มือถือที่กระแสแรงมากๆตอนเปิดตัว และเป็นที่เรียกเสียงฮือฮากันเยอะมากคงหนีไม่พ้นรุ่นนี้ Redmi Note 7 และก็เป็นอีกรุ่นที่รอกันนานมาก นานจนจะลืมไปเลยว่ามันมีรุ่นนี้อยู่กว่าจะเข้าไทยจนบางคนหนีไปตัวอื่นกันหมดแล้ว แต่มาช้าดีกว่าไม่มา รุ่นนี้ก็ได้เปิดตัวในไทยเรียบร้อยครับ ซึ่งทาง Xiaomi ได้นำเข้ามาเรียบร้อยในประเทศไทย เป็นรุ่นที่หลายคนรอเพราะมันให้สเปคอะไรที่คุ้มค่า กับราคาที่ไม่แรงเกินไปทั้งกล้องหลังโหด Snapdragon 660 รองรับ QC 4.0 และ ยังเป็นพอร์ทเชื่อมต่อแบบ Type-C อีกด้วยในราคาที่ไม่แพงจนทำให้กระแสมันแรงมากๆเลยแหละ และเป็นรุ่นแรกของแบรนด์ย่อยจากทาง Xiaomi ที่ทำตลาดในชื่อ Redmi นั้นเองครับ จะคุ้มแค่ไหนกันมาชมกันเลย

Redmi Note 7 เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นที่อัดแน่นเต็มเครื่อง มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.3 นิัว Full HD + มาพร้อมรอยบากรูปหยดน้ำ ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 660 AIE รันบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10 และ ในส่วนของกล้องนั้นก็จัดเต็มเหมือนกันเลยคือ  กล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ISOCELL Bright GM1 ของ Samsung รูรับแสง F/1.8 พร้อมระบบ AI กล้องหน้าความละเอียด กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 4000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว Quick Charge 4.0 และ USB Type-C ด้วย !

Redmi Note 7 ทางด้านราคานี่แหละที่ทำให้มันน่าสนใจ โดยในไทยนั้น มาพร้อมกับ RAM 4GB STORAGE 128 GB เปิด ราคามาแค่ 6,799 บาท โดยมาพร้อมกับสี Space black /Neptune Blue / Nebula Red นั้นเองครับ พร้อม ประกัน 18 เดือน !! รุ่น 3/32 GB 4,999 บาท  (รุ่น 4/64 ราคา 6,599 บาท เฉพาะ Ais )

UNBOX

ตัวกล่องนั้นมาในธีมสี ขาวส้มเช่นเดิมยังแอบมีโลโก้ Xiaomi อยู่มุมขวาครับแม่จะเป็นแบรนด์ลูกแล้วแต่ก็ทำตลาดในเจ้าของเดียวกัน ส่วนในกล่องนั้นก็ให้มาค่อนข้างครบ ทั้ง เคส ที่ชาร์จ คู่มืออะไรต่างๆ แต่ขาด หูฟัง และ ฟิลม์กันรอยนะครับที่ไม่มีให้มา แต่ถ้าใครจำกัดได้ โฆษณาอย่างโหดว่าจอแข็งแรง สงสัยเลยไม่ให้ฟิลม์มาในกล่องนั้นแหละครับ

ตัวเคสนั้นมีมาให้ด้วยในโทนสีดำตามตัวเครื่อง ถ้าเครื่องสีแดง น้ำเงิน เคสแถมจะเป็นสีใสครับและมีความบางพอสมควรและมันเป็นแบบเดียวกับเคสแถม Mi 9 เลยทั้งวัสดุและความบาง และ ที่สำคัญมันไม่ปกป้อง เลนส์กล้อง และหน้าจอเลยครับเวลาวางกับพื้นโต๊ะ หรือ วางคว่ำ จุดนี้ต้องระวังกันหน่อยสำหรับใครที่ใช้เคสแถมมาในกล่อง

DESIGN

การออกแบบโดยรวมนั้นทำได้ดีครับตอนแรกสัมผัสอย่างแรกคือกระจกจริงๆและทำได้เนียนงานดีมากครับ วัสดุเป็นกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าและหลังเลย เรือธงบางยี่ห้อยังต้องยอมเลยจุดนี้ ส่วนขอบข้างๆยังเป็นพลาสติกครับ ความหนาทำได้ดีฝาหลังเรียบๆไม่มีมุมโค้งอะไรครับอาจจะจับถือยากกว่านิดหน่อย และ ตัวเครื่องเป็นสีดำสนิทไม่มีเล่นเลเยอร์อะไร หรือเล่นกับแสงอะไรมากนัก แตกต่างกันรุ่นสีแดงม่วงที่จะเล่นสีฝาหลังได้สวยกว่าครับ ซึ่งอันนี้จะเรียบๆกว่า ดำล้วนๆสะท้อนได้เหมือนกระจกหน้าจอเลยแหละ การวางกล้องตำแหน่งคุ้นเคยกันดี พร้อมกับสแกนนิ้ว

หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมกับ ติ่งแบบหยดน้ำแต่เป็นหยดแบบใหญ่ๆหน่อยครึ่งวงกลมเลย แต่ขอบก็ยังแอบหนาอยู่พอสมควรนะ หน้าจอเป็น จอ IPS LCD ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+  อัตราส่วน 19.5 :9 ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ขอบตัดเรียบไม่มีโค้ง 2.5D 3D อะไรพวกนั้นเลยติดฟิลม์ได้ง่ายครับในด้านหน้า

ขอบด้านบนนั้นจะเห็นว่าจะแอบหนากว่าข้างๆแบบชัดเจนเลย และ ไฟแจ้งเตือนย้ายไปขอบล่างแทนครับ ด้านบนเป็นพวก ลำโพงตามแนวยาว และ กล้องหน้า รวมถึงเซนเซอร์อะไรต่างๆก็ให้มาครบซ่อนอยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมดครับ

ขอบด้านล้างอันนี้จะมีไฟแจ้งเตือนตรง บริเวณขวาล่างนะครับ เป็นไฟสีขาวเล็กๆมองเห็นได้ชัดอยู่ พร้อมกับปุ่มควบคุมที่ย้ายไปบนจอทั้งหมดและขอบล่างจริงๆก็ยังหนาอยู่ตามปกติระดับมือถือในเรทเท่านี้ครับ พอๆกับคู่แข่งหลายๆตัว

ขอบด้านบนนั้นเป็น รูหูฟัง 3.5 มม. และ รูไมค์ รวมถึงมี IR สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้ด้วย ! อันนี้ชอบบ

ขอบด้านซ้ายนั้นจะไม่มีอะไรครับเรียบๆ มีช่องใส่ซิมแบบ ** ถาดซิมมีซีลกันฝุ่นมาให้ด้วยนะ** Hybrid Slot แน่นอนว่ารองรับ Dualsim  แต่ไม่ใช่แบบ  Triple Slot แอบเสียดายเหมือนกัน มองด้านนี้จะเห็นการออกแบบว่าจอเรียบๆและด้านหลังก็เรียบๆเหมือนกันครับ

ขอบด้านข้างขวากันบ้างเล่นการใช้สีเงาทั้งเครื่อง ปุ่มทั้งหมดอยู่ด้านนี้ ทั้งปุ่ม Power เพิ่ม ลดเสียงครับ และจะเห็นนิดๆว่ากล้องหลังนูนออกมาเล็กน้อยครับ และใส่เคสแถมก็ไม่ได้ช่วยป้องกันได้แต่อย่างใด ระวังกันนิดนึงนะครับ

ขอบด้านล่างนั้นเป็น รูลำโพง 1 ข้างเสียงออกแค่ข้างขวานะครับ เพราะอีกข้างทำออกมาให้มันสมมาตรกัน อย่าเข้าใจผิดว่าจะต้องออกทั้ง 2 ข้างนะครับ ส่วนไมค์ก็ซ่อนไว้ในช่องหลอกด้านซ้ายนั้นแหละ และ ช่อง USB-C  มาให้ ! ในเรทนี้เรียกได้ว่าบ้ามากครับที่ใส่เข้ามา รุ่นแพงๆบางยี่ห้อยังไม่ให้เลย ต้องยอมรับเลยแหละในจุดนี้ ขอชมๆ

ด้านหลังกระจกทั้งชิ้น กระจกจริงๆไม่ใช่พลาสติกครับ มาในเต็มแผ่นพร้อมกับใช้กระจก Gorilla Glass 5 กันเลยทีเดียวฝาหลังเรียบๆไม่มีโค้งรับมือแต่อย่างใด ออกแบบเรียบๆแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบแต่อาจจะจับไม่กระชับเท่าไรครับ ด้านหลังมาพร้อม สแกนนิ้วมือ ยี่ห้อข้างล่าง และ ตรงกล้องบอกกันชัดๆว่า 48MP พร้อมกล้องคู่ AI ด้วยเลยนะ

SPEC

  • Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10
  • จอ IPS LCD ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ แบบมีติ่งทรงหยดน้ำ อัตราส่วน 19.5 :9
  • ใช้กระจก Gorilla Glass 5 บาง 0.8 มิลลิเมตร แบบโค้ง 2.5 ทั้งด้านหน้าและหลัง
  • CPU  Qualcomm Snapdragon 660
  • GPU Adreno 512
  • RAM  4GB
  • ROM 64GB รองรับ Micro SD Card สูงสุด 512 GB
  • รองรับ Hybrid Dual SIM
  • กล้องหลัง Dual Camera ความละเอียด 48MP Samsung sensor with f/1.8 + 5 MP
  • กล้องหน้า 13MP + AI Smart Beauty
  • รองรับระบบสแกนใบหน้า + สแกนนิ้วมือ
  • มีช่องหูฟัง 3.5 mm ชิพเสียง AK 98937 Smart PA
  • พอร์ต USB Type – C
  • Bluetooth 5.0 , และ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac รองรับ 5Ghz 2.4Ghz
  • แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับระบบ Quick Charge 4.0

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ถือว่าสมราคาและดีกว่าที่คิดในเรื่องการใช้ Snapdragon 660 AIE ทำคะแนนไปได้ 136843 และ หน่วยความจำเป็นแบบ Emmc 5.1 ส่วนคะแนน Geekbench ทำไปได้ 1662 และ หลายแกนที่ 5092 ครับ ส่วนในเรื่องความปลอดภัย DRM นั้นเช็คแล้วได้ Widevine L1 สำหรับรอมที่ขายในไทยนะครับรองรับได้ปกติเลย

SYSTEM UI

หน้าตาระบบใช้ MIUI 10 ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอพยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆครับ ไม่มี Appdrawer นะครับในตัวนี้ การแจ้งเตือนไม่มีเลข แต่เด้งเตือนอะไรได้ค่อนข้างดีถ้าเปิดจอไว้อยู่ครับ มีเลขมุมแอพแจ้งเตือนมาให้ รองรับภาษาไทยปกติครับ รอมตัวนี้ใช้งานไม่มีปัญหาอะไร

หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอพอะไรได้ปกติครับผม ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอพเอาเลย

หน่วยความจำ 64GB พื้นที่ระบบกินไป 10.31 GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 52 GB ครับ ส่วน RAM 4 GB ตัวนี้ใช่งานไป 2.3 ครับ เหลือใช้งานได้ 1.7GB เหลือๆสบาย ส่วนแป้นพิมพ์นั้นให้ของทาง Google มาใช้งานกันคุ้นๆกันดีครับแฟ้นพิมพ์อันนี้ใช้งานได้สะดวกและเสถียรมากๆอีกตัวเลย

มีสแกนนิ้ว สแกนใบหน้ามาให้ครบ สามารถเปิดกล้องแบบด่วนได้ ปลุกหน้าจอด้วยปุ่มลดเสียงอะไรพวกนี้ครับ ไฟแจ้งเตือนมีมาให้ตรงขอบด้านล่างสีขาว และ ใช้งานแบบเต็มหน้าจอ ปัดไปมาได้รวมถึง *ไม่มีปิดติ่งหน้าจอมาให้นะครับ*

การตั้งค่าอื่นๆทั้งเรื่องของ ล็อคแอป โคลนแอป ต่างๆนั้นมีมาให้หมดเช่นเคยครับ ส่วนในเรื่องของ Gesture ต่างๆนั้นมีมาให้ครบเช่นเดมิเลยสามารถตั้งค่าเปิดปิดอะไรได้ปกติครับทั้งเปิดกล้อง ไฟฉายทั้งหลาย และ เคาะ 2ครั้งเปิดจอได้ด้วยครับ รวมถึงโหมดการอ่านอะไรก็มีมาให้สามารถปรับโทนได้เลย

THEME

ธีมหน้าตาการใช้งานเป็นอีก จุดเด่นของค่ายนี้ครับคือมันปรับแต่งได้เยอะมากๆและเปลี่ยนหลายหน้าต่างเลยไม่ใช่แอพเปลี่ยนพื้นหลัง หรือ เปลี่ยนแค่ไอคอน แต่มันเปลี่ยนไปถึงแอพอื่นๆของทางเครื่องด้วย รวมถึงหน้าตาโทนสีของหน้าแจ้งเตือน หน้าตั้งค่าอะไรทั้งหลาย เวลาใช้งานโทรเข้าออกก็เปลี่ยนตามด้วยครับเป็นจุดที่หลายๆค่ายนั้นเริ่มหายไปเพราะปรับเปลี่ยนได้น้อยลงเรื่อยๆเลย สำหรับใครชอบเปลี่ยนธีม MIUI ยังคงตอยสนองจุดนี้ได้ดีมากๆเลยแหละแต่แอพมากับเครื่องชอบใส่โฆษณามาแบบในภาพไม่ค่อยชอบเลยนะจริงๆ

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้เป็นหน้าจอแบบ  IPS LCD ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ แบบมีติ่งทรงหยดน้ำ อัตราส่วน 19.5 :9 หน้าจอโดยรวมในการออกแบบกันก่อนครับเป็นหน้าจอแบบมีติ่งเล็กน้อยโดยรวมก็ไม่ได้แย่อะไรแต่ขอบรวมๆนั้นแอบหนากว่าที่คิดไว้ครับ ส่วนเรื่องคุณภาพสีสันอะไรทำได้ดีนะในมุมมองตรงๆกันก่อนสีที่ได้รองรับได้ว้างและมีความแม่นยำสูงเลยแหละ แต่ด้วยการที่เป็นจอแบบ LCD ทำให้เวลาเจอแสงแดดอาจจะไม่ได้สู้ได้ดีเท่าไร และในส่วนของการแสดงผลสีดำนั้นทำให้มันไม่ดำสนิทเท่าไร มองบางมุมจะเป็นโทนสีเทาๆได้อยู่ครับส่วนของหน้าจอนี้

เมื่อมองด้านข้างจอนั้นจะดรอปลงเล็กน้อยในเรื่องของความสว่างและแน่นอนว่า ความดำของหน้าจอเวลามองเอียงๆแบบนี้นั้นจะค่อนข้างเห็นชัดว่ามันจะออกเทาๆไม่ได้ดำล้วนๆเท่ากันเท่าไรครับเป็นปกติสำหรับจอ LCD บางตัวครับ ส่วนในการใช้งานจริงๆก็ไม่ได้แย่อะไรนะถ้าเปิดภาพอะไรทั่วไปแบบในภาพเลยครับดรอปลงมานิดหน่อย ส่วนการสัมผัสการติดนิ้วไหมอันนี้ก็ถือว่าทำได้ดี ไม่ได้แย่แบบบางรุ่น และ ลื่นติดนิ้วดีกว่ารุ่นก่อนพอสมควรครับจากที่ลองใช้ อาจจะเป็นเพราะกระจกหน้าจอที่ดีกว่าเดิม การเคลือบสารอะไรย่อมดีกว่า และไม่ได้ติดฟิลม์มาให้ด้วยเลยทำให้ใช้ลื่น

SOUND

ระบบเสียงกันหน่อยในรุ่นนี้มาพร้อมกับรู 3.5 มม. และ โปรโมทกันว่ามาพร้อมชิพเสียง AK 98937 Smart PA แน่นอนว่าดีกว่าไม่ให้มาครับ จะเป็นขับในส่วนลำโพงเด่นกว่าเดิม แต่ที่ลองเสียบผ่าน 3.5 รู้สึกว่า เสียงตัวนี้ทำให้มันโดดเด่นกว่าเพื่อนคู่แข่งออกมาแบบชัดเจนครับ ก็จะเป็นเรื่องกำลังขับที่มามากกว่าตัวอื่น จากที่ลองเทียบกันจริงๆนั้นรู้สึกว่าทาง Mi9 นั้นเสียงด้อยกว่าตัวนี้แบบรู้สึกได้ครับ ตัว Redmi เสียงจะแน่นกว่า และเบสมาแน่นกว่า ในระดับเสียงเท่ากันขับได้มากกว่าครับ ถือว่าใช้งานได้ดีเลยแหละ แต่เสียงแหลมยังมาแบบจัดเล็กน้อยในบางช่วงครับ และสูงไปหน่อยครับ อาจจะไม่ได้ลงตัวหมดแต่ก็ดีกว่ารุ่นที่ไม่มีชิพเสียงมาให้แบบรู้สึกได้เลยแหละอันนี้ขอชม ไม่รู้ว่าเสียงผ่าน 3.5 นั้นมีการผ่านตัวชิพเสียง AK ที่ช่วยให้เสียงมันค่อนข้างดีขึ้นไหม เพราะฟังเทียบกันมันแตกต่างกันอยู่

SPEAKER

ในส่วนของลำโพงตัวนี้ขอเอามาเทียบอีกรุ่นนิดนึงเพื่อที่จะเห็นการเทียบฟังเสียงชัดเจนขึ้น แน่นอนว่าลำโพงตัวนี้ก็ทำงานได้ดีแม้จะเป็นลำโพงเดี่ยวด้วยกันทั้งคู่แต่ตัว Redmi มี Smart PA จากค่าย AK เข้ามาช่วยด้วย นั้นทำออกมาดีมากกกก คือเสียงนุ่ม มิติมาเยอะกว่า เสียงแบสแน่นกว่า แม้ความดังจะเท่ากันแต่เสียงที่ได้ Redmi นั้นเอาเรื่องเลยแหละ ฟังเพลงได้สบายหูไม่แหลมจัด รวมถึงดูหนัง เสียงดนตรีประกอบอะไรทำได้ดีมากๆ แน่นสะใจ รวมถึงเสียงปืนนั้นจะแน่นกว่า เล่นเกมสนุกกว่าจริงๆ

GPS

การทดสอบ GPS ตัวนี้ โดยใช้นำทางและใช้แอพทดสอบนะครับอย่างแรกในการนำทางจริงๆนั้นก็ไม่เจอปัญหาอะไรเท่าไรนัก ถ้าลงอุโมงค์ก็ไม่ได้หลุด แต่มีรออัพเดทพอสมควรครับ การจับหลังจากเปิดก็รอแปปนึงก็มาครับ แต่การใช้แอพ Maps รอมันเข้าหาเส้นทางอะไรพวกนี้รอพอสมควรครับใช้เน็ตแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆนะ ส่วนในการจับภาพกลางเป็นการทดสอบในที่ร่มได้ 32 จับได้ 16 และ ที่กลางแจ้ง ทั้งหมด 37 จับได้ 20 สีเขียว เยอะในที่กลางแจ้ง แต่มีหายไปบ้าง และ เหลืองส้ม ที่ร่มครับ โดยรวมโอเคไม่ได้แย่ เอาจริงๆก็เป็นอีกจุดที่ใช้งานได้ดีหวังผลได้ครับแต่อาจจะไม่ได้ไวแม่นยำเท่าเรือธง แต่ถ้าเทียบในงบประมาณนี้ทำได้ดี และ แม่นยำอันดับต้นๆดีกว่าบางรุ่นครับ

BATTERY 

การใช้งานแบตตัวนี้นั้นต้องบอกก่อนว่า มันรองรับ QC 4.0 อย่างโหดเลยแหละ แต่ไม่ได้แถมมาให้นะ ราคานี้จะแถมมาให้ก็เกรงใจค่ายอื่นกันบ้าง ส่วนตัวแบตนั้นมาพร้อมกับความจุ  4000 mAh  จัดเต็มเลยแหละ และมันน่าจะอึดแน่ๆถ้าดูจากสเปค และจะบอกว่าคิดถูกแล้วครับใช้งานแบบเต็มที่ทั้งวันถ่ายรูปเยอะ และ เปิดเน็ตอะไรตลอดก็ทั้งวันแบบสบายๆ และด้วยการที่มันเป็น USB-C ทำให้ใช้สายกับรุ่นอื่นๆของผมได้สบาย และยังรองรับ QC 4.0 ที่ชาร์จเต็มได้ไวมาก ชาร์จไวแบบเรือธงเลยแหละ แบตใช้งานจอเปิด 4 ชั่วโมง อายุทั้งหมดใช้ได้ 12 ชั่วโมง เหลือกลับมาบ้านทั้งวันที่ 30 %

GAMING 

การทดสอบเกมฮิตบนเครื่อง REDMI NOTE 7 เวอร์ชั่นศูนย์ไทยที่เตรียมวางขายในบ้านเราเร็วๆนี้ โดยทำการเล่นเกมต่างๆ และ รุ่นที่นำมาทดสอบมาพร้อมชิปเซ็ต S660 + RAM 4GB เตรียมเปิดตัว 20 มีนาคมนี้ โดยทดสอบผ่าน APP GameBench เพื่อดู FPS รุ่นนี้ว่าจะเล่นเกมดีเเค่ไหน เดี้ยวมาชมกันเลย

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล Samsung sensor with f/1.8 และตัว สำหรับจับระยะ โดยเทคโนโลยีล่าสุดที่ความละเอียดสูงกว่าเซนเซอร์กล้องทั่วไปถึง 4 เท่า หลักการทำงานนั้นจะเป็นการ รวมภาพเข้ามาเพื่อให้ถ่ายภาพในสภาพแวดล้อม ที่มืดได้ดีขึ้นครับ เป็นการรวม 4 ต่อ 1 ทำให้ได้ภาพที่ 12 ล้านพิกเซล ที่รับแสงได้ดีขึ้น ขนาดเซนเซอร์ 1/2″ มาพร้อมกับโหมด  Night Scene แบบเดียวกับรุ่นพี่ Mi Mix 3 ทำให้ภาพกลางคืนนั้น คมชัดและเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น จากที่ลองนั้นกล้องโดยรวมโหดขึ้นครับ และแสงน้อยดีขึ้นนะ ในโหมดถ่ายทั่วไป 12MP ที่รวมแสงได้ดีขึ้นรับแสงไวขึ้น ส่วนของ  Nightmode ใช้งานและภาพรายละเอียดมาดีขึ้น คมขึ้น แต่ถ้าใครอยากได้แบบสว่างๆมองกลางวันเป็นกลางคืนอาจจะไม่ได้โหดเท่าแบบนั้นครับ ลองไปชมกัน และ การถ่ายแบบ 48 MP ถ่ายได้แค่ในโหมด มืออาชีพ และ ไม่สามารถใช้  HDR AI  อะไรของตัวกล้องได้นะ

AUTO 

48 MP ไฟล์เต็มคลิกขวาเปิดดูได้เลยครับ 

PORTRAIT 

NIGHTMODE 

SELFIES

กล้องหน้าในรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องที่มีความละเอียดที่  13MP รูรับแสง F2.2  + AI Smart Beauty รองรับการถ่าย Portrait  กล้องหน้าก็ใช้ได้ระดับกลางๆไม่ได้สวยงาม หรือ คมชัดอะไรมากครับตัวนี้มุมกว้างพอสมควร กลางวันคมชัดใช้ได้ แต่ถ้าแสงน้อยนั้นสีจะเพี้ยนและวุ้นมาค่อนข้างเยอะครับ การถ่ายละลายหลังสวยเนียนใช้ได้เลยกล้องหน้า มีโหมดแต่งหน้าสวยมาให้ปกติ 5 ระดับครับ สามารถปรับใช้งานกันได้เลย ลองดู Skintone กันว่าพอใจกันไหมครับ

VIDEO 

สำหรับการถ่ายวีดีโอในรุ่นนี้รองรับสูงสุดที่ 1080P 60Fps / 30Fps เท่านั้นครับ น่าเสียดายนะน่าจะ 4K ได้เพราะชิพก็รองรับอยู่ด้วยอันนี้เสียดายจริงๆ ส่วนกล้องหน้ารองรับ 1080P 30Fps ไม่มีโหมดแต่งหน้ามาให้แม้จะเป็น  720P ก็ไม่มีให้ปรับครับ โดยรวมวีดีโออาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรทั้งเรื่องเสียง กันสั่นครับใช้งานได้กลางๆ ถ้า 30Fps ก็นิ่งขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าแสงน้อยกลางคืน Noise มาเยอะพอสมควรและความคมชัดหายไปครับ ก็อย่างว่าแหละตามราคาของมันทำได้ประมาณนี้ในหลายๆรุ่นครับ แต่บางรุ่นนั้นจะรองรับ 4K แต่เสียดายตัวนี้ไม่รองรับจริงๆนิดเดียวเอง

REDMI NOTE 7 

” ความคุ้มค่า ที่สมควรแก่การรอคอย ราคาคือจุดเด่น และ Type-C + ชิพเสียง ! “

รุ่นนี้จัดเต็มมาให้หลายๆอย่างทั้งเรื่องพอร์ทแบบ Type-C และ กล้องหลังที่รองรับการถ่าย 48MP แม้อาจจะไม่ได้โหดขึ้นมากนักในแง่ของคุณภาพและรวมๆครับ เรื่องเสียงก็มีชิพเสียงมาให้กำลังขับดีขึ้น ระบบหน้าตาที่คุ้นเคยกันดี และการใช้วัสดุที่ดีกว่าราคาของมันมากคือการใช้กระจก Gorilla Glass 5 รวมๆมันลงตัวเลยแหละ ช่องอะไรต่างๆก็ให้มาครับทั้ง IR 3.5 ทั้งหลายรองรับการใช้งาน Wifi 5Ghz จะมีแค่เรื่องของ ระบบ MIUI ที่ชอบมีโฆษณาแฝงอันนี้ไม่ชอบเท่าไร และ ถาดซิมเป็น Hybrid ไม่ใช่แบบ Triple Slot รวมถึงกล้อง 48MP ยังไม่ได้แตกต่างกับ 12MP แบบชัดเจนรวมถึงรายละเอียด 12 MP บางภาพดูดีกว่าด้วยครับ ก็ลองดูกันว่ารวมๆนั้นรับได้ไหม แต่ราคานี้คุ้มอยู่นะ

ข้อดี

  • หน้าจอสวย ใช้กระจก Gorilla Glass 5
  • มาพร้อมพอร์ทแบบ USB-C !
  • วัสดุตัวเครื่องดูดี ทั้งหน้าและหลัง
  • รองรับ QC4.0 แต่ไม่ได้แถมมา
  • แบตใช้งานได้อึดทั้งวัน
  • AK 98937 ชิพเสียงใส่มาให้ เสียงแน่น กำลังขับดี
  • เสียงดีกว่าตัวอื่นๆในเรทราคานี้
  • มาพร้อม Bluetooth 5.0 / รู 3.5 มม. / Type-C / Wifi 5Ghz 2.4Ghz

ข้อสังเกต

  • MIUI ยังเจอโฆษณาแฝง
  • ไม่สามารถถ่าย 4K ได้
  • ไม่ใช่ Triple Slot ในการใส่ซิม 2 ซิม+เม็ม

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget