เข้าสู่ยุคที่บรรดาค่ายเลนส์ กล้องเริ่มมาจับมือกับฝั่งมือถือกันเยอะมากขึ้นและทาง vivo เองก็ได้จับมือกับ ZEISS มาอย่างอย่าวนานแล้วในรุ่นก่อนหน้าและรุ่นนี้ก็เป็นการร่วมมือที่จัดเต็มมากกว่าเดิม ในรุ่น vivo X60 PRO นั้นเองครั้งนี้นอกเหนือจากพัฒนาอะไรร่วมกันยังมีการทำ Effect เลนส์แบบ BIOTAR เสริมเข้ามาทำให้โบเก้นั้นจะวนๆสวยงามมากเวลาถ่ายบุคคลครับเป็นจุดเด่นของ ZEISS เลยก็ว่าได้ในครั้งนี้ และสเปกอื่นๆของ vivo X60 Pro 5G เองนั้นจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 120Hz กล้องหลัง 48MP กันสั่นที่พัฒนาขึ้น และงานออกแบบที่ยังคงโดดเด่น ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่น่าสนใจมากๆตัวนึงในตลาดตอนนี้สำหรับใครที่เน้นกล้องหน้าหลัง และ การใช้งานระดับสูง

VIVO X60 PRO ตัวนี้ใช้งาน หน้าจอ E3 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว FHD+ ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz และความถี่การตอบสนอง 240Hz ส่วนกล่องหน้าจะเป็นแบบเจาะรูที่มีความละเอียด 32MP และตัวสมาร์ทโฟนใช้งาน Snapdragon 870 ที่รองรับเครือข่าย 5G อีกทั้งยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่อย่าง OriginOS ที่ครอบอยู่บน Android 11 ด้วย สำหรับรุ่น X60 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว  ที่ใช้เลนส์ของ Zeiss optics ประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 48MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX598 ที่มาพร้อม OIS 5 แกนป้องกันการสั่น + กล้อง portrait 50mm 13MP + กล้องมุมกว้าง 120 องศา 13MP ที่รองรับมาโครขนาด 2.5cm และสำหรับฟีเจอร์การถ่ายรูปอื่น ๆ ได้แก่ การแก้ไขความคนชัดและสีแก่รูปภาพเก่า, vivo X60 Pro รองรับ multi-focus 1X, 2X  สมาร์ตโฟนในซีรีย์ X60 จะมาพร้อมดีไซน์สี two-tone แบบ gradient และใช้เทคโนโลยี satin AG ที่ทำให้แทบจะปราศจากรอยนิ้วมือ อีกทั้งทาง vivo ได้ออกมาเผยว่า X60 ที่ถูกเปิดตัวนี้จะเป็นสมาร์ตโฟน 5G ที่ตัวเครื่องบางที่สุดในปัจจุบัน โดยมีความหนาเพียง 7.56mm และตัวเครื่องนั้นจะมาพร้อมกับแบตขนาด 4200mAh  ที่รองรับชาร์จเร็ว 33W ส่วนการเปิดตัวในไทย รวมถึงทางด้านราคาเองนั้นต้องรอติดตามกันอย่างเป็นทางการอีกรอบว่าจะมาที่เท่าไรนะครับ แต่สเปกดีงามและน่าสนใจมาก และ เรื่องของคุณภาพการถ่ายรูป และ กันสั่นทำได้น่าประทับใจจริงๆ

UNBOX

ตัวกล่องยังคงมีความสวยพรีเมี่ยมและออกแบบได้ดีครับเมื่อเปิดเข้ามาข้างในจะเห็นการเขียนชื่อรุ่นพร้อมระบบกันสั่นให้เข้ามาด้านในพร้อมกับตัวเครื่องวางสวยๆอยู่ด้านในเป็นกล่องที่สวยงามและใส่ใจมากๆตัวนึงในคู่แข่งด้วยกันส่วนอุปกรณ์เองนั้นให้มาครบๆทั้ง หูฟัง ตัวแปลง ที่ชาร์จ และ สายครบพร้อมใช้งานรวมถึงตัวเคสใสแบบพลาสติกแข็ง

  • ตัวเครื่อง vivo X60Pro 5G
  • เคสใสแข็ง vivo X60Pro 5G
  • ที่ชาร์จ USB-A รองรับชาร์จไว 33W
  • สาย USB-C
  • หูฟัง IN-EAR 3.5 มม.
  • ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม.
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

ที่ชาร์จนั้นยังคงให้มาพร้อมกับชาร์จไว vivo Flashcharge 2.0 ที่ 33W ครับแน่นอนว่าเหลือๆในการใช้งานทั่วไปแล้ว พร้อมกับหัวแบบ USB-A ส่วนทางด้านหูฟังเองนั้นเป็นแบบ IN-EAR พรีเมี่ยมพร้อมกับสายแบบ 3.5 มม. รวมถึงให้ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม. เสริมเข้ามาให้ แม้จะตัดรูหูฟังไปแต่ก็ให้อุปกรณ์มาครบๆเลยแหละ

ทางด้านเคสเองนั้นเป็นเคสแบบพลาสติกแข็งๆเลยในเรื่องของการปกป้องอาจจะไม่ได้โดดเด่นครับ แต่ก็พอเข้าใจได้ที่ออกแบบมาแบบนี้เนื่องจาก vivo X60Pro 5G ตัวนี้ใช้หน้าจอแบบโค้งมากๆทำให้เคสต้องเกาะบนล่างแทนนั้นเอง ส่วนฝาหลังก็เป็นสีขุ่นๆขาวๆนิดหน่อยไม่ได้มีการออกแบบหรือเขียนอะไรพิเศษสำหรับตัวเคสนี้ไม่มีลูกเล่นอะไรครับ รวมถึงการปกป้องเลนส์ต่างๆนั้นขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้เยอะมาก เคสแข็งนั้นจะไม่ได้เน้นการปกป้อง กระแทกอะไรนัก จะเห็นว่าในด้านหน้านั้นกระจกหน้าจอโค้งเยอะมากๆทำให้เคสต้องทำเป็นแบบเคสแข็งแน่นอนว่าไม่ต้องถามเรื่องการกันกระแทกเวลาตกครับด้วยหน้าจอและเคสแบบนี้ แต่ที่จะได้คือการปกป้องรอยขีดข่วนตามขอบเครื่อง ตามฝาหลังซะมากกว่า และได้ความเบาบางและจับถนัดมือมากกว่าเคสหนาๆแบบ TPU นั้นเองอันนี้ก็แล้วแต่คนชอบกันไปในตัวนี้

DESIGN

งานออกแบบรุ่นนี้ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของค่าย vivo ที่มาพร้อมกับเลนส์ขนาดใหญ่มุมซ้ายบนตัวเครื่องอีกทั้งเลนส์หลักด้านบนที่มีกันสั่น OIS+EIS 5 แกนจัดเต็มจะเห็นเลนว่าเลนส์ขยับได้เยอะมากๆรวมถึงโลโก้ของเทพแบบ ZEISS ไว้มุมขวาบน ทางด้านฝาหลังดีไซน์สวยงามพร้อมกับความโค้งแบบ 3D ไล่เฉดสีสวยงามจับถือถนัดและที่น่าสนใจขอบหน้าจอด้านหน้าก็โค้งลงมาด้วยเช่นกันพร้อมกับความบางเพียง 7.56mmถือว่าบาง เบา 177 กรัม พกพาได้ง่ายมาก และสีสันเวลาเจอแสงก็จะเปลี่ยนไปได้ตามสภาพแสงครับแต่ถ้าสีเดิมๆจะออกสีเงินอมฟ้าเล็กน้อยครับ

หน้าจอขนาด 6.56 นิ้ว LTM Display ที่ได้พัฒนาร่วมกับ Qualcomm ใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ที่มี Refresh Rate 120 Hz, Touch Sampling Rate ที่ 240Hz รองรับสีสันแบบ HDR10+ ในความละเอียด FHD+ ครับ รวมถึงการออกแบบขอบหน้าจอกระจกแบบ 3D โค้งลงเยอะในด้านข้างทั้ง 2 สวยงามและพรีเมี่ยม

ขอบด้านล่างยังคงเป็นการควบคุมมาตรฐานที่สามารถปรับใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้รวมถึงขอบข้างๆโค้งลงไปทำให้ขอบบางขั้นเต็มตามากกว่าเดิม ส่วนขอบล่างก็ทำพื้นที่ได้ดีครับ สวยงามและเนียนไปกับหน้าจอได้กำลังสวยเลยแหละ

ขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นว่าบางมากๆบางกว่าขอบล่าง แต่ยังใส่ทั้งลำโพง เซนเซอร์ และกล้องหน้ามาให้ครบๆส่วนนี้และกล้องหน้าให้มามากถึง 32MP ในขนาดเล็ก แต่คุณภาพไม่ธรรมดาเลยแหละครับ แต่น่าเสียดายเป็นลำโพงเดี่ยว

ฐานเครื่องเราจะเห็นลำโพงหลักพร้อมกับ เส้นเสาสัญญาณเพราะว่าตัวขอบนั้นเป็นอลูมิเนียมทั้งหมดแข็งแรงขึ้นรูปสวยงามมีการเว้าเล็กน้อยให้มีมิติครับ ส่วนรู USB-C เป็น 2.0 พร้อมกับรูไมค์หลัก และ ถาดซิมแบบ Dual SIM

ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเห็นเลยว่าฝาหลัง และหน้าจอโค้งเข้าหากันแบบสมมาตรทั้งหมดทำให้การจับถือนั้นมีการโค้งรับมือได้ดี แต่ก็มีข้อเสียในการระวังหรือการจับถืออาจจะโดนขอบจอได้ง่ายขึ้นนั้นเอง มาพร้อมกับปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่ม Power ที่รองรับการใช้งานได้สบายๆมีการเปลี่ยนพื้วผิวเล็กน้อยในปุ่มเปิดปิดให้จับได้แตกต่างกัน

ขอบฐานด้านบนนั้นจะมีการใส่วัสดุสีเงาคล้ายกับฝาหลังเข้ามาพร้อมกับรูไมค์ตัดเสียง และ ตรงกลางเครื่องเขียนว่า PROFESSIONAL PHOTOGRAPHY ด้วยนะถือว่าแปลกตาดีเหมือนกันครับ มีลูกเล่นเล็กๆน้อยในส่วนขอบบนนี้

ขอบเครื่องทางด้านซ้ายนั้นเรียบๆไม่มีปุ่มหรือถาดซิมอะไรครับเราจะเห็นแค่ ขีดเสาสัญญาณเท่านั้นและการโค้งลงมาของฝาหลัง และกระจกหน้าจอ ส่วนกล้องหลังนั้นนูนกำลังดีไม่ได้เด่นมากนักและปกป้องได้กำลังดีไม่เกะกะมากเกินไป

สมาร์ตโฟนในซีรีย์ X60 นั้นจะมาพร้อมดีไซน์สี two-tone แบบ gradient และใช้เทคโนโลยี satin AG ที่ทำให้แทบจะปราศจากรอยนิ้วมือ บอกเลยว่าพรีเมี่ยม สวย และรักษาได้ง่ายเป็นกระจกด้านที่ออกแบบได้ดีทั้งมิติของแสงหรือว่าการสะท้อนแสงต่างๆนั้นโดดเด่นอย่างมากจริงๆ ตัวเครื่องที่บางและฝาหลังที่ขอบโค้งลงทั้ง 2 ข้างแบบ 3D ทำให้เวลาจับถือ ถือว่าบางและเบาถนัดมือแม้จะถือมือเดียวก็ตามครับ โลโก้วางนอนพร้อมกับกล้องหลังตำแหน่งที่คุ้นเคยกันดีเป็นเลนส์หลักขนาดใหญ่และเลนส์รองลงมาด้านล่าง และจะเห็น LOGO ZEISS โดดเด่น ขึ้นมาเช่นกัน

กล้องหลังถือว่าเป็นจุดเด่นและน่าสนใจมากๆของรุ่นนี้เพราะว่าทาง vivo เองนั้นได้ร่วมพัฒนากับทาง ZEISS แบรนด์เลนส์กล้องชื่อดัง ที่จะมาพัฒนาเลนส์ ระบบถ่ายภาพ โทนสีร่วมกับทาง vivo ครับ รวมถึงมี Effect Bokeh แบบพิเศษที่จะเจอในเลนส์ซีรีส์ Biotar พร้อมกับฟีเจอร์อื่นๆยังให้มาครบทั้งโหมด Pro Sports Mode, Kids Snapshot, HDR Super Night Portrait, Super Pano เป็นต้น ส่วนสเปกกล้องหลัง 48MP (f/1.48) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX598, OIS 4 แกน + กล้อง ultra-wide 120° 13MP (f/2.2) ที่มาพร้อมมาโครขนาด 2.5cm + กล้อง portrait 50mm 13MP (f/2.46) ถือว่าให้เลนส์ระยะมาครบมากๆทั้ง เทเล มุมกว้าง มาโคร และ เลนส์หลัก ที่ยังคงสานต่อการกันสั่นแบบ Gimbal Stabilization 2.0 ทำให้กันสั่นนิ่งขึ้นเยอะมากครับตัวนี้

SPEC

  • หน้าจอ E3 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว (2376×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท 120Hz แบบโค้ง, HDR10+
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 870
  • การ์ดจอ Adreno 650
  • RAM LPDDR5  12GB + storage (UFS 3.1) 256GB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย Funtouch OS11.1
  • ซิมคู่
  • กล้องหลัง 48MP (f/1.48) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX598, OIS 5 แกน + กล้อง ultra-wide 120° 13MP (f/2.2) ที่มาพร้อมมาโครขนาด 2.5cm + กล้อง portrait 50mm 13MP (f/2.46)  แฟลช LED
  • กล้องหน้า 32MP (f/2.45)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • พอร์ต USB Type-C
  • ระบบเสียง Hi-Res Audio
  • ขนาดตัวเครื่อง X60 Pro : 158.57×73.24×7.59mm; น้ำหนัก: 178กรัม
  • รองรับ 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ax, Bluetooth 5.1, GPS (L1+L5 Dual Band) + GLONASS
  • แบตเตอรี่  4,200mAh  ที่รองรับชาร์จเร็ว 33W

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 870 รอบรับการใช้งาน 5G มาพร้อมกับ  Storage UFS 3.1 ในความจุ 256GB จัดเต็มด้วย RAM 12GB ส่วนทางด้านคะแนน UFS นั้นอ่านไปได้ที่ 1731 MB/s – เขียนไปได้ที่ 783MB/s  ส่วน DRM L1 ในแอป Netflix รองรับ HD นะครับ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 632412 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU และ Geekbench นั้นทำไปได้ 1015 /3400 คะแนน คะแนนภาพรวมนั้นดีขึ้นแน่นอนและใช้งานลื่นไหลเล่นเกมได้ดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้จริงๆ และการเขียนที่ไวขึ้นส่งผลการทำงานต่างๆในตัวเครื่องได้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ บนพื้นฐานระบบ Funtouch OS 11.1

SYSTEM UI 

ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นใช้ Funtouch OS 11.1 บนตัว Android 11 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบน แน่นอนว่าหากเทียบกับ OS 10 ก่อนหน้าถือว่ามีหลายๆจุดต่างที่หน้าตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 11 นั้นเองครับ

การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตามีการเปลี่ยนแปลงจากตอน OS10 อยู่พอสมควรเลยแหละครับ

StorageUFS 3.1 ให้มาที่ 256GB จะว่างให้ใช้งาน 240 โดยประมาณ และในส่วนของ RAM 12 GB +3GB นั้นใช้งานไป 4.53 GB ถือว่าเหลือสมควรเลยตัวระบบของมันและมีระบบดึงความจุเครื่อง มาเป็น RAM พิเศษได้อีก 3GB ครับ และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเองครับเป็นมาตรฐานรุ่นนี้

อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animationเปลี่ยนได้หลากหลายมากๆครับทั้ง หน้าตาตอนชาร์จ หน้าตาสแกนใบหน้า การปลดล็อก การปิดหน้าจอ และอีกมากมาย

ทางด้านหน้าจอตัวนี้สามารถปรับใช้งาน Always On Display ได้รวมถึงเปลี่ยนหน้าตาอะไรได้ด้วยถือว่าสวยงาม และ มาพร้อมกับหน้าจอแบบ 120Hz ทำให้การใช้งานนั้นมีความลื่นไหล และติดนิ้วมากขึ้นและมีความสวยสู้แสงได้สบายเลยทีเดียว และสามารถปรับได้ทั้งโหมดกลางคืน ตั้งค่าให้มันปรับเองในเรื่อง Hz อีกมากมายที่ดีกว่า X50 Pro

มาพร้อมกับ Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอ รวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆนั้นก็ดูแล้วปรับได้ว่าแจ้งอะไรอย่างไร หน้าจอล็อกแจ้งแบบไหนบ้าง เป็นแบบเดียวกับ Android 11

SCREEN

หน้าจอตัวนี้ถือว่ามีความพิเศษไม่ใช่แค่มี 120Hz แต่การใช้งานหน้าจอเป็นแบบ LTM Display ที่ได้พัฒนาร่วมกับ Qualcomm ทำให้รองรับการใช้งานแม้จะเจอแสงกลางแจ้งก็รองรับได้สบายรวมถึงได้มาตรฐาน HDR10+ ด้วยเช่นกันครับมาพร้อมกับสเปก  หน้าจอ E3 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว (2376×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท 120Hz , HDR10+ ใช้งาน  Gorilla Glass 6 ถือว่าจัดเต็มเอาเรื่อง สามารถปรับได้จาก 60Hz กับ 120Hz ด้วยเช่นกัน ส่วนการสู้แสงนั้นรองรับได้ 800Nits ครับในความสว่างสูงสุด และรองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอพร้อมใช้ ถือว่าเป็นจอที่ดีนะดับนึงและความลื่นไหลติดนิ้วนั้นยังคงทำได้ดีในการเล่นเกมต่างๆ และน่าจะเป็นหน้าจอที่ดีมากๆตัวนึงในตลาดประเทศไทยตอนนี้ของทางค่ายทั้ง ความลื่นไหล ความคมชัดและงานออกแบบ

สำหรับในมุมมองในด้านอื่นๆนั้นก็ถือว่ายังทำได้ดีอยู่เหมือนกันครับ ทั้งในแง่ของการใช้งานทั่วไปและในการดูหนังต่างๆมุมมองรองรับได้สบายๆ ตัวหน้าจอนั้นมีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้วนิดหน่อยครับ และหน้าจอที่ลองนั้นสู้แสงได้กำลังดีและมีสีสันสวยงามครับ ไม่มีอาการดรอปของสีหรือภาพเท่าไรครับ และยังรองรับได้สบายในการวางดูหนังหรือหรี่แสงเพิ่มแสงสุดได้ ใช้งานมืดๆและกลางคืนได้ไม่สว่างจ้าเกินไป และการสัมผัสหน้าจอนั้นทำได้ไวและติดนิ้วพอสมควร ไม่เจออาการเอ๋อหรือไปโดนง่ายๆครับแม้จะถือใช้งานเพราะเค้าคิดเรื่องการป้องกันมาแล้วในส่วนของขอบหน้าจอทำให้เราสามารถจับได้แบบไม่ต้องกังวลว่าจะโดนหน้าจอและเลื่อนเองอะไรแบบนั้นเลยครับ เป็นหน้าจอที่สวยอยู่ในอันดับต้นๆแม้จะไม่ได้มีความถี่อะไรเยอะมากนักแต่ก็เรื่องของสีคุณภาพของตัวหน้าจอนั้นทำได้ประทับใจ

FINGERPRINT 

รุ่นนี้ได้ใช้งานสแกนนิ้วบนหน้าจอสานต่อจากรุ่นก่อนๆครับ และ รองรับการทำงานได้ค่อนข้างไวเหมือนกับหลายๆรุ่นของทาง vivo เลยสามารถเปลี่ยน Effect เวลาสแกนได้ด้วย ถือว่าเป็นค่ายแรกๆที่ใช้งานเทคโนโลยีนี้ครับ เลยทำให้เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องของการทำงานและความไวในการทำงานนั้นทำได้ดีมากๆ และสามารถเพิ่มหลายๆนิ้วได้ปกติ ตำแหน่งการใช้งานอยู่ในตำแหน่งกำลังดีครับไม่ได้ สูงหรือต่ำเกินไป แม้จะติดฟิล์มก็สามารถใช้งานได้สบายๆรวมถึงการสแกนใบหน้าก็รองรับการใช้งานเหมือนเดิมด้วยเช่นกัน ทำได้ไวไม่ต่างกับรุ่นพี่หรือว่าตัวอื่นๆในค่ายเลยครับ

SOUND 

ไม่มีรู 3.5 มม. มาให้แล้วและทางด้านรูปทรงนั้นจะเป็นหูฟังแบบเดียวกับรุ่นเรือธงปีก่อนๆหรือแม้แต่ตัว X50 Pro นั้นเอง แน่นอนว่าเรื่องของเสียงนั้นไม่แน่ใจว่าในสเปกนั้นจะเป็น HI-RES รองรับเป็น DAC ตัวไหนนะครับเพราะว่าจริงๆค่ายนี้เคยเน้นเรื่องเสียงมากๆมาก่อน แต่หลังๆไม่เห็นบอกสเปกในส่วนนี้เท่าไรนัก แต่ถ้าให้เดาเสียงที่ให้มาเหมือนกับตัว X50 Pro ครับไม่ได้หนีกันมากนัก เสียงในตัวนี้ถ้าฟังจากตัวเครื่องนั้นกำลังขับอะไรนั้นถือเด่นมาก เสียงกำลังดี โทนเสียงยังคงเน้นในเรื่องของรายละเอียดเด่นกว่านิดหน่อยและ เสียงเบสมาแบบน้อยๆครับ ไม่ได้เยอะอะไรมาก เสียงผ่านตัวแปลง 3.5 มม. นั้นยังคงมีความใกล้เคียงกับรุ่น X50 Pro แบบเสียบตรงๆไม่ได้ต่างกันเท่าไรในรุ่นนี้

ทางด้านหูฟังนั้นดีไซน์สวยงามและดูดี และที่ชอบมากๆคือเรื่องของน้ำหนักที่เบามาก เบาจริงๆครับและใส่สบายและเล็กมาก ถือว่าเป็นทรงหูฟังที่ทำออกมาได้ดีและใส่สบายอีกรุ่นแต่เรื่องของเสียงนั้นธรรมดาครับเสียงจะออกเบสมานิดหน่อยนุ่มๆ เสียงแหลมมากำลังดีชัดเจนแต่ไม่บาดหูครับ แต่เวทีเสียงอะไรก็ทั่วไปไม่ได้เด่นครับใช้งานแก้ขัดได้ มีไมค์พร้อมปุ่มกดมาให้ในตัวหูฟัง แค่เสียดายว่าตัดรู 3.5มม.ออกไปแล้วครับ แต่หูฟังที่ให้มายังเป็น 3.5มม.อยู่นะ

GPS

แน่นอนว่าเข้าสู่ยุค 5G แล้ว การนำทางการจับสัญญาณอะไรก็ดีขึ้นไปเรื่อยๆ และการใช้งาน Snapdragon ก็ถือว่าดีมาโดยตลอดในการนำทางทั้งหลาย ในการทดสอบใช้งานจริง และผ่านแอปนั้นทำได้ประทับใจอยู่เหมือนกัน โดยทดสอบในที่ร่มหรือใต้ทางด่วนพวกนี้ เจอทั้งหมด 55 ดวง และ จับได้ 25 ดวง ส่วนที่โล่ง บนรถ กลางแจ้งทำได้ 26 ดวง จากทั้งหมด 51 ดวง ครับถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลยแหละ และเทียบกับรุ่น X50 Pro จุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่ทำได้ดีเทียบกับเรือธงรุ่นอื่นๆได้สบายๆ และจับได้นิ่งมากๆด้วยนะแอดทดสอบช่วงฝนตกก็ได้ตามภาพเลยครับ เป็นอีกรุ่นที่ใช้งานนำทางได้ดีมากๆเลยทีเดียวและยังรองรับการใช้งานแบบต่อเนื่อง แบตก็ไม่ได้ไหลมาก

BATTERY 

แบตตัวนี้มาพร้อมกับ 4,200 mAh แอบน้อยลงกว่ารุ่นก่อนหน้า และในเรื่องของการรองรับชาร์จไวสูงสุดยังคงเท่าเดิมคือ 33W แอบน่าเสียดาย แต่ในเรื่องของความอึดนั้น ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานเมื่อเทียบกับหน้าจอ สเปกที่ให้มา รวมถึงการชาร์ไวนั้นทำได้ดี ทำให้ชาร์จแบตจาก 10-100 ได้ไม่นานเลยทางเราเลยขอทดสอบด้วยเลยว่าใช้งานเวลาการชาร์จได้ 1 ชั่วโมงเป๊ะๆ ครับ และในส่วนการใช้งานนั้นทั้งวัน 12 ชั่วโมง หน้าจอเปิด 5 ชั่วโมง ใช้งานหนักมาก แบตเหลือ 18% ครับ ถือว่าใช้งานทั้งวันได้แบบสบายๆมีเล่นเกม ดูหนังยาวๆครับและเปิดใช้งานทั่วไปถือว่าตอบโจทย์สำหรับสายใช้งานทั่วไป เล่นเกมได้ดีมากและชาร์จเข้าไวเอาเรื่องแต่ถ้าถามว่าชาร์จไวน่าจะให้มามากกว่านี้ได้แล้วถ้ามองว่าค้างอยุ่ที่ 33W มานาน แต่ถ้ามองอีกมุมแค่นี้ก็ถนอมแบตและเหลือๆในการใช้งานทั่วไป

GAMING 

เรื่องของการเล่นเกมส์บน vivo X60 Pro 5G หลังจากที่ได้ทดสอบก็ต้องบอกเลยว่าเป็นรุ่นที่เล่นเกมส์ได้ดีมากๆ ทั้งในด้านของการเปิดภาพกราฟิกในระดับต่างๆภายในเกมส์ต่างๆ รวมไปถึงเฟรมเรทภายในเกมส์ถือว่าทำออกมาได้ดี เเละรองรับการเปิดกราฟิกสูงสุดพร้อมเฟรมเรทสูงสุดเเทบทุกเกมส์ ยกตัวอย่าง PUBG MOBILE ในรุ่นนี้ สามารถเปิดกราฟิกได้ระดับ Ultra HD เฟรมเรทระดับ Ultra หรือใครที่จะเล่นกราฟิกในระดับต่างๆ ก็จะสามารถเปิด เฟรมเรทภายในเกมส์ได้สูงสุด ระดับ สูงสุด หรือ 60 FPS ส่วนการเล่นเกมส์ ROV เท่าที่ได้ลอง เปิดสุดทุกอย่างพร้อมอัดหน้าจอไปดู FPS ที่ทำได้จะอยู่ที่ 60 – 61 FPS เรื่องของความร้อนที่หลายคนกังวลในรุ่นนี้เท่าที่ได้ลองก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มความร้อนได้ดีมากๆ เพราะว่าเท่าที่ลอง อัดหน้าจอไปด้วย สูงสุดในห้องปกติ จะอยู่ที่ 41 องศา เท่านั้น ส่วนเเบตเตอรี่ เท่าที่ลองทดสอบ 40 นาที อัดหน้าจอไปด้วย จาก 41% จะเหลือยู่ราวๆ 29% ก็อาจจะกินเเบตเตอรี่นิดหน่อยครับ ตกเฉลี่ยชั่วโมงนึง จะกินแบตอยู่ราวๆ 15 – 16%

CAMERA

กล้องหลังรุ่นนี้ พัฒนาร่วมกับทาง ZEISS แบรนด์ผลิตเลนส์ชื่อดังจากเยอรมัน และแน่นอนว่าจะมาพัฒนาเลนส์ ระบบถ่ายภาพ โทนสีร่วมกับทาง vivo ครับ รวมถึงมี Effect Bokeh แบบพิเศษที่จะเจอในเลนส์ซีรีส์ Biotar พร้อมกับฟีเจอร์อื่นๆยังให้มาครบทั้งโหมด Pro Sports Mode, Kids Snapshot, HDR Super Night Portrait, Super Pano เป็นต้น ส่วนสเปกกล้องหลัง 48MP (f/1.48) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX598, OIS 4 แกน + กล้อง ultra-wide 120° 13MP (f/2.2) ที่มาพร้อมมาโครขนาด 2.5cm + กล้อง portrait 50mm 13MP (f/2.46) ถือว่าให้เลนส์ระยะมาครบมากๆทั้ง เทเล มุมกว้าง มาโคร และ เลนส์หลัก ที่ยังคงสานต่อการกันสั่นแบบ Gimbal Stabilization 2.0 ทำให้กันสั่นนิ่งขึ้นเยอะมากครับตัวนี้ โทนสี สกินโทนทั้งกล้องหน้าหลังทำได้ดีมากๆประทับใจจริงๆและการละลายหลังเนียนตาเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์เทเล ทำให้เราได้ระยะ 50มม. ในการถ่ายใช้งานด้วยบอกเลยว่า สายถ่าย Portrait รุ่นนี้ทำได้ดีมากจริงๆ และ Bokeh Biotar เบลอหลังแบบ วนๆทำได้สมจริงและไม่มีค่ายไหนทำได้แบบนี้ด้วยนะครับ

SUPER NIGHT CAMERA  2.0

PORTRAIT

BIOTAR PORTRAIT

ZEISS Biotar portrait style: เป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้เลยก็ว่าได้เพราะว่าด้วยวิธีการสร้างภาพ bokeh และ facula ในระดับที่ลึก X60 Pro ได้ทำการคิดค้นเลนส์ Biotar ขึ้นมาใหม่ซึ่งทำให้จุดศูนย์รวมของการถ่ายภาพคนนั้นชัดเจนมากขึ้น ขอบเขตแห่งจินตนาการของเลนส์ bokeh ประสิทธิภาพการถ่ายภาพบุคคลที่สมจริงมากขึ้น

LONG EXPOSURE

PANORAMA NIGHT 

SELFIE

กล้องหน้าให้มาที่ความละเอียดจัดเต็มเช่นเดิมและอาจจะเป็นตัวเดียวกับรุ่นก่อนเพราะว่าสเปกนั้นเหมือนกันทั้งหมด และต้องบอกว่าเป็นกล้องหน้าที่เทพมากๆตัวนึงในค่ายนี้ แม้จะเสียดายว่าไม่มี OIS อะไรแบบรุ่นน้อง แต่จุดขายแต่ละรุ่นก็แตกต่างกันไป ทำให้รุ่นนี้ใส่กล้องหน้า 32MP (f/2.45) กล้องหน้ารุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าคุณภาพดีมากๆ สกินโทนสวย มุมกว้างกำลังดี คุณภาพกล้องทั้งภาพนิ่งวีดีโอจัดว่าดี ใครที่ชอบเซลฟี่บอกเลยว่าคุณต้องหลงรักมือถือรุ่นนี้อย่างเเน่นอน ถ่ายภาพเซลฟี่พอร์ตเทรตละลายหลัง โหมด Beauty มีให้ปรับเเต่งใช่งานเยอะ มีสติกเกอร์ AR เเละยังมีในส่วนของ Night Potrait มาให้อีกด้วย รวมถึงการถ่ายวิดีโอก็สามารถรองรับได้ FHD 30FPS ครับในรุ่นนี้

PORTRAIT 

VIDEO GIMBAL 2.0 

กล้องหลักของ X60 Pro มาพร้อมกับเทคโนโลยีการกันสั่นที่อัปเกรดขึ้นไปอีกขั้น Gimbal Stabilization 2.0 และรูรับแสงที่กว้างขึ้น ในฟีเจอร์ Gimbal Stabilization 2.0 จะช่วยป้องกันการถ่ายภาพสั่นไหวแบบสี่แกน และกล้องหลักเซนเซอร์ IMX598 รูรับแสง f/1.48 ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนหรือการถ่ายภาพกีฬา extreme ดูสวยงามน่าประทับใจมากขึ้น พร้อมกับมีระบบ VIS 5-Axis Video Stabilization ป้องกันการถ่ายวิดีโอที่สั่นไหวเต็มรูปแบบจากทุกมุม และ Pixel Shift Ultra HD Imaging ถ่ายภาพชัดเจนในทุกพิกเซลอย่างสมบูณ์แบบ ให้ภาพถ่ายสถาปัตยกรรม ทิวทัศน์และสิ่งอื่น ๆ รอบตัวคุณคมชัดสมจริงมากขึ้นถือว่าเข้ามาช่วยทั้งภาพนิ่ง และ วีดีโอได้ดีครับ

CINEMATIC MASTER 

รองรับการถ่ายวิดีโอภาพภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมด้วยอัตราส่วนกว้างยาว 2.35: 1 ทำให้ได้มุมมองแบบการถ่ายหนังสั้น และสามารถปรับอะไรได้หลากหลายกว่าและง่ายกว่าโหมดปกติ รวมถึงมีการปรับกันสั่นได้เช่นเดิมและรองรับเลนส์ 3 ระยะได้ด้วย และการถ่ายวีดีโอรุ่นนี้จะมีการปรับได้  3-Mic Spatial Audio Recording การซูมเสียง และการติดตามทิศทางเสียงด้วยการตั้งค่าไมโครโฟนสามตัวใน X60 Pro และในขณะเดียวกันยังมีซอฟต์แวร์ช่วยลดเสียงรบกวน เสียงลม ในขณะบันทึกวิดีโอ เพื่อให้ได้เสียงของผู้พูดชัดเจนยิ่งขึ้นถือว่าโหดมากๆครับ ในเรื่องวีดีโอตัวนี้

VIVO X60 PRO  5G

” พัฒนาร่วมกับ ZEISS เทพขึ้นเด่นที่สุด ฟีเจอร์แน่น งานออกแบบพรีเมี่ยมสวย เบาบาง “

เป็นรุ่นที่น่าสนใจยกระดับขึ้นมาจากเดิมเยอะขึ้นไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS และใช้งานเทเล มุมกว้างที่ดีขึ้นรวมถึงเลนส์หลักที่ยังคงพัฒนาระบบกันสั่นแบบ 5 แกน GIMBAL อีกทั้งคุณภาพการถ่ายฟีเจอร์การถ่ายละลายหลังเนียนตาและสวยงามขึ้นต้องยกความดีให้ Biotar ที่ใส่เข้ามาในการละลายหลังแบบใหม่ อีกทั้งหน้าจอเป็นจุดที่พัฒนาขึ้นเท่าตัวมาใช้งาน 120Hz แบบ AMOLED เนียนตามากขึ้นสัมผัสได้ดีมากขึ้นตอนสนองจากเดิม 180Hz เป็น 240Hz เลยทีเดียวและสู้แสงอะไรได้ดีเช่นกัน ส่วนงานออกแบบยังคงเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ บาง เบา เล่นกับแสงได้สวยอีกทั้งสเปกการใช้งานรองรับ 5G พร้อมกับ Snapdragon 870 5G ตัวใหม่ทำให้ใช้งานได้สบายๆไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือว่าทำงานดูไฟล์ขนาดใหญ่ๆอ่านไฟล์ต่างๆก็ทำได้ดีครับทั้ง CPU และหน่วยความจำ 12GB และ UFS3.1 ถือว่าสเปกทั้งหมดให้มาครบๆ แอบเสียดายแค่ PERISCOPE เท่านั้นที่ไม่มีมาให้ใช้งาน

ข้อดี

  • งานออกแบบยังคงสวย พรีเมี่ยม และบางเบาตามสไตล์ vivo
  • สเปกการใช้งาน Snapdragon 870 5G ทำงานได้น่าประทับใจ
  • RAM 12 GB STORAGE 256 GB UFS 3.1 เหลือๆในการใช้งาน
  • หน้าจอ 120Hz AMOLED LTP FHD+ รองรับการทำงานได้ดีมาก
  • กล้องหลังพัฒนาร่วมกับ ZEISS ทำได้ดีมากๆ
  • ฟีเจอร์ถ่ายแบบ BIOTAR คือจุดที่ไม่มีค่ายไหนทำได้
  • คุณภาพกล้องหลัง วีดีโอ ภาพนิ่ง กันสั่นคือนิ่งที่สุดในบรรดาคู่แข่ง
  • ระบบหน้าตา เรียบง่าย ลื่นไหลเช่นเดิม
  • ฟีเจอร์การถ่ายรูป แต่งรุป ตัดต่อรูป ลบคน เยอะมากๆในตัวกล้อง
  • รองรับ 5G แบตอึดใช้งานได้สบาย

ข้อสังเกต

  • ไม่มีเลนส์ PERISCOPE มาให้
  • ลำโพงยังเป็นตัวเดียว
  • ยังไม่ได้ใช้ ORIGIN OS

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr