VIVO เองนั้นเริ่มต้นปีในไทยด้วยการลุยตลาดตระกูล Y และครั้งนี้รองรับการใช้งาน 5G แล้วนั้นเอง ทำให้การใช้งานเครือข่าย การรองรับการใช้งานทำงานนั้นโหดขึ้นไปกว่าเดิม รองรับได้สบายๆครับและเครือข่ายในไทยเองนั้นก็เริ่มเยอะ แพร่หลายขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และมาพร้อมกับการออกแบบตัวเครื่องที่โดดเด่นเช่นเดิมดีไซน์แบบ 3D ความบาง 2.75 มม. ดีไซน์เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับเรือธงไปเรื่อยๆครับและอิงแนวทางของค่ายได้เป็นอย่างดีเลยแหละ มาพร้อมกับ MTK Dimensity 700 ด้วยเช่นกันเป็น CPU อีกค่ายที่รองรับการใช้งานได้ดีและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆเลยครับ ต้องบอกเลยว่า สเปคในภาพรวมทำได้น่าสนใจ และมาพร้อมกล้องหลัง 64MP Eye AF ด้วยในรุ่น Y ครั้งนี้

VIVO Y72 5G นั้นเด่นๆที่การรองรับ 5G ทั้ง NSA / SA ครับ และตอบโจทย์การใช้งานคนรุ่นใหม่ ยุคใหม่ที่หลายๆคนก็เริ่มใช้งาน 5G กันไปแล้ว มาพร้อมกับ MTK DIMENSITY 700 ตัวล่าสุด พร้อมกับ RAM 8 GB และหน่วยความจุแบบ UFS 128 GB พร้อมกับหน้าจอขนาด 6.58 นิ้ว IPS LCD รองรับความละเอียด FHD+ ใช้งานหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ HALO Fullview Display  ความละเอียด 2408×1080 ใช้งาน แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W พร้อมกับพอร์ตแบบ USB-C ครับถือว่าทำได้ดีเลยในเรื่องนี้สำหรับตระกูล Y และมาพร้อมกับการรองรับ Wifi 5Ghz และ Bluetooth 5.1 ด้วยเช่นกันครับ แน่นอนว่าเรื่องของกล้องก็ทำได้ดี มาพร้อม กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมกับ 64 MP CMOS F1.79 ตัวเลนส์หลัก / เลนส์มุมกว้าง 8MP 120 องศา  F2.2 / เลนส์ Super Macro รองรับ ใกล้สุด 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2MP F2.4 เลนส์หลักรองรับ Eye AF ในการจับโฟกัส และ กล้องหน้าความละเอียด 16MP F2.0 รองรับฟีเจอร์การถ่ายครบเช่นเดิม ทั้งโหมดกลางคืน Portrait ครับทางด้านลำโพงตัวเครื่อง SuperLinear และ Speaker Boost 3 มาพร้อมสี Graphite Black และ Dream Glow

VIVO Y72 5G มาพร้อมกับราคา 9,999 บาท และ เปิดตัวมาด้วยกัน
สี Graphite Black และ Dream Glow

!!!  Vivo Y72 5G เปิดให้จองพร้อมรับของแถมสุดพิเศษ Bluetooth body weight scale มูลค่า 1,099 บาท และ Power Bank 10000mAh มูลค่า 799 บาท รับไปเลยทันที ฟรี! สำหรับผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.64 – 30 มี.ค.64 ณ Vivo Brand Shop ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ Vivo Official Online Store ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vivo.com/th

UNBOX

ตัวกล่องแน่นอนว่ามาพร้อมกับงานออกแบบโทนสีขาวฟ้าเช่นเดิม และมีชื่อรุ่นชัดเจน และในรุ่นนี้จะเน้นๆในเรื่อง 5G มากขึ้น และเป็นตัวแรกๆ 5G ในตระกูล Y ส่วนงานออกแบบกล่องนั้นจะคล้ายกับรุ่น Y ก่อนหน้าต่างๆทั้งหมดครับ

  • ตัวเครื่อง VIVO Y72 5G พร้อมฟิล์มกันรอย
  • เคส
  • หูฟัง
  • คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
  • ที่ชาร์จ 18W
  • สาย USB-A ไป TYPE-C

เคสที่แถมมานั้นจะเป็นแบบ TPU ใสนิ่มความหนาระดับกลางๆครับไม่ได้แข็งหรือหนามากนัก ครอบเครื่องได้ดี มีจุกปิดกันฝุ่น ส่วนด้านล่างที่เป็นช่องชาร์จไฟ การป้องกันนั้นรองรับได้ระดับนึงในส่วนของด้านหน้าและด้านหลังเวลาวางนั้นไม่โดนตัวเลนส์กล้องหรือหน้าจอ แต่ก็ไม่ได้ป้องกันได้เยอะมากนักเพราะไม่ได้นูนออกมาเยอะ และไม่ได้หนา เรียกได้ว่าอาจจะพอดีๆกับเลนส์กล้องเลย ส่วนวัสดุนั้นเป็นแบบสีใสใช้งานนานๆก็มีเหลืองได้ปกติของวัสดุนี้ครับ

ในส่วนของด้านหน้านั้นจะเป็นเคสที่นูนออกมาทั้ง 4 มุมทำให้เวลาวางคว่ำนั้นจะช่วยให้ไม่โดนหน้าจอ และป้องกันเวลาตกได้นิดหน่อย ถือว่าดีกว่าเรียบๆไปเลยครับ ส่วนในด้านหลังนั้นจะเห็นว่าเคสเกือบจะพอดีกับเลนส์กล้องเลยอันนี้ต้องระวังกันนิดนึงเพราะไม่ได้หนาและนูนออกมาป้องกันมากเท่าไร เวลาวางพื้นไม่เรียบก็อาจจะโดนได้ง่ายนิดนึง เพราะทางค่ายคงอยากจะเน้นเรื่องของความ บาง และ เบา ของตัวเครื่องไว้ทำให้เคสไม่ต้องเพิ่มน้ำหนักเกินจำเป็น

DESIGN

งานออกแบบ VIVO Y72 5G ตัวนี้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของงานออกแบบพอสมควรทั้งฝาหลังและโทนสีต่างๆ  ตัวเครื่อง ความบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 193 กรัม ถือว่ามีความบาง เบา พกพาได้ง่ายแม้จะได้แบตเยอะมากถึง 5,000 mAh และ ตัวเครื่องหน้าจอขนาด 6.58 นิ้วก็ตามแต่สามารถจัดการน้ำหนักต่างๆได้เป็นอย่างดี ส่วนการวางกล้องด้านหลังนั้นยังคงเป็นแบบคล้ายๆกับรุ่นพี่ถือว่าแปลกตา และมีความเป็นตัวเองค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ทางด้านงานประกอบ หรือ ว่าคุณภาพตัวเครื่องในภาพรวมก็ถือว่าใช้งานมีความแน่น ความเนียนระดับนึงจุดนี้ทำได้ดี

หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ ใช้งานหน้าจอแบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ ในขนาดหน้าจอ 6.58 นิ้ว และ ความละเอียด 2408X1080 พิกเซล และยังคงเป็นหน้าจอแบบติ่งหน้าจออยู่ครับในตระกูล Y72 5G

ขอบด้านล่างนั้นต้องบอกว่ายังคงมีความหนาระดับนึงในการใช้งาน รองรับการใช้งานแบบ Gesture และ ปุ่มควบคุมบนหน้าจอ ทั้ง 3 ปุ่ม

ขอบด้านบนนั้นมาพร้อมกับกล้องหลังตรงกลางแบบติ่งหน้าจอ ความละเอียด 16MP F2.0 รองรับการถ่าย โหมดกลางคืน และ รองรับการถ่าย Portrait เช่นเดิมครับ

ขอบด้านขวาแน่นอนว่าเป็นที่อยู่ของระบบสแกนนิ้วของตัวเครื่องที่มาพร้อมกับ การใช้งานเป็นปุ่มเปิดปิด และ แน่นอนว่า รวมถึงปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงก็ใส่เข้ามาให้ในด้านนี้ด้วยเช่นเดียวกันครับสำหรับ VIVO Y72 5G ตัวนี้

ขอบด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่าไม่ได้มีปุ่มหรือว่าถาดซิมอะไรใส่เข้ามาให้ในด้านนี้เลยแม้แต่น้อย ขอบเครื่องวัสดุเป็นพลาสติกมาพร้อมกับความบางที่ทำได้ดี ฝาหลังโค้งลงมา 3มิติทำให้การขับถือหรือว่าใช้งานนั้นลงตัวมากขึ้นเยอะ

ขอบด้านล่างนั้นจะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่องมาพร้อมกับ USB-C ในการใช้งานพร้อมกับ รูไมค์ และ รู3.5มม.ให้มาครบไม่ได้ตัดออกไปไหนครับ รวมถึงจะเห็นว่าฝาหลังมีความโค้งลงมาทั้ง ซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องเช่นเดียวกัน

ขอบด้านบนนั้นแน่นอนว่าเป็นที่อยู่ของถาดซิม รองรับ Triple Slot พร้อมกับ รูไมค์ตัดเสียงใส่เข้ามาให้ด้วยในรุ่นนี้ทำให้เรื่องของการใช้งานเวลาคุย หรือว่าอัดวีดีโอนั้นแน่นอนว่าทำได้ดีกว่าเดิมที่ไม่มีไมค์แบบชัดเจนเลยในตัวไมค์

ฝาหลังนั้นเป็นการใช้งานโทนสีดำน้ำเงินไล่ไฟสว่างสวยงามและดูพรีเมี่ยมมากดีไซน์ขอบโค้ง 3D พื้นผิวไล่ระดับสีแบบ Gradient ในสี Graphite Black แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้สีสันหรือว่าหวือหวาเท่ากับรุ่นสีรุ้งๆแต่ตัวนี้ก็ถือว่าเน้นความพรีเมี่ยมหรูหราได้ดี วัสดุแบบพลาสติกนะครับในฝาหลังไม่ได้ใช้งานกระจกแต่ก็ว่าตามระดับเรทราคาของรุ่นนี้ไป

ส่วนกล้องหลังนั้นมาพร้อมกับ กล้องหลัง 3 ตัวรองรับการถ่าย มุมกว้าง และ มาโคร และเลนส์หลักนั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยี Eye AF รองรับการโฟกัสดวงตาได้ง่ายขึ้นใช้งาน 64MP CMOS F1.79 ตัวเลนส์หลัก / เลนส์มุมกว้าง 8MP 120 องศา  F2.2 / เลนส์ Super Macro รองรับ ใกล้สุด 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2MP F2.4 ดีไซน์การวางตัวกล้องก็ยังคงเป้นเอกลักษณ์เหมือนเดิม คล้ายกับรุ่นอื่นๆในค่ายนี้ครับแต่ตัวนี้มาเป็น 3 ตัวหลักๆเท่านั้น แถมยังมีการเสริมขอบโลหะสวยงาม ทำให้มีความโดดเด่นกว่าเดิมและดูหรูหรามากขึ้นด้วยเช่นกันครับสำหรับตัวนี้.

SPEC

  • Android 11 + Funtouch OS 11.1
  • หน้าจอ IPS LCD FHD+ 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2408×1080
  • ใช้งาน MTK DIMENSITY 700 5G  2.2GHz
  • รองรับ 5G NSA / SA
  • RAM 8 GB STORAGE 128 GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมกับ 64 MP CMOS F1.79 ตัวเลนส์หลัก / เลนส์มุมกว้าง 8MP 120 องศา  F2.2 / เลนส์ Super Macro รองรับ ใกล้สุด 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2MP F2.4
  • เลนส์หลักรองรับ Eye AF ในการจับโฟกัส
  • กล้องหน้าความละเอียด 16MP F2.0
  • สแกนลายนิ้วมือในขอบข้างเครื่อง
  • USB-C พร้อมรองรับ BT 5.1 และ WIFI 2.4Ghz และ 5Ghz
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จไว 18W
  • ลำโพงตัวเครื่อง Super Linear และ Speaker Boost 3
  • มาพร้อมสี Graphite Black และ Dream Glow

PERFORMANCE 

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้มาพร้อมกับ MTK DIMENSITY 700 5G แน่นอนว่าเป็น CPU ที่ออกมารองรับการใช้งานทั้งเรื่องของ 5G และ การทำงาน การเล่นเกมทั้งหลายนั้น MTK จริงๆถือว่าพัฒนาขึ้นมาเยอะกว่าเดิมครับ ส่วนทางด้าน RAM 8GB ให้มาพร้อมกับ STORAGE 128GB ใช้งาน UFS2.1 ถือว่าเร็วแรงเอาเรื่องเลยครับอ่านเขียนไป  961MB/s ในการอ่าน และ เขียนอยู่ที่ 215MB/s  และ คะแนน ANTUTU ทำไปได้   272078 คะแนน ส่วน Geekbench นั้นทำคะแนน 566/1758รวมถึง NETFLIX HD รองรับ DRM L1 มาตรฐานเลยนั้นเองครับ

SYSTEM UI

ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 11 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบนแน่นอนว่าหากเทียบกับ OS 10 ก่อนหน้าถือว่ามีหลายๆจุดต่างที่หน้าตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 11 นั้นเองครับ

การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตามีการเปลี่ยนแปลงจากตอน OS10 อยู่พอสมควรเลยแหละครับ

Storage 128GB จะว่างให้ใช้งาน 110 โดยประมาณ และในส่วนของ RAM 8 GB นั้นใช้งานไป 3.8 GB ถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเองครับเป็นมาตรฐาน

อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animationเปลี่ยนได้หลากหลายมากๆครับทั้ง หน้าตาตอนชาร์จ หน้าตาสแกนใบหน้า การปลดล็อค การดับหน้าจอ และอีกมากมาย

มาพร้อมกับ Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอ รวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆนั้นก็ดูแล้วปรับได้ว่าแจ้งอะไรอย่างไร หน้าจอล็อกแจ้งแบบไหนบ้าง เป็นแบบเดียวกับ Android 11  และรองรับการเร่งเสียงพิเศษ 200% ทำให้เสียงนั้นดังขึ้นเท่าตัว แต่คุณภาพเสียงอาจจะครอปลงไปตามความดังครับ

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้ใช้งานหน้าจอขนาด 6.58 นิ้วในหน้าจอแบบ IPS LCD HALO FULLVIEW DISPLAY FHD+ ในขนาด 2408×1080 พร้อมกับใช้งานหน้าจอ อัตราส่วน 20:9 ในสัดส่วนหน้าจอ 90.6% ต่อตัวเครื่อง และขอบเขตสี 96% NTSC ส่วนหน้าจอนั้นยังคงเป็นหน้าจอแบบติ่งหน้าจอเช่นเดิมครับแอบน่าเสียดายในเรื่องนี้ แต่ถ้ามองคุณภาพหน้าจอเมื่อเทียบกับตระกูล Y นั้นต้องบอกว่าคุณภาพดีขึ้น ทั้งเรื่องของการสู้แสงหรือว่าความอิ่มสี และการสัมผัสแน่นอนว่า เรื่องของหน้าจอ VIVO เองนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีอยู่แล้วเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเรทใกล้กันครับ

หน้าจอนั้น มุมมองในด้านอื่นๆนั้นก็ถือว่ายังทำได้ดีอยู่เหมือนกันครับทั้งในแง่ของการใช้งานทั่วไป และในการดูหนังต่างๆมุมมองรองรับได้สบายเลยนะ จอนั้นมีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้วนิดหน่อยครับ ที่ชอบคือการสัมผัสทัชอะไรก็ทำได้ดีเเต่อาจจะเป็นเหมาะตัวชิปเซ็ตอาจจะไม่ได้เเรงสักเท่าไร เท่าที่ลองใช้งานมีจังหวะที่รู้สึกหน่วงๆอยู่บ้าง เรื่องการสัมผัสค่ายนี้ทำได้ดีเหมือนเดิมนำไปเล่นเกมติดนิ้ว มิติของภาพอะไรสวยและกว้างแต่ความสดจัดจ้านในระดับกลาง อาจจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็สามารถปรับได้นิดหน่อย แต่สีจะเน้นความธรรมชาติและไม่เวอร์มากเกินไปครับในจอรุ่นนี้ ถ้าใครชอบหน้าจอสวยกำลังดีและมีการสัมผัสดีแนะนำเลย เรียกได้ว่าค่ายนี้ยังคงสัมผัสตอบสนองได้ดีมากๆครับ

SIDE-MOUNTED FINGERPRINT SCANNER

ครั้งนี้ได้ปรับมาใช้งาน Side-Mounted Fingerprint Scanner ต่อเนื่องจากรุ่น หรือสแกนนิ้วในด้านข้างที่เป็นปุ่ม POWER ในตัวเลยทำให้เราสามารถ ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 0.33 วินาที นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Face Wake สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างดีนะ ดีไซน์ดูเรียบมากขึ้นและปุ่มก็ใช้งานเวลาเปิดเครื่องได้ดีเลยแหละจุดนี้ดีขึ้นครับ เพราะว่าหน้าจอยังเป็น IPS LCD เลยไม่มีสแกนนิ้วใต้จอ

SOUND 

ทางด้านหูฟัง แน่นอนว่าสิ่งที่ชอบมากกๆคือ VIVO นั้นใส่หูฟังแถมมาในกล่อง ที่เป็นดีไซน์แบบเดียวกับ V20 SE ก่อนหน้านี้เลยคุณภาพอะไรทำได้ดี เพราะว่าเสียงรุ่นนี้มีการขับออกมาให้เร่งมากกว่าเดิมทั้งลำโพง หูฟัง อีกทั้ง Software ช่วยนั้นเหมือนกับรุ่นพี่เลยจริงๆทำให้เรื่องเสียง ดังดีมากขึ้นจากรุ่น Y ก่อนหน้านะ แต่แน่นอนว่าถ้าเน้น เสียงแน่นๆนั้นอาจจะสู้กับแบบ In-Ear ไม่ได้เท่าไรนักรวมถึงการเก็บเสียงจากภายนอกด้วย ทำให้เสียงในรุ่นนี้จะไม่สามารถคุมเสียงได้แบบ In-Ear แน่นอน มาที่เรื่องของเสียงกันก่อนทางด้านรุ่นนี้ เสียงในตัวนี้ถ้าฟังจากตัวเครื่องนั้นกำลังขับอะไรนั้นถือว่ากลางๆครับไม่ได้เด่นมากนักต้องบอกว่าน่าเสียดายเพราะในรุ่นก่อนๆนั้นเสียงจะเน้นมากๆแต่หลังๆเหมือนจะหายไปแล้ว กำลังขับ เสียงกำลังดี โทนเสียงยังคงเน้นในเรื่องของรายละเอียดเด่นกว่านิดหน่อยและ เสียงเบสมาแบบน้อยๆครับไม่ได้เยอะอะไรมาก เสียงผ่านรู 3.5 มม. นั้นยังคงมีความใกล้เคียงกับรุ่น V เช่นเดิมเลย

หูฟังที่แถมมานั้นเสียงจะไม่แน่นเหมือนกับรุ่นก่อนๆหรือแบบ In-Ear แล้ว แต่ข้อดีที่ใส่เข้ามาในหูฟังทรงแบบนี้นั้นคือมันทำให้ใส่ได้สบายขึ้นใส่ออกกำลังได้ง่ายขึ้นและใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยเวลาใส่และไม่อึดอัดอาจจะเป็นข้อดีของใครหลายๆคนที่ชอบอะไรแนวนี้ครับแต่เรื่องเสียงแน่นอนมันเก็บเสียงอะไรได้ไม่เท่าตัวก่อนแล้วด้วย เสียงที่ได้จากหูตัวนี้จะเน้นเสียงแหลมเด่น เสียงร้องชัดครับเวลาคุยโทรศัพท์นั้นชัดเจนได้ยินดี แต่เสียงย่านต่ำหรือเบสนั้นอาจจะไม่ได้แน่นสะใจมากเท่าไรครับ เวทีเสียงกลางๆไปทางแคบนิดนึง หูฟังนั้นจะเป็นตัวเดียวกับที่แถมมาในตัว V20 SE เลย

5G NETWORK

ทางด้าน VIVO Y72 5G ตัวนี้รองรับการใช้งาน 5G ในตัวเครื่องเลยครับถือว่ารองรับได้สบายๆในการใช้งานเพราะว่า เริ่มมี 5G เสริมอะไรเข้ามาเยอะขึ้นในไทยหลายๆค่ายเครือข่ายก็ครอบคลุมมากขึ้นด้วยเช่นกัน และตัวนี้ใช้งาน MTK Dimensity ตัวนี้รองรับ 5G ได้สบายๆในการใช้งานในเมืองทำให้ความเร็วสูงขึ้น เสถียรมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวเครื่อง NSA / SA ทั้ง 2 โหมดเลยนั้นเอง และที่ลองใช้งานซิม 5G ก็รองรับแล้วพร้อมใช้งานตั้งแต่แกะกล่องครับ

5G ในการใช้งานทดสอบนั้นแน่นอนว่าความเร็วก็จะมาตรฐาน 300+ แน่นอนครับแต่ถ้าใจกลางเมืองหรือตามสถานที่ไหนที่ไม่ได้มีความหนาแน่นอะไรก็จะวิ่งได้แตะ 900+ ได้เลยเป็นความเร็วที่เหนือกว่า 4G ชัดเจนซึ่งการใช้งานนั้นส่งผลทั้งเรื่องของการดูหนัง Streaming ทั้งหลายไม่ว่าเป็นการฟังเพลง ดูหนัง ที่สมัยนี้ความละเอียดอะไรก็มาขึ้นเรื่อยๆ ก็จะสามารถดูได้โดยที่ไม่มีอาการหน่วงหรือติดขัดแต่อย่างใด รวมถึงความเสถียรเวลาใช้งานยาวๆด้วยเช่นกัน

GPS

ในการนำทางไม่เจอหลุดหน่วงอะไรนั้นถือว่าทำได้ดีกว่าเดิมพอสมควร DIMENSITY 700 ก็อาจจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้ด้วยการจับที่ดีขึ้นกว่าเดิมและไวกว่าเดิมครับในการทดสอบใช้งานจริง และผ่านแอปนั้นทำได้ประทับใจอยู่เหมือนกัน โดยทดสอบในที่ร่มหรือใต้ทางด่วนพวกนี้ เจอทั้งหมด 64 ดวง และ จับได้ 26 ดวง ส่วนที่โล่ง บนรถ กลางแจ้งทำได้ 50 ดวง จากทั้งหมด 64 ดวง ครับถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลยแหละและนำทางใช้งานได้ดี

BATTERY 

การใช้งานแบตตัวนี้ถือว่าให้มาจัดเต็มเช่นเดิม 5,000 mAh พร้อมกับรองรับการชาร์จ 18W ถือว่าเหลือๆในการใช้งานเมื่อเทียบกับราคา และ สเปกนั้นเพียงพอต่อการใช้งานทั่ววันได้เลยครับ ตัวแบตยังคงเยอะแต่ทำน้ำหนักตัวเครื่องได้บางเบาเช่นเดิมสำหรับตระกูล Y รุ่นนี้ เท่าที่ลองใช้งานจริงนั้นใส่ซิมใช้งานปกติถือว่ารองรับได้สบายๆ เท่าที่ลองใช้งาน 15 ชั่วโมงนั้น เปิดหน้าจอไป67 ชั่วโมง เล่นเกมไป 2-3 ชั่วโมง พร้อมกับ ฟังเพลง นำทางต่างๆ ถ่ายรูปถือว่าอึดเลยนะเหลือกลับมา 28% ถือว่ายังสบายๆในการใช้งานทั่วไปทั้งวันแบบไม่ต้องกังวลอะไร เลยในเรื่องแบตตัวนี้

GAMING

เท่าที่ได้ทดสอบรุ่นก็ต้องบอกเลยนะครับว่าเรื่องของการเล่นเกมชิปเซ็ท MTK Dimensity 700 เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งในเรื่องของความลื่นไหล เฟรมเรทที่ได้ เเละการควบคุมความร้อน ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ในรุ่นที่เท่าที่ได้ลองอาจจะมีบางเกมที่ยังไม่สามารถปรับภาพกราฟฟิกได้สูงสุดยกตัวอย่าง free fire อาจจะยังไม่สามารถเปิดเงาได้ ROV ไม่สามารถเปิด 60 FPS ได้ เมื่อเทียบกับชิปเซ็ทของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 730G หรือ 720G อาจจะต้องรอกันนิดนึง นอกจากนี้ในรุ่นนี้ก็ยังมีในส่วนของฟีเจอร์ Multi-Turbo ที่มาช่วยปรับเรื่องของ ประสิทธิภาพให้เล่นเกมส์ได้อีกมากยิ่งขึ้น เรื่องของการทัชเท่าที่ลองตอบสนองได้ดี ส่วนในเรื่องของความร้อน เท่าที่ได้ทดสอบ ปรับภาพสูงสุด เเละ อัดเกม ความละเอียด FHD ไปด้วย สูงสุดจะร้าวๆประมาณ 40 องศา ส่วนเเบตเตอรี่เท่าที่ได้ทอสอบเล่นเกมอัดหน้าจอไปด้วย ลดราวๆ 10% ในการเล่นเกม 1 ชั่วโมงถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับการใช้งานความละเอียดมากกว่าเดิม 64MP จัดเต็มพร้อมกับการรองรับ Eye AF ครับทำให้ได้ฟีเจอร์ การโฟกัสที่ใช้งานดวงตาได้เป๊ะเวลาถ่ายคนครับ ส่วนกล้องมุมกว้าง และ กล้องมาโครยังคงใส่เข้ามาให้ครับ ทางด้านสเปค กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมกับ 64 MP CMOS F1.79 ตัวเลนส์หลัก ถือว่าเป็นจุดที่พัฒนาขึ้นครับ และตัวรองนั้นมาพร้อมกับ เลนส์มุมกว้าง 8MP 120 องศา  F2.2 / และสุดท้ายนั้นใช้งาน เลนส์ Super Macro รองรับ ใกล้สุด 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2MP F2.4 เป็นทั้งหมด 3 เลนส์ ทำให้เลนส์หลักนั้นพัฒนาขึ้น รองรับการใช้งานการถ่ายทั้งเวลา กลางวัน หรือแม้แต่แสงน้อยนั้นรู้สึกเลยว่าพัฒนาขึ้นกว่า Y รุ่นก่อนๆชัดเจนครับ พร้อมกับรองรับโหมด กลางคืน ที่มีแนวสีตกแต่งต่างๆให้เล่นเช่นเดิมครับ รวมถึง Portrait Effect ต่างๆทั้ง พื้นหลังขาวดำ แสงสีรุ้งที่เราเคยเห็นต่างๆ และ โหมดการถ่าย 64MP ให้เข้ามาครับ รวมถึงโหมด Pro ก็ยังรองรับที่มากถึง 32 วิ และ ช้าสุด 1/12000 วิครับถือว่าเป็นโหมดโปรในรุ่น Y ที่โหดมากๆตัวนึงเลยในบรรดาคู่แข่งครับ

PORTRAIT

SELFIES 

กล้องหน้า ในรุ่นนี้มาพร้อมกับการใช้งาน 16MP  F2.0 ในเรื่องของความละเอียดนั้นทำได้ดีมากขึ้นจากเดิมที่เรามักจะเห็น 8MP แต่ครั้งนี้เป็นการอัพความละเอียดมากขึ้นเท่าตัวจากเดิม และในเรื่องของการใช้งานทำให้การเก็บแสง การเก็บมิติภาพก็ทำได้ดีขึ้นไปด้วย ส่วนทางด้านรูรับแสง F2.0 นั้นก็ถือว่ากำลังดีในการใช้งานทั้งกลางวัน และ กลางคืน ส่วนโหมดการถ่ายรูปแม้จะเป็นกล้องหน้านั้นก็ตามแต่ก็รองรับการถ่าย โหมดกลางคืน และ ภาพคนทั่วไป รวมถึงยังคงมี Portrait Effect เสริมเข้ามาให้ และ การแนะนำท่าทางต่างๆจัดเต็มเลยทีเดียวครับ สมกับชื่อ VIVO เพราะว่าค่ายนี้หลายๆคนคงรู้จักกันเลยว่าเป็นค่ายที่กล้องหน้าทำได้ดีมากอยู่แล้ว ทั้ง เนียนสวยและไม่หลอกตาเกินไป

VIVO Y72 5G

” ตระกูล Y รองรับการใช้งาน 5G เน้นๆ พร้อมงานออกแบบสวย กล้องหลังเด่น ! “

รองรับ 5G ตามสมัยนิยมที่ยุคนี้ต้องบอกว่าเป็นส่วนนึงของการตัดสินใจแล้ว เพราะว่าเริ่มมีความครอบคลุมมากขึ้น ใช้งานได้จริงมากขึ้น และอย่างน้อยการใช้งานความเร็วมาตรฐาน หรือว่าพื้นฐานยังไงก็ 300+ ได้ครับ รวมถึงมีความเสถียรและนิ่งกว่าทั่วไปทำให้ Y72 5G ตัวนี้ออกมาตอบโจทย์ชัดเจน รวมถึงในเรื่องสเปคอื่นๆนั้นทำได้ดีเช่นกันทั้งกล้องหลัง 64MP รองรับ Eye AF และ กล้องหน้าที่ให้มามากถึง 16MP F2.0 รองรับการถ่ายได้ดี รวมถึงฟีเจอร์ที่เยอะมากๆในการถ่าย ภาพ บุคคล หรือ ตกแต่งโทนสี และให้มาครบทั้ง มุมกว้าง มุมปกติ และ มาโคร ส่วนเรื่องงานออกแบบนั้นเน้นสวยหรูมากขึ้น แบตให้มา 5,000 mAh รองรับการใช้งานได้ทั้งวัน แต่เรื่องชาร์จไวแอบธรรมดาไปหน่อยที่ 18W เท่านั้นอยากให้มามากกว่านี้เล็กน้อยครับในสมัยนี้นะ แต่เรื่องอื่นๆถือว่าทำได้ดีแล้วครับ

ข้อดี

  • ตัวเครื่องดีไซน์ สีสันสวยงาม ฝาหลังสวย รวมถึงตัวเลนส์กล้อง
  • กล้องหลังมาพร้อม 64MP Eye AF คุณภาพการใช้งานได้ดี
  • กล้องหน้าคุณภาพดีขึ้นเท่าตัวใช้งาน 16MP
  • หน้าจอแม้จะเป็น IPS LCD สู้แสงได้ดี และ สัมผัสการใช้งานได้ดี
  • ลำโพงมีระบบเพิ่มเสียงพิเศษทำให้มีความดังพอสมควร
  • ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน เล่นเกม และ ประสิทธิภาพทำได้ดี
  • 5G รองรับการใช้งานได้เต็มที่ ตั้งแต่แกะกล่อง ในตระกูล Y ถือว่าดี
  • แบตใช้งานได้ทั้งวันสบาย อึด แม้จะเล่นเกม

ข้อสังเกต

  • หน้าจอยังเป็น IPS LCD ใกล้เคียงกับ Y31 60Hz เท่านั้น
  • หน้าจองานออกแบบยังเป็นแบบติ่งหน้าจอ
  • ชาร์จยังเป็น 18W เท่านั้น

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr

*ภาพตัวอย่างจากกล้องนั้นสามารถ Open new tap สามารถดูภาพต้นฉบับได้เลยนะครับ