นว่ามีกล้องหลังนู้นขึ้นมาเล็กน้อย ถือว่าลงตัวดีมาก
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นลำโพงใส่เข้ามาให้ทั้ง 2 ฝั่งขนาดใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos และการันตีคุณภาพระดับ Hi-Res มากไปกว่านั้น ยังรองรับ Adaptive Surround Sound ทำให้ได้ยินเสียงรอบทิศทางอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิดเครื่องอยู่ทางด้านขวา
ส่วนของเครื่องด้านล่าง ก็ใส่ ลำโพง มาให้ 2 ฝั่งขนาดใหญ่เช่นกัน รวมทั้งหมดในเครื่องนี้มาพร้อมกับลำโพงพรีเมียม 4 ตัว และมีพอร์ตเชื่อมต่ออยู่ตรงกลางนั้นจะเป็น USB-C รองรับได้สบายๆ และเราจะเห็นรูสำหรับเสียบหูฟังอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง
ฝาหลังเครื่องที่มีบอดี้ทำจากโลหะ ขัดผิวด้วยการพ่นทราย ทำให้ได้ฝาหลังดูพรีเมียมและมีความเงางามอย่างลงตัวเราจะเห็นว่ามีเส้นตรงอยู่ทางริมซ้ายมือผ่าตัวกล้องลงมาทำให้ดูมีความแปลกตาดีเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ ซึ่งถ้ามองดีๆทั้งสองฝั่งที่แบ่งเส้นตรงกลางจะมีความละเอียดของสีที่แตกต่างกันเล็กน้อย และมีโลโก้ realme อยู่ทางด้านล่างขวาในฝาหลังของเครื่อง
ตัวกล้องหลังนั้นมีดีไซน์แบบวงกลม และมีเลนส์กล้องมาให้ตัวเดียวโดดๆ พร้อมกับความละเอียด 8MP HD ที่มีพิกเซล 1.16µm และเลนส์ 28 มม. f/2.0 รองรับออโต้โฟกัส
SCREEN
มาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอ Ultra-Slim และมีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 10.4 นิ้ว แบบ IPS LCD โดยมีอัตราส่วน 5:3 และสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 82.5% จอสบายตา มาพร้อมกับโหมดรองรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เพื่อถนอมสายตา เช่น Reading Mode ทำให้หน้าจอขณะอ่านมีสีที่ใกล้เคียงกับกระดาษ ทำให้ดวงตาไม่เมื่อยล้าเมื่อจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน Dark Mode ช่วยถนอมดวงตาขณะใช้งานในที่มืด และ Night Mode จะช่วยปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ ลงอย่างต่ำ 2 nits ช่วยถนอมสายตาขณะใช้งานตอนกลางคืน สุดท้าย Sunlight Mode จะช่วยปรับหน้าจอสว่างอัตโนมัติอยู่ที่ความสว่างสูงสุด ช่วยให้มองเห็นหน้าจอชัดในที่แสงจ้า พร้อมหน้าจอสัมผัส WUXGA+ ความละเอียด 2000×1200 ที่ทำให้ภาพละเอียด คมชัดและสีสดสวยงาม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้ CPU MTK HELIO G80มาพร้อมกับ RAM 4GB และ ทำคะแนน Antutu ไปได้ที่ 154855 คะแนนครับ ส่วนเรื่องของหน่วยความจำเป็นแบบ UFS อ่านเขียนได้ที่ 301 MB/S และ 198MB/s และ Geekbench นั้นทำคะแนนไปได้ 325 และ 1305 คะแนนครับ ถือว่าทำได้ดีในด้านการใช้งานจริงระบบทั่วไป คะแนนระดับกลางๆแน่นอนว่าด้วยระดับราคาเน้นเจาะกลุ่มคนเริ่มต้นใช้งานไม่แพงมากนัก และเน้นแบตอึดมากกว่า และมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ ลำโพงแน่น ซึ่งทำให้คะแนน หรือสเปกอาจจะไม่ได้แรงสะใจเท่าไรนักในตัวนี้
BATTERY 7,000 MAH
มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดยักษ์ 7,100 mAh ที่ทนทานต่อการใช้งานตลอดทั้งวัน สามารถใช้งานในโหมด standby ได้นานถึง 65 วันเลยทีเดียว หรือดูวิดิโอต่อเนื่องได้นานถึง 12 ชั่วโมง และมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 18W เพื่อรองรับการชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยในเวลาที่เราเร่งรีบ และรองรับการชาร์จแบบย้อนกลับด้วยสาย On-The-Go (OTG) ทำให้ realme Pad สามารถเป็น Power Bank ให้กับสมาร์ตโฟนของเราได้เลย
DOLBY ATMOS QUAD SPEAKER
ลำโพง 4 ตัว ด้วยเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos และการันตีคุณภาพระดับ Hi-Res มาพร้อมกับลำโพงพรีเมียม 4 ตัว เสียงดังก้องกังวานด้วยระบบเสียง Smart PA มากไปกว่านั้น ยังรองรับ Adaptive Surround Sound ทำให้ได้ยินเสียงรอบทิศทางอย่างเต็มประสิทธิภาพ
CAMERA
กล้องหน้าและกล้องหลังของ realme Pad มีความละเอียดเท่ากันที่ 8MP สำหรับกล้องหน้ามีเลนส์แบบ Ultra Wide-angle มาให้ ความละเอียดที่ 8MP ถือถ่ายออกมาได้สวยงามกำลังดี ในส่วนของฟีเจอร์ไม่มีอะไรใส่มาให้เลยทั้งหน้าและหลัง เป็นกล้องธรรมดาเดี่ยวๆ ในโหมดนี้สำหรับคนชอบถ่ายรูปก็อาจจะไม่ได้ถูกใจ แต่สำหรับคนไม่ค่อยเล่นกล้องก็เหมาะกับการทำงานทั่วไปคุ้มค่ากับราคาที่ได้มา กล้องด้านหน้าและด้านหลังรองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080p ที่ 30fps
REALME BAND 2
realme Band 2 ได้เปลี่ยนดีไซน์ให้ดูมีความเป็นสมาร์ตวอทช์มากขึ้น มาพร้อมกับการอัปสเปกที่ดีมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขนาดหน้าจอจากเดิมที่มีขนาดอยู่ที่ 0.96 นิ้วมาเป็นหน้าจอสีขนาด 1.4 นิ้ว หน้าจอแบบโค้งเล็ก กระทัดรัด เบาสบาย จัดว่าเป็น Smartwatch ที่ทำออกมาได้ดีและลงตัว แต่ยังคงใช้งานพาเนลหน้าจอเป็น TFT LCD เช่นเดิม ความละเอียด 320 x 167 พิกเซล พร้อมความสว่างสูงสุด 500 นิต มีหน้าปัดให้เลือกใช้กว่า 50 แบบ ในเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ นั้นเรียกได้ว่ายังคงจัดเต็มเหมือนเดิม มีมาตรฐานกันน้ำลึดสุดถึง 50 เมตร มีวัดระดับออกซิเจนในเลือดและอัตราการเต้นของหัวใจ และรองรับโหมดกีฬา 90 โหมด ซึ่งต่างจากโหมดออกกำลังกายใน realme Band รุ่นแรกที่มีเพียง 9 โหมดเท่านั้น มาพร้อมแบตเตอรี่ 204mAh ที่ทำให้ realme Band อยู่ได้ยาวนาน 12 วันต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง realme Band 2 นั้นสามารถใช้งานสายรัดข้อมือร่วมกันกับ realme Band รุ่นแรกได้อีกด้วย ทำให้ผู้ใช้งานที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ realme Band 2 นั้นสามารถใช้งานสายรัดข้อมือเดิมที่ซื้อไว้แล้วได้เลย ต้องบอกว่าเรื่องของฟีเจอร์ แบตเตอรี่ และภาพรวมนั้นไม่ธรรมดาและราคาก็จับต้องได้ สมกับคุณภาพที่ได้เลย
SPEC
- หน้าจอ LCD สีขนาด 1.4 นิ้ว (167×320พิกเซล) 257 PPI, ความสว่าง 500nits
- accelerometer 3 แกน, เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ GH3011 แบบประหยัดพลังงาน, เซนเซอร์ SpO2,
- มอเตอร์สั่น Rotor Vibration
- Bluetooth 5.1 เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Android 5.0 ขึ้นไปผ่านแอป realme Link
- โหมดกีฬา 90 โหมด เช่น การเดินแบบ Outdoor/Indoor, การปั่นจักรยานแบบ Outdoor, การวิ่งแบบ Indoor/Outdoor, บาสเก็ตบอล, ว่ายน้ำ, เครื่องเดินวงรี, Free training
- ตรวจจับความเครียด, การหายใจ Cycles, การออกกำลังกาย, ค้นหาโทรศัพท์, พยากรณ์อากาศ, ตั้งนาฬิกาปลุก,
- ควบคุมการเล่นเพลง, ตั้งเวลา, ควบคุมการถ่ายรูป, นาฬิกาจับเวลา,
- วิเคราะห์การนอน แจ้งเตือนการโทรเข้า, ข้อความเข้า
- กันน้ำ 5ATM (50เมตร)
- ขนาดตัวเครื่อง: 259.8×24.6×12.1มม.;
- น้ำหนัก: 27.3 กรัม
- แบตเตอรี่ 204mAh ใช้งานได้ 12 วัน
DESIGN
งานออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นแรกอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นดีไซน์หน้าจอ ตัวเรือนต่างๆ การออกแบบการควบคุม และฝาหลังตัวเรือนที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงใหม่หมด ใน realme Band 2 มีตัวเรือนขนาด 259.8×24.6×12.1 มิลลิเมตร ผลิตจากวัสดุประเภทโพลีเมอร์น้ำหนักเบาเพียง 27.3 กรัม และมีหน้าปัดแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 25 มิลลิเมตร. เรียกได้ว่าสวยงามมากๆ ดูเล็กเบาสบาย อีกทั้งสายนาฬิกามีให้เลือกใช้งานอยู่สามประเภท ได้แก่ Sport Band, สายหนัง และ สายซิลิโคน
ด้านข้างจะไม่มีปุ่มอะไรเยอะในด้านซ้ายจะเป็นเรียบๆเราจะเห็นบอดี้พลาสติกสีดำเงาเพราะกับหน้าจอโค้งนิดหน่อยในด้านบน เน้นการใช้งานบางเบา เล็กไม่เกะกะ ออกมาราคาไม่แรงนั้นเหมาะสำหรับสายออกกำลังระดับเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี
งานออกแบบในรุ่นน้องนั้นดีไซน์มีการเปลี่ยนมาเป็นหน้าปัดสี่เหลี่ยมขอบโค้งสวยงามซึ่งแตกต่างกับรุ่นพี่ มีหน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียด 320×167 พิกเซล ดันความสว่างได้สูงสุด 500nits และปรับแต่งหน้าจอได้กว่า 50 รูปแบบ ทาง realme Band 2 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 204mAh โดยทางบริษัท เคลมเอาไว้ว่าสามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 12 วัน ซึ่งผ่านการทดสอบการชาร์จแบตเตอรี่มา 5,000 ครั้ง โดยตัวแบรนด์จะรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 และมีชิป Goodix ที่เปิดใช้งาน Bluetooth LE ได้
ด้านหลังเป็นเซนเซอร์ตรวจจับ มีไฟกระพริบสีเขียว ถัดลงมาด้านล่างเป็นจุดเชื่อมต่อกระแสไฟเพื่อชาร์จ
realme Band 2 รุ่นนี้สามารถถอดเปลี่ยนสายของนาฬิกาได้ ในการเปลี่ยนสายนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยตนเองและมีวิธีการที่ง่ายมากๆเลยเพราะเป็นขั้วสลัก สามารถดึงลงแล้วถอดได้เลย อีกทั้งสายนาฬิกาที่แถมให้มาในกล่องจะมีให้เลือกใช้ทั้งหมดสามประเภท ได้แก่ Sport Band , สายหนัง และ สายซิลิโคน แตกต่างกันเพียงความยาวของสายเท่านั้น สามารถเลือกใช้สายได้ตามขนาดของข้อมือเราเลย มีขนาดเล็ก กระทัดรัด อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนเลยเลย
สำหรับสายเป็นยางซิลิโคนที่มีความอ่อนนุ่ม ผิวสัมผัสเรียบเนียนใส่สบาย มีเกลียวยึดเกาะที่แน่นหนา แนะนำให้ใส่กระชับพอดี ไม่แน่นไม่หลวม และเป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้งานในตลาด ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนสายได้ในสไตล์ของตนเอง ถือว่าทำออกมารองรับได้ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ดีไซน์เรียบๆ พร้อมกับเขียน Dare To Leap เป็นสโลแกนของแบรนด์นั้นเอง
SCREEN
realme Band 2 มาพร้อมหน้าจอสีขนาด 1.4 นิ้ว หน้าจอ TFT-LCD ขนาด 1.4 นิ้ว ให้ความละเอียดสูง 167×320 พิกเซล เมื่อเทียบกับ realme Band รุ่นแรกที่มากับหน้าจอเพียง 0.96 นิ้วและปุ่มกดเพื่อสั่งงานต่างๆ จะเห็นได้ชัดว่า realme Band 2 มาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่กว่าและสัมผัสอย่าง Full-Screen หน้าจอถนอมสายตา ด้วยความละเอียด 167×320 พิกเซล ทำให้ realme Band 2 แสดงภาพที่มีคุณภาพสูงและสีสด มีความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 500nit ช่วยให้มองเห็นหน้าจอชัดขึ้นในที่แสงสว่างสูง แต่ซึ่งทำให้การใช้งาน Realme Band 2 ในที่ที่มีความสว่างมากนั้นจะมีปัญหาเรื่องของการมองรายละเอียดข้อมูลบนหน้าจอได้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก (เหมือนกับ Realme Band รุ่นแรกแต่ก็จะดีกว่าหน่อยเพราะหน้าจอใหญ่ขึ้นทำให้เห็นข้อมูลใหญ่มากขึ้น) หน้าปัดใช้งานได้ง่าย และสัมผัสติดนิ้วได้ดี สู้แสงดีระดับนึงไม่มีปัญหา
WATCH FACE
realme Band 2 มีหน้าปัด Watch Face มากกว่า 50 แบบ และสามารถปรับแต่งหน้าปัดเองได้โดยใช้รูปจากสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อเอาไว้ก็ได้
SPo2
มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับความแม่นยำขั้นสูง ซึ่งใช้พลังงานต่ำ ประกอบไปด้วยไดรเวอร์ LED 3 ตัว ได้แก่ โฟโตไดเอด (Photodiode/PD) และอะนาล็อก ข้างหน้าและข้างหลัง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเซนเซอร์ GH3011 ที่รองรับฟังก์ชันวัดการเต้นของหัวใจ (Heart Rate/HR) วัดการแปรผันของหัวใจ (Heart Rate Variability/HRV) วัดความอิ่มตัวออกซิเจนของฮีโมโกลบินจากชีพจร (Peripheral Capillary Oxygen Saturation/SpO2) และตรวจจับการส่วมใส่ ตรวจวัดออกซิเจนในเลือด สามารถตรวจวัดออกซิเจนในเลือดได้ โดยผลมีความแม่นยำที่อ้างอิงกับการตรวจทางการแพทย์ได้ อย่างไรก็ตาม realme Band 2 ไม่ใช่เครื่องมือทางการแพทย์และข้อมูลไม่สามารถใช้เพื่อวินิจฉัยโรคได้โดยตรง
HEARTRATE
มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับความแม่นยำขั้นสูง ซึ่งใช้พลังงานต่ำ ประกอบไปด้วยไดรเวอร์ LED 3 ตัว ได้แก่ โฟโตไดเอด (Photodiode/PD) และอะนาล็อก ข้างหน้าและข้างหลัง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเซนเซอร์ GH3011 ที่รองรับฟังก์ชันวัดการเต้นของหัวใจ (Heart Rate/HR) วัดการแปรผันของหัวใจ (Heart Rate Variability/HRV) วัดความอิ่มตัวออกซิเจนของฮีโมโกลบินจากชีพจร (Peripheral Capillary Oxygen Saturation/SpO2) และตรวจจับการส่วมใส่
ตรวจจับการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ ด้วยความถี่สูงสุดอยู่ที่ 1kHz ทำให้ realme Band 2 รองรับการตรวจจับการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และผู้ใช้สามารถกำหนดช่วงเวลาตรวจจับได้ตั้งแต่ 5 นาที/ 10 นาที/ 20 นาที/ 30 นาที ได้ตามต้องการ
REALME LINK
สามารถใช้ควบคู่กับ realme Link เพื่อสั่งงานอุปกรณ์ IoT ต่างๆได้ เช่น หูฟัง ลำโพง หลอดไฟ เครื่องชั่งน้ำหนัก กล้องวงจรปิด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ควบคู่กับสมาร์ตโฟนเพื่อเปิด-ปิดเพลงหรือถ่ายรูป
90 SPORT MODE
ฟีเจอร์นี้ถือว่าโดดเด่นมากๆ เพราะสามารถเลือกประเภทการออกกำลังกายได้ถึง 90 ประเภท เช่น วิ่งกลางแจ้ง วิ่งในร่ม เดินกลางแจ้ง เดินในร่ม ปั่นจักรยานกลางแจ้ง ปั่นจักรยานฟิตเนส ปีนเขา ว่ายน้ำ บาสเกตบอล โยคะ โบว์ลิ่ง เรือพาย เครื่องเดินวงรี คริกเกตและอื่นๆ ที่เพิ่มจากรุ่นก่อนที่มีแค่ 9 โหมด ซึ่งสามารถวัดค่าต่างๆในร่างกายขณะเล่นกีฬา โดยสามารถเลือกโหมดให้ตรงกับชนิดกีฬาที่เล่น ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ปั่นจักรยาน การฝึกเทรนนิ่งเพิ่มความแข็งแรง ว่ายน้ำและอื่นๆ ที่สำคัญมีระบบจดจำและบันทึกข้อมูลการออกกำลังกาย แคลอรี่ที่บริโภคและแคลอรี่ที่เผาผลาญไปทั้งหมด แบบรายวันและรายสัปดาห์ และ กันน้ำลึกระดับ 50 เมตร ทาง realme ได้พัฒนาและเพิ่มการป้องกันการซึมผ่านของน้ำจาก IP68 เป็น 5ATM ดังนั้น ไม่ว่าจะเล่นกีฬาที่เหงื่อออกมากหรือว่ายน้ำทั่วไป ก็สามารถส่วม realme Band 2 ได้อย่างไร้กังวล
NOTIFICATION
มีการแจ้งเตือนทุกแอปพลิเคชันและแสดงไอคอนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการโทร SMS หรือข้อความจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Facebook, Whatsapp, Instagram และอื่น ๆ โฟน การแจ้งเตือนการอัปเดตต่างๆ รองรับหลายภาษา ปรับความสว่างและปรับความสั่นได้ซึ่งการสั่นแจ้งเตือนอะไรทำได้ดีไม่มีอาการหน่วงแต่อย่างใด ควบคุมด้วยสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อ REALME LINK และสามารถขยับข้อมือเพื่อทำการเปิดหน้าจอได้ เมื่อเราไปออกกำลังแบบไม่ได้พกมือถือไปหน้าจอก็จะโชว์ข้อมูลหลายๆส่วนว่า ระยะทาง เวลา ชีพจรสามารถเลื่อนไปมาได้ดูข้อมูลได้ทั้งหมด รองรับการใช้งานได้สบายๆ และมีภาษาไทยพร้อมใช้งาน
REALMEPAD , REALME BAND 2
REALMEPAD เป็นอุปกรณ์แท็ปแล็ตรุ่นแรกของทางแบรนด์ ถือว่าจัดทำออกมาได้ดีเลยในการผลิตครั้งแรก ดีไซน์บางเบาจับถนัดมือ พร้อมกับความครบเครื่องเรื่องเทคโนโลยี ฟังก์ชันล้ำสมัย รองรับความบันเทิงทุกรูปแบบ เหมาะสำหรับทำงาน เรียนออนไลน์ เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง สตรีมมิ่ง เล่นโซเชี่ยล ถือว่าคุ้มราคามากๆ อาจจะยังไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่สำหรับตัวนี้ แต่ครั้งต่อไป ทาง realme ต้องทำสเปกออกมาได้ดีขึ้นแน่นอน ส่วนทางเจ้าตัว REALME BAND 2 สมาร์ตวอทช์น้องใหม่จากทางค่าย ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบชัดเจนจากรุ่นแรก ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของหน้าตารูปทรง และแน่นอนว่ายังคงเด่นเรื่องของการทำราคาได้ดีและสเปก ไม่ว่าจะเป็นการวัดชีพจร หรือ การวัดออกซิเจนในเลือด อีกทั้งรองรับภาษาไทยและการแจ้งเตือนทุกอย่างยังทำได้ดีเช่นเดิม โหมดการออกกำลังกาย 90 โหมด รองรับการออกกำลังทุกประเภท และรองรับกันน้ำ IP68 ใครที่กำลังหา Smartwatch และ Tablet ตัวใหม่ ทั้งสองรุ่นนี้ตอบโจทย์มากๆ เป็นรุ่นที่ถือว่าครบมากๆตัวนึงของแบรนด์ ในราคานี้จัดว่าทำออกมาได้ดีและคุ้มค่าเลย
ข้อดี
- งานออกแบบสวย และดูดีมากๆกว่ารุ่นพี่
- กันน้ำลึกระดับ 15 เมตร
- โหมดออกกำลังกาย 90 โหมด
- สามารถใช้ควบคู่กับ realme Link
- รองรับ Smart AIoT Control
- ใช้งานยาวนาน 12 วัน
- สร้างสรรค์และกำหนดหน้าปัดเองได้
- รอบรับการวิเคราะห์การนอนหลับ
ข้อสังเกต
- ยังคงเป็นหน้าจอ LCD เลยทำให้ไม่มี Always On Display
- Software UI ในการใช้งานยังแปลกๆ
ข้อดี
- จอแสดงผลขนาด 10.4 นิ้วใหญ่กำลังดี
- ดีไซน์น้ำหนักเบา
- ราคาเปิดตัวถูก
- ลำโพง 4 ตัว เสียงแน่น คุณภาพสูง
- รองรับ microSD card สูงสุด 1TB
- แบตเตอรี่ขนาดยักษ์ 7,100 mAh
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับ HDR10
- ฟีเจอร์ถ่ายภาพน้อย
- หน้าจอยังคงเป็น 6OHz เท่านั้น
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget