ROG Zephyrus S ชื่อนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่า เป็นตระกูลเลยสำหรับ ROG และ เด่นเรื่องของความบางเบา และ ความแรงมาอยู่ในตัวครับ แน่นอนว่าในรุ่นไม่นานมานี้มันได้ออกตัว GTX หรือรุ่น 531GM กันไปไม่นาน และในครั้งนี้ก็ได้มีการอัพเกรดภายใน ในเรื่องของการ์ดจอ ที่ปรับมาใช้ RTX 2070 กันเลยทีเดียว และ ทั้งระบบพัดลม การยกตัวเครื่องทำให้การระบายความร้อนดีขึ้นและ เครื่องบาง เบากว่าเดิมไปในทุกๆรุ่นนั้นเอง ยังคงเด่นเรื่องของความบางเบาที่สุดในโลก และใช้จอ Full HD IPS Refresh Rate 144 Hz + Respond Time 3 ms ที่เป็นจุดเด่นในรุ่นก่อนก็ยังคงมาในรุ่นนี้แต่มันดีกว่าเดิมเพราะ RTX 2070 8GB นั้นจะขับได้ดีและลื่นไหลกว่าเดิมมากเลยแหละ
ZEPHYRUS S 531GW มาพร้อมหน้าจอ 15.6 นิ้ว Full HD IPS Refresh Rate 144 Hz + Respond Time 3 ms 100% ของมาตรฐานสีแบบ sRGB ที่ระดับความบางเพียง 14.95 ~ 15.75 มม. CPU นั้นมา intel Core i7-8750H และ การ์ดจอ RTX 2070 MAX-Q 8GB DDR6 พร้อมด้วย 512 GB SSD M.2 PCI-E NVMe และ RAM 16 GB ครับ สเปคถือว่าเอาเรื่องเลยแหละ และด้วยความบางแบบนั้นทำให้มันน่าสนใจมากๆเลย
ASUS ROG ZEPHYRUS S GTX™ 1060 ราคา 64,990 บาท + RTX™ 2070 Max-Q ราคา 79,990 บาท พร้อมด้วยประกัน 2 ปี ครับผม
UNBOX
กล่องของทาง ROG Zephyrus S นั้นจะเป็นกล่องใหญ่และข้างในมี 2 กล่องย่อยอีกรอบนะครับ และ มีซองผ้ามาให้ใส่ด้วยซึ่งรุ่น GTX จะไม่มีมาให้ครับ ส่วนกล่องย่อยแรกคือกล่องใส่ สายชาร์จ Adaptor แนวยาวๆสีดำทำออกมาดูดีดูแพงมาก ส่วนอีกกล่องนั้นเป็นกล่องใส่คอมพิวเตอร์ต่างๆพวกคู่มือ สติกเกอร์นั้นเองอย่างที่เห็นในภาพที่มีโลโก้สีแดงนั้นเองครับ ส่วนอุปกรณ์ก็ให้มาครบและโทนสีดำทั้งหมด
- ตัว ROG Zephyrus S
- Adaptor ROG
- คู่มือการใช้งาน
- ตัว โมเดล 3 มิติแบบเหล็ก ต้องประกอบเอง
- ซองผ้า ROG สำหรับใส่เครื่อง
DESIGN
การออกแบบของรุ่นนี้ ยังคงเอกลักษณ์ของ Zephyrus ได้สวยงามทั้งความบาง เบา และ ฝาหลังแบบ 2 วัสดุเฉียงพร้อมกับโลโก้ ROG วัสดุเป็นแบบด้าน ผสมกับฝาหลังแบบปัดลายสวยงามมมากๆ งานเนี้ยบทั้งตัวเครื่องครับฝาหลังตัดขอบเหลี่ยมสวยงาม ตัวเครื่องจะเหลี่ยมทั้งเครื่องดุดันและวัสดุสัมผัสดีเพราะทำจาก อลูมิเนี่ยม และ แม็กนีเซียม และส่วนฐานด้านหลังจะเป็นอีก 1 ชิ้นครับ การออกแบบเรียบดูดีและสวยงามไม่ผิดหวังเลย ต่อยอดรุ่นเดิมได้ดีมาก
ด้านหลังนั้นถ้าเจอแสงบางมุมจะทำให้มันสวยงามไปยิ่งกว่าเดิมการใช้สีในโทนเข้มหรือเรียกว่า Armor Titanium นั้นทำออกมาได้ดูดีจริงๆและเป็น Gaming Notebook ที่ดีไซน์เรียบแต่ดูดุดันอันดับต้นๆเลยครับ ตัวโลโกนั้นเมื่อเจอแสงแบบนี้จะเป็นสีโครมเมี่ยมแต่ถ้าเปิดคอมพิวเตอร์แล้วนั้นจะมีไฟออกมาด้วยนะครับ
เมื่อเปิดฝาขึ้นมาแล้วนั้นจะเจอกันหน้าจอที่ขอบบางขึ้นดูสวยงามากขึ้น และ ตำทั้งคียบอร์ดและ Touchpad วางอยู่ในส่วนแถบล่างสุดของตัวคอมพิวเตอร์โดยส่วนบนทิ้งเป็นส่วนการ์ดจอและการระบายความร้อน แต่ก็ยังมีโลโก้และเส้นสายรูระบายอากาศที่เห็นเป็นเส้นเฉียงๆระหว่าง โลโก้ ROG ถือว่าทำได้สวยงามและเข้ากับสายเกมเมอร์อย่างมาก
เมื่อเปิดฝาแล้วมามองด้านหลังนั้นถ้าเจอแสงบางมุมจะทำให้มันสวยงามไปยิ่งกว่าเดิมการใช้สีในโทนเข้มหรือเรียกว่า Armor Titanium นั้นทำออกมาได้ดูดีจริงๆและเป็น Gaming Notebook ที่ดีไซน์เรียบแต่ดูดุดันอันดับต้นๆเลยครับ ตัวโลโกนั้นเมื่อเจอแสงแบบนี้จะเป็นสีโครมเมี่ยมแต่ถ้าเปิดคอมพิวเตอร์แล้วนั้นจะมีไฟออกมาด้วยนะครับ
ตัวทางด้านโลโก้ ROG ในส่วนของฝาหลังนั้นถ้ามองบางมุมอาจจะไม่ค่อยเห็นว่ามันมีไฟเท่าไร แต่ถ้าเราใช้งานเวลากลางคืนหรือไม่เจอแสงกระทบมากนักจะเห็นไฟสีแดงที่ครั้งนี้ไม่มีแบบเจาะรูอะไรแบบรุ่น GTX แล้วนะเป็นสีแดงเรียบๆล้วนๆเลย แต่ก็ยังมองยากอยู่ดี รวมถึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วย และวัสดุทั้งฝาหลังนั้นขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมดในการขึ้นรูปแบบ CNC-milling ทั้งเครื่องเลยแข็งแรงสุดๆ สมกับการรองรับ MIL STD 810G
ฐานตัวเครื่องนั้นเป็นอีก 1 จุดเด่นที่น่าสนใจเลยครับ แท่นยางรองเครื่องมาถึง 6 จุดด้วยกันและมีการยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นมาจากพื้นนิดหน่อย และจะเห็นรูระบายกาศค่อนข้างเยอะครับขอบด้านข้างทั้ง 2 แต่ถ้าใครยังกลัวเรื่องความร้อนนั้นไม่ต้องห่วงเลย ตัวนี้มาพร้อมกับระบบยกตัวเครื่องให้มีช่องว่างให้ลมเข้าแบบภาพที่ 2 และยังมีไฟ RGB ด้วยนะ ซึ่งตรงที่ยกขึ้นนั้นจะเป็นพัดลมทั้ง 2 ข้าง โดยจะช่วยระบายได้ดีขึ้นเพราะขยายช่องลมมากกว่าเดิมถึง 5มม. และไหลเวียนได้ดีขึ้นมาก ใบพัดก็มีจัดเต็มถึง 83 ใบพัด ทำงานแบบ 12V และมีระบบกักฝุ่นเข้าตัวเครื่องอีกด้วยครับ
ทางด้านคียบอร์ดนั้นมาพร้อมกับปุ่มเต็มรูปแบบและวางไว้สุดขอบเครื่องอาจจะดูแปลกตาไม่ค่อยมีที่วางมือเท่าไรครับผมแต่ก็ใช้งานปรับตัวได้ไม่ยาก ส่วน Touchpad นั้นไปอยู่มุมขวา พร้อมกับสามารถกด Numpad โดยเป็นแบบสัมผัสนั้นเอง สารมารถเปิดปิดได้ ตัวปุ่มเปิดปิดบนขวาสุดมาพร้อมไฟสีแดงและอยู่โดดเดี่ยวในบริเวณนั้นไม่มีปุ่มอื่นๆ
ตัวขอบหน้าจอส่วนล่างยังมีความหนาพอสมควรเป็นปกติครับ และเขียนชื่อเต็ม ROG ไว้ด้วย พร้อมกับไฟสถานะทั้ง 3 จุดตรงกลางส่วนฐาน พร้อมกับ การเล่นลวดลายที่ดูใส่ใจในการออกแบบหลายๆจุดครับ แม้จะเป็นส่วนแถบเล็กๆนั้นก็ยังมีการคิดอะไรมาให้เข้ากับการออกแบบทั้งหมด และเห็นรูๆนั้นทั้ง 2 ข้างคือลำโพงยิงตรงๆมาสู่คนที่นั่งอยู่นั้นเอง
ตัวขอบเครื่องทั้งหมดนั้น เป็นการเล่นกับสีทองแดง Plasma Copper ตัดขอบมุมได้สวยงามและเงาทำให้โดดเด่นออกมาจากทั้งเครื่องสีดำด้านและเข้ากับความเหลี่ยมสันของตัวเครื่องมากๆ แอบหรูๆคล้ายพวก Zenbook pro เลย
มาส่องจุดเด่นของมันกันอีกชัดๆ และขาจอที่มีความแข็งแรงในรูปทรงบานพับแบบกรรไกร กางสุดได้แค่นั้นนะครับ และเมื่อเราเปิดจอ ตัวขานั้นก็จะทำหน้าที่ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น แบบที่เห็นในภาพที่มีไฟลอดออกมานั้นเอง และช่องสี่เหลี่ยมๆนั้นคือรูระบายอากาศของพัดลมที่จะทำหน้าที่เอาลมออกมาทั้งด้านข้าง และ ด้านหลังเลยครับ ชอบการยกตัวเครื่องของแบรนด์นี้จริงๆนะ คือมันยกแล้วได้ประโยชน์ ทั้งการพิมพ์ง่ายขึ้นในพวก Zenbook และ ระบายความร้อนดีขึ้นในตัวนี้
หน้าจอนั้นเป็นหน้าจอ 15.6 นิ้วแต่ยัดบีบลงมาให้อยู่ในขนาดตัวเครื่องประมาณ 14 นิ้วกว่าๆ เพราะขอบจอบางมากๆทั้ง 2 ด้าน และขอบบนที่บางขึ้นทำให้ขนาด ความใหญ่นั้นลดลงแบบชัดเจนครับ แต่กล้องหน้าอะไรก็ยังอยู่ส่วนบนไม่ได้เอาลงมาไว้หรือตัดออกไปไหนครับ หน้าจอเป็นหน้าจอแบบด้านเหมาะสำหรับสายเกมค่อนข้างมากเลยแหละ
ZEPHYRUS S GX531GW นั้นจะมีความบางอยู่ที่ 14.95 มิลลิเมตรเท่านั้นเมื่อเราปิดฝา แต่ถ้าเราเปิดฝาจะเห็นจากภาพด้านบนเลยว่ามันทำหน้าที่ยกยังไงมีช่องขนาดไหนและสูงขึ้นประมาณไหนครับบอกเลยว่ามันช่วยได้มากๆจริงอ้อและสำหรับความแข็งแรงบางคนกลัวว่า ฝามันเปิดๆแล้วมีช่องแบบนี้มันแข็งแรงไหมนั้น รุ่นนี้ยังผ่านมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810G ที่รองรับการสั่นสะเทือน แรงกระแทกบอกเลยว่าไม่ต้องกลัวครับ ทนทั้งความร้อน เย็น กระแทกได้สบายเลยแหละ เป็นรุ่นที่เบา บางแต่ได้ RTX2070 I7 เล่นเกมสะบายสเปคแรงต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยนี้ที่จับ สเปคโหดแบบนี้มาใส่ความบาง เบา แข็งแรง และระบายความร้อนได้ดีแบบนี้ครับ
SPEC
- Windows 10 Home
- Intel® Core™ i7-8750H
- NVIDIA® GeForce® RTX 2070 MAX-Q
- 8GB GDDR6 VRAM
- 16GB DDR4 2666MHz SDRAM Up to 24 GB (8 GB on board memory + 8GB DDR4 2666)
- M.2 NVMe PCIE 3.0 x4 512GB SSD
- หน้าจอ 15.6-inch Full HD (1920×1080) IPS-level panel, 144Hz, 3ms, 100% sRGB
- Backlit chiclet keyboard พร้อม Aura Sync 4 zones RGB backlight mode
- ลำโพง 2 ตัว 2W speakers + Smart AMP technology
- Array Microphone
- Armoury Crate
- XSplit Gamecaster (Free)
- พอร์ทเชื่อมต่อ 1 x USB3.1 Gen2 Type-C with DisplayPort™ 1.2 and Power Delivery
- 1x USB3.1 Gen 1 Type-C // 1x USB3.1 Gen2 Type-A // 2x USB 2.0 Type-A
- 1x HDMI 2.0 // 1x 3.5mm headphone and microphone combo jack // 1x Kensington lock
- 180W Power Adaptor
- Intel® 802.11ac (2×2) Gigabit Wi-Fi
- Bluetooth 5.0
- ขนาด และ น้ำหนัก 360 (W) x 268 (D) x 14.95~15.75 (H) mm 2.1 KG
PERFORMANCE
ASUS ROG ZEPHYRUS S GX531GW มาพร้อมกับ CPU Intel Core i7-8750H มีความเร็ว 2.20 GHz และเร่งไปได้สุดๆ 4.10 GHz มาพร้อมกับ 6 Core 12 Threads ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีหลายๆตัวเอามาใช้กันเยอะมากจริงๆ มันดีและก็แรงแน่นอนว่าหลายๆรุ่นเลยเอามาใช้กัน และทำงานร่วมกัน RTX 2070 8GB DDR6 อีกด้วยทำให้มันแรงไปอีกในการใช้งานทั่วไปรวมถึงสายเกมจัดหนักครับ ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ RAM 8GB DDR4 แบบ 2 แถว รวมเป็น 16GB และ SSD 512GB M.2 NVMe บอกเลยว่าโหดกว่ารุ่นเดิมแบบชัดเจน มาดูคะแนนกันก่อนเลย
PCMark 10 ในตัวคะแนนการทดสอบนั้นได้มากถึง 5,322 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ 4K รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU -GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU – 80 GPU 74 องศาครับผมสภาพ ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วย
3D MARK นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูง รวมถึงการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ และแน่นอนว่าทกสอบตัว PORT ROYAL ที่ทำออกมาสำหรับตระกูล RTX ด้วยนะซึ่งทำคะแนนได้ดีเลยแหละ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 6682 เลยทีเดียว สูงกว่าตัว GTX 2000 คะแนนเลย และ ทดสอบอื่นๆ ตัว Port Royal เองได้ไป 3773 และในส่วนของ Firestrike ทั้ง 2 แบบนั้นทำได้ 8K 4K ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 78 และ GPU 67 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ถือว่าจัดการได้ดีอยู่
ตัวนี้มี Intel UHD Graphics 630 มาให้ด้วยแต่เหมือนจะไม่ได้ใช้ตัวนั้นครับปิดใช้งานไปเลยและ ใช้เป็นตัว NVIDIA GeForce RTX 2070 MAX-Q แทนทั้งหมดโดยจริงๆคือมันแรงมากกกก และการใช้งาน GPU ตัวนี้มันทำให้ความลื่นไหลที่ประมวลผลออกมาทำได้ดี และ ตอบสนองจอ 144HZ ได้แบบลื่นไหลดันเกมให้สูงๆได้
CINEBENCH R15 /R20 นั้น ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากกก แตะหลัก 1000 และ FPS 108 เลยทีเดียวแน่นอนว่าจากการทดสอบมันน่าประทับใจอย่างมาก และ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 2475CB เลยครับ ประมวลผลหนักๆได้แบบสบาย และยิ่งไปกว่านั้นคือ วัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 70 และ GPU 64 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ถือว่าดีกว่าที่คิดจริงๆเรื่องความร้อนครับ และใช้งานได้ไวกว่าเดิมไปอีกด้วย SSD 512GB แบบ M.2 NVMe การอ่านที่ 1547MB/s และเขียนที่ 981MB/s อันนี้ไม่แน่ใจว่าทำไมมันน้อยกว่าตัวแรกนะครับ ในการทดสอบการอ่านตัวนี้
SCREEN
หน้าจอรุ่นนี้ยังคงเป็นจอแบบเดียวกับรุ่น GTX เลยครับและมันคือของดีเลยแหละ ในรุ่นนี้หน้าจอในรุ่นนี้มีขนาด 15.6 นิ้ว IPS Full HD 1920×1080 พิกเซล และเป็นจอแบบ พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare แต่ด้วยขอบบางของมันทำให้ตัวเครื่องมันนั้นมีขนาดแค่คอมพิวเตอร์ 14 นิ้วทั่วไปได้เลย และตัวคุณภาพจอนั้นต้องบอกว่าเป็นสายเกมแต่คุณภาพไม่ได้ด้อยเลย จอนั้นทำงานตัดต่อแต่งภาพและเล่นเกมได้สบาย และด้วยตัวจอนั้นมาพร้อมกับ 144Hz และ Response Time 3ms (G2G) บอกเลยว่าสาย FPS ภาพนั้นสมูทและลื่นไหลมากๆเวลาแพนกล้อง หันซ้ายขวาไวๆนั้นช่วยได้เยอะมากครับ ไม่เจออาการสะดุดและให้ประสบการณ์ดีกว่า 60Hz เยอะ !
หน้าจอด้วยความที่มันเป็นแบบ IPS ทำให้มันรองรับการทำงานแบบต้องการความแม่นยำได้อย่างดีครับ ความเพี้ยนของสี เวลาเอียงๆหรือใช้งานในมุมต่างๆแทบจะไม่แตกต่างเลยรวมถึงคุณภาพของตัวมิติสี แน่นอนว่าตัวสีอาจจะไม่ได้เทพมากเหมือนพวกสายตระกูลทำงานแต่ก็ถือว่าดีอันดับต้นๆของสายเกมเลยแหละทำงานได้แน่ๆ และความสว่างของจอภาพนั้นมาดีมากๆทำงานเล่นเกมถ้าเจอแสงกลางวันหรือแสงเยอะๆก็ยังมองเห็นจอได้ค่อนข้างชัดและสวยงามครับ
KEYBOARD
การวางตำแหน่งนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างแปลกตาและแปลกกว่ารุ่นอื่นๆมากจากการย้ายมาลงไว้ด้านล่างสุดของตัวคอมพิวเตอร์นั้นเองที่ย้ายแบบนี้ไม่ได้แค่เท่หรือแปลกๆแต่อย่างเดียวแต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่คิดไว้แล้วเพื่อที่จะช่วยระบายความร้อนให้ทางการ์ดจอ ระบบภายในให้มันเต็มที่มากที่สุดครับผมจะเห็นพวกช่องรูดูดลมระบายความร้อนแทรกอยู่ตามลวดลายไว้ค่อนข้างเยอะมาก แป้นพิมพ์นั้นมาพร้อมกับไฟ ASUS AURA RGB 4 โซนปรับแต่งได้เยอะและปรับแต่งตามเสียงเพลงได้ด้วย ผ่านทาง ROG Armory Crate และ แอบมีการเล่น ขอบใส WASD สาย FPS น่าจะชอบใจกันครับ ปุ่มทั้งหมดวางตำแหน่งได้ดี แต่ขาด Numpad จริงๆไปเป็นแบบสัมผัสรวมกับ Touchpad ในขวามือสุดนั้นเองครับอันนี้ก็เป็นเพราะเพื่อนที่จำกัดแต่ก็แก้ปัญหาได้ค่อนข้างดีครับ
หลังจากการใช้งานตัวปุ่มทั้งหมดต้องบอกว่าระยะห่างของแต่ละปุ่มนั้นไม่มีอะไรติดขัดหรือขัดใจอะไรเท่าไรนักมีแค่ปุ่ม F1-F4 ที่มีระยะห่างออกจาก F5 เลยไม่แน่ใจว่าจะเว้นไว้ในการใช้งานแบบไหนนะครับถ้ากดแบบไม่มองอาจจะปรับตัวกันนิดนึง ส่วนปุ่มอื่นๆไม่มีปัญหา และตัว Numpad ก็มีแบบสัมผัสมาให้ใช้งานแอบลำบากไปนิดถ้าต้องใช้ งานข้างนอกเวลาไม่พกเมาส์ไปนั้นเอง ส่วนระยะการกด น้ำหนักปุ่มคียบอร์ดนั้นทำได้ดีครับกดเล่นเกมสนุก พิมพ์รีวิวสบาย
TOUCHPAD+NUMPAD
มากันอีกแล้วสำหรับการออกแบบ แบบนี้แน่นอนว่าเหมือนรุ่นอื่นๆของทาง Zephyrus หากใครใช้มาก่อนก็อาจจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เป็นดีไซน์แยกออกมาครับ ปุ่มคลิกนั้นแยกซายขวาชัดเจนความนุ่ม ระยะการกดนั้นทำได้ดีอันนี้ชอบมากๆครับเพราะรุ่นหลังๆชอบทำให้มันแบนๆและกดไม่ดีเท่าไรในหลายๆตัว และอีก 1 ความสามารถมันคือมันเป็น Numpad ได้เลยจากการกดปุ่มข้างซ้ายของโลโก้ ROG ครับ ต้องบอกว่าเป็นแนวคิดที่ฉลาดที่ไม่ตัดมันออกไปและคนที่ใช้งานบ่อยๆก็ยังได้ประโยชน์ในการกดตัวเลขต่างๆครับ สัมผัสได้ไวแม่น แต่ถ้ามีสั่นตอบสนองหน่อยจะลงตัวเลยแหละคล้ายๆพวก Taptic Engine พวกนั้นถ้ารุ่นหน้าขอใส่มาด้วยจะครบเลย
ตัวขนาดเนื่องจากเครื่องเล็กลง ขนาดก็เล็กลงไปด้วยครับการใช้งานก็ค่อนข้างพอดีต่อ 2-3 นิ้วอย่างมากเวลาใช้งาน อาจจะรู้สึกอึดอัดไปหน่อยถ้าใครใช้ทำงานนอกบ้านและต้องใช้ Touchpad ตลอดครับ สัมผัสอะไรเรื่องนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหานะ และปุ่มข้างบนนั้นๆจะเป็นปุ่มสลับ Numpad/Touchpad นะครับ และ โลโก้ ROG คือไว้เข้าโปรแกรม Armoury Create นั้นเองสำหรับการปรับแต่ง ทั้งหมดของเครื่องทั้งไฟ ความแรงพัดลมต่างๆครับ การใช้งานปรับตัวไม่ยากครับ แต่ถ้าใช้แรกๆบอกว่าว่ากดตัวเลขจะลั่นบ่อยมากถ้าเปิดไว้และทำงานไปชอบลั่นบ่อยเลยแหละ เป็นทัชแพดของ precision touchpad นะครับใช้งานได้ติดนิ้วและโอเคเลยแหละ ไม่มีปัญหา ติดแค่ขนาดมันแค่นั้น
SPEAKER
ลำโพงนั้นยังคงรักษาการวางตำแหน่งแบบยิงตรงๆมาสู่ผู้ฟังทำให้เสียงนั้นชัดเจนและดังสะใจเลยครับ ขอบเขตเสียง สเตจนั้นกว้างมากพอสมควรเสียงแหลม เสียงคน เสียงยิงปืนชัดเจนมาก แต่เสียดายตรงที่เสียงเบส เสียงต่ำมันน้อยไปมากจริงๆนะอยากให้มันสะใจกว่านี้ แต่ถ้านับแค่ความดังต้องบอกว่ามันดังมากกก คุณภาพเสียงยังถือว่าดีแต่ไม่ได้สุดเพราะขาดเรื่องเสียงต่ำเบสที่ไม่สะใจเท่าไรในการเล่นเกม แต่ถ้าเทียบกับ Notebook อื่นๆบอกเลยว่าเสียงมันดีกว่าแน่นอนครับสำหรับสายเกมแยกซ้ายขวาชัดเจนมากๆในการเล่นเกมอันนี้ชัดมาก
CONNECTOR
ASUS ROG ZEPHYRUS S นั้นยังให้พอร์ตเชื่อมต่อที่ครบและเพียงพออย่างมากในการใช้งานจริงๆเลยครับด้านหน้านั้นจะเป็นส่วนเรียบๆไม่มีอะไรหรือไฟสถานะอะไรครับมีการเล่นสีทองแดงสวยงามและความบางที่บางเอาเรื่องนะ
ด้านซ้ายนั้นเป็น รูระบายอากาศ พร้อมกับช่องชาร์จไฟเข้า รวมถึง Type-C 3.1 อีก 1 ช่อง พร้อมกับ USB 2.0 Type-A จำนวน 2 ช่อง Mic-in/Headphone-out และในส่วนของ มีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ac มาให้ครบครับ แต่พอร์ทนั้นแอบเสียดายไม่มีรองรับ Thunderbolt 3 ครับแบบเดียวกับรุ่นก่อนเลย
ด้านหลังนั้น จะมีเขียนชื่อรุ่น พร้อมกับ พอร์ต HDMI 1.4 และ ตัวล็อคเครื่องครับผม แอบเห็นรูระบายอากาศอีกแล้วทั้ง ซ้ายและขวาบอกเลยว่าจัดเต็มมากๆสำหรับพัดลมคู่ พร้อมกับจะยกตัวเครื่องเมื่อเปิดฝาใช้งานด้วยครับทำให้ระบายได้ดีมากๆ เลยเหมือนมีช่องลมเพิ่มเข้ามาอีกด้วยน
ด้านขวานั้นพอร์ตเชื่อมต่อจะเป็น USB 3.1 Type-C รองรับการชาร์จเข้า USB Power Delivery และ ช่อง USB 3.1 Type-A จะเห็นรูระบายอากาศสำหรับด้านข้างด้วยครับครับ จัดเต็มในเรื่องของ การระบายอากาศเลยแหละ
ARMOURY CRATE – ROG GAME CENTER
Armoury Crate การใช้งานฟีเจอร์ทั้งหลายทำให้ดูดีเรียบๆและใช้งานง่ายมากขึ้นครับ เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งไฟ AURA Sync ที่ทั้งตัวคียบอร์ด การแสดงผลต่างๆหรือซิงค์กับตัวอื่นๆนั้นเอง และพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอพเกม ที่จะปรับตามแอพที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับ และตัวนี้นั้นยังมี Mobile Dashboard รองรับกับ Android และ iOS ที่สามารถดูจากมือถือ
เป็นฟีเจอร์ที่พัฒนาเรื่องหน้าตาและใช้งานได้ดีมาก รวมถึงสามารถโหลดแอพอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมี XSplit มาให้ด้วยในตัวเลยแหละและแอพอื่นๆเราสามารถโหลดได้ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆการปรับแต่ง GPU CPU และตัวโปรแกรมก็สามารถปรับความแรงพัดลมได้ด้วย และบอกข้อมูลอุณหภูมิขณะใช้งานได้ด้วยครับ
GAMING PERFORMANCE
แอดมินนั้นทำการทดสอบในสภาพอากาศที่ ไม่ได้เปิดแอร์ ซึ่งทำให้ได้อุณหภูมิจริงๆในการใช้งานเลยแหละครับสภาพอากาศจริงๆซึ่งก็ได้ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟฟิคที่ไม่ได้สวยงามมาก ยันไปเกมที่ค่อนข้างกินสเปคโหดๆเลยและทุกเกมที่ทดสอบนั้นแอดมินได้ทำการเปิดแบบสูงสุดที่เกมจะตั้งค่าได้นะครับและเปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม จากกความรู้สึกกันก่อนเลยคือแป้นพิมพ์เล่นได้ง่ายและไม่ร้อนเนื่องจากที่วางมือนั้นวางบนโต๊ะด้วยการออกแบบตัวคียบอร์ดไว้ล่างสุดทำให้เราไม่โดนความร้อนจากตัวเครื่องเลยนั้นเองครับ และปุ่มก็ออกแบบมาได้ดีเล่นเกมไม่มีปัญหา
จากเกมทั้งหมดที่ลองนะครับ อย่าง Overwatch นั้น ทำไปได้ 69 และแตะ 70 ขึ้นได้หลายๆช่วงครับ อุณหภูมินั้น GPU 75 CPU 78 อุณหภูมิปกติ ครับผม PUBG นั้น ทำไปได้ 31+ และแตะ 80 ขึ้นได้หลายๆช่วงครับ อุณหภูมินั้น GPU 71 CPU 74 อันนี้ในห้องแอร์* APEX LEGENDS นั้น ทำไปได้ 144 และแตะ 100 ขึ้นได้หลายๆช่วงครับ อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 92 อันนี้ไม่ได้เปิดแอร์ ไม่เปิดพัดลม โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิดีมากนะจากที่ทดสอบ สภาพอากาศทั่วไปแต่ถ้าเล่นต่อเนื่อง ปรับภาพสูงก็มีแตะ 90 ครับ เอาง่ายๆคือเทียบกับ ความบางเบาขนาดนี้ในรุ่นอื่นๆสเปคเดียวกันบอกเลยว่าตัวนี้ทำได้ดีมากๆและดีกว่าชัดเจนเลยนะ เสียงพัดลมก็ดังตามปกติครับผม แต่เมื่อทำงานเต็มที่ นั้นบอกเลยว่าดังสะใจ จนมีคนถามเสียงอะไรมาจากไหน ทั้งหมดปรับภาพสูงสุดทั้งหมดนะครับ Ultra Epic ทั้งหมด
BATTERY
ตัวแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานได้ตามปกติพวกสายเกมคือ 2 ชั่วโมงนิดหน่อยครับอันนี้คือแอดมินเปิดไฟสุด ไฟทุกอย่างเปิดหมด เล่นเกมใช้งานแบบจริงจังเลยนะ จะได้ 2 ชั่วโมงโดยประมาณ และในภาพคือ เน้นใช้งานประหยัดแบต เปิดแบบประหยัดแบต จอลดลงมา ปิดไฟคียบอร์ดอะไรให้หมด ใช้ทำงานพิมพ์งาน ไม่ได้เล่นเกมนั้นอาจจะได้เห็น 4+ ชั่วโมงได้อยู่ครับ แต่ในภาพขึ้นถึง 9 ชั่วโมงเลย แต่จริงๆใช้งานไปซักพักก็จะลดลงจนได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมงแหละครับ ก็ถือว่าดีกว่าที่คิดไว้นะ แต่การพกพาก็ง่ายเพราะมันเบาและใครกลัวลืมที่ชาร์จไม่ต้องห่วง เพราะมัน รองรับ USB Power Delivery ด้านขวาเท่านั้น จึงทำให้มันใช้สายที่เราชาร์จมือถือ เอามาเสียบชาร์จไฟเข้าตัว ROG ZEPHYRUS S ได้สบายๆ !! เช่นชาร์จไฟเข้าจากทาง Powerbank ได้เลย และ ชาร์จไวเข้า มือถือได้อีกด้วยที่รองรับ PD นั้นเองพวก iPhone – HTC – Pixel และแบรนด์อื่นๆได้สบายเลยแหละ
ROG ZEPHYRUS S
” ความบาง เบา ที่อัพเกรดภายในไปอีกขั้นด้วยการ์ดจอ RTX 2070 ! “
เป็นรุ่นที่ออกมาตอบโจทย์ในการใช้งานที่เน้นพกพา บางเบา รวมถึงความแรงแน่นอนว่าตัวนี้สายเกมมันคงทำได้บางและเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ยัดสเปคตัว RTX 2070 มาให้ค่อนข้างแรงและประสิทธิภาพดีมากๆครับตัวนี้ ส่วนด้านการออกแบบอื่นๆนั้นยังคงเป็นแบบเดียวเป๊ะๆกับตัว GTX 1060 ก่อนหน้านี้ที่ออกมาเลยครับแต่มีรายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อยในตรงโลโก้หลัง และ การ์ดจอ ส่วนอย่างอื่นนั้นเหมือนกันหมดเลยครับ ในแง่ของความแรงก็ได้แรงมาขึ้นเยอะแบบรู้สึกได้นะ และ ในขนาดและน้ำหนักที่เท่าเดิมเพิ่มราคาอีกนิดหน่อย ก็จัดว่าทำได้ดีครับทั้ง 2 รุ่นนี้ ส่วนด้าน จอ ลำโพง วัสดุไม่มีที่ติ เลยครับจัดเต็มสมราคา แต่ยังมีบางอย่างเช่น พอร์ตบางอันน่าจะเป็น 3.0 กันหมดได้แล้ว รวมถึง ขาดช่อง Thunerbolt 3 และตัว SD Card ด้วยไม่งั้นจะลงตัวมากๆเลยแหละ
ข้อดี
- ตัวเครื่อง งานประกอบ วัสดุ คือที่สุด สวยงามและเบาแข็งแรง
- Military Standard MIL-STD-810G
- Core i7-8750H + GeForce RTX 2070 จัดเต็มกว่าเดิม
- ขอบหน้าจอบาง + หน้าจอลื่นๆ 144HZ 3ms IPS LCD
- การยกตัวเครื่องเพื่อระบายความร้อน คือแนวคิดที่ดีมาก
- มี Windows 10 มาให้เลย
- ลำโพงยิงตรงเข้าคนนั่ง เสียงดังสะใจแยกซ้ายขวาชัด
- ประกัน 2 ปี เครมทาง 7-11 ได้เลย
ข้อสังเกต
- ยังไม่มีพอร์ต Thuderbolt 3
- Touchpad /Numpad อาจจะต้องปรับตัวกันพอสมควร
- พอร์ต USB A 2.0 ยังคงมีเหมือนเดิม
- ตอนพิมพ์ วางมือลำบากเวลาใช้งานนอกสถานที่
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr