SUBARU นั้นถือว่าเป็นค่ายรถยนต์ที่ต้องบอกว่าหลายๆคนอาจจะรู้จักถ้าตามวงการนี้มา แต่คนทั่วไปอาจจะรู้จักแต่ไม่ได้รู้ว่ามันมีอะไรยังไงบ้าง และ มีรุ่นอะไรบ้างนั้นเอง เป็นแบรนด์ที่ต้องบอกว่าคนรักรถต้องรู้จักเพราะมันเป็นค่ายรถยนต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องของระบบขับเคลื่อนอันดับต้นๆของญี่ปุ่น รวมถึงเราจะเห็นในบรรดาการแข่ง RALLY เยอะแยะมากมายในค่ายนี้เพราะ เครื่องยนต์ สมรรถนะ อะไรเค้าทำได้ดีมากๆ รวมถึงการขับขี่ เราจะเห็นแบรนด์ดาวลูกไก่ คันนี้โลดแล่นในสนามแข่งค่อนข้างเยอะ ระบบขับAWD และเครื่องยนต์ BOXER เป็นชื่อที่สร้างชื่อเสียงให้กับค่ายนี้เยอะมากๆ และในไทยนั้นก็น่าจะคุ้นเคยกันดีในรุ่น XV ที่เป็นรถ SUV ขนาดเล็กที่ทำราคาได้ดีมากๆ รวมถึงในรถ FORESTER ที่เป็น SUV ขนาดกลางที่มีความกว้างขวาง ขับขี่ที่ดีอย่างมากเลยทีเดียว และ ในปีนี้ก็มีรุ่น SUBARU FORESTER 2.0 i-S AWD ที่มาพร้อมกับ Eyesight เป็นฟีเจอร์ช่วยการขับขี่ได้เทพอย่างมากรวมถึง ในปีนี้มีการอัพเกรดฟีเจอร์ กล้องรอบคันมาให้ในรุ่นย่อยนี้ทำให้มันมีความน่าสนใจและใช้งานได้ดีกว่าเดิม

SUBARU FORESTER นั้นในรุ่นนี้ถือว่าเป็นเจนที่ 5 แล้วตั้งแต่ทำรุ่นแรกมา ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบเยอะพอสมควรตั้งแต่รุ่น 1-4 แต่พอมารุ่น 4-5 นั้นเมื่อเทียบกับจะพบว่างานออกแบบด้านหน้าทรงอะไรนั้นไม่ได้แตกต่างกับเดิมเท่าไรนัก จนหลายๆคนคิดว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นปรับเปลี่ยนหน้าตาเท่านั้น ก็แอบน่าเสียดายไปพอสมควรในแง่ของงานออกแบบนั้นน่าจะเปลี่ยนแปลงได้มากกว่านี้ เพราะในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนในหลายๆส่วนแล้วก็ตามเช่น กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม พร้อมไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับอัตโนมัติ ติดตั้งระบบไฟหน้าปรับตามทิศทางการเลี้ยว และแน่นอนว่ามี LED Daytime รูปตัว C พร้อมกรอบไฟตัดหมอกแบบ LED และโครงสร้างรถใหม่ในชื่อ SGP (Subaru Global Platform) ที่เราจะเห็นคุ้นเคยกันไปในรุ่น XV ก่อนหน้านี้ และที่สำคัญคือในรุ่น FORESTER คันนี้ประกอบไทยทั้งคันแล้วด้วย ส่วนทางด้านฟีเจอร์ที่น่าสนใจนั้นจะเป็นระบบ EYESIGHT กล้องหน้าคู่ที่จะคอยช่วยการขับขี่ที่ฉลาดมากๆทั้ง การจับระยะคันข้างหน้า รวมถึง การเตือนป้องกันการชน การเตือนออกนอกเลน หรือ ระบบอื่นๆอีกมากมายที่น่าสนใจ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BOXER เอกลักษณ์ของค่ายที่วางสูบนอน และ วางต่ำมากๆยังคงใช้เครื่องยนต์ เดิมจากรุ่นที่แล้ว รวมถึง XV แต่มีการปรับเปลี่ยนในส่วนข้างในให้มันดีขึ้นด้วย จะเป็นเครื่องยนต์ เบนซิน รหัส FB20 Boxer อัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์เป็น 12.5:1 ระยะชัก/ขนาดกระบอกสูบ 84.0/90.0 มม. พร้อมระบบ Direct Injection ขนาด 2.0 ลิตร 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อม (AVCS: ACTIVE VALVE CONTROL SYSTEM) และ จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT 7 สปีด และ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา Symmetrical all-wheel drive แน่นอน่วาเป็นเอกลักษณ์ของค่ายด้วย พร้อมระบบ X-MODE ได้ 2 รูปแบบทั้งโหมดทางฝุ่น DIRT/SNOW และ โหมดโคลน MUD/D.SNOW พร้อมระบบกระจายแรงบิด (Active torque vectoring) ถือว่ายังคงเด่นเรื่องเครื่องยนต์  ขับเคลื่อนเช่นเดิมแต่ฟีเจอร์ดีขึ้น ระบบอะไรทำได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

SUBARU FORESTER 2.0 i-S Eyesight AWD  1,450,000 บาท มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 3 ปี

EXTERIOR

งานออกแบบในรุ่นนี้ถ้าให้พูดกันตรงๆน้อยคนนักเมื่อมองกันผ่านๆจะทราบกันว่าคันนี้เป็นรุ่นใหม่ เพราะงานออกแบบมันเป็นงานออกแบบที่เหมือนยังคงยึดติดกับงานออกแบบรุ่นก่อนมาเยอะมากๆจนมันไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเท่าไรรวมถึงในด้านหน้ามันมีความล้าสมัยอยู่แบบชัดเจนดีไซน์เมื่อเทียบคู่แข่งด้วยกัน ในด้านหน้าคันนี้พูดตรงๆว่าอาจจะไม่ได้ทันสมัยเท่าไรนักทั้งเส้นสาย รายละเอียดส่วนด้านหน้าทั้งหมดเลยดูไม่ล้ำเท่าไรรวมถึงทรงของตัวรถ แต่ยังดีที่ด้านหลังนั้นมีความสวยและลงตัวสปอร์ตอยู่บ้างและแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน แต่ถ้ามองภาพรวมก็แอบเสียดายในด้านหน้าแบบชัดเจนเลย ส่วนขนาดตัวถังรุ่นนี้ถือว่าไม่หนีจากเดิมมากนักและใกล้กับ XV อยู่บ้าง แต่มีความยาวและสูงกว่า ส่วนความกว้าง ฐานล้อต่างๆนั้นไม่แตกต่างกัน และคู่แข่งของมันจะเป็น CRV และ CX5

งานออกแบบภาพรวมจะเห็นว่าตัวรถนั้นไม่ได้เตี้ยแบนแบบที่หลายๆค่ายเริ่มกันไปแนวทางสปอร์ตกัน แต่คันนี้ยังคงยืนจุดเด่นของความโปร่งโล่งเวลาขับได้ดีถึงดีมากเอาจริงๆคือไม่ค่อยเจอ SUV คันไหนที่มีความโปร่งโล่งแบบนี้มานานแล้วมุมมองมันโปร่งโล่งไปทั้งคัน กระจกบานใหญ่ๆขอบกระจกต่ำๆ กระจกหน้าโตๆที่ทำให้นั่งหน้า หลัง แล้วสบายแบบบอกไม่ถูก คันนี้สามารถตอบโจทย์ได้ดี แต่ก็ทำให้มันมีทรงที่อาจจะดูย้อนยุคไม่ทันสมัยไปด้วยในงานออกแบบแบบนี้ แต่เหมือนทางค่ายก็พอรู้งานออกแบบอยู่บ้างเลยพยายามใส่อะไรที่ดูสปอร์ตเข้ามาทั้งทรงของด้านท้าย หรือว่าจะเป็นกระจกหูช้างก็ถือว่าไม่ได้ตกยุคไปซะทีเดียวสำหรับงานออกแบบในหลายๆจุด อีกจุดที่ชอบคือโทนสีฟ้าค่อนข้างสวยและดูดี ลายล้อสวยงามรวมถึงมีการเล่นแถบสีดำเยอะ ผสมกับสีเงินด้านก็ลงตัวอยู่เช่นเดียวกันทำให้ตัวรถนั้นมีความบึกบึนมากขึ้นดูสายลุยได้ดีกว่าแบบเรียบๆ และเส้นสายรวมๆนั้นมีความคมสวย

ด้านหน้าตรงนั้นเมื่อมองดูเราจะเห็นกลิ่นอายของเส้นสายจากรุ่นก่อนๆมาค่อนข้างเยอะ จนบางทีมันมีความเหมือนรุ่นก่อนมากเกินไปพอสมควร รุ่นนี้ยังคงใช้กระจังหน้า 6เหลี่ยมทรงที่คุ้นเคยกัน แต่มีโครเมี่ยมเข้ามาเยอะมากขึ้น มีความใหญ่กว่าเดิมลากลงมาชัดเจน รวมถึงตรงไฟตัดหมอกนั้นมีการเสริมโครเมี่ยมเข้ามาอีกแต่เอาจริงๆส่วนตัวนั้นไม่ค่อนชอบการที่ใส่เข้ามาเยอะๆแบบนี้เท่าไรนัก จนบางทีแอบเยอะไปหน่อยเมื่อเทียบกับการที่เป็น SUV สายลุยที่พยายามใส่สีดำเข้ามารอบๆคัน ซึ่งมันทำให้ดูหรูขึ้นไปอีก และสัดส่วนกระจกหน้าเราจะเห็นว่ามีความใหญ่สูงมากๆเมื่อเทียบกับสัดส่วนของตัวรถ เมื่อมองจากด้านท้ายด้านท้ายตรงมีความทะมัดทะแมงมากขึ้น เส้นสายลงตัวมีความคมสันชัดเจนดูเป็นสายลุยแต่มีความสปอร์ตมากขึ้นไม่มีชิ้นส่วนโครเมี่ยมเลยแม้แต่น้อย เป็นจุดที่แปลกใจนิดๆเหมือนทีมออกแบบกับด้านหน้านั้นไม่ได้ไปแนวทางเดียวกันเท่าไรนัก ส่วนตัวทำให้ค่อนข้างชอบด้านท้ายคันนี้มีความสวยลงตัว เส้นสายชัดเจน แถบสีดำขึ้นมาสูงในชายล่างทำให้ดูลุยได้ดี ไฟท้ายแปลกใหม่ดูแตกต่าง และยังได้ฝาท้ายไฟฟ้ามาด้วยเช่นกันครับสำหรับรุ่นนี้ แต่น่าเสียดายว่าไม่มีระบบเปิดแบบเตะอะไรต้องกดปุ่มเท่านั้นครับ

ค่ายนี้ถือว่าเป็นค่ายที่ใส่กล้องเข้ามาค่อนข้างเยอะทั้งกล้องรอบคัน ตรงกระจังหน้า ซึ่งจะเห็นได้ว่าใต้กระจกหูช้างด้วยเช่นกัน  รวมถึงระบบตรวจจับรถคันข้างหน้าหรือทางค่ายนั้นเรียกว่าระบบ Eyesight นั้นเองซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนตาคนที่จะคอยตรวจจับมองถนน เส้นถนน รถวิ่ง จักรยาน คนเดินต่างๆ เป็นกล้องที่ไว้ในห้องโดยสารทั้ง 2 ตัวในภาพข้างบนนั้นเอง และการติดกล้องแบบนี้ทำให้การจับระยะเนียนอย่างมากในการไล่กับคันข้างหน้ารวมถึงสามารถทำงานได้ตั้งแต่ 0-200 เลยทีเดียวแตกต่างกับรุ่นอื่นที่ต้องเริ่มจาก 30 นั้นเองครับ แต่ข้อเสียของมันการใช้งานติดตั้งกล้องแบบนี้ทำให้ตัวรถไม่สามารถติดฟิล์มมืดๆได้เลยในบานหน้า ก็แอบเป็นข้อจำกัดเล็กๆน้อยในส่วนนี้

ล้อคันนี้ได้ล้อขนาด ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18 เป็นลาย 5 ด้านปัดเงาสวยงามพร้อมกับเล่นสีลวดลายตัดกับสีดำดูสวยงาม  ขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่มากเกินไปในการขับขี่ในเมืองยังคงมีความนุ่มและนั่งสบาย รวมถึงใช้งานความเร็วสูงก็ทำได้ดีเลยทีเดียว แม้จะเป็น 18 นิ้วแต่ก็ลุยได้พอประมาณ เพราะระบบขับเคลื่อนถือว่าไว้ใจได้เลย ทางด้านชายล่างข้างๆนั้นเป็นส่วนที่มากับตัวรถ เล่นแถบสีดำพื้นผิวพลาสติกเล่นลวดลายนิดหน่อยพร้อมกับการออกแบบแถบสีเงินเข้ามาควบคู่กันทำให้ด้านข้างดูไม่เรียบมากเกินไป และยังส่งผลให้ตัวรถดูไม่หนาเกินไปด้วย รวมถึงในด้านหลังและด้านหน้าก็จะเป็นการออกแบบแนวเดียวกันทั้งหมด ในด้านหลังจะเห็นว่ามีไฟตัดหมอกหลักมาให้ 1 ข้างในด้านขวา เล่นสีเงินตรงท่อไอเสียบได้สวยงามมีความนูนออกมาทำให้ดูมีมิติมากขึ้นด้วย

ด้านท้ายยังคงมีไฟเบรคดวงที่ 3พร้อมกับรูปทรงที่ยื่นออกมาคล้ายกับสปอยเลอร์หลังนิดหน่อยทำให้ด้านท้ายไม่ตัดสั้นมากเกินไปรวมถึงทำให้ตัวรถมีความสปอร์ตมากขึ้น เข้ากันกับเสาอากาศแบบครีบฉลามได้ดี และจะเห็นว่ายังคงให้ราวหลังคาด้านบนมาพร้อมกับมีความสูงพอสมควร  มีงานออกแบบนิดหน่อยไม่ได้เรียบมากเกินไป ใช้งานได้จริง มีความแข็งแรงพอสมควรในการขนของหรือเสริมเพิ่มในส่วนของแร็คใส่ของ หรือ ขนจักรยานพวกนี้ก็สบาย

ไฟหน้าในรุ่นนี้ให้มาเป็น LED ครับแน่นอนว่าแม้จะไม่ใช่ Adaptive หรือ MATRIX อะไรแต่ก็มีความสว่างคมเข้มแบบที่รู้สึกได้ว่าใช้งานได้ดี  ส่องสว่างไม่แพ้คันอื่นๆรวมถึงมีระบบเลี้ยวตามวงเลี้ยวรถได้ด้วย เวลาขับทางไกลช่วยได้เยอะ และยังให้ไฟ LED DRL เป็นตัว C ที่ต้องบอกว่าสวยเลย เป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ แต่ไฟเลี้ยวนั้นยังคงเป็นหลอดไส้ปกติครับ เพราะส่วนอื่นๆนั้นเป็น LED ทั้งหมดแล้ว ตัวทรงของโคมนั้นไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก แต่มีความคมเส้นสายสวยขึ้นนิดหน่อย โคมหลักเป็น LED Projector ใหญ่ๆดวงเดียว และยังคงมีที่ล้างไฟหน้ามาให้ แม้จะประกอบไทยแล้วก็ตาม ส่วนทางด้านไฟท้ายเป็น LED ทรงตัว C คมๆสวยงามพร้อมกับไฟเบรกในแนวตั้ง และไฟถอยรวมถึงไฟเลี้ยวเป็นหลอดไส้นะ แต่รุ่นนี้ให้ตัดหมอกด้านหลังมาให้ 1 ข้างด้วยนะ

ไฟท้ายยามค่ำคืนนั้นเราจะเห็นว่าไฟจะส่องสว่างมายังแถบติ่งตรงฝากระโปรงด้วยแบบอ่อนๆ แต่เมื่อเวลาเบรกแล้วนั้นจะติดแค่ตรงขอบตัวรถตามภาพข้างบนรวมถึงไฟเบรคดวงที่ 3 ส่วนในตัวไฟตัดหมอกหลังให้มามุมขวาล่างเท่านั้นนะครับไม่ได้ให้มา 2 ฝั่งซึ่งเป็นจุดปกติของหลายๆค่ายจะเป็นไฟข้างเดียว ในส่วนของไฟถอยหลัง และไฟเลี้ยวนั้นเป็นหลอดไส้อยู่ข้างล่างไฟเบรก ส่วนในด้านหน้านั้นเราจะเห็นว่าตัดหมอก LED ให้มาครบๆสว่างพอสมควร ไฟใหญ่ LED รวมถึงไฟหรี่ หรือเมื่อกลางวันนั้นจะเป็น DRL นั้นเอง และไฟเลี้ยวในสุด ทางด้านไฟนั้นต้องบอกว่าช่วงเวลาทดสอบนั้นเจอทั้งพายุเข้า ฝนตกหนัก ไฟเที่ยวต่างจังหวัดที่มืดๆคันนี้สามารถเอาอยู่ไฟเลี้ยวตามได้ดี มีคัทออฟสวยคม ทะลุฝนหรือที่มืดได้ดี ถือว่าทำได้ดีมากๆ และชัดเจน แต่น่าเสียดายแค่ไม่มี ไฟสูงต่ำอัตโนมัติเท่านั้น แต่ยังดีที่ให้ไฟเลี้ยวตามพวงมาลัยมาให้อยู่ในด้านหน้า กับในด้านท้ายมีตัดหมอกมาให้ อันนี้สำคัญมากครับ

ไฟท้ายในรุ่นนี้ในเวลากลางคืนเมื่อมาดูดีเทลอะไรต่างๆนั้นจะเห็นว่าแสงจะส่องสว่างไปถึงข้างๆในด้วยจะเห็นว่าเป็น C ในแต่ข้างแต่จะติดเมื่อเปิดไฟหรี่เท่านั้น เพราะไฟเบรกนั้นจะเป็นขอบๆที่เห็นเป็นแนวตั้ง LED ทั้งหมดเลย ก็ถือว่ามีความสวยและเด่นกว่ารุ่นก่อนเยอะมากๆ ในแง่ของทั้งดีไซน์ ตัวไฟและตัวโคม ส่วนไฟหน้านั้นจะเห็นดีเทลหลักๆคือตัว LED ไฟ DRL เป็นตัว C เช่นเดียวกัน ส่วนตัวไฟตัวโคมนั้นมีขนาดใหญ่ชัดเจนดีรวมถึงตัดหมอกด้วย

INTERIOR

ภายในทาง SUBARU เองนั้นถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงชัดเจนถ้าหากเรามองเทียบไปกับในรุ่นนี้แต่เป็นเจนก่อนหน้า งานออกแบบภายในรุ่นนี้ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากทันสมัยมากขึ้นดูเข้ากับยุคสมัยชัดเจน การเล่นลวดลายพื้นผิวอะไรสวยงามแน่นอนว่าด้วยเรทราคาแม้จะไม่ได้เป็นหนังบุนุ่มอะไรทั้งหมด แต่ก็ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าเยอะมากแล้วถ้ามองในแง่ของค่ายนี้ งานออกแบบการจัดวางยังคงไม่ต่างจากเดิม มีหน้าจอตัวบน การปรับแอร์พวกนี้ตำแหน่งที่เเราคุ้นเคยกันดี แต่ดีไซน์ใหม่หมดซึ่งภายในนั้นดีไซน์ใกล้เคียงกับ SUBARU XV รุ่นใหม่เลย หรือเรียกได้ว่ายกภายในกันมาเลยก็เป็นได้แต่ปรับเปลี่ยนนิดๆ และทางด้านหน้าจอก็มีการอัพเกรดขึ้นมาใหม่รองรับ Apple Android ได้สบาย

ทางด้านกุญแจตัวนี้ยังคงเป็นทรงเดิมที่กดเปิดฝาท้ายได้รวมถึง กดปลดล็อกตรงโลโก้ได้เลย เป็น Keyless Entry ปกติเลยแค่เงื้อมมือเข้าไปเปิดประตูใน 2 บานหน้าครับแต่ 2 บานหลังนั้นจะไม่มีฟีเจอร์นี้นะ การออกแบบคอนโซลกลางเมื่อมาดูชัดๆจะเห็นว่าออกแบบมาสมมาตร ซ้ายขวาได้ดี และตำแหน่งหน้าจออยู่ในระยะที่ใช้งานสัมผัสได้ กดใช้งานได้รวมถึงมองได้ไม่ต่ำหรือสูงมากเกินไป มีจอแสดงข้อมูลต่างๆส่วนบนสุดเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ในการแสดงสถานะการขับขี่ ระบบช่วยเหลือต่างๆได้เป็นอย่างดี อีกทั้งในส่วนของปุ่ม สตาร์ท เปิดปิดฟีเจอร์ต่างๆรวมถึงตั้งระยะของฝาท้าย  การเปิดปิดสามารถกดได้ที่ด้านขวาของพวงมาลัยโซนนี้ทั้งหมด และมีส่วนหลังคาด้วยนิดหน่อยเพราะตรงหลังคานั้นจะเป็นที่เปิดปิดของฟีเจอร์ออกนอกเลน รวมถึงการเตือนการชนด้านหน้าพวกนี้เพิ่มเติม

บรรยากาศภายในห้องโดยสารนั้นโปร่งโล่งอย่างมาก ทั้งมุมมองของผู้ขับขี่รถหรือนั่งหลังก็ตามด้วยกระจกที่สูงกว้างมากและขอบประตูที่ต่ำทำให้เราเห็นทุกอย่างจริงๆ และ เหมือนนั่งอยู่ในตู้กระจกเลยจริงๆงานออกแบบแบบนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย แน่นอนว่าข้อดีคือทัศนวิสัยดีมากๆในการขับขี่ มองต่างๆนั้นทำได้ดีเลยแหละ รวมถึงขอบประตูก็มองได้ชัดเจน แต่ก็จะทำให้คนข้างนอกมองเข้ามาได้ง่าย แสงแดดเข้ามาได้เยอะมากกว่าทั่วไปนั้นเอง แต่ถ้าถามความเห็นหลายๆท่านที่นั่งต้องบอกเลยว่า มุมมองแบบนี้ส่งผลดีมากกว่านั่งสบาย ไม่อึดอัด ดูโปร่งโล่งคนนั่งจะชอบมากๆ ในการออกแบบที่โปร่งแบบนี้ และ มุมมอง มุมบอดอะไรพวกนี้ก็จะลดน้อยลงไปได้เยอะพอสมควรเลยครับ

คอนโซลกลางต่างๆนั้นมีการเล่นโทนสีดำเงาตัดกับสีเงินด้านสวยงามพอสมควร แน่นอนว่ารุ่นนี้จะมีปุ่ม X-Mode ในหารปรับแต่งการขับขี่มาให้ด้วย จะเห็นว่ายังคงมีที่วางเหรียญซึ่งในรุ่นใหม่ๆไม่ค่อยเห็นกันเท่าไรแต่ก็ถือว่าได้ใช้งานจริงครับ ส่วนปุ่มอื่นๆนั้นจะเป็นกดเพื่อดูมุมมองรอบคันทั้งแบบ 2มิติ และ 3 มิติ และ เบรกมือไฟฟ้า รวมถึง AVH  หรือง่ายๆคือ เบรกไฟฟ้าอัตโนมัตินั้นเอง และฐานเกียร์นั้นเป็นแบบปกติทั่วไปครับมี โหมด M มาให้ในการขึ้นลงเขาหรือจะเล่นเกียร์สนุกๆก็ได้ แม้เครื่องจะไม่ได้หวือหวาก็ตาม เล่น + – ที่ Paddle Shift ได้เลยตรงพวงมาลัย และในตัวการควบคุมแอร์นั้นจะเป็นแยกซ้าย ขวา กันและสามารถซิงค์ได้รวมถึงรองรับ AUTO อะไรได้ปกติใช้งานได้ง่าย

ทางด้านพวงมาลัยนั้นจะเป็นตัวเดียวกับ XV เลยนั้นเองรูปทรงอะไรเหมือนกันทั้งหมด รวมถึงปุ่มต่างๆในการควบคุมถือว่าจัดเต็มทั้งการควบคุมเครื่องเสียงต่างๆ การตั้งค่าระบบ Cruise Control การตั้งค่าหน้าจอหลัก หน้าจอเรือนไมล์ทั้งหมดในพวงมาลัยถือว่าปุ่มเยอะมากๆ และ ใช้งานอาจจะปรับตัวกันนิดนึงนะ รูปทรงของพวงมาลัยอะไรนั้นจับได้ถนัดกำลังดีและใช้งานโอเคอย่างมากไม่มีปัญหาอะไร เซ็ตพวงมาลัย คมขับขี่ค่อนข้างไว้ใจได้ไม่เบาไม่หนักถือว่าเป็นพวงมาลัยที่เซ็ตมาแบบลงตัวไม่ต้องไปทำอะไรกับมันอีกแล้ว ขับทางไกล ในเมืองถือว่านิ่งและคล่อง เรือนไมล์นั้นเป็นแบบเข็มปกติครับดีไซน์กลางๆธรรมดาไม่ได้หวือหวาอะไรมาก จอกลางมีอนิเมชั่นเวลาตั้งค่าระยะรถต่างๆรวมถึงแจ้งเตือนทั้งหมด และ มีข้อมูลการขับ ระยะทาง รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองทั้งหมดจอแสดงผลได้ทั้งหมดเลย และจะเห็นว่ามีจอกลางด้านบน ส่วนนั้นจะเป็นพวกข้อมูลตัวรถ ระบบฟีเจอร์ Eyesight การใช้โหมดการขับขี่ การบอกองศาการเอียง ชันเวลาลุย หรือจะเป็นการบอกความร้อน น้ำมัน เครื่องอะไรทั้งหมดเป็นจอแสดงผลละเอียดขึ้น และจอหลักตรงกลางนั้นรองรับ Android Auto – Apple Carplay ทั้งหมด สัมผัสเต็มรูปแบบ ขนาด 8.0 นิ้ว ใช้งานได้ดี รองรับกล้อง 360 องศาได้ มีเมนูภาษาไทย ใช้งานได้โอเคอย่างมากเหมือนจะของ Panasonic ครับ

ตัวเบาะนั่งข้างหน้านั้นถือว่ารูปทรงไม่ได้กระชับมากนัก แต่ก็เป็นทรงที่นั่งสบายไม่อึดอัดอะไรครับแต่เอาจริงๆเวลาเข้าโค้งเทโค้งแรงๆนั้นอาจจะมีไหลได้ง่ายเหมือนกัน เน้นนั่งสบายมากกว่า มีความนุ่มกำลังดีและเข้าขึ้นลงได้ง่าย อีกทั้งการออกแบบขอบประตูไม่เลอะขากางเกงแน่นอน เพราะหุ้มไปข้างล่างและไม่มีสันขอบให้เลอะขากางเกงเลย ส่วนประตูอะไรก้าวขึ้นลงได้สบายๆไม่มีปัญหาอะไร ตัวเบาะไฟฟ้าทั้งหมด แต่น่าเสียดายว่าไม่มี Memory Seat ตัวเบาะรองขาระยะกำลังดี พนักพิงหัวนั้นไม่ได้ดันอะไรมาก ถือว่านั่งขับไม่มีปัญหาอะไรรองรับได้ดีในภาพรวม

เบาะหลังถือว่าเป็นส่วนที่ต้องบอกว่ากว้างขวางมากๆ และ ตัวเบาะนั้นเองสามารถปรับเอนได้ 3 ระดับนะครับจากในภาพทำให้ผู้โดยสารตอนหลังแม้จะมีพื้นที่กว้างขวางแล้ว ยังได้มุมมองที่โปร่งโล่งและนั่งสบายมากๆ 3-4 คนแบบสบายๆในการโดยสาร พื้นที่วางขาเหลือเยอะมากๆพอๆกับพื้นที่เหนือศรีษะเลย ตัวเบาะหนานุ่มมากๆนั่งสบาย และ ตัวรถรองรับได้ดีทำให้ ผู้สูงอายุสามารถขึ้นลงได้สบาย นั่งได้แบบนุ่มๆเลยนั้นเองครับในจุดนี้ อีกทั้งยังมีแอร์หลังด้วย

แอร์หลังให้มา 2ช่องซ้ายขวาพร้อมกับที่ชาร์จไฟ USB-A 2 จุดสามารถจ่ายได้ไฟ2.1A ครับเขียนไว้ชัดเจนถือว่าค่อนข้างทันสมัยในยุคที่หลายๆคนต้องชาร์จมือถือกันประจำ แต่น่าเสียดายว่าไม่มีการปรับพัดลม หรือ อุณหภูมิมาให้ในตอนหลัง ส่วนที่วางแขนตรงกลางมีมาให้พร้อมกับวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง  มีเล่นสีเงินกับดำเงาให้สวยงาม

ห้องสัมภาระท้ายนั้นมีความจุมากถึง  1,775 ลิตร เมื่อพับเบาะทั้งหมดแยกอิสระ 60/40 นะครับแยกปรับพับได้แน่นอนว่าที่ชอบคือในส่วนของที่ห้องสัมภาระนั้นมีที่ดึงพับเบาะหลังมาให้เลย รวมถึงมีตะขอเกี่ยวของและที่จ่ายไฟมาให้ด้วยอันนี้ถือว่าค่อนข้างโอเคเลยแหละ และเมื่อพับไปแล้วนั้นแน่นอนว่าอาจจะไม่ได้เรียบมากนัก แต่ก็ไม่ได้มีหลุมอะไรทำให้การขนของนั้นรุ่นนี้สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเลยนั้นเอง ส่วนยางอะไหล่นั้นมีมาให้พร้อม

บรรยากาศภายในห้องโดยสารเวลากลางคืนนั้นแน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้มีแสง Ambient Light อะไรหวือหวามากนักค่ายนี้จะค่อนข้างเน้นการขับขี่พอสมควรเลยครับ ให้ความสำคัญมากๆทำให้ภายในอาจจะไม่ได้มีแสงรบกวนเยอะมากนัก ปุ่มเป็นสีแดงทั้งหมดและหน้าจออะไรก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่กวนสายตาด้วยเช่นกันทำให้ภายในไม่มีการตกแต่งอะไรมากนักแต่การใช้ไฟสีแดงก็ยังคงให้ความสปอร์ตอยู่พอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งไฟในห้องโดยสารยังคงเป็นสีเหลืองอมขาวครับยังไม่ได้ใช้โทนขาวซะทีเดียว แต่ไฟให้โทนสีในรถจริงๆนั้นมีตรงที่วางของด้านหน้าสีน้ำเงินเหนือเกียร์ครับ และมีไฟสีฟ้าส่องมาตรงเบาะคู่หน้า 2 จุดเป็นไฟให้โทนสีฟ้าอ่อนๆก็ถือว่ายังดีที่ใส่เข้ามาให้เล็กน้อย

ไฟส่องเท้าตรงประตูอะไรนั้นมีมาให้เวลาเปิดประตู แต่จะไม่มีไฟส่องพื้นเวลาปลดล็อกอะไรทั้งนั้นทำให้ยามค่ำคืนอาจจะไม่ได้สว่างเท่าไรนัก ส่วนไฟในตอนหลังนั้นไม่มีไฟส่องเท้าอะไรมาให้นะครับ ทั้งหน้าและหลังเลย ก็แอบมืดไปนิดหน่อยในส่วนนี้ แต่ยังดีที่มีไฟแต่งหน้านั้นยังคงใส่เข้ามาให้ พร้อมกระจกทั้งคนขับและคนนั่งข้างๆด้วยเช่นกัน

EYESIGHT

เป็นฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาและค่อนข้างนำหน้าค่ายอื่นๆในเรทราคานี้อย่างมาก มันเป็นระบบที่จะคอยช่วยเหลือและดูมองให้เราเพิ่มอีกเหมือนมีตาเพิ่มอีกคู่รองรับฟีเจอร์ควบคุมการขับขี่รถข้างหน้า เปลี่ยนเลนต่างๆ หรือ ออกนอกเลนก็จะเตือนทั้งหมด และป้องกันการเร่งผิดเวลาจอดอยู่กับที่รวมถึง จับระยะได้ละเอียดอย่างมากในการขับขี่จริงๆ ซึ่งจะติดตั้งไว้บนกระจกหน้าทั้งหมดซึ่งค่ายนี้จะไม่มีการใช้งาน เรดาร์นะครับ เป็นกล้องเท่านั้นแต่ทำงานได้เทพไม่ต่างกัน

  • ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD
  • กล้องมองภาพมุมมองด้านข้าง บริเวณล้อหน้าซ้าย Side View Monitor
  • ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking
  • ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
    • พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go
  • ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management
  • ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning
  • ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning
  • ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert

Adaptive Cruise Control ใน Subaru Forester สามารถทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 0-180 กม./ชม. สามารถทำงานได้ตั้งแต่รถออกตัวหรือจอดรวมถึงทำงานได้เนียนตา และ สามารถตั้งได้ด้วยว่าจะให้เร่งแบบระดับผู้ดี หรือ แบบสายซิ่งสามารถปรับความเร่งได้ 4 ระดับแล้วแต่ชอบ ว่าจะเบรกเร่งเนียนๆหรือแบบวัยรุ่นขับ ถือว่าดีกว่าตัวอื่นเยอะมาก ความเร็วนั้น คู่แข่งต้องใช้ความเร็วมากกว่า 25-40 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบจึงจะเริ่มทำงานได้ ถือว่าล้ำมากๆ

ระบบแจ้งเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert เวลาจอดรถนานๆรถติดไฟแดงแล้วรถข้างหน้าไปแล้วแต่เราเผลอมองนก มองคันข้างๆอะไรแบบนี้ ตัวรถจะทำการเตือนและมีหน้าจอบอกเราก็แตะคันเร่งไปต่อได้สบายๆครับ ถ้าหากใช้ Adaptive Cruise อยู่นั้นก็จะสามารถกดปุ่ม Resume เพื่อเดินหน้าต่อได้ทันทีง่ายๆ และ สบายเหมาะกับชีวิตในเมืองจริงๆ

Pre-Collision Braking ที่ช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อมีความเสี่ยงชนรถ หรือ คนเดินถนน ทำงานได้ตั้งแต่ความเร็ว 1 กม./ชม. ไปจนถึง 200 กม./ชม. ทำงานด้วยความเร็วที่ต่างกันกับรถคันหน้าได้สูงสุดถึง 50 กม./ชม. ต้องบอกว่าต่างกับยี่ห้ออื่นเยอะมาก เพราะทำความเร็วได้ตั้งแต่ 150 กม./ชม. เลยรวมถึง ความเร็วต่างกันได้มากถึง 50 กม./ชม. ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ล้ำที่สุดนำหน้าคู่แข่งด้วยกันทั้งหมดเลย  ทำได้ละเอียดและเนียนกว่าค่ายอื่นเยอะมาก จะเตือนโดยการเสียงเตือนก่อน หน้าจอขึ้น ถ้าใกล้ชนมากๆจะเริ่มเบรกเตือนสั่นแรงๆ และถ้าจะชนจริงนั้นคือเบรกแรงสุด เป็น 3 ระยะง่ายๆ เตือนด้วยแสงสีเสียง / เตือน+เบรกแบบสั่น / เตือนและเบรกแรงที่สุดประมาณนี้เลย

ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning หรือ Lane Sway Warning จะแจ้งเตือนหรือหลักการทำงานคล้ายๆกันเมื่อรถจับได้ว่าเราเริ่มออกนอกเลน ซ้ายขวา โดยที่ไม่เปิดไฟเลี้ยวมันจะทำการเตือนด้วยภาพบนหน้าปัด และ รวมถึงการเตือนด้วยเสียงเวลาออกนอกเลย แต่ไม่มีการดึงพวงมาลัยกลับอะไรให้นะครับ แค่เตือนเท่านั้น

ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning ตัวนี้จะทำงานแค่ไฟแจ้งเตือนเท่านั้น ไม่มีเสียงหรือดึงพวงมาลัยกลับให้เพราะทางค่ายยังอยากให้ความสนุกในการขับขี่ หรือตัวรถนั้นคนขับเป็นคนกำหนดเองเท่านั้น เลยไม่มายุ่งกับระบบการขับขี่ เป็นอีกแนวทางของค่ายนี้ จะเตือนเวลามีรถมาถ้าหากเราเปลี่ยนเลนมันจะกระพริบให้ทันที

COMSUMPTION

อัตราการสิ้นเปลืองนั้นในรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ BOXER 2.0 ลิตร รหัส FB20 จากที่ทดสอบในการขับขี่นั้นโดยปกติทางเราจะทดสอบแบบใช้งานจริงทั้งหมด ทั้งการขับขี่ในเมือง และ นอกเมืองในโหมดปกติและ S Mode ครับแน่นอนว่าด้วยพละกำลังและทรงของรถถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิดไว้พอสมควรเลยแหละ ในการใช้งานในเมืองนั้นจะทำได้ 8.9กิโลต่อลิตร ในการขับรถติดๆทั่วไปใช้งานทั่วไปไม่ได้ขับทางไกล แต่ถ้าหากเราขับขี่ทางไกล ซัดแรงๆบ้างความเร็ว 160ประมาณนี้ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเมื่อเทียบกันจะได้ประมาณ 10.7 กิโลต่อลิตร แต่ถ้าขับแบบทั่วไปโหมดปกตินั้นจะทำได้ประมาณ 11.4 กิโลลิตรในความเร็วไม่เกิน 110 ประมาณนี้ และ ขับแบบไม่ได้โหดอะไรมากนัก

ENGINE

ทางด้านเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบนอน Boxer ขนาด 2.0 ลิตร 1,995 ซีซี. Direct Injection กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT 7 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Symmetrical All-Wheel Drive รองรับน้ำมันสูงสุด E10 แน่นอนว่าถ้าหากใครจำกันได้เครื่องตัวนี้จะคุ้นๆกันอยู่ในทั้งตัว XV รุ่นปัจจุบัน หรือจะเป็นรุ่นก่อนด้วยเช่นกันของ FORESTER ครับแต่มีการเปลี่ยนภายในกันนิดหน่อยให้มันดีขึ้นนั้นเอง ถือว่าเป็นเครื่องที่ใช้มานาน ปัญหาค่อนข้างน้อยไว้ใจได้เลย เครื่อง Boxer ของค่ายนี้ถือว่ามีเด่นๆเลยคือเรื่องของสูบแถวนอนแบบนี้ค่อนข้างแตกต่างกับค่ายอื่นมากๆ และข้อดีของการวางเครื่องแบบนี้คือต่ำอย่างมากทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ  ส่งผลต่อการขับขี่และความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนด้วยเช่นกัน แต่ในเรื่องของอัตราเร่งอาจจะต้องบอกกันว่าไม่ได้ทันใจมากนักแต่ก็พอไหว  กำลัง 156 แรงม้า นั้นถือว่าพอตอบสนองต่อพ่อบ้านขับรถชิลๆที่อยากจะแซงบ้างเป็นบางครั้งได้ดี รวมถึงแม่บ้านทั่วไปขับรถสบายๆไม่ได้สายซิ่งบอกเลยว่ากำลังมันเหลือๆ และ ยังไปแบบเนิบๆได้จนเร็วไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว แต่ถ้าพ่อบ้านสายซิ่ง ตัวนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์เลยในการเร่ง0-60 ค่อนข้างอืดไม่ทันใจเท่าไรนัก แต่ถ้าช่วง 60-120 อันนี้บอกเลยว่าไม่ยอมใครเช่นกันครับ มาเต็มๆแน่นๆแบบเนียนๆไม่ได้ดึงหลังติดเบาะมากนัก ช่วง 120-160 ก็ค่อยๆไหลไป จนกระทั่ง 160เป็นต้นไปคือหมดแล้ว กำลังหายไปแบบชัดเจน เริ่มขึ้นไม่ไปมากกว่านั้นเท่าไร แต่เกียร์นั้นก็พัฒนาขึ้นไม่อืดแบบรุ่นก่อนและรวมถึงเครื่องตอบสนองได้ดีขึ้นนะ แต่ก็ยังไม่ได้ทันใจมากเท่าที่ควร

แต่ถ้านอกเหนือจากเครื่องยนต์ที่อาจจะไม่ได้ดึงหลังติดเบาะทันใจมากนัก ส่วนอื่นๆมันคือเทพอย่างมากอันนี้ขอชื่นชม เพราะรุ่นนี้เป็นการขับ 4 แบบเท่ากันทำให้เรื่องของช่วงล่างการขับเคลื่อนเป็นรถญี่ปุ่นที่ทางผมเองนั้นไว้ใจมากที่สุดในการที่จะหยิบกุญแจไปลุยหน้าฝนในการขับขี่ทางไกล มันมีความมั่นใจแบบบอกไม่ถูกเวลาขับลุยฝนซึ่งค่ายนี้ทำออกมาได้เกินหน้าเกินตาค่ายอื่นในเรทราคานี้อย่างมาก อันนี้คือประทับใจที่สุดครับ รวมถึงช่วงล่างในการขับขี่ทางไกลมีอาการโยนน้อยถึงน้อยมากแม้ตัวรถจะสูงกว่าเพื่อน และ ดูโปร่งๆโย่งๆแต่พอขับจริงช่วงล่างมันคือที่สุดในแง่ของรถญี่ปุ่นในเรทราคาที่ สามารถให้ความมั่นใจได้ดีเมื่อทำงานร่วมกันกับการขับ4ของค่ายนี้ทำให้ประทับใจจริงๆ มันมีความนุ่มและแน่นหนักแบบรถยุโรปได้ดี นั่งยังสบายแต่ยังคงเข้าโค้งเกาะได้ดีเช่นเดียวกันครับในส่วนของช่วงล่าง

การเก็บเสียงนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีระดับนึง แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้เงียบสุดเพราะเสียงเครื่องบางช่วงก็แอบเข้ามาแบบชัดเจน รวมถึงเสียงลมที่เข้ามามากพอสมควรด้วยกระจกที่กว้างใหญ่กว่าค่ายอื่นๆก็เป็นจุดที่ลมจะเข้ามาได้ง่ายชัดเจนกว่าด้วย แต่ถ้าความเร็วช่วง 70-110 ประมาณนี้ถือว่าเงียบแบบโอเคอย่างมาก สามารถขับได้แบบไม่เอะใจอะไร ในแง่ของพวงมาลัยตัวนี้เซ็ตมาลงตัวที่สุด ขับในเมือง นอกเมืองในความคมแม่นยำ และ ควบคุมได้ง่ายมาก อีกทั้งในการเปลี่ยนเลนต่างๆในเมืองก็ยังคงให้ความสะดวกสบายอยู่ แต่ก็ขับทางไกลก็มีระยะเซ็ตอะไรมาลงตัวถือว่าดีกว่าเดิม

SUBARU FORESTER AWD 2.0 I-S EYESIGHT

” รถสายลุย ขับแล้วมั่นใจ พร้อมกับฟีเจอร์แน่นๆ แต่สายซิ่งอาจจะไม่ใช่แนวมากนัก “

ต้องบอกเลยว่าส่วนที่ประทับใจที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้นการขับขี่ทั้งเรื่องของช่วงล่าง ความหนึบแน่นของช่วงล่าง ระบบขับเคลื่อนที่ขับแล้วมั่นใจอย่างมากในหลายๆเส้นทางแม้กระทั่งฝนตก การเซ็ตพวงมาลัยมาอย่างดีขับดีกว่าเดิมเยอะรวมถึงเกียร์อะไรเซ็ตมาลงตัวขึ้น เครื่องยนต์ที่ตอบสนองในการใช้งานทั่วไปได้ดี รวมถึงฟีเจอร์ที่นำหน้าค่ายอื่นๆในงบราคานี้เยอะมาก เนียนตาและใช้งานได้จริง อีกทั้งมุมมองของตัวรถค่อนข้างโปร่งโล่งและขับง่าย และได้ฟีเจอร์อะไรที่แน่นมากขึ้น กล้องรอบคัน หน้าจอรองรับ Android Auto – Apple Carplay ถือว่าลงตัวมากขึ้นเยอะ แต่ก็มีบางจุดเช่นในเรื่องหน้าตาอาจจะไม่ได้หวือหวาล้ำมากนัก กับเรื่องอัตราเร่งที่ไม่ได้ทันใจ สะใจมากนัก และหมดไวพอสมควร แต่ถ้ามองว่าขับทั่วไปบอกเลยว่าเกินพอ รวมถึงข้อจำกัดในการติดฟิล์มด้านหน้านิดหน่อย แต่ถ้ามองเรื่องการขับขี่ ขับทั่วไป ลุยได้ ระบบขับ 4 ที่โหดสุดๆ ภายในนั่งสบายโปร่งกว้าง บอกเลยว่าตัวนี้คุ้มค่าที่สุดครับ

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้รีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget