ROG ZEPHYRUS เป็นตระกูลที่ต้องบอกเลยว่าพรีเมียมและบางเบา รวมถึงจะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆเข้ามาในตระกูลนี้เสมอ และแน่นอนว่าล่าสุดเองนั้นทางด้าน ROG ก็ได้เปิดตัว ROG ZEPHYRUS S17 ที่ในรุ่น 703 เป็นรุ่นล่าสุดที่มีการพัฒนาขึ้น ทั้งเรื่องของการระบายความร้อน การออกแบบตัวเครื่องและแน่นอนว่าสเปกที่ใส่เข้ามาให้ใช้งานเช่นกัน ในรุ่นนี้ราคา 120,000 บาทก็สเปกไม่ธรรมดาเช่นกันมาพร้อมกับ RTX 3080 ใช้งาน i9 Gen 11 ล่าสุด รวมถึงหน้าจอขนาดใหญ่ 17.3 นิ้วความละเอียดสูงมากถึง  4K เลยทีเดียวครับ และมาพร้อมรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz แน่นอนว่าเป็นสเปกที่สุดมากๆเมื่อเทียบกับราคาและความบางแบบนี้สมกับเป็นตระกูลบางพรีเมียม ZEPHYRUS ของท่งค่ายนี้เช่นกัน เบา 2.6 กิโลกรัม บาง 19.9 มิลลิเมตร ลำโพง 6 ตัว Dolby Atmos จัดเต็ม

ROG ZEPHYRUS S17 703HS มาพร้อมกับ Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin มาพร้อมการ์ดจอในตัว Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs  และการ์ดจอแยกจากค่ายเขียวตัว NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-P (16GB GDDR6) เทคโนโลยี 8 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม RTX Gen 2 พร้อมกับ RAM 32GB DDR4 Bus 3200MHz พร้อมกับ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 3TB ที่ความเร็ว 10,000 MB/s ซึ่งภาพรวมต้องบอกเลยว่าสุดทั้งหมดครับ พร้อมใช้งานหน้าจอ 17.3″ ความละเอียด Ultra HD ที่ 3840 x 2160 พิกเซล 16:9  sRGB 100% Refresh Rate ที่ 120Hz รองรับตัว DolbyVision รวมถึงระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ลำโพงเป็น 6 ตัว พร้อมกับยังคงมีกล้องเว็บแคม 720p และ ไมโครโฟนระบบ Two-Way AI Noise-Canceling ภายในตัวเหมือนเดิม และแน่นอนว่ามีตัว ASUS Exclusive Care  3 ปี Local Onsite Service เครื่องมีปัญหา ไปซ่อมถึงที่ และ 3 ปี  International Warranty เครื่องมีปัญหาแต่อยู่ต่างประเทศ รับประกันระหว่างประเทศได้ รวมถึงมี ให้ 1 ปี Perfect Warranty อุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะทำน้ำหกใส่ ไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องตกหล่น สบายๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าครอบคลุมมากๆ

PRICE 

  • ROG ZEPHYRUS S17 703HS :  Intel Core i9-11900H (8C/16T & 2.5 – 4.9GHz) + Intel UHD + NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-P (16GB GDDR6) + RAM 32GB + SSD 3TB
  • ราคา 129,900 บาท 

UNBOX

ตัวกล่องเองนั้นต้องบอกว่าให้มาใหญ่มากๆ และมีกล่องย่อยข้างในอีกขั้นนึงเราจะเห็นกล่องคอมพิวเตอร์ และ กล่องสำหรับสายชาร์จให้มาทั้งหมด 2 อัน ซึ่งตัว Adaptor เองนั้นให้มาทั้งหมด 2 แบบ คือใหญ่ กับ เล็กสำหรับพกพานั้นเอง ตัวใหญ่จะเป็น 240W ส่วนตัวเล็ก 100W ครับเหมาะแก่การใช้งานพกพาอะไรแตกต่างกันไปรวมถึงหัวชาร์จ

  • ตัวเครื่อง ROG ZEPHYRUS S17
  • คู่มือการใช้งาน
  • Adaptor 240W
  • Adaptor 100W

DESIGN

งานออกแบบต้องบอกเลยว่ายังคงเอกลักษณ์ของ ZEPHYRUS ได้ดีเพราะว่าถ้าใครจำกันได้รุ่นก่อนๆก็ทำได้น่าสนใจแต่ครั้งนี้ถ้ามองเทียบกับ S17 ก่อนหน้าอาจจะแตกต่างกันพอสมควร เพราะว่ารุ่นก่อนๆจะมีการย้าย คีย์บอร์ดมาไว้ด้านหน้าและทิ้งพื้นที่ส่วนบนเป็นส่วนการ์ดจอ ระบายความร้อนและโลโก้ต่างๆ แต่ครั้งนี้มีการปรับมาเป็นแบบมาตรฐานแต่ยังคงเอกลักษณ์หลายๆส่วนได้ดี ทั้งตัวปรับระดับเสียงแบบลูกกลิ้งในด้านบน หรือแม้แต่การยกตัวเครื่องหรือส่วนบนทำให้การระบายความร้อนนั้นดีมากขึ้น ต้องบอกว่าค่ายนี้มีอะไรให้พัฒนาเยอะเสมอเช่นกัน ทางด้านวัสดุงานประกอบ ขึ้นโลหะ CNC สวยงามและทำให้แม้จะเป็นหน้าจอใหญ่ 17.3 นิ้วแต่ก็หนักแค่ 2.6 กิโลครับ

ฝาหลังของเครื่องเองนั้นจะมีการออกแบบเรียบๆแม้จะไม่ได้มีไฟอะไรหวือหวาแต่ก็มีการเขียนชื่อแบรนด์และเล่นกราฟิกสวยงามเช่นกัน เป็นสีดำด้านทั้งหมดครับ ส่วนด้านในเราจะเห็นการออกแบบที่เรียบง่ายขึ้นการจัดวางปุ่มต่างๆแบบมาตรฐานพร้อมกับขนาด 17 นิ้วแบบนี้มี Numberpad ใส่เข้ามาให้ปกติรวมถึงเราจะเห็นการยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อยในส่วนด้านบนและวัสดุสีดำด้านทั้งหมดตัวเครื่องอาจจะติดคราบมันรอยนิ้วมือได้ง่ายมากเวลาใช้งานทั่วไป

งานออกแบบข้างในแน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ได้ยกแค่ส่วนด้านบนของตัวเครื่องแล้ว แต่จะยกทั้งแพงขึ้นมาเนียนตามากกว่าเดิม และจะเห็นไฟสถานะ ต่างๆในส่วนขอบบนพร้อมกับพลาสติกที่แอบคล้ายโปร่งแสงนิดหน่อยครับและปุ่มเปิด/ปิดเองสามารถรองรับการสแกนนิ้วไปได้ในตัวและสามารถกดลงไปได้ด้วยเช่นกัน ส่วนการยกที่จะรับอากาศเข้าไปก็สูงพอสมควรเลยทีเดียวส่งผลให้การพิมพ์งานต่างๆนั้นสะดวกมากกว่าเดิม แม้จะเป็นปุ่มแบบ แมคคานิค แต่ก็สามารถยกขึ้นได้และทำเรื่องของความบางเบาได้ดี ต้องยอมเรื่องนี้ในตระกูล ZEPHYRUS เช่นกันครับถือว่าจัดการได้ดีมาก

หน้าจอขนาด 17.3 นิ้วเราจะเห็นเลยว่าขอบบางทั้งหมดและยังคงมีการแทรกกล้องหน้าเข้ามาให้ข้างบนพร้อมกับ 2 ไมค์สำหรับการใช้งาน และ มีชื่อรุ่นเขียนเข้ามาให้ในด้านล่างและด้วยการใช้งานขอบจอ  Nano Edge Display ทำให้รุ่นนี้จะมีตัวเครื่องเทียบเท่า 15.6″ รุ่นก่อนๆ และมาพร้อมกับหน้าจอแบบด้านในสเปกหน้าจอ ขนาด  17.3″ Ultra HD หรือ 4K ในพิกเซล 3840 x 2160 พิกเซล รองรับ sRGB 100% Refresh Rate ที่ 120Hz ครบๆ

ทางด้านช่องระบายอากาศเองนั้นรุ่นนี้ประสิทธิภาพเยอะ จัดเต็มอย่างมากทำให้เรื่องระบายอากาศจริงๆนั้นนอกเหนือจากช่องระบายที่ดูดจากข้างบนที่ยกขึ้นมาแล้ว ตัวนี้สามารถยิงออกด้านหลังทั้งหมด รวมถึงด้านข้าง ซ้าย  ขวา และจะดูดอากาศจากด้านบนที่ยกขึ้นรวมถึง ข้างล่างฐานเครื่องด้วยเช่นกัน และค่ายนี้ยังคงใส่ใจการออกแบบฐานเครื่องเหมือนเดิมทั้งเส้นสายลวดลาย และ การเขียนชื่อแบรนด์ต่างๆ และเราจะเห็นช่องลำโพงในมุมขวาล่าง ส่วนเมื่อแงะตัวเครื่องออกมาเราจะเห็น การใช้งานพัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ พร้อม Heat Pipes 6 เส้นขนาดใหญ่และยังคงมีระบบดักฝุ่น และ Liquid Metal Thermal Grizzly Conductonaut ดึงความร้อนออกจาก CPU / GPU ที่จะเป็น ซิลิโคนที่คุณภาพสูงมากเช่นกัน และตัวเครื่องเองนั้นรองรับการอัปเกรดในตัว SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 มีมาให้เยอะมากคือ 3 ตัว ตัวละ 1TB ทำแบบ Raid เรียบร้อยครับ และ RAM นั้นจะให้มาแบบ Onboard 16GB รวมถึงรองรับการใส่ 1 แถว เพิ่มเติมซึ่งส่วนนี้จะอัปได้ แต่ก็ใส่มาแล้ว 16GB นะครับทำให้ตัวเครื่องมี 32GB แต่จะรองรับการอัปเกรดได้สูงถึง 48GB นั้นเองถือว่าครบและสเปกสุดมากๆที่ให้มาในราคานี้ครับ

SPEC

  • Intel® Core™ i9-11900H Processor 2.5 GHz (24M Cache, up to 4.9 GHz, 8 Cores)
  • NVIDIA® GeForce RTX™ 3080 Laptop GPU
    With ROG Boost up to 1645MHz at 125W (140W with Dynamic Boost)
    16GB GDDR6
  • หน้าจอขนาด 17.3-นิ้ว พร้อมความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160) 16:9 หน้าด้าน anti-glare display มาตรฐาน DCI-P3:100% Refresh Rate:120Hz  Response Time:3ms IPS-level Adaptive-Sync Pantone Validated
  • RAM 16GB DDR4 ออนบอร์ด + 16GB DDR4-3200 SO-DIMM รองรับสูงสุด Max Capacity : 48GB
  • SSD ความจุทั้งหมด 3TB ใช้งานเป็น 1TB + 1TB + 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 RAID0 SSD
  • 1x 3.5mm Combo Audio Jack
    1x HDMI 2.0b
    2x USB 3.2 Gen 2 Type-A
    1x USB 3.2 Gen 2 Type-A
    1x USB 3.2 Gen 2 Type-C support DisplayPort / power delivery
    1x RJ45 LAN port
    1x Thunderbolt™ 4 support DisplayPort™ / power delivery
    card reader (SD) (UHS-II, 312MB/s)
  • คีย์บอร์ดแบบ Optical Mech Keyboard Per-Key RGB
  • Touchpad ขนาดใหญ่ขึ้น 125%
  • ระบบเสียง Smart Amp Technology รองรับ Dolby Atmos พร้อมไมค์ AI mic noise-canceling
  • Built-in array microphone
  • ลำโพง 2x 1W tweeter with Smart Amp Technology และ 4x 1W woofer with Smart Amp Technology 
  • Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2;(*BT version may change with OS upgrades.) -RangeBoost
  • แบต 90 วัตต์ต่อชั่วโมง, 4S1P, 4-เซล ลิเธียมไอออน
  •  Adaptor ตัวที่ 1 กำลังไฟ 100W  พร้อม Adaptor ตัวที่ 2 กำลังไฟ 240W ขนาดใหญ่

PERFORMANCE 

เรื่องของประสิทธิภาพนั้นถือว่าสบายไว้ใจได้ครับ ไม่ว่าจะทำงานโหดแค่ไหนเพราะตัวนี้สเปกน่าจะแรงที่สุดแล้ว มาพร้อมกับ ตัวเทพ Intel Core i9-11900H ความเร็ว 2.5GHz-4.9GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด (24 MB L3 Cache Smart Cache) พร้อมการ์ดจอรุ่นล่าสุด NVIDIA GeForce RTX 3080 16GB DDR6 มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 3 สล็อตติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 3TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz 16 Onboard + 16GB ที่สามารถอัปได้ แน่นอนว่าทำให้สเปกที่ให้มานั้นรองรับทั้งการเล่นเกมแบบกินสเปกโหดๆ หรือว่ากินพื้นที่การใช้งานก็รองรับได้ อีกทั้งเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันได้แบบไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย และรองรับการอัปเกรดไป Windows 11 ได้สบายๆครับ ทั้งสเปกและความจุ

PC MARK. คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าสบายๆเลยแหละ เพราะว่าเป็นตัว i9 เทพสุดๆทำให้คะแนนนั้นพุ่งไป 7058 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปจนถึงตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 Gen 11 ก่อนหน้า ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ  7,200

3D MARK ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 5622 ถือว่าเทพมาก และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 7075 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3DMark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 79 CPU GPU 75 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 13380 และ FIRE STRIKE ULTRA 7580  คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 3080 การมาพร้อม 16GR DDR6 และSSD อ่านเขียน 10000 บอกเลยว่าสุดของบรรดา Gaming เลยทีเดียว

CINEBENCH R15 R20 // DISK MARK    R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเลยแหละ R15 นั้นทำได้ 2272 cb/ 111 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆ และดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจน ส่วนทางด้าน R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 อีกด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 5538 เลยครับ ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 ที่รุ่นนี้ใช้ SSD3TB คุณภาพสูงมากๆเรียกได้ว่าตัวท็อปพร้อมทำ RAID เลยทีเดียว ส่งผลให้การใช้งานการอ่านเขียนนั้นทำการอ่านเขียนไป สูงมากๆ 10415 MB/s และ 9501 MB/s น่าจะแรงที่สุดในตลาดตอนนี้พร้อมกับให้มา 3 ช่อง ใส่เต็ม ช่องละ 1TB ทั้งหมดรวมเป็นก้อนเดียวทำให้ความเร็วสูงขึ้นหลายเท่าตัวจากรุ่นอื่นๆ

SCREEN

หน้าจอยกระดับขึ้นไปอีกขั้นถ้ามองเทียบรุ่นอื่นๆ แน่นอนว่าถ้าสาย Gaming น้อยรุ่นนักที่เราจะได้เห็นหน้าจอแบบ 4K และบางรุ่นอาจจะได้แค่ 60Hz เท่านั้นแต่รุ่นนี้มีการใช้งาน  4K ในขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว UHD 16:9 IPS LCD 3840*2160 พิกเซล  100% Adobe RG และ ภาพมีความสวยคมมากกว่าที่เคยเห็นในจออื่นๆ รวมถึงการแสดงผลสีแน่นและตรงมากๆ พร้อมกับ Refresh Rate 120Hz ครับในตัวนี้นะ ถือว่าสู้แสงได้ดีมากๆ และเป็นหน้าจอที่สวยคม มิติภาพดีส่งผลทั้งการเล่นเกมทำงาน และค่าความแม่นยำนั้นไม่ธรรมดาเลยครับตัวนี้ รองรับมาตรฐาน  DCI-P3 และผ่าน Pantone Validated เช่นกันแม้จะเป็นรุ่น Gaming แต่ถ้ามองเทียบกับราคาทำให้มันทำงานได้แบบสบายๆในสายงานกราฟิกต่างๆเช่นกัน ทำให้สามารถเอามาทำงานได้ง่ายเพราะว่าค่าสีตัวนี้ทำได้ 96-100% เลยทีเดียวเรียกได้ว่าใกล้กับ 100% มากๆ ซึ่งยังคงทำได้ดีไม่แพ้กับรุ่นก่อนหน้านี้เลยนั้นเอง ส่วนในเรื่องของ Hz ก็พัฒนาขึ้นแม้จะเป็น 4K และ รองรับการใช้งาน Adaptive Sync และการตอบสนองเองนั้นต่ำถึง 3MS เลยทีเดียว

แน่นอนว่าตัวนี้หน้าจอแบบด้านและสาย Gaming ทำให้ มุมมองนั้นดีกว่าหน้าจอแบบปกติมากพอสมควร และตัวนี้ได้หน้าจอที่มีคุณภาพสูงอันดับต้นๆของสายเกมมิ่งที่ขายกันในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเน้นเรื่องของความแม่นยำของสีได้ชัดเจน และ เวลาเล่นเกมนั้นรู้สึกชัดเจนว่าภาพค่อนข้างมีมิติกว่าทั่วไปและได้ 120Hz ถือว่าโหดมากๆและได้ความละอียดสูงถึง 4K เลยทีเดียวครับ ยังคงได้สีที่ตรง คุณภาพสูงเข้ามาอยู่ สำหรับรุ่นนี้ค่อนข้างตอบโจทย์สายทำงาน สายเกมได้แบบลงตัวครับ มุมมองสีไม่เพี้ยนหรือดรอปลงแม้แต่น้อย และยังคงความสวยงามและจะมุมมองอื่นทั้งการตัดต่อ เล่นเกมยังแสดงค่าสีได้ดีกว่าตัวอื่นแบบชัดเจน เป็นหน้าจอที่ทำงานได้ เอามาตัดต่อแต่งภาพได้สบายได้ค่ามาตรฐาน Pantone – DCI-P3 ซึ่งถ้ามองเทียบรุ่นอื่นๆ 4K เรามักจะได้ 60Hz แต่รุ่นนี้ทำได้น่าสนใจมากๆ

KEYBOARD

คีย์บอร์ดตัวนี้ปรับมาใช้งานแบบมาตรฐานทั้งตำแหน่งการวางและปุ่มต่างๆครับ แต่เราจะยังเห็นเลยว่าตัวนี้ยังใส่ Numberpad มาให้แม้อาจจะวางแปลกๆนิดหน่อยครับ พร้อมกับ ปุ่ม Arrow Key ลูกศรที่เป็นแบบขนาดเต็มอันนี้เอาใจสาย Gamer ได้แน่นอนครับ และพิเศษกว่านั้นตัวนี้ยัคงใช้งาน RGB Perkey  ด้วยเช่นกันทำให้ความรู้สึกเวลากดอะไรได้ความสวยงาม และรุ่นนี้จะใช้งาน ปุ่มแบบ Optical Mechanical Keyboard และการตอบสนองการกดเพียงแค่ 0.2 มิลลิวินาทีเท่านั้นทำให้เวลากดใช้งานแม่นยำและไวอย่างมาก รวมถึงระยะการตอบสนองและเด้งนั้นจะให้ความรู้สึกแบบปุ่ม แมคคานิคตามคีย์บอร์ดจริงๆเลยนั้นเองครับ อีกทั้งยังคงใส่เทคโนโลยี OverStroke และ N-key Rollover & Anti-ghosting ให้มาครบ และส่วนตัวจากที่ได้ลอง ทั้งระยะมุมองศาการพิมพ์ใช้งานทำได้โหดมาก ทั้งการเล่นเกม และ การเขียนงาน และการจัดวางตำแหน่งต่างๆรองรับได้หลากหลายรูปแบบเช่นกัน

ตัวปุ่มการปรับมาใช้งาน แมคคานิคแบบนี้แน่นอนว่าตัวนี้ทำให้มีเสียงเวลากดให้พอรู้สึกสนุกและความลึกเวลากดทำได้ดีอย่างมากครับ ระยะปุ่มมีความโค้งในตัวที่ 0.15 มิลลิเมตร และ ระยะของปุ่ม 1.9 มิลลิเมตร ถือว่าระยะการกดทำได้ดี มีความลึกและตอบสนองได้ไวเช่นกัน และ การวางตำแหน่งระยะห่างแต่ละปุ่มไม่ต้องปรับตัวเยอะจากรุ่นก่อนๆเช่นกัน และมาพร้อมกับไฟแบบ Per-key RGB และรองรับ  Aura Sync ทำให้ปุ่มการใช้งานตัวนี้น่าสนใจ แต่รุ่นนี้เราจะไม่เห็นปุ่มควบคุมพิเศษ ทั้งเปิด/ปิดไมค์อะไรเสริมเข้ามาแต่จะมี ลูกกลิ้ง Multiwheel มาให้แทนครับ

MULTIWHEEL

ที่น่าสนใจเองนั้นคือตัวหมุน MultiWheel นั้นเองจากที่รุ่นก่อนๆมีขนาดเล็กและไว้ปรับเสียง แต่รุ่นนี้ขยายใหญ่มากขึ้นและรองรับการใช้งานหลากหลายมากกว่าเดิมจนแอบไปคล้ายกับบรรดา Gaming Keyboard ตามบรรดา PC Gaming เลยทีเดียวส่วนนี้ถือว่าน่าสนใจและชอบมากในการใช้งานจริงได้ใช้งาน มีประโยชน์และไวมากในการสั่งงานหลายๆแบบ รุ่นนี้มีการยกระดับขึ้นมาทำให้สามารถสั่งงานได้ 7 คำสั่งทั้งหมด โดยการกดค้างลงไปนั้นเองครับไม่ว่าจะเป็น ปรับเสียง เลื่อนหน้าจอ ปรับระดับไมค์ต่างๆ หรือว่าจะเป็นแสงหน้าจอ แสงคีย์บอร์ด และ  Multitask หรือจะเป็นโหมดการใช้งาน Turbo Normal ทั้งหลายครับ ซึ่งตอบสนองได้ไวและใช้งานได้ง่ายมากๆเช่นกันตัวนี้

TOUCHPAD 

ถ้าเป็นตระกูล Zephyrus รุ่นก่อนหน้า Touchpad อาจจะไม่ได้ใหญ่อะไรมากนักหรือถ้า S17 รุ่นก่อนจะโดนย้ายไปด้านขวา แต่ครั้งนี้มาพร้อมกับขนาดใหญ่กว่าเดิมเยอะมากเช่นกันครับรองรับการกดใช้งานทั่งแผ่นรวมถึงการควบคุมที่ลื่นไหลและสามารถรองรับได้หลากหลายนิ้วรวมถึงวัสดุต่างๆนั้นเป็นพื้นผิวการใช้งานคล้ายกัน รวมถึง Software ในการจัดการต่างๆ เราจะสามารถวางใช้งานทั้งหมด 5 นิ้วได้แบบสบายๆถือว่าใหญ่จัดเต็มเลยทีเดียว

SPEAKER 

ลำโพงครั้งนี้เทพมากขึ้นมาพร้อมกับลำโพง 6 ตัวจัดเต็มรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ รองรับการถอดรหัสเสียง hires ได้สบายๆและรองรับเสียงลำโพงที่มิติอะไรมาดีกว่าเดิมแรงขับมากกว่าเดิม รวมถึงเสียงเบสอะไรนั้นแน่นขึ้นมากๆ ตำแหน่งลำโพงตัวเครื่องในรุ่นนี้ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ยิงลงข้างล่างทั้งมุมซ้ายและมุมขวา แต่เสริมขอบด้านหน้าเครื่องทำให้มียิงทั้งขอบล่างตัวเครื่อง และ ด้านหน้ายิงเข้าคนใช้งานครับ  รวมถึงเสียงยิงขึ้นมาบนขอบหน้าจอส่วนใต้หน้าจอด้านล่างนั้นเองครับ ทำให้ภาพรวมนั้นกระจายตำแหน่งได้ดีทั้งหมด รอบๆตัวเครื่องเลยทีเดียว แน่นอนว่าตัวเสียงนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดีเพราะมีตัว SmartAmp เข้ามาด้วยยังมีเบสที่ทำได้ดีมากๆเสียงแน่นออกมาดี กว่าตัวอื่นๆเลยในส่วนลำโพง และ การกระจายทิศทางต่างๆของเสียง และ มิติเวลาเล่นเกมต่างๆได้ดีมาก

CONNECTOR

พอร์ตเชื่อมต่อให้มาครบในด้านขวาเราจะเห็น 2x USB 3.2 Gen 2 Type-A พร้อมกับ card reader (SD) (UHS-II, 312MB/s) แน่นอนว่าตอบโจทย์การใช้งานได้แบบเต็มที่ทั้งโอนย้ายรูปภาพหรือสายถ่ายภาพเช่นกัน และแน่นอนว่ามาพร้อมกับการยกตัวเครื่องขึ้นมาทำให้มีช่องระบายอากาศเพิ่มได้เยอะกว่าเดิม แถมยังมีช่องระบายขอบเครื่องด้านข้างซ้ายขวาเสริมเข้ามาให้แบบจัดเต็มด้วยเช่นกันในตัวบอดี้แม้จะมีความบางกว่ารุ่นอื่นๆครับ

ขอบเครื่องในด้านซ้ายเราจะเห็นช่องระบายอากาศเช่นกันรวมถึง รูสำหรับจ่ายไฟเข้าขนาดใหญ่ พร้อมกับ HDMI 2.0b และ RJ45 LAN port รวมถึงยังใส่ USB 3.2 Gen 2 Type-A และ ช่องUSB 3.2 Gen 2 Type-C support DisplayPort / power delivery อีกทั้ง Thunderbolt™ 4 support DisplayPort™ / power delivery และ รูหูฟังแบบ 3.5mm Combo Audio Jack ใส่เข้ามาเรียกได้วาครบพร้อมใช้งานอย่างมากครับ และในแง่ของการใช้งานแบบไร้สายเองนั้น รองรับมาตรฐานสูงสุด Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2

ARMOURY CRATE 

เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งไฟ AURA Sync เปลี่ยนสีต่างๆที่ทั้งตัวคีย์บอร์ด การเล่น Effect แสงไฟตามเพลงหรือ ปรับความเร็วโทนสีทั้งหลายได้ทั้งหมดเลย หรือจะเป็นการแสดงผลต่างๆหรือซิงค์กับตัวอื่นๆนั้นเอง และพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอปเกม ที่จะปรับตามแอปที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกัน และตัวนี้นั้นยังมี Mobile Dashboard รองรับกับ Android และ iOS ที่สามารถดูจากมือถือเราได้เลย ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลาย ทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU – GPU  รวมถึงสามารถโหลดแอปอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมาก และมี XSplit มาให้ด้วยในตัวเลยแหละ และยังมีแอปอื่นๆที่เราสามารถโหลดได้ ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์ยังสามารถสั่งปิด/เปิดปุ่ม Windows, ROG และทัชแพดได้ขณะเล่นเกมด้วยอีกด้วยพวกนี้สามารถตั้งค่าปรับอะไรได้ทั้งหมด และในเรื่องของระบบจะสามารถปรับตั้งค่าได้ว่าทำอะไรยังไงบ้างครับ

WORKING

การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ระดับ i9 Gen11 แล้วบอกเลยว่าถ้าสายทำงาน สายเรนเดอร์หรือจะเป็นการตัดต่อ ทำภาพ 3มิติ สร้างบ้าน ขึ้นโมเดล ทำงานหลายโปรแกรม ทั้งการจัดการหลายๆโปรแกรม การรัน การประมวลผลและเห็นชัดมากๆในการ เรนเดอร์โมเดลดีกว่ารุ่นก่อนๆเยอะมาก แน่นอนว่าแม้ว่าเทคโนโลยีอาจจะไม่ได้ใช้งาน 7nm อะไรแต่ตัวนี้มาพร้อมกับ 10nm ในตัว i9-11900H Processor (24M Cache, up to 5.00 GHz) 8 Cores 16 Threads พร้อมกับ RTX 3080 16GB และใช้งาน RAM 32GB 3TB SSD  ก็ถือว่าไวมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านเขียน แต่ทดสอบในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน เพราะว่าตัว Cores Threads นั้นจะเท่ากับ 5900HX เลยทีเดียวครับน่าสนใจมากๆ

LUMION 11 

ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวิดีโอหรือ แอนิเมชันล้วนๆเลยครับ ทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวิดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุด และเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วง ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 2 ชั่วโมง ถือว่าไว เทียบกับ i7 Gen10 ก่อนหน้าทำเวลาไป 4 ชั่วโมง แต่ถ้าเทียบกับ Ryzen 9 5900HX ตัวนั้นจะทำไปได้ 1 ชั่วโมง 50 นาที แอบน่าเสียดายนิดหน่อยในเรื่องเวลาตัวนี้ครับ

PREMIRE PRO  

เรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 12 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 26 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 GEN11 นั้นจะใช้เวลาประมาณ 23 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน และแม้จะเทียบกับค่ายตัวเองในรหัสใกล้ๆกัน แต่เป็นคนละปีก็ยิ่งแตกต่างกันด้วยนั้นเอง

PHOTOSHOP – LIGHTROOM 

และในการใช้งานพื้นฐานด้วยทั้ง RAM 32 GB + i9 11900H ทำให้การทำงานนั้นลื่นไหล และสามารถเปิดหลากหลายโปรแกรมพร้อมกันได้แบบไม่ต้องห่วงว่าจะหน่วงหรือค้างเลยนั้นเอง สำหรับสายทำงานเหมือนจะใช้งานเป็นเครื่องหลักได้เลยรองรับการเปิด ADOBE รุ่นล่าสุดทั้งหมดได้พร้อมกับ รวมถึงเรนเดอร์ได้ด้วยไม่เจออาการหน่วงหรือค้าง และยังทำเวลาได้ดี อีกทั้งหน้าจอที่สีตรงทำให้เอามาแต่งภาพทำงานได้ทันทีไม่ต้องไปต่อจอนอกเพื่อแต่งภาพอะไรทั้งนั้นครับเรียกได้ว่า ถ้าสายทำงานอาจจะชอบหน้าจอแบบนี้มากกว่าและมีความคมชัด สีตรงมากเลยทีเดียว

GAMING

ในเรื่องของการเล่นเกมต้องบอกว่ารุ่นนี้สามารถขับหน้าจอ 4K 120Hz ได้แบบสบายๆเพราะว่าใช้งานสเปกที่โหดมากๆทั้ง i9 + RTX 3080 16GB DDR6 มาพร้อม RAM 32GB การอ่านเขียน SSD ระดับสูง และในการทดสอบที่ลองนั้นในสภาพอากาศที่ไม่ได้เปิดพัดลม ไม่ได้เปิดแอร์ ซึ่งทำให้ได้อุณหภูมิจริงๆในการใช้งานเลยแหละครับสภาพอากาศจริง ซึ่งก็ได้ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปก ไปยันกินสเปกโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดีมีระยะกดลึกพอสมควรกว่ารุ่นทั่วไป และทำให้เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยครับจัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ และด้วยขนาดใหญ่ทำให้กว้างพอสมควร และ เป็นการทดสอบแบบปรับภาพสูงสุด และเราได้ทดสอบการ สตีมเกมลง Facebook Live ไปด้วย

จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 120Hz ได้บางเกมรันได้สบาย และอันนี้คือเปิดภาพกราฟิกระดับสูงสุดเท่าที่เกมรองรับ และ ปรับภาพในขนาด 4K ทั้งหมดในการเล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU  ไม่เกินนี้เลยย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม+ ทุกเกมครับ โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU นั้นต่ำมากๆไม่เกิน 80 เลยแม้แต่น้อย และไม่ได้เล่นในห้องแอร์นะครับ ถือว่ารับได้ และ FPS นิ่งไม่ตกเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 100 Fps นะครับอันนี้ต้องปรับ

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 96+  อุณหภูมินั้น GPU 74 CPU 69  : EPIC
  • APEX ทำไปได้ FPS 68 อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 75 : ULTRA
  • PUBG ทำไปได้ FPS 77 อุณหภูมินั้น GPU 74 CPU 72  : ULTRA
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS 59 อุณหภูมินั้น GPU 81 CPU 76  : ULTRA  
  • FORZA HORIZON 4  ทำไปได้ FPS  70 อุณหภูมินั้น GPU 77 CPU 74  : ULTRA  

ROG ZEPHYRUS S17 

 ”  ZEPHYRUS ยังคงโดดเด่น ทั้งงานออกแบบ ประสิทธิภาพ และ เทคโนโลยี ที่ใส่เข้ามา “

ตระกูลนี้ถือว่าเร็วและแรงแถมยังได้ความเบาเบาเช่นกันครับ แต่แน่นอนว่าด้วยการยัดสเปกแบบนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่อาจจะทำให้เรื่องน้ำหนักหรือว่าความเบาบางอาจจะไม่ได้เบาบางอะไรมากนัก แต่ถ้ามองเทียบกัน 2.6 กิโลก็ถือว่ากำลังรองรับกำลังดี ส่วนทางด้านสเปกเองนั้นตัวนี้สามารถรองรับการใช้งานทั้งการเล่นเกม ระดับสูงหรือว่า การทำงานด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็น CPU GPU  สามารถรองรับได้สบายๆรวมถึงสเปกที่ให้มาด้วยเช่นกัน เพราะว่าตัวนี้ในเรื่องของเสปกโหดแล้วตัวนี้ยังรองรับด้วยหน้าจอ 4K 120Hz  ที่ได้ทั้งเรื่องความละเอียดและความลื่นไหล ทำให้ภาพรวมของสเปกนั้นไม่มีที่ติเมื่อเทียบกับราคาและประสิทธิภาพของมัน รวมถึงหน้าจอ ลำโพง พอร์ตเชื่อมต่อให้มาแบบคุณภาพสูงและครบแบบนี้ทำให้ในงบราคานี้ ใครที่สายทำงานหนักๆหรือว่าเล่นเกม สตีมเมอร์นั้นคุ้มค่าแก่การลงทุนแน่นอนครับ และเรื่องระบายความร้อนเองก็สามารถจัดการได้ดีในการออกแบบและพัดลมนี้

ข้อดี

  • หน้าจอความละเอียดสูง 4K 120Hz รองรับการใช้งานได้ดี คุณภาพความแม่นยำสูง
  • หน้าจอผ่านมาตรฐาน DCI-P3 / PANTON VALIDATED
  • หน้าจอแบบด้านสู้แสงได้ดี รองรับการเล่นเกมหลายๆสภาพแสง
  • ประสิทธิภาพการเล่นเกม ทำงานได้ดี i9 Gen 11 + RTX 3080
  • ระบบระบายความร้อนทำได้ดี และ จัดการในการเล่นเกมนานๆได้ดี
  • ระบบเสียงลำโพง 6  ตัว รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
  • คีย์บอร์ดมาพร้อมกับปุ่มแบบ  Optical Mechanical Keyboard
  • RAM 32GB Bus 3200 MHz + SSD M.2  3TB ความเร็วสูง 10,000 MB/s
  • พอร์ตเชื่อมต่อครบ พร้อมใช้งาน พร้อม Thunderbolt 4
  • คุณภาพงานประกอบทำได้ดี วัสดุดีสมราคา
  • การรับประกันการใช้งานครอบคลุมหลากหลาย และมีประกันอุบัติเหตุ

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่องในการพกพาอาจจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก
  • ราคาเหมาะสำหรับคนที่เน้นใช้ระดับสูง
  • Multi Wheel ไม่ Overlay เวลาเล่นเกมอาจจะปรับยากนิดนึง

EXCLUSIVE ! :: ROG SLASH !! 

เมื่อ ROG มาทำกระเป๋าแน่นอนว่าเรื่องคุณภาพ งานออกแบบไว้ใจได้แน่นอนและครั้งนี้มาด้วยกัน 2 ขนาด ROG SLASH SLING BAG (เล็ก) 1,990 ส่วน ROG SLASH CLASSIC MESSENGER BAG (ใหญ่) 3,990  จะมีวันที่วางจำหน่าย วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ผ่านทาง ASUS official stores และทางเว็บไซต์ของ ASUS นั้นเอง ก่อนจะไปตัวกระเป๋าจริงๆอยากจะให้ดูเรื่องตัวแพ็กเกจสวยงาม ดูแตกต่างมากๆเช่นกันดูสวยและทันสมัยรวมถึงตัวถุงต่างๆนั้นออกแบบมาในโทนสีเงินสวยงาม มีเขียนชื่อแบรนด์และรุ่น ถือว่าแปลกตาและดูสมกับเป็น Gaming เช่นกันครับส่วนด้านในนั้นจะเป็นกระเป๋า 2 ใบใส่เข้ามาให้เลยรวมกันหมด

เมื่อแกะกล่องออกมาเราจะเห็นเลยว่างานออกแบบแตกต่างกันชัดเจนดูเป็น Gaming และสวยงามอย่างมากใช้งานโทนสีเด่น ซึ่งมองไปก็แอบคล้ายโทนสีของโลโก้ Techhangout เช่นกันครับถือว่าสวยและโดดเด่นทั้ง 2 รุ่นมีการออกแบบแตกต่างกันชัดเจนและขนาดแตกต่างกันรุ่นใบใหญ่จะเป็นสำหรับใส่คอมพิวเตอร์ใช้งานได้ถึง 17 นิ้วได้สบายๆ และ ใบเล็กก็จะให้มาสำหรับใส่มือถือใช้งานได้สบายทั่วไปวัสดุไม่ต่างกันมากนักเป็นแบบ PVC ด้านสวยงามและมีความหนามากๆ รวมถึงน่าจะช่วยเรื่องกันน้ำกระเด็นต่างๆได้ดีแต่ที่ชอบคือเรื่องวัสดุสวยงามและมีอลูมิเนียมในตัวล็อกต่างๆใช้งานได้ดี เป็น CNC ทั้งหมดเยอะมากทั้งตัวล็อกทั้งเล็กและใหญ่ รวมถึงบรรดาข้อต่อตัวสายก็แข็งแรง

ในใบหลักขนาดใหญ่ใบนี้น่าจะเหมาะสำหรับการใส่คอมพิวเตอร์พกพาไปข้างนอกสามารถรองรับได้สบายทั้งเรื่องของขนาด 17.3 นิ้วในตัว S17 ก็สบายๆรองรับได้ทั้งความลึกและความใหญ่ พร้อมกับมีการบุความนุ่มเข้ามาให้ตัวล็อกเรียบร้อยและช่องเล็กๆ 3 ช่องสำหรับใส่ของอื่นๆได้สบาย และแน่นอนว่าช่องต่างๆตามตัวกระเป๋าเยอะมากเช่นกัน และตัวล็อกมีความแข็งแรง ดูแน่นหนาและตัวล็อกเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ส่วนบรรดาสีโลโก้ต่างๆนั้นสวยและโดดเด่น

ส่วนใบเล็กสวยงามมากเหมาะแก่การพกพา ซึ่งวัสดุต่างๆนั้นไม่ต่างกับตัวใหญ่เช่นกันดูแข็งแรง แน่นหนา และสามารถรองรับการใช้งานได้หลายๆสภาวะเช่นกัน แน่นอนว่างานออกแบบถือว่าสวยและแตกต่างกับรุ่นอื่นๆของค่ายดูทันสมัยและเท่มากกว่าเดิมรวมถึงคุณภาพวัสดุโดดเด่นเช่นกันและช่องการใส่ใช้งานรอบๆตัวบอดี้กระเป๋าทำได้น่าสนใจมาก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr