Volvo ในไทยประกาศว่าในอีก 2 ปีเราจะไม่เห็นรถยนต์น้ำมันออกมาขายจากทางค่ายนี้อีกต่อไปครับ เพราะว่า จะเป็นไฟฟ้าล้วนกันแล้วในรุ่นที่จะขายในไทย ทำให้ตอนนี้ ปีนี้จะเป็นปีท้ายๆแล้วที่เราจะได้รถยนต์จากค่ายนี้ที่สามารถเติมน้ำมันเข้าไปได้ และ รุ่นนี้ XC90 ถือว่าเป็น SUV ขนาดใหญ่ตัวเดียวและรุ่นสุดท้ายของค่าย Volvo แล้วนั้นเองเพราะว่ารุ่นนี้มีตัวแทนออกมาที่เป็นไฟฟ้าล้วนแล้วคือ EX90 ที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ดีไซน์ยุคใหม่ และหรูหรา ระบบช่วยเหลือการขับขี่คือที่สุด แต่สำหรับคนที่ยังคงเน้นการใช้งานน้ำมัน เน้นใช้ในตอนนี้ XC90 คันนี้ยังคงน่าเล่น และ น่าสนใจ ทั้งขนาดใหญ่ ความปลอดภัย งานออกแบบ และที่สำคัญ เสียบปลั๊กได้ ระยะไกลพอประมาณแถม เมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งหมด มันทำราคาได้ถูกที่สุดในตอนนี้ ถือว่าถ้ามองความคุ้มค่าทั้งหมดมันกลายเป็นคุ้มที่สุดในตอนนี้ทันที
Volvo XC90 Ultimate Bright เป็นรุ่นสูงสุดในตอนนี้ มาใช้แทนชื่อ Inscription ที่เราคุ้นเคยกันนั้นเองครับจะมาพร้อมกับการตกแต่งหรูและจัดเต็มที่สุด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พ่วง Turbocharged กำลังสูงสุด 317 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 143 แรงม้า แรงบิด 309 นิวตันเมตร ทำให้เมื่อรวมพละกำลังสูงสุด 460 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 709 นิวตันเมตร ใช้งาน เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Geartronic พร้อมระบบ Plug-in Hybrid แบตเตอรี่ Lithium-ion 18.8 kWh ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 km/h ใน 5.3 วินาที และ สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน ได้ไกลสุด 76.7 กม. มาตรฐาน NEDC ถือว่าระยะอาจจะไม่ได้โหดมากแต่ก็ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนปรับขนาดแบตครับ ส่วนออฟชันมาครบมากเช่นเดิม และยังคงใช้งานช่วงล่างถุงลม ล้อขนาด 20 นิ้ว ระบบป้องกันการชนรอบคัน ระบบ Pilot Assist อะไรให้มาครบทั้งหมด รวมถึง ระบบเครื่องเสียง ระบบเครื่องเสียง Bowers & Wilkins Amplifier 1400W Class D 12 Channels ลำโพง 19 ตัว พร้อม Subwoofer ระบบเสียงรอบทิศทาง Quantum Logic ระบบ Dirac Dimensions และ ในรุ่นปีล่าสุดนี้ เราจะได้ระบบ Google Automotive ใส่เข้ามาแล้วนั้นเองครับบอกเลยว่าอันนี้สะดวกมากๆในการใช้งานจริง ฝังมากับตัวรถ นำทาง โหลดแอปได้ทั้งหมด และ ใช้ Apple Carplay ได้แล้วด้วย
- Volvo XC90 PHEV Ultimate Bright ค่าตัว 4,690,000 บาทไทย
EXTERIOR
งานออกแบบในรุ่นนี้เน้นในเรื่องของความเรียบง่ายตามสไตล์ค่ายรถจากสแกนดิเนเวีย เป็นรถที่ดูดีแต่ก็แฝงไปด้วยความดุดันอยู่ในงานออกแบบครับตัวรถสีดำเลยทำให้มันค่อนข้างดูดีไปอีก ตัดกับทริมรอบๆคันได้ลงตัวและเด่นพอสมควร ถ้าสีขาวอาจจะไม่ได้ดันพวกสีโครเมียมขึ้นมาเท่าไรนักแต่พอเป็นสีดำนั้นมันทำให้ การตกแต่งรอบคันได้ดีมากๆทั้งตรงกระจังหน้า ราวหลังคา ล้อ 20 นิ้วลายใหม่สวยงามกว่าเดิมและเท่ขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับปีก่อนๆครับ และตรงส่วนของทริมรอบกระจกและตรงชายล่างขอบประตูที่มีเขียน RECHARGE นั้นเองครับจะไม่ใช้ชื่อ INSCRIPTION กันแล้วนะ ส่วนตัวไฟหน้าก็เป็น FULL LED ทั้งหมดและมาพร้อมไฟ DRL ทรงตัว T แนวนอน
งานออกแบบรอบคันในรุ่นนี้ช่วงล่างนั้นจะเป็นถุงลมที่สามารถยกรถขึ้นมาประมาณ 2 นิ้วจากระยะปกติครับจริงๆแอบชอบตอนยกสูงมากๆ เพราะมันทำให้เหมือนรถ SUV จริงๆครับ จะเห็นว่าตัวล้อ 20 นิ้วนั้นลงตัวกับขนาดรถมากๆแม้ลวดลายอาจจะเรียบๆไปหน่อยสีเงินปกติไม่มีการปัดเงาหรือรมดำอะไรครับ ส่วนยางติดรถก็ให้มาในขนาดกำลังดี 275/45 R20 ครับ รูปทรงของตัวรถในภาพรวมมีความโค้งมนและเหลี่ยมสันผสมกันไปอยู่ขนาดตัวรถใหญ่เอาเรื่องครับ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่จนขับลำบากอะไรมาก รูปทรงจากรุ่นแรกที่ยังเป็น Concept ACC จนมาถึงรุ่นนี้ยังคงมีเอกลักษณ์เส้นสายที่ดึงมาจากรุ่นนั้นอยู่บ้างครับ ต้องบอกว่ารุ่นนี้ถือว่าเป็นงานออกแบบที่พลิกงานออกแบบจากรุ่นเดิมๆจากค่ายนี้ที่เรื่องงานออกแบบก่อนหน้าอาจจะไม่หวือหวามากนัก แต่ครั้งนี้มันทำได้ถูกใจหลายๆคนทั้งคนทั่วไปและสาวกได้อย่างดีมากๆ และยังมีสันมัดกล้ามลงตัว ตัวรถมีความยาว 4,950 มม. มีความกว้าง 2,008 มม. และตัวรถสูง 1,775 มม. มีระยะความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุดของรถ 238 มม. และให้ฐานล้อที่มีความยาว 2,984 มม.ถือว่าขนาดใหญ่ แต่ก็ขับในเมืองได้ไม่ลำบากเกินไป ซึ่งถือว่าดีไซน์ออกมานานแต่ปรับเล็กๆน้อยๆมาเรื่อยๆครับ
ในรวมๆงานออกแบบต้องบอกว่ามันเป็นงานออกแบบที่ไม่หวือหวาแต่มันเหนือกาลเวลาจริงๆ ถ้าเรามองไปยังรุ่นก่อนๆมันยังทันสมัยอยู่เลยครับคือดูแล้วไม่น่าเบื่อ ดูสวยนานนั้นเองครับทางด้านหน้าตรง จะเห็นไฟหน้าทรง T แนวนอน Thor Hammer ที่เป็นไฟ DRL ไฟหรี่ แล้วก็เป็นไฟเลี้ยวในตัวครับ ส่วนตัวไฟอื่นๆจะเป็น LED ทั้งหมดทั้งไฟสูงไฟต่ำ แต่ตัวนี้จะไม่มีไฟตัดหมอกมาให้ครับ นั้นเองจะแตกต่างกันในเรื่องจุดเล็กๆน้อยพวกนี้เท่านั้น ในด้านท้ายยังคงเป็นไฟท้ายแนวยาวโค้งตามทรงรถเป็นแบบ LED ทั้งหมดแต่ไฟถอยนั้นเป็นหลอดไส้อยู่นะครับตัวนี้ ไฟเบรกไฟเลี้ยวนั้นเป็นเม็ดๆ LED ทั้งหมด รวมถึงไฟตัดหมอกด้านหลังมีให้ข้างขวาข้างเดียวครับ และไฟเบรกดวงที่ 3 จะอยู่ข้างบนสุดตามภาพเลย แต่ในปีใหม่ล่าสุดจะซ่อนท่อไอเสียทั้ง 2 ท่อครับ และ เปลี่ยนงานออกแบบกันชนหน้าหลังใหม่ไปเล็กน้อย ส่วนตัวล้อดีเทลสวยขึ้น สปอร์ตขึ้นกว่าเจนก่อนๆครับ และ เข้ากับสีขาวของตัวรถได้แบบลงตัวกันเลยทีเดียว
และไฟท้ายนั้นจะเป็น FULL LED พร้อมไฟตัดหมอกด้านหลังมาให้ในข้างขวาและไฟเลี้ยวในโคมทั้งหมด ส่วนไฟหรี่สวยงามเป็นเส้นยาวๆเลย แต่ไฟถอยยังคงเป็นแบบปกติครับ อาจจะเน้นในเรื่องของความสว่างและโทนสีอุ่นในการถอยหลัง เหมือนเวลาลองมองโทนนี้จะเห็นชัดเจนสุด ดีเทลเส้นสายไฟท้ายยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักแต่การเปลี่ยนแปลงที่ชัดที่สุดจะอยู่ตรงชุดกันชนด้านล่างซึ่งพยายามทำให้เหมือนกับรถยนต์ยุคใหม่ๆที่ไม่เน้นการโชว์ท่อไอเสียแล้วครับ ซ่อนเนียนไปเลยพร้อมกับการเปลี่ยนขอบโครเมียมด้านข้างเป็นคำว่า RECHARGE แทนนั้นเอง ซึ่งถือว่าเป็นจุดสังเกตหลักๆในปี 2023 ล่าสุดคันนี้
ไฟหน้าไฟท้ายนั้นจะเป็นทรงที่เราคุ้นเคยกันดีในค่าย VOLVO ครับคือตัวไฟตามทรงรถที่โค้งเป็นช่วงสันและไฟหน้าเป็นตัว T ที่เจอในหลายๆรุ่นของแบรนด์นี้แล้วมองมาแต่ไกลก็รู้เลยว่าค่ายไหน ในแง่ของการใช้งานความสว่างนั้นทำได้ดีแน่นอนครับทั้งไฟหน้าไฟท้ายสวยและลงตัว ไฟสูงสว่างมากๆและยังมาพร้อมกับระบบเปิดปิดไฟสูงเองเมื่อมีรถสวนครับ ตัวไฟตั้งไว้กำลังดีเส้น CutOff สวยและคมครับแม้จะไม่ได้คมเท่าพวก Projector แต่ก็แสงใช้งานได้และส่วนที่เลยไปก็ไม่ได้มืดสนิทครับ ส่วนตัวชอบไฟแนวๆนี้มากกว่าแสงสีขาวกำลังดี แต่น่าเสียดายไม่มีไฟตัดหมอกครับ ส่วนไฟมุมรถก็ยังมีมาให้เนียนไปในโคมครับ ส่วนการแหวกไปเป็นแบบแมคคานิคล้วนๆ ยังไม่ใช่ Pixel Light
และแน่นอนว่าการชาร์จไฟจะอยู่ในด้านซ้ายหน้าตัวรถซึ่งรุ่นนี้ได้แบตใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นปีก่อนๆบอกเลยว่าน่าสนใจขึ้นเยอะเพราะตัวแบตเนี่ยแหละ แบตเตอรี่ จาก 11.8 kWh เป็น18.8 kWh วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน Electric Mode ได้ไกลสุด 76.7 km. (มาตรฐาน NEDC) ถือว่าดีขึ้นแม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่เยอะสุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งแต่ก็ถือว่าอันดับต้นๆแล้วครับ จะมีแค่ GLE ที่ระยะทางไปแตะ 100 กม. แต่รุ่นอื่นๆก็จะน้อยกว่าคันนี้เช่นกัน แต่ถ้ามองเทียบกับราคา VOLVO จะกลายเป็นรถยนต์ที่ถูกที่สุดทันทีเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งหมดครับ ถือว่าค่ายนี้ใส่ของอะไรมาให้แน่นๆเต็มพอตัวเลย
INTERIOR
ภายในตามสไตล์สแกนดิเนเวีย เรียบง่ายดูดี แน่นอนว่างานออกแบบภายในหลายๆคนน่าคิดว่าเป็นจุดตัดสินใจหลักๆเพราะว่าเราอยู่กับภายในเป็นหลักในส่วนของค่ายนี้จะเน้นแบบ Comfort คล้ายๆกับอยู่บ้านเรียบๆง่ายดีไซน์แบบไม่หวือหวาแต่สบายอบอุ่นทั้งเรื่องของการออกแบบ การใช้โทนสี วัสดุทั้งหมดทั้งไม้ หนัง และ ส่วนความเงาโครเมียม คลิสตัลต่างๆคือลงตัวและพรีเมียมมากๆครับ ในการนั่งภายในกว้างขวางสบายแน่นอน ทั้ง 7 ที่นั่งนั่งได้แบบสบายๆ แต่ด้วยความเป็น Volvo เลยยังคงเน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลักจริงๆทั้งเรื่องของพนักพิงหัวที่ไม่สามารถปรับยก เงยหรือกดต่ำอะไรได้เลยคือ Fix ตำแหน่งทั้ง 7 ที่นั่งเพื่อความปลอดภัยสูงสุดเวลาชนนั้นเองครับ และตัวเบาะค่อนข้างแข็งกว่ารถอื่นๆ ก็น่าจะด้วยการซัพพอร์ตแรงกระแทกและท่านั่งที่ปลอดภัยที่สุดเช่นกันในส่วนนี้และในปีล่าสุดรถสีขาวเราจะได้ภายในลายไม้สีขาวด้านๆสวยมากไม่แก่เกินไป และ ภายในสีดำครับ แต่การออกแบบยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ หน้าจอคงขยายไม่ได้มากกว่านี้แล้วนั้นเอง
มุมมองเมื่อนั่งจากแถว 2 หรือ แถว 3 ซึ่งแน่นอนหลายๆคนอาจจะอยากทราบว่าถ้าคนนั่งจริงๆมันจะอึดอัดไหมนะรถที่มีหลายๆแถวแบบนี้ครับจากภาพแรกเลยคือแถว 3 นั้นต้องบอกว่ารถพวกนี้ถ้ามันมีหลังคากระจกคือช่วยได้เยอะมากมันดูโปร่งโล่งได้ดีมากๆครับ และส่วนตำแหน่งที่นั่งมันกำลังดีสูงขึ้นหน่อยและไม่อึดอัดใช้ได้ครับ ที่นั่งแถว 3 มีแอร์ มีที่วางแก้วน้ำให้พร้อมใช้งาน ส่วนแถว 2 นั้นสบายขึ้นอีกมาพร้อมแอร์ 4 ตำแหน่งและ ม่านบังแดดทั้ง 2 ข้างและมีที่วางแขน แก้วน้ำให้ พร้อมแอร์แยกซ้ายขวา ปรับความร้อน พัดลมได้ ส่วนในตัวคอนโซลกลางนั้นจะมีจอตรงกลางที่วางตั้งฝังไว้ในคอนโซลหน้า ขนาด 9 นิ้ว การใช้งานทั้งหมด Volvo Sensus connect สำหรับปรับแต่งทุกอย่างในรถยนต์ทั้งแอร์ การใช้งานฟีเจอร์ ตั้งค่ารถยนต์ โทนสีไมล์หรือจะเป็น นำทาง เปิดเพลงทุกอย่างเลย และปุ่มอื่นๆก็จะมีแค่ ปรับเสียงตรงกลาง ไฟฉุกเฉิน เปิดเก๊ะข้างต้องใช้งานกดปุ่มนะครับหรูหรามากๆ และที่เหลือคือควบคุมบนพวงมาลัยทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เพิ่มเสียง เปลี่ยนเพลง Cruise Control หรือ Pilot Assistant ต่างๆ
ภายในใช้โทนสีดำเงินเทา 3 โทนสีหลักๆครับจะเห็นว่าลายไม้แบบด้านๆสีเทาขาวมันสวยและเนียนตามากๆตัดกับสีดำและโครเมียมได้ลงตัว รวมถึงมีการใช้ สีดำเงาติดมาเป็นส่วนๆตัววัสดุในรถนั้นจะเป็นแบบบุนุ่มทั้งหมดและใช้หนังแท้ผสมกันไปด้วยรวมถึงตัวเบาะในรถนั้นจะเห็นว่ามีความโอ่โถงและโปร่งโล่งพอสมควร แต่ก็มีความหนาของพวกประตูโครงสร้างต่างๆและตัวเบาะที่ค่อนข้างกระชับ ส่วนงานออกแบบภายในนั้นปุ่มน้อยลงเยอะมากและใช้งานควบคุมบนหน้าจอทั้งหมดและตัวเกียร์อะไรต่างๆนั้นมีงานดีเทลที่ดีมากครับสำหรับตัวผมเองชอบงานแบบนี้มันดูดีมีความเรียบง่ายและสบายไม่หวือหวา แต่ใช้งานได้นานทั้งภายนอกภายในเลย
จุดที่เด่นและสวยมากๆของภายในคือตัวคันเกียร์แบบ Joystick ของรุ่นนี้เป็นคริสตัลสวยงามและ ใช้งานง่ายครับส่วนตัวเกียร์ P ก็กดลงไป ทรงเกียร์ให้ดูทันสมัยและโค้งมนเยอะขึ้นด้วยครับ ที่วางแก้วน้ำอะไรต่างๆจะอยู่ภายในฝาแผ่นไม้ตรงข้างเกียร์สามารถเลื่อนใช้งานได้แต่แอบบนนิดว่าตำแหน่งมันอยู่ต่ำไปหน่อยถ้านั่งเราต้องเอื้อมมือถอยหลังไปเยอะพอสมควรเลย ส่วนการสตาร์รถนั้นก็ใช้บิดไปทางด้านขวาแทนครับและตัวปุ่มสวยงามมากๆ แต่การปรับโหมดการขับขี่จะไม่มีแล้วนะในปีใหม่ๆ และยังคงได้ลำโพงแบรนด์เทพ B&W มา 19 ตัว
และข้อที่เด่นสุดๆของ VOLVO XC90 ปีใหม่นี้คือเราจะได้ Google Automotive มาใช้งานบนตัวรถแล้วครับ แบบรถยนต์ยุคใหม่ๆของค่าย ทำให้มันคือมือถือเคลื่อนที่ทันที เราสามารถโหลดแอป ใช้นำทาง ผ่านตัวรถโดยที่ไม่ต้องไปเสียบมือถือ แต่ยังคงอยู่ในหน้าจอขนาด 9 นิ้ว แต่หน้าจอคนขับจะได้การนำทาง Google Maps มาแล้วด้วยเช่นกันถือว่าเป็นข้อดีมากๆ ส่วนแอร์หลังสามารถปรับ อุณหภูมิ และ พัดลมได้มีหน้าจอสวยงาม และ มีที่ชาร์จมาให้ครบ ซึ่งจะมีช่องแอร์ตรงเสากลางตัวรถเช่นกันครับเรื่องการกระจายลมแอร์บอกเลยว่าไม่มีปัญหาสามารถสู้แดดเมืองไทยสบาย
TECHNOLOGY
เทคโนโลยีอย่างที่เคยบอกไปทุกครั้งแน่นอนว่าที่ชอบมากๆคือการใช้งานระบบ Google Automotive ที่ยกเครื่องใหม่ทั้งหมดที่รู้สึกได้เลยว่าแตกต่างกัน ระบบ Google Automotive นั้นจะเป็นที่ใช้เป็นพื้นฐานของตัวรถควบคุมทุกส่วน และสามารถอัปเดตได้ตลอดเวลาทำงานได้ดีกว่าเดิม รวมถึงการมีแอปจาก Playstore ที่สามารถโหลดได้ทั้งหมดในแอปที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็น Spotify และ อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในอนาคตก็มีการพัฒนาแอปอีกหลายๆส่วนที่เข้ามาได้เหมือนกับในมือถือนั้นเอง สามารถใช้งานคำสั่งเสียง Google Assistant สั่งงานตัวรถได้และสอบถามทั้งหมดได้ มาพร้อมกับ Maps ที่ใช้งานบนตัวรถได้เลยไม่ต้องมาเสียบมือถือ หรือ สายอะไรทั้งหมด และไม่ต้องเชื่อม Carplay หรือ Android Auto อะไรทั้งนั้น เพราะว่ามันไม่รองรับในตอนนี้แต่อนาคตได้ข่าวว่ากำลังจะมาครับ จริงๆตัวรถเองมีซิมใช้งานได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมมือถืออะไรเลย ทางด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ครบ Pilot Assist ที่พัฒนาได้เต็มระบบมากกว่าเดิม ใช้งานได้แม่นยำ รวมถึงระบบป้องกันต่างๆก็สามารถใช้งานได้ ป้องกันการชน ต่างๆให้มาครบเน้นความปลอดภัยให้ทั้งหมดรวมถึงบรรดากล้อง 360 ต่างๆครบมากกว่าคู่แข่งชัดเจน
สามารถใช้งานระบบที่มี Google Maps ที่ใช้งานหน้าปัดเรือนไมล์ได้เลย เพราะว่าถ้าเราเปิดการนำทาง นั้นสามารถใช้งานได้ทันที เพราะว่าถ้าเราเปิดการนำทางไปที่ไหนก็ตามในหน้าจอกลาง มันก็จะมาโชว์บนหน้าปัดเรือนไมล์ได้ทันทีเราไม่ต้องละสายตาไปมองจอกลาง ซึ่งแผนที่ในไทย Google Maps จะดีกว่าของติดรถยี่ห้ออื่นๆ เป็นข้อได้เปรียบเพราะว่าไม่มีค่ายไหนๆที่จะเอาหน้าจอการนำทาง Google Maps มาไว้บนหน้าปัดได้เลยนั้นเอง แต่การเปลี่ยนแปลงหน้าตา หรือ ว่าการออกแบบแบบรุ่นก่อนๆไม่ได้ ทำให้มีหน้าตาโทนสีฟ้า และ เน้น Maps เป็นหลัก ไม่ได้มีหน้าตาไอคอนอะไรสวยๆ หรือหวือหวาอะไร หรือแม้แต่ไอคอน 3D อะไรแบบค่ายอื่นๆที่โชว์เลนถนน
DRIVING
ในแง่ของการขับขี่ไม่ธรรมดา เห็นรถแบบนี้พละกำลังรวมพุ่งไปมากกว่า พละกำลังสูงสุด 460 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 709 นิวตันเมตร เลยทีเดียวครับเมื่อแบต และ เครื่องทำงานร่วมกันสามารถทำอัตราเร่งได้ทันทีเกินหน้าตาและขนาดตัวรถไปมากๆครับ รวมถึงฟีลลิ่งช่วงล่างแน่นและนุ่มนวลเป็นหลักเหมาะกับสายครอบครัว และ แรงเป็นบางจังหวะได้สบายๆ ส่วนฟีลลิ่งพวงมาลัยจะเน้นไว ขับง่ายมากกว่าสายซิ่งหรือขับเร็วนั้นเองครับเป็นรถที่กลุ่มลูกค้าค่อนข้างชัดเจน ว่าไม่ได้เอาใจสายซิ่งมากนัก แต่พละกำลังก็พร้อมจะแซงหรือหนีหลายๆจังหวะได้เหมือนกันในทางตรง แต่ถ้าเข้าโค้งแรงๆช่วงล่างจะยังติดนุ่มนวลและมีโยนนิดๆได้เหมือนกันครับ ส่วนในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองก็ทำได้ดีเมื่อมีแบตอยู่ ส่วนในแง่ของอัตราเร่ง 0-100 ทดสอบจริงได้ 5.7 วินาที และ 80-120 ทำได้ 4.3 วินาที ส่วนทางด้านอัตราสิ้นเปลืองนั้น จะแบ่งในแง่ของการมีแบตอยู่ และ ไม่มีแบตนะครับ ซึ่งถ้ามีแบตในเมืองแทบจะไม่ใช้น้ำมันก็ได้เลย ประมาณ 20 กม./ลิตร และถ้าแบตหมดเกลี้ยงจะได้ 10 กม./ลิตร และต่างจังหวัดถ้ามีแบตเหลือ ประมาณ 17 กม./ลิตร และถ้าแบตหมดเกลี้ยงจะได้ 14 กม./ลิตร ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้ครับ แต่ถ้าในเมืองอาจจะค่อนข้างกิน
VOLVO XC90 PHEV
” SUV ที่นั่งสบาย ปลอดภัย ออฟชันแน่น ส่งท้ายเครื่องยนต์ ! แถม ราคาดีมาก “
คันนี้ถือว่าเป็นรถยนต์ SUV PHEV ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดตอนนี้ และ ในอนาคตเราคงจะไม่ได้สัมผัสเครื่องยนต์ของค่ายนี้อีกแล้ว เรียกได้ว่าเป็นรุ่นส่งท้าย ออฟชั่น การขับขี่ ระบบตัวรถ การขับขี่ด้วยไฟฟ้า และ พละกำลัง รวมถึงงานออกแบบทุกอย่างทำได้ดีทั้งหมด อาจจะมีแค่เรื่องงานออกแบบภายในที่อาจจะดูตกยุคไปบ้าง แต่ถ้ามองเทียบกับราคาเริ่มต้นของมันถือว่าคุ้มค่าที่สุดทันที ส่วนเรื่องของการขับขี่ไม่ธรรมดาด้วยพละกำลัง 400 กว่าม้า และ สามารถเร่งแซงต่างๆได้แบบสบายถือว่าไม่มีอะไรให้น่ากังวล รวมถึงช่วงล่างแบบถุงลมที่ปรับแข็งอ่อนสูงต่ำได้ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั้ง นุ่มนวล และ ซิ่ง แต่ถ้าใครที่ชอบแนวดุดันช่วงล่างตัวนี้อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ แต่ถ้านุ่มนวลเน้นคนนั่งมากกว่าตัวนี้สามารถทำได้ดีมาก รวมถึงพื้นที่ภายในก็รองรับการใช้งานได้มากถึง 7 ที่นั่งบอกเลยว่าลงตัวมาก