VIVO นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ต้องบอกว่ามีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆในเรื่องของกล้องทั้งในด้านหน้าและหลัง รวมถึงการถ่ายที่มีโหมดอะไรเข้ามาค่อนข้างหลากหลายมากขึ้น และในครั้งนี้ได้นำหน้าค่ายอื่นไปอีกเท่าตัวด้วยการใส่กล้องหน้าที่มีระบบ ออโต้โฟกัสในตัวพร้อมกับรองรับการ โฟกัสดวงตาที่ล้ำหน้าค่ายอื่นจริงๆครับให้มาที่ 44MP แน่นๆเลยทีเดียวและยังมาพร้อมเลนส์มุมกว้าง 8MP อีกตัว ส่วนทางด้านฟีเจอร์การถ่ายนั้นยังคงจัดเต็มเช่นเดิม และในด้านหลังก็ไม่น้อยหน้าใส่มาให้ที่ 64MP และ ยังมาพร้อมกับเลนส์มุมกว้าง ที่มี ออโต้โฟกัสอีกเช่นกันที่ 8MP พร้อมถ่ายมาโครได้ 2.5 เซนติเมตรเท่านั้นถือว่าโหดอย่างมากในเรทราคานี้รวมถึง สเปคอื่นๆยังคงให้มาเต็มที่และรองรับ 5G ด้วย และทางด้านชาร์จไว 33W ยังคงใส่เข้ามาให้ แต่ที่เด่นอีกเรื่องคืองานออกแบบที่เบา บาง และ ดีไซน์สวยหรูขึ้นแบบชัดเจน ฝาหลังเล่นสีสวยงามพร้อมวัสดุกระจกด้านทำให้ เป็นมือถือที่ลงตัวในหลายๆอย่างโดยเฉพาะกล้องหน้า
VIVO V20 PRO 5G เปิดตัวมาด้วยสเปคที่ถือว่าเพียงพอและเหลือในการใช้งานโดยเฉพาะกล้องหน้าที่โหดที่สุดในบรรดามือถือเรทราคานี้ รวมถึงเด่นเกินหน้าเรือธงค่ายอื่นแบบชัดเจนครับ ทางด้านสเปคนั้นมาพร้อมกับ Snapdragon 765G รองรับการใช้งาน 5G ทั้งแบบ SA และ NSA พร้อมกับ ระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber Liquid Cooling และใช้งาน RAM 8GB LPDDR4X รวมถึง 128GB UFS 2.1 ครับ ทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 20:9 มีอัตราส่วนที่ 91.2% รองรับการแสดงผลแบบ HDR10 และ ใช้งาน 3,000,000:1 Contrast Ratio รองรับความสว่างสุงสุด 600NITS อีกทั้งในเรื่องของระบบเสียงตัดรู 3.5มม.ออกไปแล้วแต่ก็ยังรองรับ Hi-Res Audio อยู่ครับ และทางด้านกล้องหน้าให้มาที่ 2 ตัว 44MP และ กล้อง Ultra-Wide 8MP มุมกว้าง 105 องศา รองรับ Eye Autofocus ถือว่าโหดมากๆและยังมาพร้อมกับรองรับ 4K 60FPS อีกด้วย ส่วนทางด้านกล้องหลังให้มาแน่นๆที่ กล้องหลัก 64MP F1.8 + เลนส์มุมกว้าง 120 องศา 8MP F2.2 (Ultra wide) ใช้งานเป็นเลนส์ มาโคร เพียง 2.5 ซม. และ จับระยะในตัว พร้อม Auto Focus + เลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องขาวดำ) และทางด้านแบตนั้นแอบน้อยลงนิดหน่อยให้มาที่ แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับชาร์จไว Vivo Flash Charge 2.0 33W ครับ และยังคงใช้งาน USB-C และตัวเครื่องบางแค่ 7.39 มม.เท่านั้น ถือว่าเป็น สมาร์ทโฟน 5G ที่บางที่สุดเลยทีเดียวครับรุ่นนี้
VIVO V20 PRO 5G
เปิดตัวมาพร้อมกับ ราคา 14,999 บาท
เปิดจองวันแรก 21 ก.ย. – 29 ก.ย. 2563 นี้
สี Midnight Jazz สีดำ // Sunset Melody ไล่สี // Moonlight Sonata สีขาว
UNBOX
- ตัวเครื่อง VIVO V20 PRO 5G
- เคสใส TPU
- ที่ชาร์จ VIVO FLASHCHARGE 2.0 33W
- สายชาร์จ USB-C
- หูฟัง In-Ear
- ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม.
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
เคสถือว่ามีความหนาเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าแต่ครั้งนี้ เหมือนจะทำวัสดุออกมาได้ดี ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จไม่มีจุกปิดมาให้แล้วครับ และ เคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำครับ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกกระแทกแต่ก็ทำให้ไม่หนักมากเกินไป
จะเห็นว่าตัวเคสนั้นมีการปกป้องได้ดีพอสมควรในเรื่องเลนส์กล้องและหน้าจอ แต่อาจจะไม่ได้สูงหนาขึ้นมามากนักแต่ก็ถือว่าพ้นระยะเวลาวางคว่ำหรือใช้งานได้ดีพอสมควรเลยครับสำหรับเคสที่แถมมาให้ในกล่องรุ่นนี้ ขอบเครื่องมีการเพิ่มความหนาเข้ามาให้ทำให้เรื่องของการปกป้องเวลาตกอะไรทำได้ดีเลยแหละ ส่วนตัวพอร์ตไม่มีจุกปิดกันฝุ่นมาให้แล้วจริงๆถือว่าชอบแบบนี้มากกว่าเพราะเวลาใช้งานนั้นแบบไม่มีจุกจะใช้งานได้สะดวกกว่าเยอะมากพอสมควรครับ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้จะเป็นตัวที่ใช้งานสีที่เรียกว่าสี Midnight Jazz เป็นโทนสีเทาดำเล่นกับแสงได้สวยงามพร้อมกับใช้งานวัสดุกระจกด้าน AG Matte Glass เล่นกับแสงสวยงามมากครับและจะสะท้อนออกมาเนียนๆนุ่มๆนิดหน่อยเป็นโทนสี สีดำลึกลับ และในด้านหน้าขอบจอที่มาพร้อมความโค้ง 2.5D ความหนาเพียง 7.39 มม. น้ำหนัก170กรัม ถือว่าเป็นรุ่นที่บางมากๆ และ ด้านหน้านั้นเป็นหน้าจอแบบติ่งตรงกลางพร้อมกล้องหน้า คู่รวมถึงในด้านหลังนั้นเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่ายนี้เป็นเลนส์หลักขนาดใหญ่และเล่นกับขอบสีกล้องสวยงามพอสมควร
หน้าจอนั้นแอบเสียดายไม่ใช่หน้าจอเจาะรูแล้วแต่ก็อาจจะเป็นข้อจำกัดในการใส่กล้องหน้าที่มี Eye Autofocus เข้ามาให้นั้นเองเลยทำให้ต้องมีพื้นีท่พอสมควรครับ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้้นจะเป็นหน้าจอ หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 20:9 + HDR10 สูงสุด 600NITS ถือว่าสวย คุณภาพ งามเช่นเดิม
ขอบหน้าจอด้านบนนั้นกลับมาใช้งานดีไซน์แบบติ่งหน้าจอพร้อมกับ แทรกลำโพงไว้ขอบบนรวมถึง กล้องหน้า 44MP F2.0 พร้อมระบบโฟกัส EYE AF + 8MP F2.2 (Ultra wide) อาจจะดูย้อนยุคไปนิดๆในส่วนนี้แอบเสียดาย
ส่วนขอบด้านล่างนั้นถือว่าทำได้บางพอสมควรเมื่อเทียบกับราคาตัวนี้ครับ พร้อมกับปุ่มควบคุมแบบพื้นฐาน หรือจะใช้งานควบคุมแบบเต็มหน้าจอได้ทั้งหมดเลยถือว่ารองรับได้สบายๆและดีไซน์ขอบหน้าจอข้างๆก็บางพอสมควรเลยครับ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีความสมมาตรพอสมควรครับและฝาหลังนั้นเรียบเป็นแนวระนาบทั้งหมดเลยพร้อมกับขอบเครื่องที่มีการเล่นกับโครมเมี่ยมเงาสวยงามทำให้ดูตัดกับฝาหลังแบบด้านได้สวยและดูพรีเมี่ยมอย่างมากครับ
ตัวขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นไมค์ รับเสียง ตัดเสียงมาให้ด้วย รวมถึงกล้องหลังก็ไม่ได้นูนเยอะแบบที่คิดไว้ครับส่วนนี้
ในด้านขวาของตัวเครื่องนั้นจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงสำหรับการใช้งาน และปุ่ม Power สำหรับการเปิดปิดเครื่องที่มีการเล่น Texture สวยงามและกดได้ง่ายมีความรู้สึกแตกต่างกับปุ่มทั่วไปอยู่พอสมควรเลยครับในด้านขวาข้างนี้
ถาดซิมอยู่ในด้านท้ายเครื่องพร้อมกับ มี ไมค์ตัดเสียง รับเสียงมาให้และใช้งาน USB-C พร้อมกับ ลำโพงหลักด้านนี้
ฝาหลังในรุ่นนี้ถือว่าเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน นอกเหนือจากวัสดุแล้วที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดๆนั้นคงหนีไม่พ้นกับตัวกล้อง และการวางที่แปลกใหม่และดีไซน์สวยแบบรุ่นพี่ X50 เลยนั้นเอง อีกทั้งวัสดุฝาหลังนั้นเป็นแบบด้าน เล่นแสงสีสวยงาม โดยใช้งานวัสดุ AG Matte Glass เพิ่มความสวยงาม หรูหรา ให้กับตัวเครื่อง พร้อมทั้งให้คุณสัมผัสถึงความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ด้วยพื้นผิวที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน อีกทั้งเทคโนโลยี AF ที่ช่วยป้องกันโทรศัพท์ของคุณจากรอยนิ้วมือถือว่าเป็นฝาหลังที่สวยและโดดเด่นอย่างมากแม้จะเป็นสีดำก็ตามแต่ดูสวยเอาเรื่อง
กล้องหลังถูกจัดวางอย่างระเบียบเป็นชั้นบางๆวางเลเยอร์สเต็ปขั้นแรกเป็นสีดำคลาสสิกที่บรรจุตัวกล้องไว้ ขั้นที่สองคือฐานกรอบตกแต่งโดยรอบที่มีสีกลมกลืนกับฝาครอบ ขั้นที่สามคือฝาหลังที่ใช้ครอบทั้งหมด กล้องหลัก 64MP F1.8 + เลนส์มุมกว้าง 120 องศา 8MP F2.2 (Ultra wide) ใช้งานเป็นเลนส์ มาโคร เพียง 2.5 ซม. และ จับระยะในตัว พร้อม Auto Focus + เลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องขาวดำ) ถือว่าดีไซน์สวยงามและมีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างมาก จะคล้ายๆกับรุ่นพี่เลยทีเดียวและเลนส์หลักนั้นมีความใหญ่สวยงามชัดเจนมากๆครับ
SPEC
- Android 10 + FuntouchOS 11
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 20:9 + HDR10 สูงสุด 600NITS
- CPU Snapdragon 765G 5G
- Qualcomm Adreno 620
- RAM 8GB (LPDDR4x)
- ความจุ 128GB (UFS 2.1) รองรับ MicroSD Card Triple Slot
- กล้องหลัก 64MP F1.8 + เลนส์มุมกว้าง 120 องศา 8MP F2.2 (Ultra wide) ใช้งานเป็นเลนส์ มาโคร เพียง 2.5 ซม. และ จับระยะในตัว พร้อม Auto Focus + เลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องขาวดำ)
- กล้องหน้า 44MP F2.0 พร้อมระบบโฟกัส EYE AF + 8MP F2.2 (Ultra wide)
- 3D Sound Tracking ปรับเสียงไมค์ หน้า หลัง ได้
- Vapor Chamber Liquid Cooling
- พอร์ต USB-C
- ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- WIFI 2.4GHz,5GHz
- 5G ความถี่ n41/n78/n1/n3/n77
- Bluetooth 5.0
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับชาร์จไว Vivo Flash Charge 2.0 33W
- ขนาด / น้ำหนัก : 158.82 x 74.2 x 7.39 มม. / 170 กรัม
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 765G 5G พร้อมกับ Storage UFS 128GB จัดเต็มด้วย RAM 8GB ส่วนทางด้านคะแนน UFS นั้นอ่านไปได้ที่ 958MB/s – เขียนไปได้ที่ 204 MB/s ส่วน DRL L1 ในแอป Netflix รองรับ HD นะครับ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 322418 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU และ Geekbench นั้นทำไปได้ 631/1785 คะแนน ถือว่าเป็นการอัพเกรดจากรุ่นเดิมมาใช้งาน 712 แล้วดีขึ้นแน่นอนและใช้งานลื่นไหลเล่นเกมได้ดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้จริงๆรุ่นก่อนนั้นเราบ่นว่าใช้งานตัวต่ำไปนิดแต่ในครั้งนี้ปรับมาใช้งาน 765G 5G
SYSTEM UI
ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นยังคงใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 10 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบน แต่หน้าตาอะไรยังไม่ได้โดดจาก 10 มากนักครับเปลี่ยนหลักๆคือตัวตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 11 นั้นเองครับ
การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตานั้นมีการเปลี่ยนแปลง คลีนขึ้นดูสวยขึ้นเยอะมากทันสมัยขึ้นครับ
Storage 128 GB จะว่างให้ใช้งาน 110 โดยประมาณครับ และในส่วนของ RAM 8 GB นั้นใช้งานไป 4 GB เท่านั้นเองถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเอง
อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animation ที่เปลี่ยนได้เยอะมากอีกทั้งยังมีไฟขอบเครื่องแจ้งเตือนรอบๆวิ่งรอบหน้าจอเปลี่ยนสีอะไรได้ด้วยนะ แจ้งแทนไฟแจ้งเตือนนั้นเองครับ ส่วนตัว อนิเมชั่นปรับได้เยอะมากๆทั้งการชาร์จ สแกนนิ้ว หน้าจอตอนเข้าจากหน้าปลดล็อคพวกนี้
เปลี่ยนได้หลากหลายมากๆครับทั้ง หน้าตาตอนชาร์จ หน้าตาตอนเสียบชาร์จรวมถึง หน้าตาเวลากดปิดหน้าจอครับถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆทำให้นึกถึงใน Android ยุคก่อนๆที่รูทและปรับเปลี่ยนหน้าตา Effect อะไรกันได้หรือจะเป็นการปรับแต่งอื่นๆถือว่าเป็นค่ายที่ปรับได้เยอะที่สุดแล้วเท่าที่ลองๆมาในยุคนี้นะครับอันนี้แตกต่างเลย
Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอรวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดแนบหูแล้วรับอะไรพวกนั้นครับและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอครับ
THEME
การปรับเปลี่ยนธีมก็มีมาให้ครับ สามารถเปลี่ยนได้เยอะแยะเลยแต่หลักๆนั้นจะเป็นการเปลี่ยนหน้าตาของไอคอน และ พื้นหลัง หน้าจอล็อคซะส่วนใหญ่และแอปของทาง Vivo บางแอปที่หน้าตาจะเปลี่ยนตามครับ และก็สามารถเปลี่ยนฟอนต์อะไรได้ถือว่าเปลี่ยนได้เยอะกว่าหลายๆรุ่นในสมัยนี้ เพราะหลังๆหลายๆค่ายจะไปเพียวกันหมดแล้วด้วยนั้นเองทำให้อาจจะเบื่อหน้าตาเดิมๆกันได้ แต่ของทาง Vivo เองนั้นเปลี่ยนได้รวมถึงหน้าตอนโทรเข้าออกด้วยครับ
SCREEN
ทางด้านหน้าจอของทาง VIVO V20 Pro รุ่นนี้แน่นอนว่าปรับมาใช้งานหน้าจอแบบติ่งหน้าจอตรงกลางถ้ามองกันตรงๆถือว่าเป็นการปรับมาใช้งานหน้าจอแบบย้อนยุคเกินไปหน่อยเพราะในรุ่นใหม่ๆเปลี่ยนมาใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูทั้งหมด อันนี้ถือว่าเป็นจุดที่น่าเสียดายและไม่สวยเท่าไรนัก แต่ทางด้านสเปคนั้นไม่ได้น้อยหน้ารุ่นก่อนๆเลยและทำได้ดีด้วยเช่นกันมาพร้อมกับหน้าจอ ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 20:9 ความหนาแน่น 408ppi วัสดุ E3 OLED มีขอบเขตสี DCI-P3 100% Contrast 300w:1, ความสว่างสูงสุด 600 nits, รองรับHDR 10 ในเรื่องของการสู้แสงจะดรอปลงจากรุ่น V19 นิดหน่อยเพราะรุ่นนั้นจะ 800nits ครับแอบเสียดายนิดหน่อยแต่ในแง่ของความแม่นยำสีหรือคุณภาพสีนั้นยังคงทำได้ดีเช่นเดิมสวยสดและสีมุมมองทำได้ดี และที่ชอบคือเรื่องของการสัมผัสหน้าจอนั้นทำได้ติดนิ้วและเนียนตาเป็นอย่างมากเป็นจุดที่ค่ายนี้ยังคงเด่นและสัมผัสใช้งานได้ลื่นไหลพอสมควร
สำหรับในมุมมองในด้านอื่นๆนั้นก็ถือว่ายังทำได้ดีอยู่เหมือนกันครับทั้งในแง่ของการใช้งานทั่วไปและในการดูหนังต่างๆมุมมองรองรับได้สบายๆ ตัวหน้าจอนั้นมีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้วนิดหน่อยครับ และหน้าจอที่ลองนั้นสู้แสงได้กำลังดีและมีสีสันสวยงามครับ และที่ชอบคือการสัมผัสทัชอะไรก็ทำได้ดีเลยแหละไม่ต่างกับรุ่นก่อนๆครับถือว่าเรื่องสัมผัสค่ายนี้ทำได้ดีนะ มิติของภาพอะไรสวยและกว้างแต่ความสดจัดจ้านอาจจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็สามารถปรับได้นิดหน่อยแต่สีจะเน้นความธรรมชาติและไม่เวอร์มากเกินไปครับในจอรุ่นนี้ ถ้าใครชอบหน้าจอสวยและมีการสัมผัสดีแนะนำเลย
FINGERPRINT
รุ่นนี้ได้ใช้งานสแกนนิ้วบนหน้าจอสานต่อจากรุ่นก่อนๆครับ และ รองรับการทำงานได้ค่อนข้างไวเหมือนกับหลายๆรุ่นของทาง Vivo เลยสามารถเปลี่ยน Effect เวลาสแกนได้ด้วย ถือว่าเป็นค่ายแรกๆที่ใช้งานเทคโนโลยีนี้ครับ เลยทำให้เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องของการทำงานและความไวในการทำงานนั้นทำได้ดีมากๆ และสามารถเพิ่มหลายๆนิ้วได้ปกติ ตำแหน่งการใช้งานอยู่ในตำแหน่งกำลังดีครับไม่ได้ สูงหรือต่ำเกินไป แม้จะติดฟิล์มก็สามารถใช้งานได้สบายๆ
SOUND
รู3.5มม.นั้นได้ตัดออกไปแล้วสำหรับรุ่นนี้และมีตัวแปลงแถมมาให้ครับไม่ต้องไปหาซื้อเอง และ แน่นอนว่ายังคงมีหูฟังแถมมาให้ด้วยแต่รูปทรงและชนิดของหูฟังนั้นเหมือนรุ่นก่อนหน้าหรือรุ่น V19 เป็นทรงแบบ Earbuds ทรงธรรมดาเลยแน่นอนว่าในแง่ของความดูดีหรือแพงอาจจะสู้ตอนที่แถมมากับ V17 ไม่ได้เท่าไรนักรวมถึงการเก็บเสียงจากภายนอกด้วย ทำให้เสียงในรุ่นนี้จะไม่สามารถคุมเสียงได้แบบ In-Ear แน่นอน มาที่เรื่องของเสียงกันก่อนทางด้านรุ่นนี้รองรับ HIRES เข้ามาครับแต่เสียงในตัวนี้ถ้าฟังจากตัวเครื่องนั้นกำลังขับอะไรนั้นถือว่ากลางๆครับไม่ได้เด่นมากนักต้องบอกว่าน่าเสียดายเพราะในรุ่นก่อนๆนั้นเสียงจะเน้นมากๆแต่หลังๆเหมือนจะหายไปแล้ว กำลังขับ เสียงกำลังดี โทนเสียงยังคงเน้นในเรื่องของรายละเอียดเด่นกว่านิดหน่อยและ เสียงเบสมาแบบน้อยๆครับไม่ได้เยอะอะไรมากแม้จะตัดรู 3.5มม.ออกแต่เสียงก็ไม่ได้แตกต่างกับ V19 ที่เคยทดสอบไปมากนักเพราะว่าตัวแปลงนั้นไม่ได้มี DAC AMP อะไรใส่เข้ามาทำให้เรื่องเสียงนั้นไม่ได้ดังขึ้น แต่ถ้าหากรู้สึกว่าดีกว่าเดิมไหมก็ถ้าฟังเพลงคุณภาพสูงจะได้ยินมากขึ้น
ในเรื่องเสียงของทางหูฟังที่แถมมานั้นเสียงจะไม่แน่นเหมือนกับรุ่นก่อนๆหรือแบบ In-Ear แล้ว แต่ข้อดีที่ใส่เข้ามาในหูฟังทรงแบบนี้นั้นคือมันทำให้ใส่ได้สบายขึ้นใส่ออกกำลังได้ง่ายขึ้นและใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยเวลาใส่และไม่อึดอัดอาจจะเป็นข้อดีของใครหลายๆคนที่ชอบอะไรแนวนี้ครับแต่เรื่องเสียงแน่นอนมันเก็บเสียงอะไรได้ไม่เท่าตัวก่อนแล้วด้วย เสียงที่ได้จากหูตัวนี้จะเน้นเสียงแหลมเด่น เสียงร้องชัดครับเวลาคุยโทรศัพท์นั้นชัดเจนได้ยินดี แต่เสียงย่านต่ำหรือเบสนั้นอาจจะไม่ได้แน่นสะใจมากเท่าไรครับ เวทีเสียงกลางๆไปทางแคบนิดนึง แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่ถ้าเทียบกับหูฟังรุ่นอื่นๆในเรทราคาที่เป็นของแถมมากับเครื่องแน่นอนว่าทำได้ดีกว่าหลายๆตัวที่เป็นทรงนี้นะครับในหลายๆย่านก็ทำได้ดี
GPS
ในการนำทางจริงๆนั้น ไม่เจอหลุดหน่วงอะไรนั้นถือว่าทำได้ดีกว่าเดิมพอสมควร Snapdragon แล้วก็อาจจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้ด้วยการจับที่ดีขึ้นกว่าเดิมและไวกว่าเดิมครับในการทดสอบใช้งานจริง และผ่านแอปนั้นทำได้ประทับใจอยู่เหมือนกัน โดยทดสอบในที่ร่มหรือใต้ทางด่วนพวกนี้ เจอทั้งหมด 48 ดวง และ จับได้ 20 ดวง ส่วนที่โล่ง บนรถ กลางแจ้งทำได้ 35 ดวง จากทั้งหมด 64 ดวง ครับถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลยแหละ และเทียบกับรุ่น V17 จุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่พัฒนาขึ้นชัดเจนจริงครับและอย่างที่แจ้งไปตอน V19 รุ่นนั้นก็ถือว่าทำได้ดีเช่นเดียวกันด้วย
GAMETEST
เรื่องของการเล่นเกม ต้องบอกว่ามันก็ OK นะสิ่งที่ผมจะต้องชมจริงๆอย่างเเรกเลยก็คือเรื่องของคุณภาพหน้าจอที่ต้องบอกว่าสวยๆมากๆ เรื่องของการทัชค่ายนี้ก็ยังคงไว้ใจได้เหมือนเดิม ส่วนเรื่องของค่า FPS ต่างๆในรุ่นนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ลื่นตาย อุณหภูมิความร้อนเท่าที่ทดสอบสูงสุดอยู่ร้าวๆ 40 องศา ส่วนเรื่องของเเบตเตอรี่เท่าที่ได้ทดสอบ 1 ชั่วโมงกินไปร้าวๆ 13% ครับเอาเป็นว่ามาดูคลิปที่ผมทดสอบกันดีกว่าโน๊ะ
BATTERY VIVO FLASHCHARGE 2.0 33W
แบตตัวนี้มาพร้อมกับ 4,000 mAh น้อยกว่ารุ่น V19 นิดหน่อยครับ และในเรื่องของการรองรับชาร์จไวสูงสุดยังคงเท่าเดิมคือ 33W จริงๆตัวแบตให้มาเยอะพอสมควรแล้วนะเมื่อเทียบกับ CPU ของมันเลยทำให้การใช้งานในภาพรวมนั้นอึดมากๆ และยิ่งได้ใช้งานรองรับการชาร์จเข้าแบบไวมากๆเข้ามา ทำให้ชาร์จแบตจาก 5-100 ได้ไม่นานเลยทางเราเลยขอทดสอบด้วยเลยว่าใช้งานเวลาการชาร์จได้ 1.30 ชั่วโมง ครับ และในส่วนการใช้งานนั้นทั้งวัน 11 ชั่วโมง หน้าจอเปิด 6-7 ชั่วโมง ใช้งานหนักมาก แบตเหลือ 20% ครับ ถือว่าใช้งานทั้งวันได้แบบสบายๆมีเล่นเกม ดูหนังยาวๆครับและเปิดใช้งานทั่วไปถือว่าตอบโจทย์สำหรับสายใช้งานทั่วไป เล่นเกมได้ดีมากและชาร์จเข้าไวเอาเรื่อง
CAMERA 64MP
กล้องหลังมีการเปลี่ยนแปลงแม้จะเห็นว่าเป็น 3 ตัวก็ตามแต่คุณภาพที่ใส่เข้ามานั้นเน้นๆครับเพราะว่าเลนส์มุมกว้างเป็นเลนส์ที่มาพร้อมกับ Autofocus รวมถึงใช้งานเป็นเลนส์ มาโคร 2.5 เซนติเมตรแล้วยังใช้งานเป็นเลนส์จับระยะในตัว ทำให้ตัวเดียวครบไม่ต้องมีเลนส์เยอะแยะมากครับ ส่วนคุณภาพที่ได้นั้นไม่แพ้รุ่นเรือธงเลยแหละ ส่วนทางด้านเลนส์เสริมนั้นจะเป็นขาวดำสำหรับทำมิติภาพให้สวยงามมากขึ้น และทางด้านเลนส์หลักนั้น เลนส์ใหญ่มาพร้อมกับ 64MP F1.8 ค่อนข้างใช้งานได้ดีพอสมควรด้วยเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับ Eye Autofocus รวมถึงฟีเจอร์การถ่ายต่างๆที่ใส่เข้ามาทำให้ตัวกล้องนั้น รีดประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่จริงๆและโทนสีอะไรตรงสวยงามและเก็บระยะสวยครับสำหรับรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ลองแล้วค่อนข้างประทับใจเมื่อเทียบกับราคาในรุ่นนี้และเลนส์มุมกว้างมันดีกว่าตัวอื่นเยอะมากครับ สำหรับทางด้านสเปคนั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัก 64MP F1.8 + เลนส์มุมกว้าง 120 องศา 8MP F2.2 (Ultra wide) ใช้งานเป็นเลนส์ มาโคร เพียง 2.5 ซม. และ จับระยะในตัว พร้อม Auto Focus + เลนส์ 2MP F 2.4 (กล้องขาวดำ) และมาพร้อมกับ โหมดกลางคืนสุดพิเศษเพิ่มมุมมองที่กว้างขึ้น + Tripod Night Mode หรือโหมดขาตั้งกล้อง เครื่องมือถ่ายภาพกลางคืนอื่น ๆ AI noise cancellation ลดสัญญาณรบกวนหรือการเกิดนอยส์ของภาพ และ Sky Divider ช่วยให้ภาพถ่ายท้องฟ้าดูเป็นธรรมชาติ นำเสนอความงามยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน และใส่ Motion Auto focus ฟังก์ชั่น จะติดตามวัตถุของคุณและถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง
PORTRAIT
SUPER NIGHTMODE
AI IMAGE MATTING – DYNAMIC SKY
เป็นฟีเจอร์ที่ให้คุณเปลี่ยนภาพพื้นหลังท้องฟ้าได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าที่ฝนตก แดดออก หรือเพิ่มพื้นหลังแบบเคลื่อนไหวให้กับภาพนิ่ง สร้างเอฟเฟกต์ภาพที่มีชีวิตชีวาให้กับภาพของคุณ ด้วยฟังก์ชั่น AI Image Matting ยังรองรับการแก้ไขภาพแยกตัวบุคลกับฉากพื้นหลัง ดังนั้นจึงสามารถเลือกแก้ไขทั้ง ตัวบุคคล หรือพื้นหลังได้อย่างอิสระ และ สามารถรบคนที่เกะกะออกไปได้ง่ายๆมา และ AI บอกเลยว่าค่อนข้างฉลาดและโหดมากๆในการใช้งาน
SELFIES EYE AUTOFOCUS 44MP !
กล้องหน้านั้นถือว่าเป็นจุดเด่นที่สุดและล้ำหน้าคู่แข่งไปเยอะมากพอสมควรครับ เพราะเป็นไม่กี่รุ่นที่ใส่กันสั่นรวมถึงการถ่ายแบบ Eye Autofocus เข้ามาหรือเรียกกันง่ายๆถือระบบโฟกัสดวงตาแบบที่อยู่ในบรรดากล้องใหญ่หรือจะเป็นกล้องระดับสูงๆในเรือธงก็มีแต่ ครั้งนี้ทาง VIVO ใส่เข้ามาให้ในกล้องหน้า และมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่จัดเต็มเช่นเดิมทั้งเรื่องของ การปรับแต่งใบหน้า การถ่ายละลายหลัง Portrait Lighting Effect ก็ยังคงใส่เข้ามาทำให้กล้องหน้าเป็นอะไรที่ดีมากๆตัวนึงของ VIVO และมีความคมชัดเก็บได้หลากหลายระยะด้วยเช่นกัน พร้อมกับเลนส์มุมกว้างที่ใส่เข้ามาครับ ส่วนทางด้านสเปคนั้น กล้องหน้า 44MP F2.0 พร้อมระบบโฟกัส EYE AF + 8MP F2.2 (Ultra wide) และเท่าที่ได้ลองทั้งเรื่องของมุมมอง ความคมชัด และโทนสี รวมถึงฟีเจอร์นั้นไม่มีอะไรให้บ่นเลยแม้แต่น้อย
VIVO V20 PRO 5G
” VIVO กล้องหน้า ก้าวไปอีกขั้นกับ Eye Autofocus ทิ้งห่างคู่แข่งไปหลายเท่าตัว “
เป็นรุ่นที่กล้องหน้านั้นค่อนข้างจัดเต็มจริงๆไม่ค่อยเจอมือถือในเรทราคาไม่ถึง 15K ที่จัดเต็มกล้องหน้าหลังได้ขนาดนี้มาก่อนครับ ในงบนี้กล้าพูดว่าไม่มีกล้องหน้าตัวไหนที่จะทำได้ดีกว่านี้อีกแล้ว และกล้าพูดไปถึงเรือธงหลายๆตัวเลยว่ากล้องตัวนี้สามารถสู้เรือธงได้สบายๆในการโฟกัส คุณภาพการถ่ายกล้องหน้า รวมถึงฟีเจอร์การถ่ายที่จัดเต็มทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ จนเหลือๆสำหรับในงบนี้แล้ว และกล้องหลังเช่นกันที่จัดเต็มเอาเรื่องทั้งคุณภาพและเลนส์มุมกว้างมี AF คือเหลือๆในการใช้งานครับ คุณภาพดีและใช้งานได้จริง ส่วนตัวเครื่องนั้นมีความบางสวยวัสดุดูดี อีกทั้งรองรับ 5G ในเรทราคานี้ค่อนข้างเหลือๆ รวมถึงแบต 4,000 mAh พร้อมรองรับชาร์จไว 33W และใช้งาน Snapdragon 732G 5G ก็พอในการใช้งานทั่วไป รวมถึงเล่นเกมแล้วครับ แต่น่าเสียดายแค่หน้าจอแบบติ่งอาจะย้อนยุคไปหน่อย รวมถึงไม่มีรู 3.5 มม.แล้วอาจจะค่อนข้างขัดใจในเรทนี้ นิดหน่อยครับ กับตัวแบตนั้นโดนลดไปจากเดิมนิดหน่อยในรุ่นนี้
ข้อดี
- งานออกแบบโดดเด่นและมีความสวยงามดึงดูดอย่างมาก
- เป็นสมาร์ทโฟนที่เบาและบางมากๆในยุคนี้ ที่รองรับ 5G
- วัสดุทำได้ดีความรู้สึกเวลาใช้งานดี
- กล้องหลังทำได้ดีอย่างมาก ทั้งคุณภาพและฟีเจอร์
- เลนส์มุมกว้างทำได้ดีกว่ารุ่นพี่แบบรู้สึกได้ และมี AF พร้อม มาโครได้ 2.5 ซ.ม.
- กล้องหน้าคือที่สุดในบรรดา สมาร์ทโฟนตอนนี้ พร้อมรองรับ Eye Autofocus
- กล้องหลัง 64MP EYE AFกล้องหน้า 44MP EYE AF
- ระบบทำได้ลื่นไหลและติดนิ้วพอสมควร
- ประสิทธิภาพในการใช้งานทำได้ดี เล่นเกม รวมถึงใช้งานทั่วไป
- รองรับ 5G
- แบตอึดพอสมควรในการใช้งานจริง
- กล้องหน้า-หลังถ่ายได้ถึง 4K 60FPS
ข้อสังเกต
- หน้าจอปรับมาใช้แบบดีไซน์ติ่งหน้าจอ
- ไม่มีรู 3.5 มม. มาให้แล้ว
- ลำโพงยังคงเป็นตัวเดียว
- ชาร์จไวยังไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนเท่าไรนัก
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr
*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ