ROG นั้นเปิดตัวคอมพิวเตอร์สายเกมที่มีการแยกแยะซีรีย์กันชัดเจนครับแน่นอนว่าในรุ่นที่เราจะเอามารีวิวนั้นจะเป็น Zephyrus ที่จะเน้นการพกพา และ บางเบาเป็นหลักจะไม่เหมือนกับพวก STRIX ทั้งหลายที่จะมีความหนาและไฟต่างๆนั้นจะเยอะกว่าอันนี้ก็จะแล้วแต่คนชอบกันไปครับ ในครั้งนี้เราจะมาอยู่กับ ROG Zephyrus M ที่เป็นซีรีย์บางเบา และ สเปคใช้งานได้ดีมากๆทั้งในแง่ของการเล่นเกม และ กรทำงานเรนเดอร์งานต่างๆเพราะด้วยหน้าจอที่รองรับความแม่นยำของสีที่ดี และ ความลื่นไหลของจอภาพครับและมันจะเหมาะกับการทำงานทั่วไปมากขึ้นเพราะดีไซน์ที่ไม่ได้สายเกมเยอะเกินไปทำให้หลายๆคนนั้นเอาไปทำงานทั่วไป พกพาไปทำงานข้างนอกได้แบบไม่เขินครับ
ROG Zephyrus M นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นที่เน้นการพกพาที่บางเบาด้วยขนาดที่เล็กลงและบางลง ตัวเครื่อง 18.9 มิลลิเมตร และหนัก 1.9 กิโลกรัม หน้าจอที่รองรับได้ดีมากๆในการทำงานและเล่นเกม รวมถึงการใช้งานที่รองรับสูงสุด 8 ชั่วโมงในการพกพาทำงานข้างนอกครับ ส่วนทางด้านของสเปคนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีและน่าสนใจอย่างมาก ในส่วนของสเปคนั้นจะมาพร้อมกับ INTEL และมีแค่สเปคเดียวครับคือใช้งาน intel Core i7-9750H 2.6 – 4.5 GHz + NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6)RAM 8GB DDR4 Bus 2666MHz SSD M.2 NVMe PCIE 3.0 512GB และใช้งาน หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว FullHD IPS 240Hz 3ms ตัวเทพแบบเดียวกับ Zephyrus S เลยนั้นเองครับ ส่วนเรื่องเสียงนั้นน่าจะมาพร้อมกับ ESS DAC Hires Audio ในตัวเลยทั้งเสียงลำโพงและหูฟังทำงานได้ดีมาก และ ทำราคาได้ดีกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ สเปค ในภาพรวมครับ
ASUS ROG ZEPHYRUS M GU502 สนนราคาอยู่ที่ 49,990 บาท มีแค่รุ่นย่อยเดียวเท่านั้นครับ
Intel Core i7-9750H + GTX 1660TI 6GB GDDR6 RAM 8GB SSD 512 GB
UNBOX
- ตัวเครื่อง ROG ZEPHYRUS M
- สาชาร์จ + Power Adaptor
- คู่มือ
DESIGN
ROG ที่ออกแบบมาสำหรับสายทำงานมากๆคือมันลงตัวทั้งความเรียบง่ายและความดุดันไม่มีการเล่นแสงไฟ สีลวดลายอะไรให้มันรกเลยครับ ถือว่ามันเหมือนเป็นความสมมาตรของตัวเครื่องเมื่อมองจากในทุกๆด้านเลยทีเดียว ส่วนตัวไฟด้านหลังตรงโลโก้อะไรก็มีสีแดงนิดหน่อยไม่ได้สว่างอะไรมากครับและ งานประกอบความแน่นหนาของวัสดุนั้นทำได้ดี วัสดุเป็นโลหะปัดลายในส่วนภายนอกทั้งหมดแต่ในส่วนด้านในเป็นพลาสติกคุณภาพสูงเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักนั้นเบา รวมๆนั้นถือว่าเก็บงานการออกแบบแน่นหนาแข็งแรงทำได้ดีสมกับ ROG และวัสดุนั้นจะเป็นแบบเดียวกับตัว Zephyrus ก่อนหน้านี้ที่เคยรีวิวกันไปจะให้สัมผัสด้านๆไม่ลื่นครับ
ฝาหลังนั้นยังคงโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุปัดลายสวยงามและเฉียงๆและโลโก้ ROG แบบสีแดงครับในรุ่นนี้ไม่สามารถเปลี่ยนสีได้นะ ส่วนเมื่อปิดไฟนั้นจะเป็นโครมเมี่ยมเงาๆสวยงามไปอีกแบบ ยังคงมีการเว้าในส่วนขอบด้านล่างที่จะช่วยเรื่องระบายความร้อนได้ดีอยู่เหมือนเดิม รวมถึงข้อพับการยกตัวเครื่องต่างๆยังใส่เข้ามาสมกับ Zephyrus ที่มีแบบนี้ในหลายๆตัว ส่วนการออกแบบรวมๆนั้นจะเรียบๆไม่ได้หวือหวามากนัก และหน้าจอก็ทำได้บางมากๆรวมถึงไม่มีกล้องหน้ามาให้แล้วนั้นเองในข้างหน้า ส่วนการวางคีย์บอร์ดต่างๆก็ไว้ตรงกลางพร้อมกับไฟ RGB PerKey และ วัสดุสีดำด้านทั้งหมดไม่ได้มีการเล่นตัดขอบหรือสีเงินอะไรแทรกเข้ามา
ในส่วนของฐานด้านล่างนั้นจะเห็นชิ้นส่วนที่เป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด สามารถแกะอัพเกรดในส่วนของ RAM ได้ และในส่วนยางรองนั้นจะเป็นแบบชิ้นทั้ง 4 มุมครับ จะเห็นได้ชัดว่าข้างล่างนั้นเรียบๆไม่ได้มีลวดลายอะไรแตกต่างกับพวก STRIX SCAR -HERO พวกนั้นแบบชัดเจนครับ แน่นอนว่าตัวนี้อาจจะเป็นเน้นใช้งานเรียบๆมากกว่าด้วยนั้นเอง ช่องลำโพงมีมาให้ซ้ายขวา และ ช่องระบายอากาศนั้นจะเป็นซ้ายขวา และด้านหลังของเครื่อง ในรุ่นนี้จะไม่มีระบบการยกตัวเครื่องอะไรมาให้นะครับเป็นแบบปกติเลยนั้นเอง ส่วนในวัสดุด้านในนั้นมีการเล่นลวดลาย 2 วัสดุเล็กน้อยแต่ก็เป็นพลาสติกสีดำด้านทั้งหมดและมีรูในส่วนแทบด้านบน
ตัวเครื่องรวมๆนั้นจะเป็นวัสดุพลาสติกดำเมื่อมาดูที่ด้านข้างนั้นจะเห็นช่องระบายความร้อนต่างๆ และตัวข้อพับหน้าจอที่ค่อนข้างแข็งแรง แม้จะไม่มีระบบยกตัวเครื่องอะไรแบบรุ่นพี่แต่ก็ระบายความร้อนได้ดีพอสมควรเลยแหละ ส่วนตรงหน้าจอด้านหน้านั้นจะเขียนชื่อรุ่นสีดำเงาเล็กๆครับไม่ได้เด่นอะไรมาก แต่ที่น่าสนใจนั้นในรุ่นใหม่ๆทั้งหมดเริ่มจะไม่มีกล้องหน้ามาให้แล้วนะ คือตัดออกไปเลยไม่ได้ไว้ขอบล่างอะไรทั้งนั้นคือไม่มีเลยนั้นเองเพื่อความบางของหน้าจอโดยรวม ส่วนช่องเว้าตรงด้านล่างของหน้าจอนั้นก็เพื่อจะรับลมเข้ามาระบายได้ดีกว่าเดิมซึ่งจะช่วยในการทำงานโดยการระบายความร้อนออกไปข้างหลังนั่นเองครับ
ด้านหลังส่วนที่เว้าไปนั้นยังคงการออกแบบที่ให้เห็นไฟสถานะอยู่เช่นเดิมมีไฟ 3 ดวงบอกสถานะการชาร์จไฟ การทำงานต่างๆครับจะเป็นจุดเว้าที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนออกไปด้านด้านหลังด้วย และในตำแหน่งเดียวกับเมื่อมองจากทางด้านหลังนั้นจะเป็นช่องระบายลมหลักๆของตัวเครื่องทั้งซ้ายและขวาของตัวเครื่องพร้อมกับโลโก้ ROG มาในแบบชื่อเต็มครับ
ตัวโลโก้นั้นจะเป็นไฟสีแดง แต่ต้องที่มืดจริงๆครับเพราะว่ามองได้ยากพอสมควร ที่มืดๆนั้นก็จะเห็นค่อนข้างชัดเลยแหละ ส่วนวัสดุนั้นเป็นการปัดลายกันคนละแบบและเป็นวัสดุโลหะทั้งหมดในส่วนของฝาหลังขึ้นชิ้นมาเต็มๆ เมื่อมาด้านหน้านั้นขอบจอค่อนข้างบางมากๆ และการที่ตัดกล้องหน้าออกไปทำให้ขอบด้านบนนั้นเท่ากับขอบบ้างๆได้อย่างลงตัว แต่มียางรองกันรอบๆหน้าจอได้ค่อนข้างครบและดูแข็งแรงไปในตัว หน้าจอตัวนี้เป็น 240Hz 3MS
SPEC
-
Intel® Core™ i7 9750H Processor,
- ระบบปฏิบัติการ
Windows 10 Home – ASUS recommends Windows 10 Pro.
- ชิพเซ็ต
Intel® HM370 Express Chipset
- หน่วยความจำ
8 GB DDR4 2666MHz SDRAM Onboard memory, 1 x SO-DIMM socket for expansion, up to 24 GB SDRAM
- การแสดงผล
15.6″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 240Hz Anti-Glare Panel with 72% NTSC
- กราฟฟิก
NVIDIA® GeForce® GTX 1660TI , with 6GB GDDR6 VRAM
- สตอเรจ
Solid state drive:
512GB PCIe® Gen3 SSD - คีย์บอร์ด
Illuminated chiclet keyboardPer-key RGB
- WebCam
External Camera (1080p@60FPS), optional
- เน็ตเวิร์คกิ้ง
Wi-Fi
Integrated Wi-Fi 5 (802.11 ac (2×2))
Bluetooth
Bluetooth® 5.0 - อินเตอร์เฟส
1 x Microphone-in jack
1 x Microphone-in/Headphone-out jack
1 x Type-C USB 3.1 (Gen 2) with display and power delivery support
2 x Type-A USB 3.0 (USB 3.1 Gen 1)
1 x Type-A USB 3.1 (Gen 2)
1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
1 x HDMI, HDMI support 2.0b - ออดิโอ
Smart AMP
ASUS Sonic Studio - แบตเตอรี่
4 -Cell 76 Wh Battery
- พาวเวอร์ อะแด๊ปเตอร์
Plug type :ø6.0 (mm)
Output :
19.5 V DC, 11.8 A, 230 W - ขนาด
NB:
360 x 252 x 18.9 mm (WxDxH) - น้ำหนัก
NB:
1.9 kg
PERFORMANCE
PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูง กว่าตัว Zephyrus G ที่ใช้ Ryzen 7 ครับเพราะในรุ่น M นี้ ทำไปได้ 5,87 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU -GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU 81 GPU 78 องศาครับผม ถือว่าเทียบกับตัว Zephyrus G ตัวนั้นจะคุมความร้อนได้ดีกว่าในตัว CPU ครับ
3D MARK นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูง รวมถึงการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 5604 ถือว่าดีกว่า zephyrus g แบบชัดเจนและในส่วนของ Firestrike 13010 และ Firestrike Ultra นั้นทำได้ 3124 และ Time Spy Extream นั้นแบบสุดโหดทำไปได้ 2601 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ และทำได้ดีกว่าตัว Zephyrus G ค่อนข้างชัดแม้จะเป็นการ์ดจอตัวเดียวกันครับ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 87 และ GPU 81 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ถือว่าจัดการได้ดีอยู่ ยังไม่แตะ 90 ครับแต่ถ้าเทียบกับ Ryzen ตัวนั้นจะเย็นกว่าแต่ก็ไม่แรงเท่านั้นเองครับ
CINEBENCH R15 /R20 นั้น ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 3063 CB เลยครับ ประมวลผลหนักๆได้แบบสบาย และในตัว R15 นั้นทำไปได้ 101FPS และ 1266CB ครับ และยิ่งไปกว่านั้นคือ วัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 79 และ GPU 74 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ถือว่าดีกว่าที่คิด และใช้งานได้ไวกว่าเดิมไปอีกด้วย SSD 512GB แบบ M.2 NVMe การอ่านที่ 1658MB/s และเขียนที่ 892MB/s ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างไวและใช้งานได้สบายรวมถึงสามารถอัพเกรดได้อีก แต่เมื่อเทียบในเรทราคานี้ถือว่าค่อนข้างช้าไปนิดในการอ่านเขียนนะครับน่าจะให้ตัวแรงกว่านี้มาให้เลยติกเครื่อง
SCREEN
หน้าจอยังคงใช้งานหน้าจอระดับเทพสุดของแบรนด์คือตัว 240Ms และ รองรับ 3Ms แต่ตัวนี้จะไม่มี G-Sync นะครับ ถ้าใครเล่นสาย FPS น่าจะเข้าใจกันดี ส่วนในเรื่องของความสว่างก็มามากกว่าเดิม และทำได้สู้แสงดีกว่าเดิมครับและสีที่แม่นยำกว่าเดิมด้วยการรองรับ SRGB100% และได้การรับรองหน้าจอสีที่ดีจากทาง Pantone แน่นอนว่าสายทำงานก็ถูกใจสิ่งนี้แน่ๆครับ กราฟิก ทำงาน Artwork ได้สบายๆ และ ด้วยการที่เป็นจอด้านทำให้มันใช้งานได้ดีไม่เจอแสงสะท้อนหรือใช้งานข้างนอกก็ทำได้ดีครับ มาที่เรื่องของสีสันต่างๆนั้นสบายๆจอแบบ IPS FHD นั้นความแม่นยำของตัวสีและมุมมองนั้นทำได้ดีและจากที่ลองมันก็ เล่นเกมได้ ดีคือลื่นเนียนตามากๆครับ และในส่วนของตัดต่อแต่งภาพได้ดีพอสมควรครับไม่มีปัญหาเลย คือเดี๋ยวนี้หน้าจอนั้นเป็นสายเกมแต่ทำมาเพื่อรองรับสายทำงานแต่งภาพตัดต่อ กราฟิกได้มากขึ้นเพราะมีหลายคนนั้นเอาไปใช้งานด้านนี้กันครับและทางค่ายก็เอาใจด้านนี้มากขึ้น และ ด้วยความที่มันเน้นพกพามากขึ้นก็ทำให้หลายๆคนเลือกเอาไปใช้งานงานกันหลากหลายมากขึ้น
การออกแบบตัวขอบจอทั้งหมดทำได้บางดูสวยงามบางลงเรื่อยๆเลยแหละ แต่ก็ต้องตัดกล้องหน้าไปและถือว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวเพราะต้องการขนาดที่เล็กลงในจอเท่าเดิมครับ ส่วนเรื่องถ้าเป็นแต่ก่อนนั้นมุมมองของจอจริงๆสายเกมจอนั้นอาจจะไม่ได้รองรับมุมมองกว้างเท่าพวกจอเทพๆที่เน้นทำงานกันเท่าไรอยู่แล้วอันนี้ต้องเข้าใจกันไว้ก่อนครับ แต่ตัวจอนี้นั้นเป็นจอแบบ IPS 240Hz ที่ดีมาๆคือมุมมอง พร้อมทำงานและรองรับได้ทุกมุมมอง คือมันเป็นจอเกมที่ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ทั้งรองรับมุมมองที่กว้าง Refresh rate 240Hz และ จากที่ได้ลองสีนั้นค่อนข้างตรงและใช้งานทำงานตัดต่อได้สบายมากๆครับ และ เอียงๆยังไงก็ไม่เจออาการเพี้ยนอะไรของสีเลยครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจนแม้การสู้แสงอาจจะไม่ได้โหดมากนั้นแต่จอด้านก็ช่วยในการใช้งานได้ดีขึ้น
KEYBOARD
ตัวคีย์บอร์ดมาครบทั้งตัวปุ่มเสริมในด้านบน ลูกศรในตำแหน่งที่คุ้นเคยกันครับ แต่มีการเว้าลงไปแตกต่างกับตัว G เล็กน้อยและรุ่นนี้มาพร้อมกับแบบ RGB-Per Key แล้วสามารถปรับแต่งได้เยอะกว่าเดิมและลูกเล่นเยอะครับ และสวยงามขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย และในแง่ของตัวปุ่มนั้นการออกแบบเว้นระยะห่างยังคงทำได้ดีความรู้สึกเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ส่วนพวกปุ่มการวางตำแหน่งต่างๆนั้นก็ยังคงคุ้นเคยกันได้อย่างดี การจัดวางปุ่มอะไรใช้งานได้ง่ายและเว้นระยะห่างกำลังดีครับ รวมถึงคีย์ลัดต่างๆ รวมถึงปุ่ม Spacebar ก็มีขนาดกำลังดี และปุ่มเปิดปิดก็แยกออกไปชัดเจน และระดับแตกต่างกันด้วยทำให้ไม่ไปโดนง่ายๆ รวมถึงปุ่มพิเศษทั้ง 4 ปุ่มด้านมุมบนซ้ายของตัวเครื่องก็จัดการได้ดีครับ
ซึ่งระยะของปุ่มนั้นลงไประยะที่ 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และ สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง เหมือนกับตัว ROG ตัวอื่นๆเลยที่เคยทดสอบมานั้นเองครับรวมถึงน้ำหนักการตอบกลับ หรือจะเป็นการวางมือใช้งานนั้นก็ทำได้ค่อนข้างดีและสบาย รวมถึงสามารถมีฟังก์ชันเพิ่มลดเสียง เปิด-ปิดไมค์ และ Gaming Center อยู่ด้านบน ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวก ยิ่งตัวปิดไมค์นั้นทำให้เวลาเล่นเกม หรือ สตรีมเกมนั้นปิดได้ไวในเวลาที่ไม่ได้ต้องการหรือเวลาคุยนอกเกมเป็นต้นครับ
TOUCHPAD
ในด้านการใช้งานตัวทัชแพดนั้นตัวนี้แตกต่างกับรุ่นอื่นๆคือจะไม่มีตัวคลิก ซ้ายขวา แยกกันนะครับจะไม่เหมือนพวกรุ่น STRIX SCAR พวกนั้น ซึ่งรุ่นนี้จะเหมือนไปทางสายใช้งานทั่วไปมากกว่าแต่ก็ดูเป็นชิ้นเดียวกันและแน่นดูแข็งแรง รวมๆในการใช้งานตัวปุ่มนั้นรองรับทำได้ดีรวมถึงการสัมผัสหรือการกดคลิกซ้ายขวาต่างๆครับ ทัชแพดอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่สะใจอะไรมากครับขนาดกำลังดีต่อการใช้งานโทนสีดำทั้งหมดเข้ากับตัวเครื่อง รองรับการทัชได้หลายๆจุดทั้งใช้งานแบบ Multi touch หรือพวก Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 สามนิ้วก็รองรับได้สบายเวลาเลื่อนสลับแอพก็รองรับการทำงานได้ดีครับผม และ เลื่อนนิ้วปกติตอบสนองได้ดี ลื่นไม่หนืดนิ้วครับ ส่วนทางด้านน้ำหนักการกดปุ่มก็ไม่เจอปัญหาในการใช้งานอะไรครับทั้งซ้ายและขวา แต่รู้สึกแอบเล็กไปแค่นั้น
ในด้านการใช้งานจริงๆนั้นตัวนี้ยังแอบรู้สึกเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับขนาดเครื่องและโดยรวมและยิ่งไม่มีพวก Numpad เข้ามาก็แอบเสียดายเลยแหละจริงๆมันควรใส่เข้ามาได้แล้วนะในตระกูลนี้เพราะการวางคีย์บอร์ดแบบนี้ก็เสียพื้นที่ไปพอสมควรทั้งซ้ายและขวา เลยทำให้ไม่สามารถใส่ Numpad เข้ามาได้ ส่วนทางด้านระบบนั้นใช้งานของ Precision นะครับและรองรับการใช้งานหลายๆนิ้วได้ดีไม่เจอปัญหาอะไรติดแค่อาจจะเล็กไปนิดนึงครับในการใช้งาน
CONNECTOR
ในด้านซ้ายนั้นเป็นที่อยู่ในส่วนของ รูไมค์ รูหูฟัง แยกกันครับ และ USB-Type A 3.0 1 ช่อง และ HDMI รวมถึงในรุ่นนี้ยังมี LAN มาให้อยู่ด้วยเช่นกันครับ และ มีช่อง DC IN รวมถึงรูระบายความร้อนในฝั่งซ้ายด้วยครับ มีมาให้ทั้ง 2 ข้างเลยในครั้งนี้
ในด้านขวาครับด้านนี้ USB แบบ Type-C 1 ช่อง รองรับ PD และ Type-A 3.0 ทั้งหมด 2 ช่อง และ รวมถึงช่องระบายความร้อน และ ตัว Kinsington Lock อยู่หลังสุดครับ ส่วนลำโพงนั้นจะยิงลงด้านล่างมุมขวาและซ้ายของเครื่องครับผม ส่วนในเรื่องของการเชื่อมต่อก็รองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และ Integrated Wi-Fi 5 (802.11 ac (2×2)) แต่น่าเสียดายมากๆนั้นจะเป็นพวกการรองรับ SD-Card ที่ไม่ได้ใส่มาให้จริงๆถ้ามาเน้นสายทำงานจุดนี้ต้องได้ใช้งานกันบ่อยแน่ๆครับ
SPEAKER
ในด้านของเสียงตัวนี้ใช้งาน HIFI DAC ESS SABRE เข้ามาทำให้รองรับการถอดรหัสเสียง hires ได้สบายๆและรองรับเสียงลำโพงที่มิติอะไรมาดีกว่าเดิมแรงขับมากกว่าเดิม รวมถึงเสียงเบสอะไรนั้นแน่นขึ้นมากๆ ตำแหน่งลำโพงตัวเครื่องในรุ่นนี้ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ยิงลงข้างล่างทั้งมุมซ้ายและมุมขวา และแน่นอนว่าตัวเสียงนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดีเพราะมีตัว SmartAmp เข้ามาด้วย การวางลำโพงแบบนี้ทำให้เสียงแยกซ้ายขวาได้ชัดเจนเวลาเล่นเกมรวมถึงดูหนัง และยังมีเบสที่ทำได้ดีมากๆเสียงแน่นออกมาดี ดีกว่าตัวอื่นๆเลยนะรู้สึกว่ามันสั่นอยู่พอสมควรเลยแหละ พวกเสียงปืน ระเบิดทำให้มันแน่นกว่าเดิม และแน่นอนว่าค่ายนี้เป็นไม่กี่ค่ายที่เน้นเรื่องลำโพงเสียงมาเรื่องๆ รุ่นนี้เสียงรองรับทั้ง Hi-res และ รองรับเสียงแบบ 7.1 อีกด้วย และเมื่อใช้งานผ่านหูฟังเสียงที่ขับออกมาก็แรงขับดีกว่ารุ่นอื่นแบบชัดเจนและรายละเอียดมาดีมากจริงๆครับ และเสียงเบสก็จะเด่นกว่าเดิมมากๆ
ARMOURY CRATE
Armoury Crate เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งไฟ AURA Sync เปลี่ยนสีต่างๆที่ทั้งตัวคีย์บอร์ด การเล่น Effect แสงไฟตามเพลงหรือ ปรับความเร็วโทนสีทั้งหลายได้ทั้งหมดเลย หรือจะเป็นการแสดงผลต่างๆหรือซิงค์กับตัวอื่นๆนั้นเอง และพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอพเกม ที่จะปรับตามแอพที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับ และตัวนี้นั้นยังมี Mobile Dashboard รองรับกับ Android และ iOS ที่สามารถดูจากมือถือเราได้เลยครับผม
ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับ ทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU รวมถึงสามารถโหลดแอพอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมี XSplit มาให้ด้วยในตัวเลยแหละ และยังมีแอพอื่นๆที่เราสามารถโหลดได้ ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์ยังสามารถสั่งปิดเปิดปุ่ม Windows, ROG และทัชแพดได้ขณะเล่นเกมด้วยอีกด้วยพวกนี้สามารถตั้งค่าปรับอะไรได้ทั้งหมด และในเรื่องของระบบจะสามารถปรับตั้งค่าได้ว่า มีไฟตอนเปิด หรือ Sleep ไหม
GAMING
ที่ลองนั้นในสภาพอากาศที่ไม่ได้เปิดพัดลม ไม่ได้เปิดแอร์ ซึ่งทำให้ได้อุณหภูมิจริงๆในการใช้งานเลยแหละครับสภาพอากาศจริง ซึ่งก็ได้ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปค ไปยันกินสเปคโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยครับ จัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ เรามาดูกันในหลายๆเกมว่าจะเป็นยังไงกันและตัว i7+GTX 1660TI จะทำได้ดีแค่ไหน
จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 240Hz ได้บางเกมรันได้สบาย แต่ต้องเข้าใจกันก่อนเลยนะครับหลายๆคนอาจจะมองว่าทำไมความร้อนสูง เพราะ ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย และไม่ได้เปิดแอร์เล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 70-80 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม + โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 90-95 บ้างในบางครั้งครับ ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 200 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 65-70 อุณหภูมินั้น GPU 75 CPU 91 : ULTRA
- APEX ทำไปได้ FPS 95-99 อุณหภูมินั้น GPU 81 CPU 95 : ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 65-75 อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 91 : ULTRA
- BLACK OPS 4 ทำไปได้ FPS 85-91 อุณหภูมินั้น GPU 84 CPU 95 : ULTRA
โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิดีถ้ามองในแง่ สภาพอากาศทั่วไป เสียงพัดลมก็ดังตามปกติครับผม ระบายความร้อนได้ดีกว่าที่คิด แต่เมื่อเทียบกับ Ryzen ตัวนั้นจะเย็นกว่านิดหน่อยครับ ในการทดสอบทั้งหมดไม่ได้เปิดแอร์เลยนะ คือยอมรับว่าเย็นจริงในตัว GPU และจัดการได้ดีมากๆครับ แต่ CPU นั้นจะแตะ 95 บ่อยอยู่เหมือนกันแต่ FPS ที่ขับออกมาได้ก็น่าพอใจครับแต่จริงๆน่าจะเร่งได้สูงกว่านี้นะ ก็แอบเสียดายเล็กๆเมื่อเทียบกับเรทราคาและสเปคของมันครับถ้าปรับมาใช้ SSD ที่แรงขึ้นก็น่าจะช่วยได้บ้างรวมถึงถ้าใครกลัวเรื่องความร้อนอาจจะเล่นใช้งานในห้องแอร์ก็จะสามารถช่วยได้อีกระดับนึงเลยครับ
WORKING
อย่างที่เคยบอกกันไปว่าทาง ROG เองก็เคยมีผลสำรวจเหมือนกันว่าคนที่ซื้อไปก็เอาไปทำงานกราฟิกตัดต่ออะไรกันมากกว่าที่คิด และในตระกูล ROG นี่เองก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำงานในด้านนี้ได้ดีไม่แพ้กันเลย และยิ่งในรุ่นนี้นั้นใช้หน้าจอที่ดีขึ้นกว่าเดิม การรองรับสี SRGB100% และเป็นหน้าจอแบบ IPS ที่เด่นในเรื่องมุมมองและความแม่นยำสีที่ดีกว่าเดิม รวมถึงสเปคที่รองรับการเรนเดอร์ทำงานที่ดีกว่า ด้วยการใช้ i7 Gen 9 ตัวล่าสุด โดยเฉพาะในส่วนเรื่องประสิทธิภาพนั้นไม่ต้องห่วงจากที่ได้ลองทั้งตัดต่อ แต่งภาพ เรนเดอร์งานวีดีโอ หรือ โมเดลต่างๆนั้นทำความร้อนได้ค่อนข้างดี และควบคุมอุณหภูมิโดยรวมและภายนอกได้ดีมากๆเนื่องจากรุ่นนี้มีการพัฒนาระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น
ROG ZEPHYRUS M GU502
” เน้นพกพาเป็นหลักบางเบา หน้าจอเทพ สเปคแรงเอาเรื่อง “
เป็นอีกรุ่นในตระกูล Zephyrus M ที่น่าสนใจเพราะว่าสเปคที่แรงกว่าตัว G และทำได้ดีมากๆรวมถึงการใส่หน้าจอที่ดีขึ้นรวมถึงด้านของลำโพง ชิพเสียงต่างๆที่จัดเข้ามาค่อนข้างครบและยังคงเด่นเรื่องของการพกพาที่บางเบาและยังคงดีไซน์ที่เรียบง่ายเหมือนเดิมแน่นอนว่าสายทำงานก็เอาไปใช้งานกันได้ง่าย และ สายเกมก็ยังรองรับสเปคตอบสนองได้ดีมากๆ ในเรื่องสเปคนั้น i7+GTX 1660TI ก็ยังทำได้แรงเอาเรื่องเลยครับ แต่เรื่องความร้อนนั้นอาจจะมีแตะ 95 บ้างครับในสภาพอากาศปกติ แต่ในภาพรวมนั้นก็ถือว่าระบายได้เร็วและไม่สะสม ส่วนการเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆนั้นให้มาครบขาดแค่เรื่องของ SD Card นิดหน่อยที่สายถ่ายภาพทำงานอาจจะไม่ดีมากนักครับ แต่ถ้ามองในการตอบโจทย์ที่ครอบคลุมมันก็ทำได้ครบอยู่ทั้งหน้าจอ ประสิทธิภาพ การพกพา และ ความแข็งแรงครับ ก็ต้องดูว่าจะตอยโจทย์ในการใช้งานของแต่ละท่านแค่ไหนจะเน้นพกพาหรือจะเน้นสายเกมหนักๆพวกนั้นครับผม
ข้อดี
- ดีไซน์ได้บางและเบามากๆ ในสาย Gaming Notebook
- ตัวเครื่องวัสดุงานประกอบทำได้ดีแข็งแรง
- มาพร้อม i7+GTX1660TI สเปคแรงใช้งานสบาย
- RGB Per Key คียบอร์ดสวยงาม
- ระบบระบายความร้อนทำได้ดี
- หน้าจอ 240Hz มาพร้อมกับ 3MS เล่นเกมลื่นเนียนตา
- ประกัน 2 ปีพร้อมส่งเคลมตาม 7-11 และ อุบัติเหตุ 2 ปี
- รองรับ USB Power Delivery ชาร์จไฟจากช่อง USB-C ได้
ข้อสังเกต
- ยังคงไม่มี Numpad มาให้
- ไม่มีกล้อง Webcam มาให้แล้ว
- SSD ความเร็วน้อยไปหน่อย
- ไม่มี SD Card Reader
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr