รถยนต์ไฟฟ้าแน่นอนว่าเป็นกระแสและได้รับความนิยมในยุคหลังๆ รวมถึงค่าน้ำมันที่เริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ส่วนทางด้าน VOLVO ค่ายรถยนต์จากสวีเดนเองก็มีการลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามานานกันพอสมควรตั้งแต่ที่ทางค่ายเริ่มจะมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ PHEV และ ในอนาคตเองก็จะไม่มีเครื่องยนต์สันดาปกันอีกต่อไปสำหรับค่ายนี้ รวมถึงในไทยเองก็เช่นกันทางค่ายประกาศแล้วว่าจะไม่มีการขายรถยนต์เครื่องยนต์อีกต่อไปจะเป็นไฟฟ้าล้วนภายในปี 2025 กันเลยถือว่าไม่นานและเร็วกว่าค่ายอื่นมากถ้ามองในแง่ประเทศไทยเราเพราะค่ายนี้ถือว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นเขาใส่ใจมากๆ
VOLVO C40 นั้นใช้งานสเปกภาพรวมเดียวกับ XC40 มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พละกำลังสูงสุด 408 แรงม้าพร้อมกับ แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร ใช้งานแบตเตอรี่ขนาดความจุ 78 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ และทำให้ได้ระยะทางสูงสุด 420 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน WLTP) พร้อมกับอัตราเร่ง 0-100 ภายใน 4.7 วินาที แต่ทางด้าน VOLVO นั้นจะล็อกTop Speed ความเร็วสูงสุด 180 km/h เพื่อความปลอดภัย ถือว่าเป็นรถที่แรงและสวยรวมถึงใช้งานได้ค่อนข้างครอบคลุม ส่วนทางด้านการชาร์จไฟนั้นแน่นอนว่า DC Quick Charge 0-80% ภายใน 37 นาที กำลังไฟสูงสุด 150kW ส่วนการชาร์จไฟแบบทั่วไปนั้น AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ส่วนทางด้านออฟชันการใช้งานต้องบอกว่า VOLVO นั้นจัดเต็มเช่นกันเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายๆตัวทั้งความปลอดภัย ระบบช่วยเหลือการขับขี่ หรือแม้แต่เป็นค่ายที่ใช้งาน Google Android Automotive เป็นระบบหลักของตัวรถซึ่งถ้ามองเทียบกับคู่แข่งเรียกได้ว่าไม่มีค่ายไหนใส่มาและในรถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้ถือว่าสำคัญมากๆ
-
ส่วนทางด้านราคา C40 Recharge Pure Electric : 2,750,000 บาท
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกในรุ่นนี้เราจะได้หน้าตาแบบ FACELIFT คือหน้าตาปรับใหม่ทั้งหมดหรือว่า Minorchange นั้นเอง ทำให้เราจะได้หน้าตาแบบนี้ทั้งXC40 และ C40 หน้าตาไฟหน้าแบบใหม่ กันชนหน้าใหม่ ซึ่งถ้ามองหน้าตรงเราจะแยกระหว่าง 2 รุ่นนี้ได้ยากมาก แต่ทางด้าน C40 นั้นจะได้หน้าตาแบบนี้ตั้งแต่เปิดตัว รวมถึงทางด้านสีซึ่งโดดเด่น แต่ส่วนหนึ่งที่น่าเสียดายคือในไทยเองนั้นเราจะไม่ได้สี 2 โทน ทำให้เราได้สีเดียวทั้งคัน รวมถึงล้อจะเป็นลายมาตรฐาน ซึ่งจะแตกต่างกับล้อขนาดใหญ่ที่เราเคยเห็นในภาพโพรโมทต่าง แต่ก็สามารถซื้อเพิ่มได้ ส่วนทางด้านตัวรถนั้นคู่แข่งจะขนาดคู่แข่ง GLA , X1 นั้นเองแต่ถ้ามองในระดับไฟฟ้าล้วนคู่แข่งตรงๆนั้นยังไม่มาไทยเลยนั้นเองครับ จะมีแค่ GLB ที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกันมากที่สุดในบรรดารถยุโรป ส่วนขนาดตัวรถ ยาว 4,431 มิลลิเมตร และ กว้าง 1,850 มิลลิเมตร ส่วนทางด้านความสูง 1,582 มิลลิเมตร และ ระยะฐานล้อ 2,702 มิลลิเมตร
เส้นสายภาพรวมนั้น VOLVO ยังคงเส้นสายเรียบง่ายแต่จะแตกต่างกันถ้ามองเทียบกับ XC40 กับ C40 ในส่วนด้านท้ายรถเพราะว่า C40 นั้นเราจะได้หลังคาลาด และทรงสปอร์ตวัยรุ่นมากกว่า ส่วนทางด้าน XC40 จะเป็นทรง SUV รวมถึงทางด้านไฟท้าย และ ทรงกันชนต่างๆนั้นเปลี่ยนแปลงไป และ ไปถึงหลังคาตัวรถด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านขนาดทรงตัวรถนั้นถือว่า ค่อนข้างขับง่ายและคล่องตัวในเมืองแถมได้ความสูงจากพื้นทำให้ขับง่ายและลุยสะดวกกว่าหลายๆตัว และถ้ามองในบรรดา SUV ถือว่าเป็นแนวรถที่ใช้งานได้อเนกประสงค์ และ คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มากพอควร และถ้าเป็น SUV แน่นอนว่าเรามักจะเห็นการตกแต่งคิ้วล้อ และ เสริมชายล้อมรอบตัวรถให้มันดูลงตัวและลุยมากขึ้น
ส่วนที่แตกต่างกันแน่นอนว่าจะเป็นด้านหลังถ้าเรามองเทียบกับ XC40 เพราะว่าทั้งไฟท้าย เส้นสายกันชน ฝากระโปรงท้ายทั้งหมดนั้นเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด รวมถึงในรุ่นนี้มีความทันสมัยวัยรุ่นมากกว่าเดิมรวมถึงบรรดาหลังคาแบบลาด และ สปอยเลอร์หลังที่มีการยกขึ้นมาทั้ง 2 ฝั่งดูแปลกตา แต่ด้วยความที่ท้ายลาดแบบนี้ทำให้ไม่มีใบปัดน้ำฝนหลังมาให้แล้วนั้นเองครับเพราะลมจะไม่ค่อยขึ้นมาตีแบบรุ่นหลังคาตัดตรงส่วนในด้านหน้าเราจะเห็นการออกแบบใหม่เรียบกระจังหน้าปิดทั้งหมด และเส้นสายกันชนเหลี่ยมสันชัดเจนถือว่าเป็นค่ายที่ดีไซน์ค่อนข้างเรียบแต่ดูมีมิติ
กระจังหน้าแบบปิดทึบสีฟ้าสวยงามพร้อมกับโลโก้ VOLVO ที่มีการซ่อนกล้องหน้าไว้แบบเนียนๆถือว่าฉลาดในการออกแบบ รวมถึง RADAR ก็ซ่อนไว้ข้างหลังโลโก้ด้วยเช่นกัน และพอมีช่องให้ระบายอากาศในส่วนระบบทำความเย็นแอร์ต่างๆในขอบล่าง เราจะเห็นเซนเซอร์รอบคันครบ พร้อมกับตัวล้อน่าเสียดายว่าไม่ได้ขนาด 20 นิ้วลายแบบตัวเปิดตัว แต่ลายนี้เวลาขับก็ถือว่าสวยนะเรียบๆพร้อมกับคิ้วขอบล้อแบบสีดำรอบๆแนว SUV ส่วนทางด้านที่ชาร์จไฟนั้นจะเป็นด้านหลังซ้ายของตัวรถ ที่รองรับการชาร์จไฟ DC 150kW และ ชาร์จ AC 11kW นั้นเองครับมีไฟสถานะ และ ปุ่มปลดล็อกให้มาครบ ถือว่าพวกงานเก็บต่างๆดูดีมากๆ แต่ถ้ารุ่น PHEV จะเป็นที่ด้านหน้าซ้ายตัวรถแทนนั้นเอง
ไฟท้ายแน่นอนว่าเป็น LED ทั้งหมดแถมเป็นรุ่นแรกที่ใส่ไฟเลี้ยวแบบวิ่งตัวแรกของค่ายอีกทั้งมีไฟ Welcome Light ด้วยเช่นกันครับบอกเลยว่าสวยมากๆไปวิ่งขึ้นลง และ ไฟเบรกดวงที่ 3 นั้นซ่อนเนียนๆสวยงาม ส่วนด้านหน้ายังคงน่าเสียดายว่าไม่มีไฟ Pixel Light มาให้แล้วทั่วโลกครับทำให้เราได้ไฟ สูงต่ำออโต้เท่านั้นไม่มีไฟแหวกหรือเลี้ยวตามพวงมาลัยแบบตัวอื่นๆ แต่ยังดีที่เป็น FULL LED ทั้งหมดและเราจะเห็นเส้นสายไฟท้ายนั้นโค้งเอียงสวยงามซึ่งเป็นสไตล์แบบ COUPE เรามักจะไม่ค่อยเห็นดีไซน์แบบนี้ในค่ายนี้เท่าไรแต่รู้สึกเลยว่า วัยรุ่นขึ้นเยอะมากๆครับตัวนี้
INTERIOR
งานออกแบบภายในแน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อมองเทียบกับ XC40 ก่อนหน้านี้แต่ที่จะเห็นชัดที่สุดคือกระจกหลังคาแบบ Glass Roof ตามสมัยนิยมที่มีการใช้งานกันเยอะมากขึ้นที่กว้างใหญ่แต่ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ช่วยในเรื่องมุมมองโปร่งโล่งสบาย กระจกใหญ่ และไม่มีปัญหาระบบน้ำรั่วอะไรแบบหลังคาเปิดได้ แต่สิ่งที่ต้องแลกมาในเมืองไทยคือความร้อนจากหลังคาที่เมื่อตอนเที่ยงจะรู้สึกแบบอุ่นๆ และความจ้าของแสงมากกว่าแบบปิดได้ ซึ่งอาจจะต้องบอกตรงๆว่าไม่เหมาะกับเมืองไทยเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้ร้อนมากแบบไม่ไหวนะ ถือว่ากระจกตัดแสงอะไรได้ดีระดับหนึ่ง แต่จะแนะนำว่าติดฟิล์ม 60-80 ไว้ได้เลยครับจะใช้งานได้แบบสบายๆมากขึ้นและไม่ร้อนเท่าไรด้วยเช่นกัน
งานออกแบบภายในทั้งการจัดวาง การออกแบบแน่นอนว่าไม่ได้หนีจาก XC40 ก่อนหน้านี้ แต่เราจะเห็นในเรื่องของการตกแต่งนิดหน่อยบนคอนโซลที่ใส่ไฟ Ambient Light เสริมเข้ามาแนวนอนยาวด้านหน้าตัวรถรวมถึงตรงประตูที่เป็นคล้ายกับ Contour ภูเขานั่นแหละถือว่าดีเทลสวย เวลากลางวันจะเป็นสีดำ แต่พอกลางคืนขาวสว่างสวยมากส่วนหน้าจอกลาง พวงมาลัย และการใช้งานอื่นๆเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลยนั้นเองยังคงมีปุ่มให้ใช้งาน และ ผสมกับหน้าจอ ทำให้คนทั่วไปอาจจะไม่ต้องปรับตัวเรื่องการใช้งานมากนัก หลายๆคนก็ใช้งานได้ รุ่นพ่อแม่ก็ใช้งานได้นั้นเอง เป็นจุดที่ผมชอบมากๆในค่ายนี้ และหน้าจอใช้งาน Google Automotive เช่นกันใช้งานได้สะดวกลงตัวแต่มาด้วยขนาด 9 นิ้วถือว่าเล็กเกินไปในการใช้งานยุคนี้ครับ ส่วนระบบเครื่องเสียงคันนี้ให้ Harman/Kardon เลย
อย่างที่บอกว่าหน้าจอดิจิทัลเรือนไมล์เองนั้นใช้งาน Google Android Automotive ทำให้มันแสดงสถานะแบตให้เราได้เลยไม่ต้องไปมองจอมือถือ หรือ จอตรงกลางและเป็นไม่กี่ค่ายที่ทำแบบนี้ได้ รวมถึงบอกสถานะแบตเมื่อไปถึงว่าจะเหลือเท่าไรต่างๆ เป็นระบบที่ดีมากๆ อีกทั้งคอนโซลกลางก็มีชาร์จไร้สาย และ เกียร์ ที่วางแก้วให้ใช้งานครบ
และภายในที่เราเห็นถ้าตัวรถสีฟ้าแบบนี้เป็นสีที่โพรโมท และ ภายในเราก็จะได้พรมสีฟ้าสวยงามแบบเดียวกับตัวรถเลยนั้นเองครับ รวมถึงในด้านหลังเราจะได้แอร์หลัง และ ที่ชาร์จแบบ USB-C ด้วยเช่นกัน แต่ด้วยความที่สร้างบนพื้นฐานแบบ รถยนต์ทั่วไปทำให้ยังคงมีอุโมงค์กลางอยู่ก็แอบน่าเสียดายเหมือนกัน ส่วนมุมมองความโปร่งนั้นทำได้ดีครับ ภายในแม้จะเป็นสีดำแต่ก็ไม่อึดอัดเลย รวมถึงเบาะหลังจะเอนนั่งสบายกว่า XC40 แต่หลังคาจะเตี้ยกว่านิดหน่อยด้วยทรงรถของมัน ส่วนวัสดุ งานประกอบการใช้งานภาพรวมถือว่ากำลังดี นั่งสบายกระชับ และหนังที่เป็นวัสดุใหม่ไม่ใช่หนังจริงๆ ผิวสัมผัสดีกว่าที่คิดครับ และความนุ่มแน่นของฟองน้ำเบาะเองก็รองรับไม่เมื่อยอันนี้ถือว่าลงตัว
TECHNOLOGY
เทคโนโลยีอย่างที่เคยบอกไปทุกครั้งแน่นอนว่าที่ชอบมากๆคือการใช้งานระบบ Google Automotive ที่ยกเครื่องใหม่ทั้งหมดที่รู้สึกได้เลยว่าแตกต่างกัน ระบบ Google Automotive นั้นจะเป็นที่ใช้เป็นพื้นฐานของตัวรถควบคุมทุกส่วน และสามารถอัปเดตได้ตลอดเวลาทำงานได้ดีกว่าเดิม รวมถึงการมีแอปจาก Playstore ที่สามารถโหลดได้ทั้งหมดในแอปที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็น Spotify และ อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในอนาคตก็มีการพัฒนาแอปอีกหลายๆส่วนที่เข้ามาได้เหมือนกับในมือถือนั้นเอง สามารถใช้งานคำสั่งเสียง Google Assistant สั่งงานตัวรถได้และสอบถามทั้งหมดได้ มาพร้อมกับ Maps ที่ใช้งานบนตัวรถได้เลยไม่ต้องมาเสียบมือถือ หรือ สายอะไรทั้งหมด และไม่ต้องเชื่อม Carplay หรือ Android Auto อะไรทั้งนั้น เพราะว่ามันไม่รองรับในตอนนี้แต่อนาคตได้ข่าวว่ากำลังจะมาครับ จริงๆตัวรถเองมีซิมใช้งานได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมมือถืออะไรเลย ทางด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ครบ Pilot Assist ที่พัฒนาได้เต็มระบบมากกว่าเดิม ใช้งานได้แม่นยำ รวมถึงระบบป้องกันต่างๆก็สามารถใช้งานได้ ป้องกันการชน ต่างๆให้มาครบเน้นความปลอดภัยให้ทั้งหมดรวมถึงบรรดากล้อง 360 ต่างๆครบมากกว่าคู่แข่งชัดเจน
ถ้ามองในรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะได้เปรียบข้อดีในการใช้งาน Google Automotive ทำให้เป็นไม่กี่ค่ายหรือแม้แต่ค่ายแรกๆที่สามารถใช้งานระบบที่มี Google Maps ที่ใช้งานหน้าปัดเรือนไมล์ได้เลย เพราะว่าถ้าเราเปิดการนำทาง นั้นสามารถใช้งานได้ทันที เพราะว่าถ้าเราเปิดการนำทางไปที่ไหนก็ตามในหน้าจอกลาง มันก็จะมาโชว์บนหน้าปัดเรือนไมล์ได้ทันทีเราไม่ต้องละสายตาไปมองจอกลาง และบอกเลยว่า เมื่อขับถึงที่หมายแบตจะเหลือเท่าไร เป็นการบอก % แบตที่เป๊ะและใช้งานได้จริงมากๆครับ เพราะว่าแผนที่ในไทย Google Maps จะดีกว่าของติดรถยี่ห้ออื่นๆ เป็นข้อได้เปรียบเพราะว่าไม่มีค่ายไหนๆที่จะเอาหน้าจอการนำทาง Google Maps มาไว้บนหน้าปัดได้เลยนั้นเอง แต่การเปลี่ยนแปลงหน้าตา หรือ ว่าการออกแบบแบบรุ่นก่อนๆไม่ได้ ทำให้มีหน้าตาโทนสีฟ้า และ เน้น Maps เป็นหลัก ไม่ได้มีหน้าตาไอคอนอะไรสวยๆ หรือหวือหวาอะไร หรือแม้แต่ไอคอน 3D อะไรแบบค่ายอื่นๆที่โชว์เลนถนน
DRIVING
การขับขี่ถ้าจะบอกว่ามันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ที่ขับดีที่สุดของ VOLVO ทั้งหมดในไทยก็ไม่เวอร์เกินไปครับช่วงล่าง VOLVO ที่เราคุ้นเคยว่ามันจะย้วยๆนิ่มๆ เน้นการนั่งสบายแต่รุ่นนี้เสริมด้วยความแน่น ความสปอร์ตลงไปทำให้มันกลายเป็นรถที่วัยรุ่นขึ้นเยอะมาก ขับสนุกกว่า XC40 และไม่ย้วยไม่โยนแบบรุ่นก่อนๆแล้วนั้นเอง รวมถึงเมื่อรวมกับพละกำลังไฟฟ้า 408 แรงม้าแบบนี้มันลงตัวสุดๆครับ แม้ว่าจะปรับโหมดการขับขี่อะไรได้ไม่เยอะแต่ก็สามารถปรับพวงมาลัยให้แน่นขึ้นได้บ้างแต่ก็ยังแอบเบาไปนิด แต่ช่วงล่างการเซต ความแน่นที่ปรับมาให้คันนี้ทำให้เราขับทางไกล เข้าโค้งได้มั่นใจขึ้น และ เปลี่ยนเลนได้มั่นใจกว่าเดิม โดยที่ไม่กระด้าง กระเด้งมากเกินไปจะนุ่มกว่า TESLA BMW ชัดเจนครับ แต่ก็ไม่โยนซึ่งผมบอกเลยว่าเซตมาได้ดี ส่วนอัตราเร่งนั้นไม่ต้องสงสัย มอเตอร์คู่แบบนี้ 0-100 ทดสอบจริงได้ 5 วินาที และ 80-120 ทดสอบจริงได้ 2.8 วินาที รวมถึงทางด้านอัตราสิ้นเปลืองใช้งานจริงๆ ในเมืองนั้น 16 kWh/100km และ ต่างจังหวัด ความเร็วสูงเฉลี่ย 18 kWh/100km นั้นเองถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ และในการใช้งานจริงๆนั้นจะทำได้ระยะทางขับขี่จริงประมาณ 400-420 กม. นั้นเองครับถือว่าเทียบกับความแรงก็รับได้ครับ
VOLVO C40
” VOLVO ที่ขับสนุกที่สุด แรงพลังไฟฟ้า ดีไซน์วัยรุ่น สวยลงตัว แถม ราคาก็ทำได้ดี “
ถ้าหากมีคนมาถามว่ารถยนต์ไฟฟ้ายุโรปค่ายไหนดี คุ้ม งบไม่แรง ผมจิ้มไป VOLVO ทุกครั้งที่คนมาถาม มากกว่า TESLA เพราะว่า มันมีความเป็นรถยนต์มากกว่า ปรับตัวไม่เยอะ ใช้งานได้ดี วัสดุงานประกอบดี ช่วงล่างดีกว่า และ เน้นใช้งานทั่วไปก็เหลือๆ แต่ศูนย์บริการต่างๆไว้ใจได้และหลากหลายกว่า แต่ถ้าคนที่ถามเป็นสาย Tech ชอบเทคโนโลยี ลูกเล่นเยอะๆ ผมจะจิ้มไป TESLA ให้ทันที แต่หลายๆคนพอไปเจอก็มองว่า วัสดุ งานออกแบบภายนอกภายในมันดูไม่สมราคาก็แล้วแต่ความชอบเลยแหละ แต่ถ้าใน VOLVO หลายๆอย่างมันดี ทั้งระบบ Google ในตัวรถ และยังเสียบ Carplay ได้มีกล้องรอบคัน มีเตะเปิดฝาท้าย และอื่นๆมากมายที่พร้อมใช้งานทันที และช่วงล่างมั่นใจรวมถึงพละกำลังมันก็เหลือๆในการใช้งานจริงทั่วไปแล้วด้วย ทำให้ไม่แปลกใจทำไมมันนิยมและคนใช้งานเยอะขึ้น จะมีส่วนขัดใจนิดหน่อยก็แค่จอภายในเล็กไป และ ดีไซน์ภายในดูไม่วัยรุ่นเท่าข้างนอกแค่นั้นเลยจริงๆสำหรับคันนี้