Friday, November 22, 2024
Home Smartphone Review รีวิว SONY XPERIA 5 MARK 3 เรือธงรุ่นล่าสุด ขนาดพอดีมือ เลนส์ ZEISS เทเล 2...

รีวิว SONY XPERIA 5 MARK 3 เรือธงรุ่นล่าสุด ขนาดพอดีมือ เลนส์ ZEISS เทเล 2 ระยะ จอ HDR 10Bit 120Hz !

SONY XPERIA 5 III รุ่นน้องสเปกเดียวกันกับรุ่นพี่อย่าง XPERIA 1 III ต่างกันที่ขนาดที่พกพาสะดวก ขนาดกำลังดี พร้อมใส่ฟีเจอร์ กล้อง มาให้จัดเต็มทั้งหมด เหมือนรุ่นเรือธง XPERIA 1 III  มาพร้อมกับหน้าจอ FHD+ OLED HDR 120HZ รองรับการใช้งานเต็มที่ พร้อมกับ RAM 8 GB สูงสุด และ STORAGE 256GB รวมถึงกล้องหลังมาพร้อมกับ 3 ตัว 12MP ที่มีเลนส์ PERISCOPE ปรับระยะได้ และยังคงใช้งานดีไซน์หน้าตาแบบเดิมทั้งหมด รวมถึง ยังคงใส่ลำโพงคู่มาให้และเน้นระบบเสียงมากขึ้นกว่าเดิม ถือว่าเป็นการเสริมจุดให้ลงตัวมากขึ้น เรื่องกล้องยังคงเป็นจุดเด่นที่สุดของทางค่าย ทั้งการพัฒนาร่วมกับทางทีมกล้อง รวมถึงการเสริมระยะเลนส์เพิ่มเข้ามาแต่ทาง SONY เอง Hardware เทพมากๆ มาลุ้นกันว่ารอบนี้จะทำเรื่องของ Software ได้ดีขึ้นแค่ไหนกันและเรื่องของคุณภาพสำหรับสายถ่ายภาพจะเป็นยังไงนั้นมาดูกันได้เลย

SONY XPERIA 5 III สิ่งที่ให้มาในรอบนี้เพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ ครั้งนี้มาพร้อมกับจอขนาด  6.1 นิ้ว ความละเอียด (2520x1080pixels) FHD+ OLED HDR Display อัตราส่วน 21:9  120Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut, X1 for mobile, lluminant D65 White point, 10 bit tonal gradation  จัดเต็มเลยทีเดียวครับ และยังทำ Software 240Hz ได้ด้วยสำหรับความเนียนที่มากขึ้น ไม่มีติ่ง ไม่มีกล้องหน้าเจาะรูเช่นเดิม ทางด้านสเปกนั้นยังคงใช้งาน Snapdragon 888 จัดเต็มด้วย RAM 8 GB และ STORAGE 256GB ส่วนแบตเตอรี่นั้นมีความจุ 4,500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว พร้อมรองรับการชาร์จไร้สายได้ด้วยเช่นกันครับ  มากับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP65/68 ใช้งานระบบเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio และ DSEE Ultimate ที่ทำให้คุณภาพเสียงรองรับได้สบายในเรื่องของมิติเสียง  ระบบเสียง HI-RES ครับ สบายๆเลย ยังคงมีรู 3.5 มม. ใส่เข้ามาให้เช่นเดิมในรุ่นนี้ รวมถึงลำโพงคู่ในด้านหน้า และยังพัฒนาระบบระบายความร้อน  การเพิ่มฟีเจอร์ตอบสนองต่อการเล่นเกมได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าดีไซน์จะไม่เปลี่ยนมากนักแต่พัฒนาสเปกดีขึ้น กล้องหลังถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากที่เป็นการพัฒนาในรุ่นนี้ยังคงพัฒนากับทีมกล้องได้ดีอย่างต่อเนื่อง กล้องหลังให้มาพร้อมกับ 12MP ทั้งหมด ทั้ง 3 ระยะ ในเลนส์หลักให้มาที่  12MP F1.7 พร้อมกับ OIS  และใช้งาน Exmor RS sensor ส่วนเลนส์มุมกว้าง 124 องศา 12MP F2.2   เลนส์ เทเล PERISCOPE ปรับระยะได้ให้มาที่ 12 MP 2X F2.3- 4X F2.8 ขนาด 1/2.9 นิ้ว รองรับสูงสุด 12.5X Hybrid Zoom และ ZEISS T* Coating เช่นเดิมครับ อีกทั้งยังมี โฟกัสดวงตา ! ถือว่าเรื่องกล้องไว้ใจได้ในแง่ของสเปก และ ภาพรวมน่าจะเป็นรุ่นที่จัดเต็มที่สุดของค่ายอารยธรรมแล้ว

PRICE 

SONY XPERIA 5 MARK 3 ตัวนี้เปิดตัวในประเทศไทยด้วยราคา 34,990 บาท พร้อมกับสีดำ (Black) และสีเขียว (Green)

UNBOX 

  • ตัวเครื่อง SONY XPERIA 5 III ไม่มีฟิล์มหน้าจอมาให้
  • Adaptor ชาร์จไฟ 30W PD
  • สาย USB-C ไป USB-C
  • คู่มือการใช้งาน
  • ไม่มีหูฟัง หรือ เคส มาให้ในกล่อง ***

DESIGN

การดีไซน์ในรุ่นนี้ถือว่าลงตัวมากๆ มีการใช้งานฝาหลังแบบกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 6 ทำให้ดูพรีเมียมหรูหรามากขึ้นฝาหลังเล่นกับแสงแดดแสงไฟได้ดีเลยทีเดียว ดูน่าสนใจและมีลูกเล่นไปในตัว น้ำหนักเครื่องค่อนข้างเบามากๆ เบาเพียง 168 กรัมเท่านั้นครับ สะดวกสบายขณะถือแถมขนาดยังมีขนาดที่พอดีมืออีกด้วย มาพร้อมกับกล้องหลังวางเรียงในตำแหน่งเดิม โดยรวมแล้วดีไซน์รุ่นนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ วัสดุที่ใช้ก็ดูพรีเมียมถือแล้วไฮโซสุดๆ

หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอ อัตราส่วนแบบ 21:9 จอขนาด  6.1 นิ้ว ความละเอียด (2520x1080pixels) FHD+ OLED HDR Display อัตราส่วน 21:9  120Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut, X1 for mobile, lluminant D65 White point, 10 bit tonal gradation ไม่มีติ่งและไม่มีกล้องหน้าเจาะรูที่หน้าจออีกเช่นเคย หน้าจอรุ่นนี้ทำออกมาได้ล้ำมาก สามารถแสดงผลได้ถึง 1.07 พันล้านสีจัดเต็มสุด ขนาดของขอบหน้าจอนั้นยังคงมีแต่บางมาก ลักษณะของจอนั้นออกแบบมาในทรงแบนไม่มีขอบโค้งเลย

ส่วนขอบด้านบน นั้นจะเห็นว่าหนากว่าด้านอื่นๆด้วยการออกแบบหน้าจอของมันทำให้มาหนาส่วนข้างบนแทน และ เป็นที่อยู่ของไฟแจ้งเตือน Led ที่มุมซ้าย เซนเซอร์ต่างๆ กล้องหน้า ลำโพงตัวที่ 2 พวกนี้ครับยังมีความหนานิดหน่อย เรื่องของตำแหน่งกล้อง ลำโพงอะไรไม่ได้เปลี่ยนจากรุ่นที่แล้วเท่าไรครับ

ขอบด้านล่างหน้าจอนั้นทำได้บางขึ้นเยอะเลยเพราะการออกแบบหน้าจอทำได้ดีขึ้น และไปหนาในส่วนข้างบนแทนที่เป็นที่อยู่ขอบพวกลำโพง กล้องหน้าต่างๆ ส่วนปุ่มควบคุมนั้นก็เป็นปกติแบบ Android 11 เต็มหน้าจอทั้งหมด

ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเห็นว่าเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง ปุ่ม Power ที่เป็นแบบสแกนนิ้วในตัว และรองรับการใช้งานกดลงไปได้แล้วครับ ถือว่าสะดวกมากๆ มาพร้อมกับปุ่ม ชัตเตอร์สำหรับเข้ากล้องด่วนรวมถึงการถ่ายในโหมดทั่วไปและโปรเช่นกันซึ่งจะมีปุ่มเพิ่มเข้ามา ตรงระหว่าง Power และ Shutter สำหรับสั่งงานพิเศษ ทำให้รองรับการใช้งานได้อิสระมากขึ้น เรียกได้ว่าปุ่มเยอะมากๆเลยทีเดียวในฝั่งขวานี้ ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นเพียงที่ใส่ซิมเท่านั้นครับ ไม่มีปุ่มกดสั่งงานใดมาให้

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีรู USB-C 3.1  ไมค์สำหรับรับเสียงและตัดเสียงได้ด้วย ในรุ่นนี้ยังคงมีความคล้ายกับรุ่นก่อนๆอีกเช่นเดิมแต่จะเป็นการพัฒนาให้มันลงตัวขึ้นในหลายๆส่วนแต่บอดี้ยังคงเดิมนั้นเองครับ

ขอบเครื่อง ทางค่ายนั้นได้ออกแบบดีไซน์ที่ยังคงความเป็นตัวเองเอาไว้แบบรุ่นก่อนๆ ขอบเครื่องด้านบนจะเห็นยังคงมีตำแหน่งของรู 3.5มม. และไมค์ตัดเสียงที่ใส่เข้ามาให้ในด้านนี้ ขอบของเครื่องนั้นมีความเป็นเหลี่ยนเป็นสันอย่างชัดเจนไม่มีโค้งมนใดๆเลย ในส่วนของฝาหลังก็เรียบตรงอีกเช่นกัน

กล้องหลังในรุ่นนี้นั้นยังคงพัฒนากับทีมกล้องได้ดีอย่างต่อเนื่องเลย กล้องหลังให้มาพร้อมกับ 12MP ทั้งหมด ทั้ง 3 ระยะเลย ในเลนส์หลักให้มาที่  12MP F1.7  พร้อมการใช้งาน Exmor RS sensor ส่วนเลนส์มุมกว้าง 124 องศา 12MP F2.2  และ เลนส์ เทเล PERISCOPE ปรับระยะได้ให้มาที่ 12 MP 2X F2.3- 4X F2.8 ขนาด 1/2.9 นิ้ว รองรับสูงสุด 12.5X Hybrid Zoom และ มาพร้อม 3D ITOF SENSOR และ ZEISS T* Coating เช่นเดิม ในเรื่องของกล้องรุ่นนี้จะคล้ายกับรุ่นเดิมเลยครับ รวมถึงระบบกันสั่น โฟกัสอัตโมัติหรือโหมดการใช้งานอื่นๆก็ยังคงมีมาในรุ่นนี้ด้วย

SPEC

  • 6.1-inch (2520×1080 pixels) FHD+ OLED HDR Display with 21:9 aspect ratio, 120Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut, X1 for mobile, lluminant D65 White point, 10 bit tonal gradation, Corning Gorilla Glass Victus protection
  • Snapdragon 888 5nm Mobile Platform with Adreno 660 GPU
  • 8 GB RAM, 256 GB (UFS 3.1)
  • Android 11
  • Hybrid Dual SIM (nano + nano / microSD)
  • กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 12MP Exmor RS sensor, ขนาด 1/1.7″ sensor, รูรับแสง f/1.7 Hybrid OIS/EIS,
  • กล้องมุมกว้าง 12MP f/2.2 aperture 1/2.″124° ultra wide-angle,
  • กล้องเทเล 12MP f/2.3 (70 mm), f/2.8 (105 mm) variable aperture 1/2.9″ telephoto lens, Up to 12.5x hybrid zoom,
  • ZEISS T* coating, Real-Time Eye AF (Human, Animal), Real-Time Tracking
  • กล้องหน้า ความละเอียด 8MP ขนาด 1/ 4″ Exmor RS sensor, f/2.0  1.12μm , 84° มุมกว้าง
  • รูหูฟัง 3.5 mm พร้อมระบบเสียง 360 Reality Audio, 360 Reality Audio hardware decoding, 360 Spatial Sound19, Full-Stage stereo speakers, Dolby Atmos, DSEE Ultimate, Stereo Recording, Qualcomm aptX HD audio
  • สแกนนิ้วด้านข้างเครื่อง
  • มิติตัวเครื่อง : 157 x 68 x 8.2 mm; หนัก: 168 g
  • กันน้ำ กันฝุ่น (IPX5/IPX8), Dust proof (IP6X)5
  • รองรับ 5G (sub-6GHz) / 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz / 5GHz) 2 x 2 MIMO, Bluetooth 5.2, GPS/ GLONASS, NFC, USB 3.1 Type-C
  • แบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับการชาร์จไว 30W (USB PD) Charging, Battery Care, STAMINA Mode, รองรับการชาร์จไร้สาย Qi Wireless charging, Battery Share function
  • มาพร้อมกับสีดำ (Black) และสีเขียว (Green)

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้จัดเต็มมาพร้อมกับ CPU Snapdragon 888 ตัวล่าสุดมาพร้อมกับ RAM 12GB และ ทำคะแนน Antutu ไปได้ที่ 582910 คะแนนครับ ส่วนเรื่องของหน่วยความจำเป็นแบบ UFS 3.0 อ่านเขียนได้ที่ 1936 MB/S และ 768 MB/s ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นเป็น DRM L1 ตามปกติของค่ายนี้ครับ รองรับดูหนังสูงสุดครับ NETFLIX HDR และ Geekbench  นั้นทำคะแนนไปได้ 1093 และ 2096 คะแนนครับถือว่าทำได้ดีในด้านการใช้งานจริงระบบจัดการของ SONY ทำออกมาได้ลื่นไหลและเสถียรมากๆอีกค่ายและหน้าจอ 4K OLED 120HZ ทำได้ประทับใจมากๆ

SYSTEM UI

ทางด้านระบบนั้นมาพร้อมกับ Android 11 ตามสไตล์ SONY ระบบการทำงานค่อนข้างลื่นไหลมากๆและสเถียรอีกทั้งยังอัปเดตได้ไวอันดับต้นๆของ Android เลย ทางด้านตัวนาฬิกาก็มาคงแบบเดิมและมีเลขแจ้งเตือนมุมแอป จุดแจ้งเตือนอะไรมาให้ ตัวการควบคุมนั้นมาแบบ Android 11 ใช้งานแบบ GESTURE เต็มรูปแบบ

ทางด้าน Quick Setting นั้นจะมาพร้อมกับโทนเข้มสีฟ้า พร้อมกับไอคอนวงกลม และสามารถจัดการวางปุ่มได้ รวมไปถึงสามารถปรับแสงสว่างด้านบนได้ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นจะทำได้ดีเพราะหน้าจอของ Sony ทำออกมาค่อนข้างยาว ทำให้การแบ่งหน้าจอนั้นทำได้ดี หน้าจอสามารถแบ่งรองรับหลายๆแอปได้ สะดวกสบายตอบโจทย์มากๆ ตัวแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google แน่นอนว่าใช้งานได้ดีและค่อนข้างเสถียร รวมถึงพิมพ์ได้ง่ายถนัดมือในระดับหนึ่งเลย ส่วนเรื่องของ RAM นั้นจะมาพร้อมกับ 12 GB ใช้งานไป 5.2 GB และความจำเครื่อง 256 GB ใช้งานได้ 236GB ในเรื่องของ Gesture การควบคุมต่างๆนั้นก็ยังมีมาให้ค่อนข้างครบทั้งเรื่องของตัว SideSense ที่แตะขอบหน้าจอเครื่อง ส่วนเรื่องหน้าจอ Ambient ก็ยังมีมาให้และปรับแต่งได้เช่นเดิมครับ

การปรับหน้าจอที่รองรับเยอะมากๆคือภาพที่สำหรับการถ่ายหนังที่หน้าจอสีตรงมากๆ และการรองรับการปรับทำให้คุณภาพวิดีโอในการดูได้ดีขึ้นด้วย ถือว่าในเรื่องหน้าจอทางค่ายทำได้ดีมากๆ และคุณภาพการปรับแต่งสีนั้นก็ละเอียดมากเทำให้เป็นจุดเด่นค่ายอื่นเยอะเลย และทางด้านฟีเจอร์สั่นตามเสียง Dynamic Vibration นั้นยังคงมีอยู่

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้ทำออกมาได้จัดเต็มเอาเรื่องเลย ให้หน้าจอมาที่  6.1 นิ้ว ความละเอียด (2520×1080) FHD+ OLED HDR Display with 21:9 aspect ratio, 120Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut, X1 for mobile, lluminant D65 White point, 10 bit tonal gradation, Corning Gorilla Glass Victus protection รวมถึงทางด้านสเปกการสู้แสงที่ดีขึ้น การใช้งานกลางแจ้งถือว่าสู้แสงได้ดีระดับนึง โหดไม่แพ้ค่ายอื่นๆเลย  และการสัมผัสของรุ่นนี้นั้นลื่นไหลมากกว่าเดิม การแสดงภาพนั้นดูมีมิติมากยิ่งขึ้น แสดงภาพที่สวยงามให้ได้ชมแบบเต็มตาเลยทีเดียว รุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอแบบ 4K OLED  ทำให้ภาพนั้นมีสีสัน คมชัด สีไม่ผิดเพี้ยนเลย เช่นเดียวกับรุ่นก่อนที่ทำออกมาให้เป็นอีกจุดที่ทางค่ายนั้นพัฒนาร่วมกับของดีของค่ายอีกอย่างคือหน้าจอ นอกเหนือจากการพัฒนาร่วมกับทีมกล้อง ทำให้มือถือของค่ายนั้นมีจุดเด่นหลายๆอย่างที่เป็นจุดแข็งอยู่ จึงทำให้มีคุณภาพที่ใช้งานได้ดีขึ้น อีกทั้งให้หน้าจอที่สวยสมจริงสามารถดูหนังฟังเพลงได้แบบโหดๆทั้งวัน และการปรับมาเป็น 120Hz น่าจะเป็นหน้าจอมือถือที่จัดเต็มเอาเรื่องเลยนะ เพราะว่ารองรับ 10Bit HDR 4K ด้วยเช่นกันครับ และในการใช้งานจริงสีสันตรง และสู้แสงก็ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม

หน้าจอตัวนี้มาพร้อมกับการรองรับ Ambient Display เหมือนกับรุ่นก่อนหน้าครับ สามารถปรับแต่งการออกแบบได้นิดหน่อย การมองเห็นในเวลากลางวันก็พอมองเห็นขณะที่อยู่ภายใต้อาคาร ส่วนภายนอกก็สามารถมองเห็นอยู่พอสมควรครับเป็นแบบขาวดำนั้นจะค่อนข้างเด่นเลย และที่น่าสนใจคือตัวหน้าจอสามารถตั้งได้ว่าให้ทำงานตอนช่วงกี่โมงหรือตลอดเวลาได้ และสามารถเปลี่ยนหน้าตานาฬิกาหรือสติกเกอร์ในส่วนข้างล่างของหน้าจอได้ หรือสามารถที่จะใส่รูปตัวเองเข้าไปแทนได้ครับ

SOUND 

เมื่อเทียบกับตัวก่อนหน้านั้นแทบจะเหมือนกันเลยนะ ฟีเจอร์เสียงก็มี Atmos เข้ามาช่วยขับได้ดีขึ้นและรองรับ DSEE ULTIMATE ด้วยเช่นกันครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นตัวช่วยแบบ Software เป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญเลยรุ่นนี้ไม่ได้มีหูฟังแถมมาให้ในกล่องแล้วด้วยนะ เท่าที่ลองเสียบสายใช้งานเสียงในย่านสูงแบบกลางๆไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก เบสก็มาแน่นขึ้น ทำให้เสียงในรุ่นนี้อาจจะไม่ได้จัดเต็มมากถ้าใครโฟกัสเรื่องเสียงรุ่นนี้ค่อนข้างมีข้อสังเกตอยู่ครับ ส่วนเรื่องของการอัดเสียงนั้นมีระบบตัดเสียงลมเข้ามาเสริมให้ทำให้อัดเสียงเวลา ถ่ายวิดีโอ หรือว่าพูดคุยอะไรก็ทำได้ดีขึ้น

GPS

ในการทดสอบ GPS นั้นค่ายนี้ถือว่าทำได้ดีมาตลอดครับในรุ่นหลังๆคือการใช้งานนำทางในภาพจริงๆ ในช่วงสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนแต่ยังคงนำทางได้ดีมากๆ จากการทดสอบแอปนั้นจับได้ 25 และ เจอทั้งหมด 47 ในสภาพกลางแจ้งปกติ และ ในที่ร่มนั้นเจอ 35 จับได้ทั้งหมด 20 ที่ใช้งานอยู่ครับถือว่าโอเคในเรื่องของการนำทาง เรียกได้ว่าทางค่ายนี้ในเรือธงไม่เคยเจอปัญหาในเรื่องของการใช้งานหรือการจับตำแหน่งเลย

BATTERY 

ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นการใช้งานแบตเตอรี่รุ่นนี้ให้มาอยู่ที่ 4,500 mAh  และรองรับการชาร์จไฟเข้าสูงสุด PD 30W รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สาย และ PowerShare สำหรับการชาร์จไร้สายย้อนกลับทำให้เราเปลี่ยน SONY เป็นแท่นชาร์จไร้สายได้ทันที ส่วนตัวแบตเองนั้นให้เพียงพอต่อการใช้งานตลอดวัน จากที่ได้ลองใช้งานจริงจังทั้งวันนั้นแบตอยู่ได้ทั้งหมด 9 ชั่วโมง จอเปิด 5-6 ชั่วโมงครับ ใช้งานนำทางการเปิดหน้าจอเป็นหลัก รองมาก็ดูหนังเล่นโซเชียลต่างๆ และกลับมาช่วงเย็นแบตเตอรี่เหลือ 10% และอีกเช่นเดิมยังมีโหมดประหยัด Stamina มาให้เพื่อช่วยให้เราสามารถยืดอายุได้ในยามฉุกเฉินอีกด้วย ถือว่าทำออกมาได้ดีในระดับนึงเลยครับ

CAMERA

กล้องหลังรุ่นนี้ทำออกมาได้คล้ายเดิมเลย กล้องหลังให้มาพร้อมกับ 12MP ทั้งหมด 3 ระยะเลย ในเลนส์หลักให้มา 12MP F1.7 พร้อมกับ OIS มาพร้อมใช้งาน Exmor RS sensor ส่วนเลนส์มุมกว้าง 124 องศา 12MP F2.2  และ เลนส์เทเล PERISCOPE นั้นสามารถปรับระยะได้อยู่ที่ 12 MP 2X F2.3- 4X F2.8 ขนาด 1/2.9 นิ้ว รองรับสูงสุด 12.5X Hybrid Zoom อีกทั้งมาพร้อม 3D ITOF SENSOR และ ZEISS T* Coating และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Eye AF ช่วยให้จับภาพได้โหดสุดๆถึง 20FPS เลย และที่สำคัญรองรับ EYE AF ทั้งคนและสัตว์อีกเช่นเคย ต้องบอกว่ารุ่นนี้ในเรื่องของกล้องยังคล้ายกับ XPERIA 1 III อยู่ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเท่าไหร่

ส่วนในการใช้งานจริงนั้นก็ยังคงประทับใจอยู่ มีโหมดมีลูกเล่นต่างๆที่น่าสนใจให้ได้ลองถ่ายในหลายๆรูปแบบ แต่โทนภาพหรือว่าตัว Software เองนั้นอย่างที่รู้ก็คือยังทำได้กลางๆในแง่ของการถ่ายแล้วจบหลังกล้องเลย ซึ่งจุดนี้สายถ่ายแล้วไม่เน้นปรับแสงสี อาจจะไม่เหมาะนัก แต่ในรุ่นนี้ก็ยังคงในเรื่องของการใช้งานที่ละเอียดที่สุดในบรรดามือถือ ตัวนี้ถ่าย RAW และสามารถมาดึงสี แสงต่างๆได้ดีมากๆ ในเรื่องของความร้อนขณะถ่ายนั้นต้องบอกตามตรงว่าแอบร้อนไวอยู่หากเล่นแบบยาวๆ แต่ก็ไม่มีผลกระทบมากเท่าไหร่นะ

มาพูดถึงเรื่องโหมดโปรกันบ้างต้องบอกว่ายังพัฒนาทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม คุณภาพภาพนั้นละเอียดดีเทพๆ เหมือนใช้กล้องดิจิทัลถ่ายเลยแหละ ทั้งโทนสี แสงต่างๆสวยสมจริงมาก แต่แอบติดตรงที่การใช้งานโหมดนี้ยังคงต้องใช้ปุ่มชัตเตอร์กดอย่างเดียว ซึ่งจะสร้างความลำบากขณะที่จะกดถ่ายภาพในหลายๆเลย และแน่นอนว่าจะต้องถ่ายเป็นแนวนอนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามข้อดีในเรื่องของกล้องในรุ่นนี้ถือว่ากลบข้อเสียได้เป็นอย่างดีเลยในความรู้สึกส่วนตัวของแอด

PORTRAIT 

ละลายหลังรุ่นนี้สามารถถ่ายได้หลากหลายระยะเลยให้เราได้เลือกถ่าย คุณภาพของภาพที่ออกมานั้นถือว่าใช้ได้เลยนะ เบลอนัวมากๆแต่ยังคงความสมจริงเอาไว้อยู่ไม่ได้หลอกตาอะไร แน่นอนว่าบางคนก็จะมีความชอบเบลอมากน้อยที่แตกต่างกันแต่ในรุ่นนี้สามารถปรับการเบลอได้ตามความต้องการเลย การเก็บขอบภาพทำได้ดีสวยและเนียน การเบลอหลังสามารถถ่ายได้ทั้งกล้องหลังและเซลฟี่ การเบลอจะออกไปทางเบลอพื้นฐานทั่วไปเลยนะ มีโหมดบิวตี้มาให้ลองปรับหน้าเนียนด้วยแต่ไม่มีลุกเล่นอะไรมาก ซึงถ้าไม่เน้นจบหลังกล้องแบบดิบๆขนาดนั้นตัวนี้ทำออกมาได้ดีมากๆตัวนึงเลยทีเดียว ส่วนตัวแอดถ่ายออกมาแล้วปรับนิดหน่อยตามความชอบก็โอเคประทับใจกับรูปมากครับ

SELFIE

กล้องหน้าเป็นตัวเดียวกับรุ่นก่อนหน้าที่ไม่ค่อยโดดเด่นสักเท่าไหร่ อาจจะไม่เป็นที่น่าพอใจมากนักสำหรับสาวๆ ในเรื่องของโทนสีต่างๆ แต่ถ้าถ่ายในแสงมากพอก็ถือว่าพอใช้งานได้ครับ เมื่อเราถ่ายแสงน้อยนั้นภาพที่ออกมาจะไม่ดีเท่าไรและสั่นไหวได้ง่ายครับถ้าพูดกันตรงๆเลยจากการทดลองใช้งานจริง กล้องหน้าที่ให้มาอยู่ที่ 8MP (f/2.0) มาพร้อมเซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/ 4, ขนาดพิกเซล 1.12μm, และถ่ายภาพมุมกว้างได้ 84° ซึ่งเป็นตัวเดียวกับรุ่นก่อนหน้าเลย สำหรับใครสายเซลฟี่นั้นน่าจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ติดเรื่องเซลฟี่มากนักการถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอต่างๆยังคงทำได้ดีอยู่

SONY XPERIA 5 MARK 3

” คุณภาพแน่น กล้องโปร จอเทพ จัดเต็มในทุกๆการใช้งาน “

ทางค่ายนั้นได้ทำการพัฒนามาจนถึงจุดที่ลงตัวทั้งเรื่องของสเปกและดีไซน์ที่มีคุณภาพและสวยหรูดูแพง รวมถึงการร่วมมือพัฒนากล้องหลักกับทางทีม Alpha ทำให้ค่ายนี้ยังคงเป็นที่น่าจับตามองทุกครั้ง และยังคงเป็นค่ายที่ผลิตมือถือออกมาได้มีประสิทธภาพ ซึ่งในตัวนี้ภาพรวมต้องบอกว่ามันพัฒนาจากรุ่น Xperia 1 แต่ไม่ถึงกับปรับเปลี่ยนไปเลยยังคงเดิมแต่จะปรับปรุงให้โหดกว่าเดิม ทั้งเรื่องของหน้าจอ กล้องหลัง ระยะการซูมต่างๆ รวมถึงวัสดุที่ใช้ Software ระบบปฎิบัติการต่างๆ ทำออกมาได้ดีน่าประทับใจ แต่ก็ต้องแอบบอกว่ารุ่นนี้ไม่ค่อยได้เปลี่ยนอะไรจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไหร่นัก จะมีบางจุดที่เพิ่มเข้ามาอย่างเรื่องของหน้าจอ แน่นอนว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างแน่นอน ถือว่าทางค่ายยังคงทำออกมาได้ดีน่าประทับใจคุณค่าแก่การคู่ควรเอามากๆ

ข้อดี

  • ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์สวยงาม และ เป็นตัวเองตามสไตล์ SONY
  • สเปกทำได้ดีเร็วแรง รองรับการทำงาน เล่นเกมได้สบาย
  • หน้าจอ คุณภาพสูง รองรับการทำงาน ดูหนัง HDR ได้ทันที
  • ลำโพงทำได้ดี การว่างตำแหน่งดี
  • ตัวเครื่องค่อนข้างแคบ จับถือได้ง่าย
  • งานประกอบ คุณภาพวัสดุทำได้ดี แน่น สมราคา

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่องยังมีความร้อนสะสมได้ง่าย
  • ตัวกล้องยังต้องมาแต่งเพิ่มเติมอีกพอสมควร ตัวไฟล์ค่อนข้างดิบ
  • software กล้องยังใช้งานได้ยาก และ ต้องเรียนรู้เยอะ

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ