หูฟังตัดเสียง Sony นั้นถือว่าทำออกมาได้ดีเรื่อยๆครับและอีกจุดเด่นของค่ายนี้คือเรื่องระบบตัดเสียงที่ทำได้ดีมากๆและในครั้งนี้มันมาอยู่ใน True Wireless ที่ทำได้ดีมากๆในเรื่องของตัดเสียงรบกวนภายนอกนั้นทำได้ดีเลยแหละ หูฟังรุ่นนี้คือตัว WF-1000XM3 เป็นตระกูลไร้สายที่ต่อยอดจาก WF-1000X ก่อนหน้าที่เราก็เคยรีวิวกันไปแน่นอนว่าได้ข้ามรุ่น 2 ไปเลยครับ โดยในรุ่นนี้ได้มีการพัฒนาอะไรหลายๆอย่างเยอะมากทั้งคุณภาพเสียง การตัดเสียง แบต ดีไซน์และการสวมใส่ที่สบายขึ้นและทำได้ดีขึ้นเยอะ รวมถึงการยัดเทคโนโลยีอะไรหลายๆอย่างเข้ามาได้เยอะขึ้นครับ
Sony WF-1000XM3 นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นหลายๆอย่างที่เปิดตัวใส่เข้ามา ทั้งเรื่องของ Adaptive Sound Control ที่จะปรับตามสภาพแวดล้อมในการตัดเสียง ดีไซน์เพรียวบางขึ้น และ แบตเตอรี่ ที่อายุการใช้งานมากขึ้นและรองรับการใช้งานทั้งวันได้สบายๆ 24 ชั่วโมงผ่านเคสชาร์จไฟ 1.5 ชั่วโมงสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่เปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้นานถึง 8 ชั่วโมง แต่ถ้าเปิด ได้ 6 ชั่วโมง และใช้งาน Bluetooth 5.0 และมีน้ำหนักข้างละ 9 กรัม และใช้งาน ไดร์เวอร์ ข้างละ 6มม. พร้อมกับ ชิพ QNe1 ทำงานร่วมกับ ตัวระบบ DSEE-HX
ในด้านราคา SONY WF-1000XM3 นั้นเปิดตัวในประเทศไทยแล้วด้วย ราคา 8,990 บาท มาพร้อม สีดำ และ สีเงินออกครีมๆ ครับ หาซื้อกันได้แล้วตามร้าน SONY และตัวแทนจำหน่ายทั่วไปครับผม
UNBOX
- 1x มีหูฟัง Sony WF-1000XM3
- 1x กล่องเก็บหูฟังพร้อมชาร์จแบบตเตอรี่ไปด้วยในตัว
- 1x คู่มือการใช้งาน
- 7x จุกยางหลากหลายไซส์ พร้อม จุกแบบโฟม
- 1x สายชาร์จ USB-C
DESIGN
ในด้านการออกแบบภาพรวมของทั้งตัวกล่องและหูฟัง มาในส่วนของดีไซน์หูฟังไร้สายรุ่นนี้กันบ้าง Sony WF-1000XM3 เป็นหูฟังดีไซน์สวยหรู พรีเมียมสุดๆ พร้อมได้รับการออกแบบ Tri-hold ตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อให้การสวมใส่มีความสบาย กระชับในทุกๆสรีรศาสตร์ของแต่ละคน อีกทั้งจุกอุดหูผลิตด้วยยางนิ่มอย่างดีช่วยลดแรงเสียดทานสูง แนบสนิทพอดีกับหูของคุณทำให้ไม่ลื่นหลุดง่าย แถมน้ำหนักก็เบาสุดๆเพียงข้างละ 8.5 กรัมเท่านั้นวัสดุโดยรวมทำออกมาได้ดีดูสวยเนียนตาใช้โทนสีเข้ากันแต่เรื่องของการรักษาอาจจะต้องดูแลกันนิดนึงสำหรับตัวเคสเพราะมันไม่สามารถวางตั้งได้และตัวสีโทนอ่อนนั้นอาจจะเลอะได้ง่ายครับรวมถึงเวลาวางก็อาจจะทำให้มีรอยได้ง่าย
ทรงของหูฟังด้านหน้าที่เวลาใส่แล้วคนทั่วไปจะเห็นนั้นออกแบบมาได้สวยกว่าเดิมเยอะมากๆครับเป็นทรงที่สมมาตรและคล้ายกัยตัวเคสค่อนข้างไปในแนวทางเดียวกันและใส่ได้สบาย วัสดุสีโทนเดียวกันเป็นแบบด้านทั้งหมด จะมีเขียนแบรนด์และ รูไมค์สำหรับตัดเสียงที่มีสีทองล้อมรอบกลมๆเล็กๆนั้นเอง และส่วนที่วงกลมใหญ่ๆวัสดุแบบเงานั้นจะเป็นส่วนที่เราใช้แตะสัมผัสเวลาสั่งงานต่างๆการใช้วัสดุแตกต่างกันทำให้เวลาใช้งานแตะได้ถูกโดยไม่ต้องไปหาที่สัมผัสเวลใช้งานหรือหาจุดสั่งงานให้ยุ่งยากครับ และในด้านในนั้นจะเห็นแถบเซนเซอร์สีดำขนาดใหญ่ที่จะคอยจับเวลาเราใส่หรือถอดมันจะหยุดเพลงให้เองครับ และ ตัวแถบทองแดง 3 จุดนั้นจะเป็นที่สำหรับชาร์จไฟเข้าเวลาใส่เคสนั้นเองส่วนตัวจุกนั้นจะทำมุมที่ค่อนข้างเอียงขึ้นไปเล็กน้อยเวลาใส่ใช้งานนั้นจะทำให้ล็อคเข้าพอดีกับรูหูและส่งเสียงได้เต็มที่
ในเรื่องของดีไซน์ในส่วนด้านหน้าและด้านหลังกันบ้าง เมื่อมองจากด้านหน้าฝั่งนี้จะเห็นว่าตัวท่อเสียงนั้นจะทำมุมเข้าไปทำให้เวลาเสียบใส่ใช้งานนั้นเสียงจะเข้าไปในรูหูพอดีรวมถึงเกาะได้แน่นครับและมีการรองรับกับรูปทรงของใบหูตามการออกแบบที่ทางแบรนด์ได้คิดขึ้นมาทำให้เข้าล็อคกับใบหูและไม่หล่นง่ายๆ ส่วนด้านท้ายนั้นจะเป็นบอกรุ่นต่างๆรายละเอียดเลขรวมถึงบอกข้างซ้ายข้างขวาของตัวหูฟังครับว่าใส่อยู่ข้างไหนและบอกได้ชัดเจนเลยทีเดียวครับ
ตัวจุกสามารถเปลี่ยนได้ตามที่ให้มาหรือใช้งานจุกเสริมแบบพวกแบรนด์ spinfit รุ่น CP100, CP145 และ CP360 และข้อดีคือมันสามารถใส่กลับลงไปในเคสได้ด้วยครับอันนี้ถือว่าดีงามเลยเพราะบางตัวเมื่อใช้จุกต่างยี่ห้อจะไม่สามารถใส่เก็บเข้าไปได้นั้นเอง ส่วนเรื่องท่อเสียงต่างๆก็ลึกและเข้าทรงได้พอดีครับและมีการออกแบบที่ค่อนข้างดี และตัวจุกก็รองรับได้ดีล็อคได้แน่นถอดยากพอสมควรครับเวลาเปลี่ยนก็ต้องให้มันเข้าล็อคของมันก็จะแน่นๆเลย
ตัวเคสของหูฟังนั้นออกแบบมาดูสวยงาม ด้านหน้าเป็นสีทองวัสดุเงาๆ คล้ายการใช้อลูมิเนียมครับและมาในทรงโค้งๆสวยงาม รวมๆดีไซน์โค้งมนไปทั้งหมด แต่ที่ไม่ค่อยชอบคือมันตั้งไม่ได้ครับทำให้ต้องวางนอนหรือวางคว่ำตลอด และมันทำให้เลอะได้ง่ายมากๆรวมถึง โลโก้จะลอกได้ง่ายมากๆถ้าเราวางคว่ำไว้อันนี้คือว่าออกแบบมาไม่ดีเท่าไร จริงๆอยากให้มันวางได้แบบรุ่นที่แล้วก็ยังดีกว่าครับ อันนี้ถือพกพาได้ง่ายแต่วางตั้งไม่ได้เลยครับและวัสดุตัวเคสนั้นเป็นแบบด้านอาจจะทำให้ยิ่งรักษาได้ยากขึ้นไปอีกครับในโทนสีครีมแบบนี้ ส่วนช่องชาร์จนั้นจะซ่อนอยู่ด้านหลังครับเป็นแบบ USB-C และสามารถใช้สายทั่วไปเสียบได้เลย และไม่รองรับชาร์จไร้สายนะครับในเคสตัวนี้
การชาร์จไฟสำหรับตัวหูฟังนั้นก็ง่ายๆครับเมื่อเราใช้งานเสร็จก็สามารถเสียบกลับเข้าไปได้เลยโดยตัวเคสมันจะมีแม่เหล็กดูดค่อนข้างแรงและแม่นมากๆคือใส่สลับข้างกันไม่ได้แน่ๆและเข้าล็อคพอดีครับ เมื่อเราใส่กลับเข้าไปและไฟกำลังชาร์จนั้นจะเป็นสีแดงขึ้นบนตัวเคสและตัวหูฟังครับว่าข้างไหนชาร์จ และเมื่อไฟเต็มแล้วนั้นจะไม่มีไฟสถานะขึ้นมา
SPEC
- น้ำหนักหูฟังข้างละ 8.5 กรัม – ตัวเคสสำหรับชาร์จมีน้ำหนัก 77 กรัม
- ไดร์เวอร์ยูนิตทรงโดม ขนาด 6 มม. ใช้คอยล์เสียง CCAW แม่เหล็กนีโอดิเมียม
- ตอบสนองความถี่ 20Hz – 20,000Hz (การสุ่มตัวอย่าง 44.1kHz)
- รองรับ DSEE HX
- ระบบชิพตัดเสียง HD Noise Cancelling Processor QN1e
- มีไมโครโฟนสนทนาภายในตัว ทั้ง 2 ข้าง
- ฟังเพลงได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมง (ปิด NC) และ 6 ชั่วโมง เปิด NC
- อยู่ในโหมดสแตนด์บายได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง (ปิด NC) และ 9 ชั่วโมง เปิด NC
- ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ 1.5 ชั่วโมงต่อครั้ง
- มีฟังค์ชั่น Quick Attention เปิดรับเสียงรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟัง
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.0 และ NFC
- รองรับ ระบบเสียง SBC, AAC
- ตัวเคสสามารถชาร์จไฟให้หูฟังได้ 3 รอบ ชาร์จไฟเข้า เคสใช้เวลาทั้งหมด 3.5 ชั่วโมง
- มาพร้อมระบบชาร์จไวเพียง 10 นาที ก็ฟังเพลงได้นานถึง 90 นาที
- ใช้งาน USB-C ในการชาร์จไฟเข้าตัวเคส
- ไม่รองรับ Wireless Charging และ ไม่มี IP กันน้ำ
SOFTWARE
ตัวระบบนั้นจะใช้งานของแอพ Headphone Connect ครับ ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดได้ทั้งของ iOS และ Android และในตัวการเชื่อมต่อนั้นรองรับการเชื่อมง่ายๆผ่าน NFC-Bluetooth ได้โดยไม่ต้องมีแอพครับ แต่ถ้ามีแอพแล้วนั้นจะช่วยในการปรับตั้งค่า ระบบเสียง ระบบตัดเสียง Adaptive ดูสภานะการใช้งานแบตต่างๆได้ดียิ่งขึ้นรวมถึงรองรับคำสั่งเสียงสั่งงานผ่าน Google Assistant ได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิมไปอีกครับ หน้าตาก็ใช้งานได้ค่อนข้างง่ายอยู่ครับ
ตัวระบบหน้าตานั้นใช้งานไม่ยากครับ หน้าแรกนั้นจะเป็นการบอกสีและรุ่นของเรารวมถึงสถานะแบตของทั้ง 2 ข้างว่าเท่าไรและเชื่อมต่ออยู่ไหมผ่านระบบ AAC-DSEE HX เป็นต้นและรวมถึงด้านล่างจะเป็นการเปิดปิดโหมด ตัดเสียงตามสภาพแวดล้อม ถัดมาเป็นปรับแต่งเสียง และ เมนูเปลี่ยนเพลงครับ เมื่อเลื่อนลงมาอีกก็จะเป็นการปรับฟังก์ชั่น แต่ละข้างรวมถึง การตั้งค่าเวลาถอดและให้เพลงหยุดเอง และ แตะ มุมขวาบนเป็นตั้งค่าเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ
เมื่อเข้ามาในแต่ละส่วน เช่นภาพแรกจะเป็นการปรับแต่งเสียงว่าแต่ละโหมดนั้นจะให้ตัดเสียงเยอะแค่ไหนเวลามันปรับให้เอง ให้ได้ยินเสียงอะไรบ้าง สามารถลากแถบปรับได้แล้วแต่เราเลยครับ ส่วนปรับมาซ้ายสุดจะเงียบสุดเลยนั้นเอง และสามารถปรับได้ว่าเอาเสียงคนพูดชัดไหม จะให้ปรับ 4 สภาพแวดล้อมหลักๆ นั่งในบ้าน เดิน ออกกำลัง และ โดยสารบนรถครับ ส่วนต่อไปเป็นการปรับแต่ง EQ เล็กน้อยในการใช้งาน และ สามารถเลือกได้ว่าเชื่อมต่อแบบ เน้นเสียงดี หรือ เน้นสัญญาณ นิ่งครับสามารถเลือกปรับได้ตรง Sound Quality Mode นั้นเองครับจริงๆเน้นเสียงก็ไม่เจอหลุดเท่าไรเลยนะครับถือว่าระบบเสียงนั้นทำออกมาได้ดีเลยแหละ ไปเดินตามห้างก็ไม่เจออาการหลุดหรือสะดุด
ส่วนการตั้งค่าในส่วนอื่นๆนั้นเช่นการปรับว่าข้างซ้ายข้างขวานั้นเมื่อเราแตะจะให้อะไรบ้างสามารถเปลี่ยนได้ 4 แบบ ว่าจะเป็นการปรับแต่งเสียงรบกวน ควบคุมเพลง หยุดเล่นต่างๆ หรือเข้า Google นั้นเอง แต่เสียดายไม่สามารถปรับระดับเสียงได้ครับ ส่วนหูฟังตัวนี้รองรับ Google Assistant และ Siri ได้สบายๆในการใช้งานรวมถึงสามารถอ่านข้อความการแจ้งเตือนให้เราฟังได้ เมื่อเราแตะหูฟัง 2 ครั้งเวลามีข้อความแจ้งเตือนมาก็จะอ่านให้เลย
SOUND
ในเรื่องของเสียงนั้นรุ่นนี้อาจจะน่าเสียดายตรงที่ไม่มีการรองรับ LDAC – Hires อะไรครับแน่นอนหลายๆรุ่นในตอนนี้ก็ยังยากที่จะรองรับกับรายละเอียดเสียงแบบนี้ ว่าเสียงในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีและแน่นอนว่าทางรุ่นนี้ Sony นั้นจะเน้นไปเรื่องของการเก็บเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมรวมถึงการเชื่อมต่อที่แม่นยำและไม่มีหน่วงก็เป็นจุดเด่นที่เป็นการพัฒนาในรุ่นนี้ โทนเสียงรวมๆนั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้จะยังคงสไตล์เดิมๆของแบรนด์ที่อาจจะคุ้นๆกันคือเน้นโทนเสียงฟังง่ายคล้ายตัวก่อนหน้านี้ครับ เบสแน่นแต่อาจจะไม่ได้สะใจมากนัก และลงลึกพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับตัว Senn นั้น ตัวนั้นอาจจะให้เรื่องของรายละเอียดเสียงที่ดีกว่าและเบสสะใจกว่าเล็กน้อยครับ แต่ทาง Sony เองนั้นจะเด่นในเรื่องของการพัฒนาเสียงที่รับสัญญาณได้ทั้ง 2 ข้างโดยไม่ต้องผ่านหูฟังข้างใดข้างนึงก่อนถือว่าช่วยได้ดีจริงๆไม่เจอหน่วงเลยครับ
โทนเสียงในภาพรวมนั้นจะเน้นในเรื่องของเสียงนักร้องที่ค่อนข้างนุ่มและชัดเจน เวทีเสียงทำได้ดีและไม่กลบไม่มั่วกันครับ เสียงดนตรีต่างๆแยกชิ้นได้ดีเลยแหละ เสียงไม่แหลมจัดแสบหูแม้จะใช้งานช่วงแรกเสียงก็ยังทำออกมาได้ดีครับจริงๆมันจะเน้นไปทางเสียงที่ฟังได้ง่ายทุกแนวเพลงอาจจะไม่ได้เด่นเน้นไปทางแนวเพลงเฉพาะเท่าไร ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปนั้นเข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับการฟังเพลงทุกประเภทครับ ซึ่งจากที่ได้ลองต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้หูฟังแบบ True Wireless นั้นทำเรื่องของคุณภาพนั้น ทำได้ดีจนน่าตกใจจริงๆและเกือบจะเทียบเท่าแบบมีสายในเรทราคาต่ำกว่าหรือใกล้ๆกันได้ดีกว่าเดิม และเมื่อเทียบกับ Truewireless ตัวอื่นๆก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สู้ได้ดีขึ้น ถ้าเราไปมองแบบ Bang Olufsen – Sennheiser พวกนั้นทาง SONY ก็ต้องบอกว่าทำได้ดีสูสีและอาจจะเด่นในเรื่องของฟังก์ชัน ระบบตัดเสียง ต่างๆที่ถือว่ามาดีมาก แม้อาจจะรายละเอียดเสียงไม่ได้โหดจัดแบบพวกนั้นครับ อันนี้ที่ลองเทียบๆกัน
ส่วนเรื่องของเสียงในการใช้งานสำหรับดูหนัง เล่นเกมทั้งหลายนั้นต้องบอกว่าทำได้ดี เรามาพูดถึงในเรื่องของการเล่นเกมต่างๆกันก่อนครับว่าในเรื่องเล่นเกมที่ลองนั้นต้องบอกว่า หน่วงหรือดีเลย์ น้อยลงเยอะแต่ยังรู้สึกว่ายังมีอยู่เล็กน้อยครับรวมถึงการดูหนังในบางแอพพวกนี้ยังพอจับได้นิดหน่อยแบบเล็กน้อยมากจริงๆ และยื่งเมื่อเทียบกับค่ายอื่นๆหรือรุ่นก่อนหน้านั้นเองจะพบว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นเยอะมากครับ ส่วนในการดูหนังนั้นต้องบอกว่าถ้าเราใช้งานดูหนัง NETFLIX นั้นไม่เจออาการหน่วงอะไรเลย อันนี้ต้องยืนยันครับว่าทางแอพนั้นทำออกมารองรับกับการใช้งานพวกไร้สายได้ดีมากๆ น่าจะมีช่วยในเรื่องของการพัฒนาและเขียนอะไรเข้ามาช่วยพวกระบบไร้สายที่ดีขึ้นกว่าเดิมครับถ้าสาย NETFLIX ไม่ต้องกังวลเลยสำหรับการใช้งานดูหนังครับ แต่พวก Youtube – ROV-PUBG พวกนี้ที่ลองยังเจอนิดๆ
การควบคุมนั้น แล้วแต่ว่าเราจะตั้งค่าข้างไหนยังไงครับทั้งซ้ายและขวานั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งหมดแต่การควบคุมสั่งงานนั้นไม่สามารถเปลี่ยนได้รวมถึงไม่สามารถปรับเสียงได้ผ่านตัวหูฟัง แต่ฟังก์ชันหลักๆนั้นจะเป็นข้างซ้ายเมื่อเราแตะค้างไว้นั้นจะทำหน้าที่รับเสียงจากภายนอกเข้ามาสำหรับการฟังแบบเร่งด่วนครับ อันนี้จะทำงานได้แค่ด้านซ้ายเท่านั้น ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ เช่นรับสายวางสาย แตะ 2 ครั้ง / เล่นหยุดเพลง แตะ 1 ครั้ง / ข้ามเพลง แตะ 2 ครั้ง / เพลงก่อนหน้าแตะ 3 ครั้ง / แตะค้างสำหรับใช้คำสั่งเสียง Google / แตะ 2 ครั้งเวลามีแจ้งเตือน ทำให้อ่านข้อความแจ้งเตือนได้ / และในฝั่งซ้ายนั้นแตะค้างจะเป็นการเปิดเสียงรับเสียงภายนอก
FEELING
ในด้านการใช้งานสวมใส่ของตัวหูฟังนั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้นั้นทำออกมาได้สบายและเกาะได้แน่นกว่าเดิมอีกทั้งรูปทรงทั้งจากข้างนอกและตัวก้านของหูฟังนั้นทำได้ดีและแม่นยำในการสวมใส่มากๆตัวก้านนั้นเข้าไปในหูได้ดีและถ้าหากเลือกจุกขนาดเหมาะสมนั้นจะทำให้เก็บเสียงได้เงียบมากๆ แน่นอนว่าขนาดเมื่อมองจากข้างนอกอาจจะไม่ได้เล็กเนียนมากนักยังมีขนาดใหญ่นิดหน่อยที่จะต้องยัดเทคโนโลยีอะไรเข้าไปแต่ น้ำหนัก และการสวมใส่นั้นทำได้ดีและไม่อึดอัดเลย และรวมถึงตัวระบบสัมผัสนั้นก็แตะได้ดีและตอบสนองต่อการสั่งงานได้ดีกว่าที่คิดไว้ครับ รวมถึงใส่วิ่งออกกำลัง เต้นต่างๆก็ไม่มีทางที่จะหลุดออกจากหูเลยจากที่ได้ลองใช้งานครับ และ เรื่องไมค์ คุยโทรศัพท์ก็ชัดเจนดีเลยแหละ และเมื่อเราถอดข้างใดข้างนึงก็จะ หยุดเพลงโดยอัตโนมัติเลยครับ เพราะมีเซนเซอร์คอยตรวจจับอยู่ด้วยในตัวหูฟัง
ระบบ Adaptive Sound Control นั้นจากที่ได้ลองมันช่วยเราได้ค่อนข้างเยอะเลยแหละในเรื่องของการปรับแต่งสภาพเสียงตามสภาพแวดล้อมทำให้ในบางที่เราจะสามารถได้ยิดเสียงรอบข้างที่ชัดขึ้นช่วยในเรื่องของความปลอดภัยต่างๆได้ดีและตัดเสียงได้เงียบในสถานที่ที่ไม่ได้ต้องฟังบรรยากาศรอบข้างมากนักครับ แต่ข้อดีของมันนั้นเมื่อเราต้องการคุยกับใครเร่งด่วน สามารถแตะค้างไว้ที่ฝั่งซ้ายได้มันจะเปิดเสียงให้เราได้ยินคนมาพูดกับเราชัดๆ
- Staying : โหมดในขณะที่ตัวผู้ใช้อยู่กับที่ซึ่งตัวหูฟังรับเสียงทั้งหมด เวลาอยู่ในบ้าน และโฟกัสไปที่เสียงพูด
- Walking : จะเป็นโหมดสำหรับเดินทั่วไป บนถนน เปิดรับเสียงประมาณครึ่งนึง และเน้นเสียงรถยนต์ต่างๆครับ
- Running : จะเป็นโหมดสำหรับการวิ่งข้างนอก จะรับเสียงทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยครับ
- Transport : เดินทาง บนรถโดยสารต่างๆ ระบบ Noise Cancelling ตัดเสียงแบบ 100% เงียบที่สุดครับ
การใช้งานแตะนั้นก็รองรับได้ดีครับทำงานได้ไว และสัมผัสได้แม่นอยู่ข้างซ้ายขวาสามารถเลือกใช้งานได้ และ ฝั่งของ Google Assistant นั้นเมื่อเราแตะข้างนั้นจะทำให้สั่งงานด้วยเสียงได้คือแตะข้างและพูดไปด้วยนั้นเองครับ และเมื่อมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามานั้นก็ต้องแตะ 2 ครั้งมันก็จะอ่านข้อความแจ้งเตือนนั้นให้เราเป็นภาษาไทยได้ด้วย แต่ก็อาจจะอ่านแปลกๆหน่อยถ้าเป็นคำศัพท์บางคำครับ อันนี้เป็นที่ของทาง Google เองที่ต้องพัฒนากันต่อไปด้วยครับ
BATTERY
ด้านอายุการใช้งานแบตตัวนี้รองรับ ฟังเพลงได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมง (ปิด ระบบตัดเสียงรบกวน ) และ 6 ชั่วโมง เปิด ระบบตัดเสียงรบกวนถือว่าแบตนั้นใช้งานได้ตามมาตรฐานของพวกระบบตัดเสียงและหูฟัง True Wireless ครับ และเมื่อเทียบกับหูฟังทั่วไปแบบไม่มีระบบตัดเสียง รุ่นนี้ถือว่าทำได้อึดมากๆครับถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนในด้านการใช้งานจริงๆนั้นก็ถือว่าได้ตามที่แจ้งมาครับ โดยทดสอบในการใช้งานเปิดเพลงต่อเนื่องนานๆและ เก็บเข้าชาร์จในกล่องเมื่อไม่ได้ใช้ ก็ทำให้ใช้งานได้ 2-3 วันแบบไม่ต้องมาชาร์จใหม่แต่ฟังวันละประมาณ 4-5 ชั่วโมงไม่เกินนี้ครับ แต่ถ้าใครฟังเพลงหนักๆก็อาจจะใช้งานได้ 1 วันแบบเต็มๆก็ทำได้เช่นกันและมีระบบชาร์จไวทำให้เสียบไป 10 นาที ก็ฟังเพลงได้นานถึง 90 นาที อันนี้ก็ถือว่าดีสำหรับใครที่ฟังเพลงและแบตหมดอยากฟังต่อแบบเร็วๆนั้นเองครับ
SONY WF-1000XM3
” หูฟัง True Wireless ที่ตัดเสียงได้ดีที่สุด พร้อมคุณภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม “
สำหรับรุ่นนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ชัดเจนจากรุ่นแรกทั้งเรื่องของคุณภาพเสียงและคุณภาพของการเชื่อมต่อที่หลังจากได้ฟังนั้นค่อนข้างรู้สึกว่าการพัฒนานั้นแตกต่างจากรุ่นแรกแบบชัดเจน เสียงที่ดีขึ้นรายละเอียดเสียง มิติเสียง รวมถึง การตัดเสียงที่ดี และ ใช้งานได้จริงและเมื่อในรุ่นนี้เอาระบบการตัดเสียงแบบรุ่นพี่มาใส่ในขนาดนี้ถือว่าทำได้ดีเกินคาดครับแม้ว่า จะขาดหายไปในบางส่วนของการรองรับ LDAC พวกนั้นเพราะทาง SONY เองนั้นจะเน้นไปเรื่องของการทำให้แบตใช้งานได้ยาวขึ้นเพื่อการรองรับกับระบบตัดเสียงที่กินพลังงานกว่าปกติ ส่วนเรื่องคุณภาพเสียงเราคงไม่ต้องกังวลอะไรเท่าไรครับเพราะฟังได้ทุกแนวสบายๆและยังฟังง่ายฟังสนุก และการเล่นเกม ดูหนังก็รองรับได้ดีเช่นกัน
ข้อดี
- Noise Cancelling เงียบมากๆ
- ใส่ค่อนข้างสบาย และ ไม่หลุดง่ายๆ
- Adaptive Sound ทำงานได้ดีปรับตามบรรยากาศได้ดีมาก
- สัญญาณ สเถียรมากขึ้น ใช้งานสบาย ดีเลย์ น้อยลงเยอะมาก
- แบตอึดขึ้นกว่ารุ่นเดิม ตัวเคสชาร์จผ่าน Type-C ได้
- เสียงมีคุณภาพ แน่น ทำได้ดีมากๆ
- ไมค์โครโฟนรองรับได้ดีทั้งเวลาโทร และ สั่ง Siri /Google
ข้อสังเกต
- เคสไม่สามารถวางตั้งได้
- ไม่รองรับการปรับระดับเสียงบนหูฟัง(ยกเว้นจะสั่ง Google Assistant )
- ไม่รองรับ Wireless Charging
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr