เครื่องกรองอากาศต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่หลายๆคนเริ่มให้ความสนใจกันเยอะมากขึ้นในช่วงหลังๆเพราะว่าด้วยกระแสฝุ่น PM2.5 ที่ในกรุงเทพของเรานั้นเข้าขั้นอันตรายมากขึ้นทุกวัน และไม่มีท่าทีที่จะดีขึ้นเท่าไรนักเพราะถ้าหากดูสภาพอาศในหลายๆปีฝ่านมานั้นมันก็ยังคงวงเวียนมาอยู่กันเรื่อยๆ และนอกเหนือจาก PM2.5 แล้วนั้นมันยังมีฝุ่นอีกหลากหลายตัวที่ยังคงอันตรายเช่นกันครับ และสภาพอากาศในเมืองเราก็ต้องบอกกันว่าไม่ค่อยโอเคกันเท่าไรนัก เครื่องกรองอากาศนั้นจึงเป็นจุดที่เริ่มมีกระแสขึ้นมาเรื่อยๆ แต่โดยส่วนตัวแล้วนั้นต้องบอกว่าใช้เครื่องกรองมาโดยตลอดและได้เห็นการพัฒนาอะไรขึ้นมาเรื่อยๆและในครั้งนี้ทาง Samsung เริ่มลุยตลาดนี้และเอาเข้ามากันหลายๆรุ่น โดยในรุ่นที่เราจะมารีวิวจะเป็นตัว AX5500 ระดับกลางๆมีขนาดกลางไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป และกรองได้ทั้งเรื่องของฝุ่น กลิ่น อะไรทั้งหลาย ด้วยแผ่นกรอง HEPA กรองฝุ่นอนุภาคเล็กถึงขนาด PM10, PM2.5, PM1.0 และ PM0.3 ได้ และ รวมถึงก๊าซอันตรายบางส่วนที่ช่วยดูดซับได้เช่นกันครับ หลักๆจะเป็น 3 แผ่นกรอง และ ดีไซน์ก็สวยใช้ได้เลย
ทาง Samsung Bluesky AX5500 นั้นเปิดตัวมาด้วยเป็นเครื่องกรองขนาดกลาง รองรับพื้นที่ 60 ตรม. รองรับการกรองฝุ่นได้ถึงขนาด PM10, PM2.5, PM1.0 และ PM0.3 และยังกรองกลิ่น และ ก๊าซได้ รวมถึงฝุ่นทั่วไปในแผ่นกรองหยาบ และ เครื่องกรองนั้นมีระดับเสียงการทำงานต่ำสุดที่ 50db และ ยังการมีการออกแบบมาให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก ด้วยล้อลากทั้ง 4 และ ยังรองรับการใช้งาน แอปพลิเคชัน SmartThings และ สั่งการผ่านผู้ช่วยคำสั่งเสียงอัจฉริยะ Bixby พร้อม Auto Mode และ Sleep Mode และตัวเครื่องกรองนั้นมีหน้าจอแสดงผลทั้งเรื่องของฝุ่น ก๊าซ และ ตัว สภาพอากาศในห้อง และ บอกว่าปริมาณฝุ่นในห้องนั้นเป็นยังไงแบบ RealTime ครับ และมีตัวการออกแบบการปล่อยลมออกมาแบบ 3 ทิศทางทั้งด้านบน และด้านข้างทำให้อากาศนั้นถ่ายเทได้ดีกว่าปกติครับ
เครื่องกรองอากาศ Samsung Bluesky AX5500 ราคา 20,900 บาท
UNBOX
ในตัวกล่องนั้นจะไม่มีอะไรมากครับ กล่องขนาดใหญ่พอสมควรแต่ไม่หนักเท่าไรครับถือคนเดียวได้อยู่มีที่จับในด้านข้าง อุปกรณ์ในกล่องนั้นง่ายๆมีแค่ ตัวคู่มือ ใบรับประกัน และ สายไฟมาให้ครับ ส่วนพวกฟิลเตอร์นั้นใส่มาให้ในเครื่องเรียบร้อย แต่ถ้าซื้อใหม่ๆเลยน่าจะมีแผ่นพลาสติกห่อพวก ฟิลเตอร์อาจจะต้องดูกันอีกทีนะครับว่าแกะหรือยัง
DESIGN
ทางด้านการออกแบบในรุ่นนี้ต้องบอกว่าทำได้ดูสวยงามและทันสมัยในการใช้โทนสีขาวดำ และมีการเล่นลวดลายในด้านหน้า แต่ทางด้านวัสดุนั้นใช้เป็นพลาสติกเงาทั้งเครื่องเลยทำให้มันดูไม่ค่อยแข็งแรง และ เป็นรอยได้ง่ายและรวมถึงสีดำด้านบนด้วยก็ใช้งานวัสดุแบบพลาสติกเงาดำ ทำให้เป็นรอยขนแมวได้ง่ายมากๆและ ปุ่มเป็นระบบสัมผัสทำให้ติดคราบมันได้ง่ายไปอีกครับ จริงๆถ้าใช้กระจกนั้นน่าจะทำได้ดีและพรีเมี่ยมกว่านี้พอสมควรเลยครับ โดยการใช้วัสดุพลาสติกนั้นน่าจะช่วยในแง่ของการยก พกพาทำให้ค่อนข้างเบา และมีตัวล้อทั้ง 4 เลยทำให้เลื่อนไปไหนมาไหนได้
รูปทรงตัวเครื่องนั้นมาในทรงแนวตั้งยาวๆ ความสูงประมาณ 80-90 เซนติเมตรพอดีกับพวกโต๊ะทั่วไปครับ โทนสีขาวสว่างและดูดอากาศเข้าจากด้านหน้าที่เห็นเป็นรูนั้นเอง และปล่อยออกทั้งด้านบน และด้านข้าง 2 ข้างครับเป็นการปล่อยอากาศแบบ 3 WAY ทำให้กระจายลมได้ดีขึ้น และ ปุ่มควบคุมทั้งหมดเป็นระบบสัมผัสในด้านบนครับ และในด้านหลังนั้นจะเป็นที่จับสำหรับยก และ ตัวสายจะออกจากด้านหลังข้างล่างแต่ไม่สามารถถอดสายอะไรออกได้นะครับ
ในด้านขวาและซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามันมีช่องลมออกทั้ง 2 ข้างที่จะปล่อยลมออกมา นอกเหนือจากด้านบนและจะเห็นว่าในด้านขวานั้นจะเป็น เซนเซอร์สำหรับตรวจจับฝุ่น และ ก๊าซ ในด้านขวา ส่วนทางด้านซ้ายไม่มีครับ และจะเห็นตัวเว้าๆในการเปิดฝาข้างหน้าออกมาสำหรับเปลี่ยนฟิลเตอร์ในอนาคตนั้นเอง บอดี้ยังเป็นพลาสติกทั้งหมดเลยในตัวบอดี้
มาดูช่องลมกันชัดๆจะเห็นว่าเป็นชื่อของระบบปล่อยลม 3 ทิศทางครับแน่นอนว่าเป็นแนวคิดที่ดีเพราะหลายๆรุ่นจะปล่อยแค่ด้านบนและอาจจะทำให้ไม่ทั่วถึงเท่าไรนัก และมองเห็นตัวเซนเซอร์ชัดๆในด้านขวา ทั้งตัวจับฝุ่น PM และ ตัวจับก๊าซนั้นเอง ส่วนการออกแบบช่องลมนั้นจะคล้ายกับด้านบนเป็นครีบๆแต่ไม่สามารถปรับมุมอะไรได้ครับ
ในส่วนของหน้าจอด้านบนนั้นจะเป็นหน้าจอสีสวยงามเลย และใช้งานระบบสัมผัสทั้งหมดรวมถึงมีแถบไฟแสดงสถานะฝุ่นในห้องตอนนี้แบบ REALTIME ทำให้เป็นโทนสี แดง ส้ม เขียว ฟ้า สวยงามครับ สามารถเปิดปิดได้เช่นกันสำหรับตัวไฟ ส่วนหน้าจอนั้นจะแสดงผลหลักๆเป็น ฝุ่นแบบ PM10 PM2.5 PM1.0 ครับ และบอกสีว่าฝุ่นนั้นเยอะไหม และ ปริมาตรฝุ่นต่อพื้นที่เท่าไรครับ และ ตัวสถานะก๊าซในห้องว่ามีเยอะและอันตรายไหมนั้นเองครับ ส่วนตัวฝุ่นนั้นจะเป็นระบบสัมผัสทั้งหมด แต่ไม่มีไฟในตรงปุ่ม อาจจะมองยากหน่อย ปุ่มสามารถคุม พัดลม โหมดสลีปจะปิดไฟทั้งหมด และ ตั้งเวลาปิด รวมถึง เปิดปิดไฟแถบข้างบน และ เปลี่ยนหน่วยวัดค่าฝุ่นครับ ระบบสัมผัสสั่งงานทั้งหมด
แผ่นกรองนั้นจะเปิดออกจากฝาด้านหน้า มีตัวล็อคอย่างดีในด้านบนครับ แผ่นกรองนั้นจะเป็นทั้งหมด 3 แผ่นปกติ คือกรองหยาบในชิ้นแรก กรองกลิ่นในตัวสีดำ คาร์บอน และ กรองฝุ่นในตัวสีขาว HEPA นั้นเอง ซึ่งสีดำและขาวนั้นจะมาเป็นชุดเดียวกันครับ และตัวพัดลมนั้นใหญ่เอาเรื่องรองรับการทำงานแรงๆได้ และรองรับห้องได้ 60 ตรม.
มาส่องรายละเอียดกันแบบชัดๆทั้งตัวกรองหยาบ ซึ่งอันนี้สามารถล้างทำความสะอาดอะไรได้ปกติเลยแบบกรองฝุ่นแบบเดียวกับพวกแอร์ในชิ้นแรกนั้นเอง ส่วนแผ่นสีขาวและดำต่อมานั้นจะต้องเปลี่ยนอย่างเดียวจะดีสุดครับ เพราะเป็นตัวกรองฝุ่นละเอียด และ กรองกลิ่นหรือก๊าซนั้นเอง ซึ่งชุดนี้จะติดเป็นชิ้นเดียวกันครับเวลาเปลี่ยนอาจจะต้องเปลี่ยนพร้อมกันอันนี้แอบเป็นข้อเสียก็ได้เพราะบางทีมันอาจจะไม่ได้หมดพร้อมกันแต่ก็ต้องเปลี่ยนพร้อมกัน ในทุกๆครั้ง
FEATURE
ทางด้านฟีเจอร์ในการใช้งานนั้นหลักๆจะไม่มีอะไรมากเพราะใช้งานง่ายและพื้นฐานครับ ตัวเครื่องกรองนั้นรองรับการใช้งานทั้งเรื่องของการกรองฝุ่น PM 0.3 ที่เล็กที่สุดครับ และในหน้าจอนั้นจะรองรับการแสดงผลทั้ง PM 1.0-PM2.5-PM10 และ บอกก๊าซปริมาณว่าเป็นยังไง รวมถึงมีโหมด Sleep ที่จะปิดหน้าจอปิดไฟและทำงานเงียบ รวมถึง ปรับเปลี่ยนพัดลม และ สามารถควบคุมผ่านมือถือได้ รวมถึงการตั้งเวลา และ ตั้งค่าเปิดปิด และ สั่งงานผ่าน Bixby
SPEC
- รองรับขนาดห้อง 60 ตรม.
- ระดับเสียงต่ำสุด 50dB
- CADR กรองได้ 467 ลบ.ม. ต่อ ชม
- กรองฝุ่น PM 1.0 PM2.5 PM 10
- กรองกลิ่น Carbon – HEPA – Pre Filter
- ระบบสัมผัสหน้าจอ
- น้ำหนัก 11.2 กิโล
- รองรับ Wifi – Smartthings Bixby
- ระบบลม 3 ทิศทาง
SAMSUNG SMART THINGS
ในเรื่องของการควบคุมนั้นในรุ่นนี้เป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อน คือสามารถใช้งานผ่านแอปได้แล้ว นอกเหนือจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปก็คือการเสริมฟีเจอร์นี้เข้ามานั้นเองเมื่อเทียบกันกับ AX5000 ส่วนในการควบคุมนั้นก็รองรับการทำงานเหมือนกับการใช้งานบนตัวเครื่องเลยนั้นเอง และสามารถตั้งเวลา เปิดปิด ตั้งค่าไฟ พัดลม รวมถึง เช็คว่าฟิลเตอร์นั้นเหลือมากน้อยแค่ไหนด้วยเช่นกันครับ ซึ่งสามารถโหลดแอพ Smartthings ได้เลยและเชื่อมต่อซิงค์กันครับ
เมื่อเข้ามาในตัวแอพแล้วนั้นจะเห็นว่าเราสามารถเพิ่ม อุปกรณ์ได้เยอะแยะมากๆถ้าเราใช้งานสินค้าจากทาง Samsung หลายๆตัวสามารถกดเพิ่มได้เรื่อยๆเลย และตั้งค่าได้หมด รวมถึงถ้าใช้ Bixby ในตัวเครื่องของทาง Samsung นั้นจะเห็นว่าสามารถสั่งงานด้วยเสียงและควบคุมผ่านคำสั่งเสียงได้ครับ และเมื่อเข้ามาในตัวเครื่องแล้วจะสามารถเปิดปิด ปรับพัดลม ดูสถานะค่าของฝุ่นได้รวมถึงสามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้นั้นเองครับ คล้าย บนตัวเครื่อง
ในด้านของพัดลมนั้นสามารถปรับได้ว่าจะเอา โหมดไหนทั้งแบบ เบอร์ 1-3 และ Auto รวมถึงโหมด Sleep ที่จะปิดไฟข้างบนด้วย และ เมื่อแตะค่าตรงฝุ่นแล้วก็จะบอกระดับว่าฝุ่นของห้องเรานั้นอยู่ในระดับไหนและ สถานะเป็นยังไงครับ และในส่วนของการตั้งค่านั้นจะเห็นว่าจะบอก ฟิลเตอร์ว่าอยู่ในระดับไหนบ้าง และควรที่จะเปลี่ยนเมื่อไรตอนไหน
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพกันบ้างในแง่ของการทดสอบนั้นจะเป็นทดสอบฝุ่นว่าจะจัดการได้ดีแค่ไหนกันในพื้นที่ห้องประมาณ 50 ตร.ม โดยเราจะทดสอบดูว่าจะสามารถกรองได้เร็วแค่ไหนในการทำอากาศให้อยู่ในระดับต่ำหรือเขียวนั้นเองครับ และจากที่ใช้งานเอาเครื่องวัด PM2.5 มาวัดในห้อง และ ลมที่ออกจากเครื่องกรองนั้นก็ถือว่าปล่อยออกมาได้อากาศที่ไร้ฝุ่นจริงๆ ซึ่งทดสอบแล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องฝุ่นนั้นถือว่าจัดการได้ดีมากๆ แต่กลิ่นเท่าที่ลองนั้นยังแอบมีอยู่บ้างถ้าห้องไหนมีกลิ่นเยอะๆรู้สึกว่ามันยังกรองได้ไม่โหดเท่าไร แต่ถ้าเรื่องของฝุ่นนั้นถือว่าทำได้ดีมากๆครับ
จากที่ทดสอบและลองจับเวลาว่าจากระดับแดงมาเป็นเขียวนั้นจะใช้เวลานานเท่าไรในห้องประมาณ 50 ตร.ม. และมีการจับเวลาไว้ด้วยครับ โดยตอนที่เริ่มนั้นจะเห็นว่าแถบไฟนั้นเป็นสีแดงจัดเลยฝุ่นอยู่ในระดับ 77 ug/m3 และเป็นการวัดระดับฝุ่น PM2.5 ครับและเมื่อเปิดใช้งานไปประมาณ 20 นาทีนั้นจะได้อากาศที่ดีขึ้นแบบชัดเจนโดยเปิดพัดลมเบอร์ 3 ทำงานแบบเต็มที่ถือว่าใช้เวลาไม่นานเลยในการจัดการห้องระดับนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเลขตัวเดียวครับ ยังเป็นประมาณ 18 แต่ถ้าเปิดไปอีกประมาณ 10 นาทีนั้นจะอยู่ในระดับ 5-6 เท่านั้นโดยจะเป็นหน่วยแบบ ug/m3 และเมื่อเอาเครื่องวัดฝุ่นมาวางไว้ในห้องนั้นก็จะอยู่ในระดับใกล้ๆกันครับไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าเราเอามาจ่อตรงอากาศที่ออกมากับตัวเครื่องกรองจะเห็นเลยว่ามันจะแค่ 000 เท่านั้นหรือไม่มีฝุ่นเลยนั้นเองในการใช้งานของเครื่องตัวนี้ครับ
SAMSUNG BLUESKY AX5500
” รุ่นใหม่ Smartthings เข้ามาสั่งงานด้วยเสียงได้ รองรับการกรองฝุ่น กลิ่นที่ดีกว่าเดิม “
เป็นเครื่องกรองอากาศที่อยู่ในระดับการกรองที่ค่อนข้างสูงสามารถรองรับพื้นที่มากถึง 60 ตรม. และ ทำงานได้ค่อนข้างดีเหมาะสำหรับใช้ในบ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่พอสมควรครับ เป็นรุ่นอยู่ในระดับกลางๆของค่าย และ เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดจาก AX5000 ที่เปลี่ยนดีไซน์การออกแบบนิดหน่อยและใส่การเชื่อมต่อแอปเข้ามาก็ใช้งานสะดวกขึ้นครับ แต่เรื่องของการกรองฝุ่นดีกว่าเดิมนิดหน่อยแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าเป็นการลุยตลาดอีกครั้งจากทาง Samsung เครื่องกรองในครั้งนี้ทำให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกเยอะขึ้น และยิ่งใช้มือถือหรืออะไรของทาง Samsung เยอะก็จะสามารถควบคุมอะไรได้มากกว่าเดิม และสะดวกขึ้นเยอะเลย แต่เรื่องของไส้กรองนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนทีเดียวเลยทั้ง HEPA และ กรองกลิ่นเลย อาจจะมีความยืดหยุ่นน้อยไปหน่อย กับเครื่องของวัสดุในหลายๆจุดที่อาจจะเป็นรอยได้ง่ายโดยเฉพาะฝาด้านบนเวลาใช้งานบ่อยๆนั้นเองครับ ส่วนคุณภาพการกรองฝุ่นนั้นทำงานได้ดี แต่เรื่องของกลิ่นยังไม่ได้ชัดเท่าไร แม้จะเปิดการทำงานสูงสุดแล้วก็ตาม
ข้อดี
- การออกแบบดีไซน์สวยงาม
- ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน Smartthings ผ่าน Smartphone
- รองรับคำสั่งเสียง Bixby
- หน้าจอปุ่มระบบสัมผัสตอบสนองได้ดี ดูง่าย และสวย
- ฟิลเตอร์ถอดได้ไม่ยากและมีขนาดใหญ่
- พัดลมทำงานได้ดี แรง ทั่วถึง และ เงียบในระดับต่ำสุด
- มีล้อเลื่อนทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้าย
- การกรองฝุ่นทำได้มีประสิทธิภาพในขนาดห้องใหญ่
ข้อสังเกต
- วัสดุในด้านบนอาจจะเป็นรอยได้ง่าย
- เรื่องกลิ่นยังจัดการไม่ได้ดีมากนัก
- แผ่นกรองฝุ่นและกลิ่นติดกันเป็นชิ้นเดียว ถ้าเปลี่ยนต้องเปลี่ยนทีเดียว
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr