SONY ในเรื่องของหูฟัง TWS ต้องบอกว่าค่ายนี้มีความโดดเด่นมากๆในการเปิดตัวและพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องและเรื่องของระบบตัดเสียงค่ายนี้ถือว่าที่สุดค่ายนึงเลยก็ว่าได้ครับ รวมถึงในตระกูล WF-1000X3 ก่อนหน้านี้ก็ถือว่า ได้รับความนิยมอย่างมากและหลาย ๆ คนชื่นชมกันทั้งในเรื่องของเสียง การตัดเสียงที่ขึ้นชื่ออย่างมากเลยทีเดียวรวมถึงในรุ่น Overear ต่าง ๆ ก็ทำได้ดี จนในปีนี้ SONY WF1000XM4 ก็ได้เปิดตัวในตลาดโลกเป็นที่เรียบร้อย และที่สำคัญดีไซน์ถือว่าแปลกตา แต่ยังคงยกฟีเจอร์มาจัดเต็ม พัฒนาระบบตัดเสียงใหม่ รวมถึง การใช้งานแบบใหม่เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ บอกเลยว่าเป็นรุ่นที่สาวกหลาย ๆ คนนั้นรอคอยและติดตามกันเยอะ บอกเลยว่าน่าสนใจอย่างมากครับ
SONY WF-1000XM4 มาพร้อมกับ หน่วยประมวผล V1 TWS ตัวแรกในโลกที่รองรับเสียงความละเอียดสูงผ่านตัวแปลงสัญญาณ LDAC รองรับปริมาณข้อมูลสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับเสียง Bluetooth ทั่วไป พร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 6 มม. พร้อม ฟีเจอร์ DSEE Extreme ใช้ AI เพื่อสร้างเสียงที่บีบอัดขึ้นมาใหม่ให้มี “คุณภาพใกล้เคียงกับ Hi-Res” รองรับ 360 Reality Audio WF-1000XM4 ป้องกันน้ำระดับการกันน้ำและเหงื่อด้วยมาตรฐาน IPX4, สามารถใช้งานได้ 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ชาร์จสูงสุด 16 ชั่วโมงในกล่องชาร์จ และชาร์จไวเพียง 5 นาที ฟังเพลงได้ต่อเนื่องถึง 1 ชั่วโมง และตัวเคสก็รองรับการชาร์จแบบไร้สายเทคโนโลยี Qi อีกทั้ง มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆทั้ง Speak To Chat ฟีเจอร์นี้จะจับว่าเราพูดอยู่กับใครหรือไม่ ถ้าเราพูดออกปุ๊บ เพลงจะหยุดเพื่อให้เราสื่อสารกับบุคคลภายนอก โดยระบบจัดปิดเพลงในเวลา 30 วินาที หลังจากสิ้นสุดเวลาดังกล่าว เพลงจะกลับมาเล่นเองโดยอัตโนมัติ และเรื่องไมค์ใช้งาน Dual Noise Sensor ซึ่งเป็นการทำงานของการออกแบบ Beam-focus microphones ทำงานกับ Bone Conduction sensor ให้เสียงคมชัด และโฟกัสที่เสียงพูดเรา SONY WF-1000XM4 เปิดราคา 8,990 บาท ทั้งสีดำ และ สีเงิน
UNBOX
แกะกล่องต้องบอกว่าเป็นรุ่นทำวัสดุการแกะกล่องออกมาได้ดีมากๆ ทั้งการใช้งานกระดาษรีไซเคิล และในตัวกล่องนั้นไม่มีการใช้งานพลาสติกแม้แต่ชิ้นเดียว ถือว่ารักษ์โลกมาก ๆ และ ตัวกล่องขนาดเล็กลง ออกแบบได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงอุปกรณ์ในกล่องมาพร้อมกับ ตัวหูฟัง , เคส Sony WF-1000XM4 , จุกหูฟัง 2 ขนาด เพิ่มเติม , สายชาร์จ USB-C , คู่มือการใช้งาน เรียกได้ว่าครบพร้อมใช้งาน และ จุกโฟมที่ให้มานั้นคุณภาพดีมากเลยทีเดียว
DESIGN
งานออกแบบนั้นต้องบอกว่าตั้งแต่ที่เห็น จะเป็นการออกแบบที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเยอะมาก ๆ รวมทั้งตัวเคสหูฟังเองก็ตาม หรือว่าจะเป็นตัวหูฟังมีขนาดเล็กลงชัดเจนครับ และวัสดุนั้นดูทนทานมากขึ้น ปกป้องรอยนิ้วมือต่าง ๆ ได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังคงมีความทนทานต่อเหงื่อต่าง ๆ IPX4 ได้เช่นกัน รวมถึงโทนสียังคงมีความหรูหรา สีทอง-ดำ จะเป็นออกแนวทองอ่อนๆ กำลังสวยและลงตัว ไม่ได้เด่นมากนัก รูปทรงหูฟังนั้นออกแบบใหม่ทั้งหมดในตัวนี้เช่นกัน
ตัวหูฟังเองนั้นรูปทรงยังคงไม่ได้มีก้านอะไรชัดเจนมากนัก แต่ที่ค่อนข้างชอบคือเรื่องของการออกแบบที่โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ หรือแม้แต่คู่แข่งก็ตาม ค่ายนี้ยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ดีมากๆ ทั้งเรื่องของวัสดุต่าง ๆ นั้นมีความเนียน และ แน่นตามสไตล์ Sony รวมถึงในเรื่องของการสั่งงาน ใช้งานทั้งหลายเช่นกันในตัว WF1000XM4 ที่รองรับการสัมผัสสั่งงาน เมื่อดูหูฟังเราจะเห็นว่าทรงเล็กลงและกระชับมากขึ้น มีท่อไมค์ตัดเสียง รับเสียงต่าง ๆ เข้ามาตำแหน่งใหม่ และ มีจุกโฟสมาแทนแบบเดิม และเซนเซอร์ตรวจจับการใส่ใช้งานยังคงใส่เข้ามา
จะเห็นว่าวัสดุงานออกแบบจุกโฟมของตัวหูฟังนั้นเปลี่ยนแปลงจากตัวแรก การใช้งานจุกโฟมเป็นวัสดุที่หลายๆคนนั้นชอบมากๆเพราะว่าหลายๆคนนั้นอัพไปจุกโฟมกันเพื่อการเก็บเสียง และคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นเช่นกัน ครั้งนี้ทาง SONY เลยให้มาเลยนั้นเองพร้อมใช้งาน และให้มา 3 ขนาดต่างๆรองรับการใช้งาน ใส่สบายนุ่ม และไม่อึดอัด สามารถเข้ากับรูหูของแต่ละคนได้ดีขึ้น ดีกว่าจุกยาง ซิลิโคนเยอะมากๆ อย่างแรกคือเบาและใส่สบาย จุดนี้ทำได้ดีเลยทีเดียวครับ
ทางด้านเคสต้องบอกเลยว่าเล็กกว่าเดิมเท่าตัว และพกพาได้ง่ายมากขึ้นอีกทั้งสามารถชาร์จไร้สายได้ด้วย รวมถึงสามารถตั้งวางได้แล้วจากที่รุ่นก่อนนั้นจะเป็นโค้งมนทั้งหมด และไม่สามารถวางตั้งได้ทำให้รุ่นนี้วางตั้งเปิดฝาและชาร์จได้ง่ายสะดวกมากขึ้น พร้อมกับพอร์ต USB-C ในด้านหลัง และ ไม่มีปุ่มกดใดๆทั้งนั้นบนตัวเคสชาร์จตัวนี้ และตัวเคสนั้นรองรับการชาร์จไร้สายได้ด้วย ในการวางแนวตั้งมาตรฐานดีกว่ารุ่นก่อนอันนี้ส่วนตัวชอบมากๆในตัวนี้ครับ
SPEC
- คุณภาพเสียงระดับสูงที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล V1 รุ่นใหม่และรองรับ LDAC codec เสียงการโทรชัดเจน
- ไดรเวอร์ ขนาด 6 มม.
- สูงสุด 32 บิต/96kHz ผ่าน Bluetooth ที่ความเร็วสูงสุด 990kbps
- ใช้ไมโครโฟน และเซนเซอร์ส่งเสียงผ่านกระดูกเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก
- ระบบพิมพ์แชทด้วยเสียงที่ลดระดับเสียงโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในการสนทนา
- กันน้ำ IPX4
- แอป “Sony | Headphones Connect” สำหรับ Android /iOS
- ดีไซน์ออกแบบสำหรับสวมใส่สบายยิ่งขึ้น การเชื่อมต่อ Bluetooth ที่เสถียร
- แตะเพื่อควบคุม และระบบตรวจจับการสวมใส่
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ 8 ชั่วโมง (24 ชั่วโมงเมื่อรวมเคส)
- เมื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน, ใช้งานได้ 13 ชั่วโมงไม่เปิดโหมดตัดเสียงรบกวน (39 ชั่วโมงเมื่อรวมเคส)
- การชาร์จ 5 นาทีสามารถใช้งานได้ 60 นาที, รองรับชาร์จไร้สาย Qi
SOFTWARE
ทางด้าน Software เองนั้นต้องบอกว่าทาง Sony เองก็พัฒนามาเรื่อยๆในเรื่องของฟีเจอร์การรองรับ และ การใช้งานที่ดีขึ้น ปรับแต่งอะไรได้หลากหลายเช่นเดิมรวมถึงสามารถใช้งานได้ทั้ง iOS Android ค่ายอื่นๆเช่นกัน ในการใช้งานเองนั้นต้องโหลดตัว Sony Headphone Connect เข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วก็จะเจอกับหน้าตาเรียบๆตามสไตล์ SONY แน่นอนว่าใช้งานได้ค่อนข้างง่าย แม้หน้าตาจะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่จะเน้นใช้งานได้สำหรับหลายๆคน รวมถึงคนใช้งานรุ่นก่อนๆก็ปรับตัวไม่เยอะเช่นกัน แต่ถ้าความสวยอาจจะไม่ได้ล้ำอะไรมากนักครับ
3 หน้าหลักจะเป็นการควบคุมแยกกันชัดเจน เรื่องของ สถานะ / ระบบเสียง / ระบบหูฟัง จะแยกควบคุมกันทั้งหมดโดยจะมี สถานะแบตอยู่ด้านบนครับ และ แต่ละโหมดหน้านั้นจะจัดการแตกต่างกันไปแล้วแต่หัวข้อนั้นๆเลยนั้นเอง ถือว่าเป็นหน้าตาที่อาจจะเรียบๆ แต่ใช้งานปรับแต่งได้เยอะและเข้าใจได้ง่ายครับ รวมถึงมีปุ่มปิดหูฟังให้มาด้วยนะ
ในหน้าของ ระบบเสียงจะสามารถปรับ EQ ได้แบบละเอียด รมถึง ปรับ ระบบเสียง 360 องศา และ วิเคราะห์หูของแต่ละคนได้ด้วย รวมถึงสามารถปรับระดับการตัดเสียงว่าเท่าไหนยังไง และ ตัดเสียงลมด้วยหรือไม่ หรือจะเปิด/ปิดระบบ Speak-To-Chat ก็ตั้งค่าได้ครับ รวมถึงการเชื่อมต่อว่าจะเน้น สัญญาณนิ่ง หรือ จะเน้นคุณภาพเสียงก็ปรับได้
ส่วนการจัดการเสียงแบบอัตโนมัติจะคอยตรวจจับว่าเราเดิน หรือ วิ่ง หรือ โดยสารรถต่างๆอยู่ จะทำการปรับให้เองโดยที่ไม่ต้องไปนั้งเปลี่ยนโหมด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับที่เราตั้งค่าได้ 4 สถานะ ว่าจะตัดเสียงแค่ไหนอย่างไรนั้นเองยังคงฉลาดและใช้งานได้จริง และ ฟีเจอร์ Speak-To-Chat จะเปิดเสียงรอบข้างเมื่อเราพูด ฉลาดและทำงานได้ไวมาก บอกเลยว่า เป็นฟีเจอร์ที่ชอบที่สุดแล้ว รวมถึงตั้งค่าได้ว่าจะโฟกัสเสียงพูด และ เป็นระยะเวลาเท่าไรยังไงนั้นเองครับ
ส่วนการควบคุม สัมผัสเองนั้นรองรับการทำงานได้หลากหลายคำสั่ง แบบสัมผัสทั้งหมด แตะ หรือ แตะค้าง ของแต่ละข้าง สั่งงานยังไงบ้าง รองรับคำสั่งเสียงได้ด้วย รวมถึงตั้งค่าแยกซ้ายขวา ถือว่าอิสระมากๆ และรองรับการตั้งค่า ว่าเมื่อถอดจะเงียบ และจะปิดภายในเวลากี่วินาทีอะไรทั้งหมดได้เลย ถือว่ายังคงโดดเด่นในเรื่องของระบบสั่งงานที่หลากหลาย
FEATURE
จริงๆรุ่นนี้ถือว่ามีฟีเจอร์เยอะมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเปิดใช้งานนั้นจะมีระบบเชื่อมต่อทันทีได้เลยจากทาง Goole มันจะเด้งขึ้นมาพร้อมกับให้กดเชื่อมต่อ ถือว่าสะดวกมากๆในการใช้งานจริง ไม่ต้องเปิด/ปิด เชื่อมต่อให้มันยุ่งยากเช่นกัน อีกทั้งรุ่นนี้จะมาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นๆไม่ว่าจะเป็น Quick Attention , Adaptive Sound Control , รองรับ Alexa และ Google Assistant และ ที่แอดชอบมากๆคือฟีเจอร์ Speak-to-Chat ที่จะจับเวลาเราพูด แล้วจะปิดการตัดเสียงรบกวน ทำให้เราได้ยินคนพูดคุยได้ชัดมากขึ้น โดยที่เราไม่ต้องเอามือไปแตะไปบังอะไรแบบรุ่นก่อนๆครับ บอกเลยว่าโหดมากๆแล้วมันจะจำเสียงของเราได้ด้วยนะ เวลาเราพูด มันจะเปิดเสียงรอบข้างเข้ามาให้ แต่ถ้าคนอื่นพูดก่อน นั้นจะไม่ทำงานนะ ถือว่าแยกเสียงคนใกล้ไกลได้ดีอย่างมาก และตัดเสียงได้โหดเช่นกัน
การตัดเสียงนั้นในรุ่นนี้ต้องบอกว่าเป็นการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เพราะว่าค่ายนี้จริงๆเด่นเรื่องของการตัดเสียงได้โหดมากๆแล้ว แต่รุ่นนี้เงียบไปกว่าเดิมอีกจริงๆ และยังคงมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงตามสถานที่ การเดิน หรือ นั่งได้ดีเช่นเดิม จะมี Staying – Walking – Running – Transport ซึ่ง ถ้าเงียบสุดจะเป็น Staying นั้นเอง แต่ทั้งนี้เราก็สามารถปรับแต่งได้ด้วยเช่นกันว่าจะให้ตัดเสียงมากน้อยแค่ไหน 3 ระดับหลักๆ และ สามารถเลือกได้ว่าจะเปิดตัดเสียงลมไหม บอกเลยว่า ตัดเสียงแบบโหดสุดๆ แต่ถ้าตัดเยอะแบตก็จะลดไวไปด้วยเช่นกันครับ ถือว่าพัฒนาได้ดี ส่วนในเรื่องฟีเจอร์ Speak to Chat ก็ทำงานได้ดีครับ ไม่ต้องเอามือมาบังเพื่อได้ยินแล้วจุดนี้ชอบมากๆ และ ยังคงสามารถปรับแต่งในเรื่องเสียง 360 องศา และ วิเคราห์ะหูของแต่ละคนได้เพื่อการปรับแต่งที่ดีขึ้น และรองรับ DSEE Extream ที่คุณภาพเสียงจะสูงที่สุด ในเพลง และ แอปที่รองรับ ส่วนการสัมผัส สั่งงานนั้นทำได้ไวเช่นเดิม ปรับแต่งได้แต่ละข้างว่าทำงานอะไรยังไง รวมถึง เวลาถอดจะดับ และปิดเองยังไงบ้างและปรับ EQ ได้ด้วยถือว่าครบมากๆ
SOUND
เสียงในรุ่นก่อนถือว่าดีและตัดเสียงเทพแล้ว และในรุ่นนี้ใช้งานไดรเวอร์ 6มม. ที่ออกแบบมาพิเศษ ทำงานร่วมกับการรองรับระบบเสียงแบบใหม่ขึ้นเรื่อยๆ DSEE Extreme ที่คุณภาพเทียบ Hi-Res ก็รองรับการฟังเพลงไร้สายที่คุณภาพเสียงโหดขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง การตัดเสียงทำให้เราเน้นไปที่การฟังเพลงมากขึ้นกว่าเดิมเพราะจะมีแค่เสียงเพลงเท่านั้นที่เข้ามา และ การปรับมาใช้งานจุกโฟมทำให้การฟังเพลงเก็บเสียงไม่ให้หลุดไปภายนอกได้ด้วยเช่นกัน เสียงตัวนี้ยังคงเป็นแนวคล้ายกับของเดิม เสียงฟังได้ง่าย และ มีรายละเอียดออกมาได้เด่นเอาเรื่องเลย และ เสียงเบสเด่นกว่าที่คิดไว้ มาพร้อมกับ รายละเอียดไม่ใช่เบสเยอะ แต่กลบย่านอื่นนะตัวนี้จัดการเวทีเสียงได้ดี เสียงเบสเด่นแต่ก็ไม่ทิ้งรายละเอียดของชิ้นดนตรีอื่นๆ รวมถึง ถ้าไปฟังเพลงแนวคลาสสิกก็สามารถถ่ายทอดเสียงออกมาได้ใสมากๆ ไม่มีเสียงรบกวนอะไรเลยครับ ถือว่ารองรับได้ทั้งย่านเสียงสูง และเบสก็ทำได้ไม่ปนกัน เหมาะกับหลายๆแนวเพลงอย่างมาก และ สามารถปรับ EQ ได้ด้วยทำให้รองรับได้สบาย เป็นหูฟังที่เสียงคุณภาพ และ เน้นในเรื่องฟังเพลงสุดๆตัวนึง
เรื่องของไมค์ในรุ่นก่อนนั้นถือว่ามีหลายเสียงบ่นกันเยอะมากๆ เพราะว่าถ้าใครเอามาใช้งานคุยโทรศัพท์อาจจะไม่ได้เด่นเท่าไร และ ไม่ดีมากนัก แต่รุ่นนี้มีการพัฒนาใหม่มีการใส่เพิ่มไมค์ Beamforming และ เพิ่มเซนเซอร์ Bone Conductor เพื่อช่วยให้รับเสียงสนทนาได้แม่นยำมากขึ้นถือว่าทาง SONY เองก็รู้ถึงจุดด้อยในรุ่นก่อน และพยายามแก้ไขเข้ามา รวมถึง เพิ่มระบบลดเสียงลมอัตโนมัติเข้ามาด้วยเช่นกัน แต่ด้วยการออกแบบรูปทรงหูฟังแบบนี้ทำให้มันมีข้อจำกัดมากๆ เพราะว่าไม่ได้มีก้านไมค์แบบรุ่นอื่นๆทำให้การรับเสียงอาจจะไม่ได้โหดเท่าแบบนั้นแน่นอน แต่ถ้าเทียบกับตัวก่อนบอกเลยว่าพัฒนาขึ้นแล้วครับ และถือว่าใช้งานได้มากขึ้น แต่ถ้ามองว่าเด่นไหมอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรเพราะเสียงจะไม่ค่อยแน่น แต่ฟังรู้เรื่อง เสียงรอบข้างมีเข้ามาได้ง่ายเหมือนกันครับ ให้ระดับกลางๆเทียบกับราคาตัวนี้
FEELING
การใส่ใช้งานแน่นอนว่าในรุ่นก่อนบอดี้ของมันอาจจะดูใหญ่ และหนักไปแต่ครั้งนี้มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด รูปทรงใหม่ขนาดเล็กและเบาขึ้นทำให้ใส่ใช้งานรู้สึกสบายโล่งกว่าเดิมและยิ่งเข้ามาในยุคที่เราใส่ทั้งหน้ากากตลอดเวลา ทรมานใบหู แน่นอนว่าการเลือกหูฟังที่ใส่สบายเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากเช่นกัน และรุ่นนี้เท่าที่ลองใส่ระยะยาวมานั้นสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี อย่างแรกคือไม่อึดอัด และด้วยการใช้งานจุกโฟมตัดเสียงได้ดี และยังใส่สบายขึ้นจุดนี้คือพรีเมี่ยมและดีขึ้น ส่วนน้ำหนักนั้นอาจจะไม่ได้เบาหวิว แต่ก็รู้สึกสบายขึ้นกว่ารุ่นก่อนแบบชัดเจนเลยนะ อีกทั้ง ไม่หลุดง่ายๆแน่นอนสามารถล็อกได้แน่นและเดิน วิ่งได้สบาย แต่ใส่ออกกำลังอาจจะระบายได้ยากนิดหน่อยเพราะหูฟังเน้นเก็บเสียงมากๆ อาจจะทำให้อากาศก็ไหลเวียนออกมาได้น้อยด้วยนะเท่าที่ใส่ออกกำลังในตัวนี้
ในการสัมผัสใช้งานเวลาเจอเหงื่ออะไรยังไม่เจอมึน หรือสั่งไม่ได้เท่าไรครับ ถือว่าตอบโจทย์มากขึ้นด้วยการกันน้ำ IPX4 ในตัวนี้ และอายุการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิมอันนี้ถือว่าดีมากๆ ในการใส่วิ่งหรือออกกำลังอายุแบตตัวนี้ใช้งานจริงๆได้ 7-8 ชั่วโมง แต่ถ้าพกที่ชาร์จไปด้วยนั้นตัวนี้จะทำงานได้ 24 ชั่วโมง รวมถึง ขนาดเคสเล็กลงพกพาใส่กระเป๋าเสื้อได้ และ สามารถชาร์จไว 5 นาทีสามารถใช้งานได้ 1 ชั่วโมง รุ่นนี้ทำให้รองรับการชาร์จไร้สายได้
SONY WF-1000XM4
” ตัดเสียงเด่น งานออกแบบเบาเล็กลง พร้อมฟีเจอร์ที่เยอะมากขึ้น คุณภาพแน่นเช่นเดิม “
หูฟัง SONY ยังคงโดดเด่นในเรื่องของคุณภาพเสียง การตัดเสียง ที่ยังคงไว้ใจได้เช่นเดิมและครั้งนี้พัฒนาเรื่องของเสียง ฟีเจอร์ที่ดีขึ้นแบบชัดเจน การตัดเสียงระบบอะไรนั้นฉลาดขึ้นเยอะ ที่ชอบมากๆคือเรื่องของฟีเจอร์ Speak to Chat อันนี้ทำได้โหดจริงๆ เวลาจะพูดเวลาใช้งานมันจะตัดเสียงเป็นแบบดูดเสียงภายนอกเข้ามาทันทีเลยนั้นเอง อันนี้น่าจะใช้งานได้จริงที่สุดแล้ว รวมถึงการปรับการตัดเสียงรบกวนนั้นก็พัฒนาขึ้นเยอะในการเปลี่ยนโหมดตามท่าทาง การเดินของเรา และ เรื่องของการชาร์จที่นอกเหนือจากรองรับการชาร์จไว และชาร์จไร้สายแล้วนั้น ยังมีอายุแบตการใช้งานที่มากกว่าเดิมอันนี้ถือว่าดี อีกทั้งการรองรับการกันน้ำ iPX4 ก็เป็นจุดที่น่าสนใจขึ้นกว่าเดิมรวมถึงการรองรับระบบเสียงที่เทพเช่น LDAC HSEE EXTREAM ต่างๆเข้ามา แต่เรื่องของไมค์นั้นทำได้ดีขึ้น แต่ก็ได้เท่าที่ข้อจำกัดของการออกแบบแบบนี้ด้วยเช่นกัน ภาพรวมก็ยังคงมีความน่าสนใจ ทั้งคุณภาพ ระบบ การปรับแต่งต่างๆทำได้ลงตัว
ข้อดี
- คุณภาพเสียงระดับเทพ ขับออกมาได้เด่น มิติเสียงดี และ เบสแน่น แถมเสียงใส
- การตัดเสียงค่ายนี้ทำได้เด่นที่สุด แถมปรับแต่งได้เยอะที่สุด
- งานออกแบบ คุณภาพดี เนียน และ รูปทรงใส่สบาย
- อายุแบตเพิ่มมากขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น ในขนาดที่เล็กลง
- ตัวเคสมีขนาดเล็ก พกพาได้ง่าย แถมรองรับชาร์จไร้สาย
- ชาร์จไว 5 นาทีใช้งานได้ 1 ชั่วโมง
- Software ปรับแต่งได้เยอะ รองรับการทำงานอิสระ รวมถึงการสั่งงาน
- รองรับ LDAC – DSEE EXTREAM ขับเสียงคุณภาพสูงได้สบาย
- กันน้ำ IPX4 แล้วในรุ่นนี้
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับ aptX HD
- ไมค์ยังคงไม่ได้เด่นเท่าไร
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr