อากาศในช่วงนี้แม้จะเห็นหนาวๆ แต่จริงๆแล้วฝุ่นก็ยังคงเยอะพอสมควรเพราะอากาศนั้นไม่ได้ถ่ายเทเท่าที่ควรเลยทำให้ปริมาณฝุ่นนั้นเยอะเอาเรื่องเหมือนกัน และ ในหลายๆช่วงในปีนี้ก็เจอปัญหาฝุ่น PM2.5 กันมาตลอดแน่นอนว่าอากาศเป็นสิ่งสำคัญ เป็นส่วนนึงของการดำเนินชีวิตและถ้าอากาศแย่มันจะส่งผลต่อสุขภาพ ร่างกาย รวมถึงสะสมเป็นโรคต่างๆได้เลยแต่หลายๆคนนั้นยังไม่ตื่นตระหนกต่อเรื่องนี้เท่าที่ควรครับ หลายๆบ้านนั้นก็หาเครื่องกรองอากาศมาใช้งานกันครับ และในครั้งนี้เราจะมารีวิวรุ่นท๊อปสุดของ Samsung ในรุ่น Cube AX9500 ที่รองรับการกรองฝุ่นที่เยอะพอสมควรและ และมีการออกแบบที่แปลกและเด่นในแง่ของการเชื่อมต่อ 2 เครื่องและทำงานพร้อมกันอีกด้วย และยังมีระบบ WindFree ที่จะช่วยไม่ให้ลมนั้นปะทะร่างกายตรงๆแต่จะเป็นอ่อนๆคล้ายๆกับละอองอากาศนั้นเอง

เครื่องกรองอากาศ Samsung Cube AX9500 นั้นมาพร้อมกับการวางเป็นรุ่นสูงสุดทั้งด้านของดีไซน์และฟีเจอร์ครับ รองรับพื้นที่ 47 ตรม. รองรับการกรองฝุ่นได้ถึงขนาด PM10, PM2.5, PM1.0 และ PM0.3  และยังกรองกลิ่น และ ก๊าซได้ รวมถึงฝุ่นทั่วไปในแผ่นกรองหยาบ และ เครื่องกรองนั้นมีระดับเสียงการทำงานต่ำสุดที่ 18db และ ยังรองรับการใช้งาน แอปพลิเคชัน SmartThings และ สั่งการผ่านผู้ช่วยคำสั่งเสียงอัจฉริยะ Bixby พร้อม Auto Mode และ Sleep Mode อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ WindFree ที่จะทำให้ลมนั้นอ่อนและทำงานเงียบที่สุดไม่มีลมปะทะกับร่างกายเลยนั้นเอง และตัวเครื่องกรองนั้นมีหน้าจอแสดงผลทั้งเรื่องของฝุ่น ก๊าซ และ ตัว สภาพอากาศในห้อง และ บอกว่าปริมาณฝุ่นในห้องนั้นเป็นยังไงแบบ RealTime ครับ แต่จะซ่อนอยู่ในหน้ากากข้างหน้า และ เลื่อนออกมาเมื่อเปิดใช้งาน พร้อมกับควบคุมผ่านระบบสัมผัสทางด้านบนของหน้ากากครับ และวัสดุในภาพรวมนั้นเป็นอลูมิเนียม

เครื่องกรองอากาศ SAMSUNG CUBE AX9500 ราคา 24,990 บาท

UNBOX 

ในตัวกล่องนั้นจะไม่มีอะไรมากครับ เป็นแค่คู่มือ และ สายไฟเท่านั้น ตัวกล่องขนาดไม่ใหญ่มากพอๆกับเครื่องเลยครับและ อุปกรณ์ในกล่องนั้นง่ายๆมีแค่ ตัวคู่มือ ใบรับประกัน และ สายไฟมาให้ครับ ส่วนพวกฟิลเตอร์นั้นใส่มาให้ในเครื่องเรียบร้อย แต่ถ้าซื้อใหม่ๆเลยน่าจะมีแผ่นพลาสติกห่อพวก ฟิลเตอร์อาจจะต้องดูกันอีกทีนะครับว่าแกะหรือยัง

สายไฟ DC IN นั้นถือว่าเป็นการออกแบบที่สวยและเก็บงานเนียนพอสมควร และน่าจะเป็นการออกแบบที่ช่วยเวลาต่อ 2เครื่องพร้อมกันทำให้ไม่ต้องเกะกะอะไรด้วยครับ แต่อันนี้ต้องเสียบให้สุดนะครับมันถึงจะทำงาน เสียบไม่ยากครับ

DESIGN

การออกแบบในรุ่นนี้จะโดดเด่นและแตกต่างกว่ารุ่นอื่นๆที่เปิดตัวในไทยไปครับ แน่นอนว่าในรุ่นนี้นั้นจะเป็นดีไซน์ในตระกูล CUBE เลยทำให้มันเป็นทรงสี่เหลี่ยมตามชื่อเลยถือว่าดีไซน์แปลกใหม่พอสมควรสำหรับทางSamsung รุ่นนี้และยังมีการออกแบบที่คำนึงถึงการต่อแบบ Module วางซ้อนกัน 2 ตัวใช้งานซิงค์กันได้เลย และใช้ไฟแค่ตัวเดียวเท่านั้น และ ยังมีลูกเล่นเวลาใช้งานทำให้ฝาข้างหน้ามันเลื่อนออกมาเมื่อเปิดใช้งาน และ เก็บเข้าไปเมื่อไม่ใช้งาน ส่วนตัววัสดุนั้นใช้งานวัสดุสีเทาเงิน อลูมิเนียม สวยงามและพรีเมี่ยมเอาเรื่องเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆของ Samsung

รูปทรงนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป๊ะๆครับ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั้นจะเป็นส่วนของอากาศเข้าออก ซึ่งส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นการดูดเข้า และ ปล่อยลมออกในด้านหน้า และตระแกรงต่างๆในด้านหลังจะเป็นพลาสติก ส่วนด้านหน้าจะเป็นโลหะครับ ส่วนบอดี้นั้นเป็นงานประกอบชิ้นเดียวเลยขึ้นรูปทรง 4 เหลี่ยมทำมุมโค้ง พร้อมกับลวดลายบนเนื้อผิวของวัสดุสวยงามและมีให้เลือก 2 สีครับในรุ่นนี้จะเป็นสีอ่อนและสีเข้ม ซึ่งสีเข้มจะเป็นตัวที่เรารีวิวเลย และพวกหน้าจอแสดงผลนั้นจะอยู่ด้านหน้า ซ่อนอยู่ตรงตะแกรงทะลุออกมาครับไม่ได้มีหน้าจออะไรแยกออกมาเลยดูเนียนๆไปเลย

ในส่วนของฐานด้านล่างนั้นจะเห็นตัวที่เสียบสายไฟเข้าไปและ แอบเห็นตรงกลางว่ามันเหมือนมีจุดเชื่อมต่ออะไรซักอย่างครับแน่นอนเลยมันคือตัวที่จะเชื่อมต่อกับตัวเครื่องอีกตัวนึงที่สามารถเอามาวางซ้อนกันได้ และจะเป็นเหมือน Dock เชื่อมต่อส่งข้อมูลอะไรต่างๆได้เลยครับโดยจะใช้ไฟแค่ตัวเดียวและดึงไปตัวที่เชื่อมต่อ ถือว่าคิดมาดีเลยแหละ และจะเห็นยางรองนั้นจะนูนขึ้นมาครับ ส่วนเมื่อดูดีๆจะเห็นว่ามีคล้ายๆล้อ แน่นอนว่าถ้าเราวางกับพื้นล้อตัวนี้จะไม่โดดพื้นครับ แต่ถ้าเมื่อไรที่เราต่อแบบ 2 ตัววางต่อกันแล้วนั้นตัวล้อตัวนี้จะทำหน้าที่หมุนได้เมื่อเราวางซ้อนกันนั้นเอง

มาส่องกันที่ด้านบนนั้นจะเห็นเลยว่ามีการออกแบบที่รองรับกับการเชื่อมต่อ 2 เครื่องซึ่งจะมีจุดรอง 4 มุมและ ตรงกลางนั้นที่เป็นโลโก้ Samsung จะสามมารถกดลงไปเพื่อนจะหมุนเป็นตัวเชื่อมต่อ Dock ที่เราเห็นตรงฐานที่เป็นวงกลมได้เลยครับ ซึ่งตัวนี้ก็สามารถวางและเสียบเข้าไปได้เลยง่ายๆ ไม่ยุ่งยากถือว่าเป็นแนวคิดการเชื่อมต่อที่ดี

ในด้านหน้าของ Cube นั้นจะเห็นว่าเมื่อปิดใช้งานมันจะเป็นตะแกรงอลูมิเนียมและเมื่อปิดใช้งานนั้น จะซ่อนเข้าไปในตัวเครื่องครับ และรวมถึงหน้าจอการแสดงผลด้วยจะไม่เห็นเมื่อไม่ทำงานแต่ถ้าเราเปิดแล้วนั้นจะเห็นว่ามีตัวไฟสถานะขึ้นมาในโซนมุมขวาบน และในตัวจับเซนเซอร์เลเซอร์ วัดฝุ่น และ Gas นั้นจะอยู่ในด้านซ้ายของเครื่องครับ

ตัวฟิลเตอร์กรองฝุ่นนั้นจะอยู่ในด้านหลังเครื่องสามารถเปิดได้เลยครับ และ ก่อนใช้งานนั้นต้องเอาโฟม และ พลาสติกเอาออกทั้งหมดเลยก่อนใช้งาน ซึ่งจะเรียงกันจากด้านนอกสุดคือ กรองหยาบ และ กรองกลิ่น และในสุดจะเป็นกรองละเอียดหรือ HEPA ครับส่วนตัวพัดลมข้างในนั้นใบเดียว และมีขนาดใหญ่พอสมควรเมื่อเทียบกับขนาดของมัน และลมจะเป่าออกไปในด้านหน้าครับ และมีโครงสร้างตัวพลาสติกแข็งแรงเป็นสามเหลี่ยมทั้งตัวฟิลเตอร์และโครงข้างใน

มาส่องรายละเอียดกันแบบชัดๆทั้งตัวกรองหยาบ ซึ่งอันนี้สามารถล้างทำความสะอาดได้ปกติเลย กรองฝุ่นแบบเดียวกับพวกแอร์ในชิ้นแรกนั้นเอง ส่วนแผ่นสีขาวและดำต่อมานั้นจะต้องเปลี่ยนอย่างเดียวจะดีสุดครับ เพราะเป็นตัวกรองฝุ่นละเอียด และ กรองกลิ่นหรือก๊าซนั้นเอง ซึ่งชุดนี้จะติดเป็นชิ้นเดียวกันครับเวลาเปลี่ยนอาจจะต้องเปลี่ยนพร้อมกันอันนี้แอบเป็นข้อเสียก็ได้เพราะบางทีมันอาจจะไม่ได้หมดพร้อมกันแต่ก็ต้องเปลี่ยนพร้อมกัน ในทุกๆครั้ง

เมื่อใช้งานนั้นจะเห็นว่าฝาด้านหน้าของเครื่อง จะเลื่อนออกมาเพื่อที่จะกระจายลมออกมาทั้ง 3 ทิศทางครับ และพวกปุ่มควบคุมทั้งหมดนั้นจะอยู่บนฝา และ ใช้งานระบบสัมผัสทั้งหมด แต่ไม่มีไปตรงตัวปุ่มเลยน่าเสียดายจุดนี้ครับ และตัวลมที่ปล่อยออกมานั้นจะมี 2 แบบคือ ปล่อยแบบ 3 ทิศทาง หรือจะปล่อยออกมาด้านหน้าผ่านตะแกรงครับ ซึ่งด้านหน้านั้นเป็นระบบ WindFree ที่จะปล่อยลมอ่อนๆคล้ายๆละอองมาด้านหน้าและจะไม่มีความรู้สึกเลยว่ามีลมออกมาครับถือว่าช่วยสำหรับคนที่ไม่ชอบลมออกมาแรงๆ โดนตัวหรือเวลานอนพวกนี้ ซึ่งเมื่อใช้แผงข้างหน้าจะเลื่อนเข้าไป

ในส่วนของปุ่มนั้นจะเป็นระบบสัมผัสสั่งงาน ทั้งหมดแต่ไม่มีปุ่มบนไฟเลยแอบใช้งานยากเวลากลางคืนต่างๆ และ ตัวหน้าจอนั้นจะซ่อนอยู่ตรงมุมเครื่องด้านขวา และ ตัวอักษรพร้อมกับไฟสถานะของฝุ่นครับ ซึ่งสามารถแสดงได้ PM10-2.5-0.3 และ GAS และในส่วนของไฟสถานะนั้นจะเป็นสี แดง เหลือง เขียว ฟ้า ครับแล้วแต่สภาพอากาศตอนนั้น และในรุ่นนี้ไฟนั้นไม่ได้เยอะหวือหวาอะไรเท่าไรเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆจะเน้นเรียบๆมากกว่ารุ่นที่เราเคยรีวิวกันไปครับ

FEATURE

ในรุ่นนี้เด่นๆจะเป็นเรื่องของการออกแบบ ที่วัสดุพรีเมี่ยม และ ยังรองรับการต่อวางซ้อนกัน 2 ตัวแต่กินไฟแค่ตัวเดียว และ อีกระบบนึงคือ Wind-Free ที่จะช่วยกระจายอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำงานได้เงียบสงบ เพียงแค่ 18 เดซิเบลเท่านั้น ตัวเครื่องกรองนั้นรองรับการใช้งานทั้งเรื่องของการกรองฝุ่น PM 0.3 ที่เล็กที่สุดครับ และในหน้าจอนั้นจะรองรับการแสดงผลทั้ง PM 1.0-PM2.5-PM10 และ บอกก๊าซปริมาณว่าเป็นยังไง รวมถึงมีโหมด Sleep ที่จะปิดหน้าจอปิดไฟและทำงานเงียบ รวมถึง ปรับเปลี่ยนพัดลม และ สามารถควบคุมผ่านมือถือได้ รวมถึงการตั้งเวลา และ ตั้งค่าเปิดปิด และ สั่งงานผ่าน Bixby ได้ครับ รวมถึงตั้งว่าทำงานเองเมื่อเราเข้าไปในพื้นที่นั้นและ อากาศ ณตอนนั้นไม่ดีหรือระดับแย่ครับ มันจะปรับอากาศให้เราเองก่อนเข้าไปในห้อง หรือพื้นที่นั้นๆ

SPEC

  • รองรับขนาดห้อง 47 ตรม.
  • ระดับเสียงต่ำสุด 18 dB
  • CADR กรองได้ 732 ลบ.ม. ต่อ ชม
  • กรองฝุ่น PM 1.0 PM2.5 PM 10
  • กรองกลิ่น Carbon – HEPA – Pre Filter
  • ระบบสัมผัส
  • น้ำหนัก 12.2 กิโล
  • รองรับ Wifi – Smartthings  Bixby
  • ระบบ WindFree (คล้ายๆละอองอากาศ ) และ 3 ทิศทาง
  • รองรับการเชื่อมต่อวางซ้อนกัน 2 ต่อ เพิ่มการกรองได้เป็น 2เท่าของพื้นที่ แต่กินไฟแค่ตัวเดียว

SAMSUNG SMART THINGS

ในเรื่องของการควบคุมนั้นสามารถใช้งานผ่านแอปได้ ในการควบคุมนั้นก็รองรับการทำงานเหมือนกับการใช้งานบนตัวเครื่องเลยนั้นเอง และสามารถตั้งเวลา เปิดปิด ตั้งค่าไฟ พัดลม รวมถึง เช็คว่าฟิลเตอร์นั้นเหลือมากน้อยแค่ไหนด้วยเช่นกันครับ ซึ่งสามารถโหลดแอพ Smartthings ได้เลยและเชื่อมต่อซิงค์กันครับ อีกทั้งยังดูค่าต่างๆได้ด้วยว่าระดับไหนบ้าง และ มาตรฐานเป็นยังไง และมีฟีเจอร์ Welcome Care จะตรวจจับเมื่อเราใกล้พื้นที่แล้วมันจะทำงาน

เมื่อเข้ามาในตัวแอปแล้วนั้นจะเห็นว่าเราสามารถเพิ่ม อุปกรณ์ได้เยอะแยะมากๆถ้าเราใช้งานสินค้าจากทาง Samsung หลายๆตัวสามารถกดเพิ่มได้เรื่อยๆเลย และตั้งค่าได้หมด รวมถึงถ้าใช้ Bixby ในตัวเครื่องของทาง Samsung นั้นจะเห็นว่าสามารถสั่งงานด้วยเสียงและควบคุมผ่านคำสั่งเสียงได้ครับ และเมื่อเข้ามาในตัวเครื่องแล้วจะสามารถเปิดปิด ปรับพัดลม ดูสถานะค่าของฝุ่นได้รวมถึงสามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้นั้นเองครับ คล้าย บนตัวเครื่อง

ในด้านของพัดลมนั้นสามารถปรับได้ว่าจะเอา โหมดไหนทั้งแบบ เบอร์ 1-3 และ Auto Wind Free ที่จะทำงานเบาและปล่อยลมได้เนียนๆไม่พุ่งแรงเกินไป รวมถึงโหมด Sleep ที่จะปิดไฟและซ่อนช่องอากาศเก็บเข้าไปด้วย และ เมื่อแตะค่าตรงฝุ่นแล้วก็จะบอกระดับว่าฝุ่นของห้องเรานั้นอยู่ในระดับไหนและ สถานะเป็นยังไงครับ และในส่วนของการตั้งค่านั้นจะเห็นว่าจะบอก ฟิลเตอร์ว่าอยู่ในระดับไหนบ้าง และควรที่จะเปลี่ยนเมื่อไรตอนไหน และ ในรุ่นนี้จะมี Welcome Care สำหรับให้เครื่องนั้นทำงานเมื่อ อากาศเลวร้าย หรือ ใกล้กับที่เราจะเข้าไปในโซนนั้นครับ

PERFORMANCE 

ทางด้านประสิทธิภาพกันบ้างในแง่ของการทดสอบนั้นจะเป็นทดสอบฝุ่นว่าจะจัดการได้ดีแค่ไหนกันในพื้นที่ห้องประมาณ 40 ตร.ม โดยเราจะทดสอบดูว่าจะสามารถกรองได้เร็วแค่ไหนในการทำอากาศให้อยู่ในระดับต่ำหรือเขียวนั้นเองครับ และจากที่ใช้งานเอาเครื่องวัด PM2.5 มาวัดในห้อง และ ลมที่ออกจากเครื่องกรองนั้นก็ถือว่าปล่อยออกมาได้อากาศที่ไร้ฝุ่นจริงๆ ซึ่งทดสอบแล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องฝุ่นนั้นถือว่าจัดการได้ดีมากๆ และเรื่องกลื่นนั้นรู้สึกเลยว่าทำได้ดีกว่ารุ่นที่เราพึ่งรีวิวไปก่อนหน้าครับและตัวนี้จัดการได้ชัดเจนกว่าพอสมควรเลยนั้นถือว่าทำได้ดีมากๆครับ

จากที่ทดสอบและลองจับเวลา ว่าจากระดับแดงมาเป็นเขียวนั้นจะใช้เวลานานเท่าไรในห้องประมาณ 40 ตร.ม. และมีการจับเวลาไว้ด้วยครับ โดยตอนที่เริ่มนั้นจะเห็นว่าแถบไฟนั้นเป็นสีแดงจัดเลยฝุ่นอยู่ในระดับ 100 ug/m3 และเป็นการวัดระดับฝุ่น PM2.5 ครับและเมื่อเปิดใช้งานไปประมาณ 25 นาทีนั้นจะได้อากาศที่ดีขึ้นแบบชัดเจนโดยเปิดพัดลมเบอร์ 3 ทำงานแบบเต็มที่ถือว่าใช้เวลาไม่นานเลยในการจัดการห้องระดับนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเลขตัวเดียวครับ ยังเป็นประมาณ 18 แต่ถ้าเปิดไปอีกประมาณ 15+ นาทีนั้นจะอยู่ในระดับ 5-6 เท่านั้นโดยจะเป็นหน่วยแบบ ug/m3 และเมื่อเอาเครื่องวัดฝุ่นมาวางไว้ในห้องนั้นก็จะอยู่ในระดับใกล้ๆกันครับไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าเราเอามาจ่อตรงอากาศที่ออกมากับตัวเครื่องกรองจะเห็นเลยว่ามันจะแค่ 004 เท่านั้นถือว่าสภาพอากาศที่ปล่อยออกมานั้นทำได้ดีพอสมควร

SAMSUNG CUBE AX9500 

” เครื่องกรองดีไซน์แปลกใหม่ มาพร้อมฟีเจอร์ Wind Free และ กรองฝุ่นระดับ PM0.3 “

เป็นเครื่องกรองที่เน้นในเรื่องของการออกแบบที่แปลกใหม่เป็นทรงสี่เหลี่ยมที่เหมือนตู้เย็นแต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ด้วยการออกแบบแบบนี้ทำให้มันสามารถต่อเป็น Module ได้ 2 ตัววางซ้อนกันครับเลยเป็นแนวคิดที่ดีมากๆ จ่ายไฟแค่ตัวเดียวแต่ใช้งานได้ 2 ตัว กรองได้มากกว่าเดิม 2 เท่า ถือว่าเป็นแนวคิดการออกแบบที่ดีเลยแหละ ส่วนประสิทธิภาพนั้นด้วยขนาดของมันอาจจะไม่ได้กรองได้เยอะมากเท่าไรเพราะได้พื้นที่ 47 ตรม แต่ค่า CADR ของมันเยอะมากๆเรียกได้ว่ากำลังของมันเยอะจริงๆในการกรองฝุ่น ส่วนฟิลเตอร์ให้มาครบๆเช่นเดิมครับ กรองฝุ่น กรองกลิ่น กรองหยาบ และฟีเจอร์ Windfree เป็นเหมือนการปล่อยลมออกมาแบบละอองๆทำให้เราไม่รู้สึกถึงแรงลมเลย ถือว่าน่าสนใจ เหมาะสำหรับเด็กๆหรือคนที่ไมชอบลมจ่อๆครับ ทำให้เราไม่รู้สึกแรงลมเลยแต่อากาศก็ยังดีไปได้ด้วย

ข้อดี

  • การออกแบบพรีเมี่ยมและแตกต่างกับรุ่นอื่นๆ
  • สามารถใช้งานวางซ้อนกันได้ทำงานเป็น 2 เท่า กินไฟเหมือนเครื่องเดียว
  • ระบบปล่อยลม 3 ทิศทาง และ ระบบ Wind-Free ทำได้ดี เงียบและไม่มีลมออกมาแรง
  • รองรับการควบคุมผ่านมือถือ และ สั่งงานด้วย Bixby
  • การกรองฝุ่นทำได้มีประสิทธิภาพในขนาดห้องใหญ่
  • การกรองกลิ่นทำได้ดีเช่นกัน และ ฟิลเตอร์ถอดได้ง่าย

ข้อสังเกต 

  • ไม่มีไฟตรงปุ่มสัมผัสด้านหน้า
  • ลูกเล่นไฟไม่สวยเหมือนรุ่นน้องตัวอื่นๆ
  • ขนาดห้องได้สูงสุดประมาณ 47 เท่านั้น

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr