สวัสดีครับเพื่อนๆชาว TECHHANGOUT กลับมาพบกันอีกครั้งกับผม @Maxmoreji โดยกระทู้นี้ผมจะมารีวิวสมาร์ทโฟนจากประเทศจีน ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายที่กำลังมาแรงในบ้านเรา อีกทั้งสมาร์ทค่ายนี้ยังมาพร้อมกับคอนเซ็ปที่ว่า ” สเปคราชา เเต่ราคาติดดิน ” ( 5 5 5 + ) สมาร์ทโฟนค่ายที่ว่าก็คือเเบรนด์ Xiaomi นั่นเอง สำหรับกระทู้นี้ผมก็จะมาทำการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จัดอยู่ในตะกูล Note ของทางเสี่ยวหมี่อย่าง Xiaomi Note 3 และสำหรับรุ่นนี้นั้นจะมีอะไรเด็ดๆที่เเตกต่างจากตะกูลอื่นบ้างเรามาชมรีวิวของผมไปพร้อมๆกันเลย . .
UNBOX !!
สำหรับเเพ็คเกจของ Xiaomi Mi Note 3 ก็จะมาพร้อมกับกล่องสีดำมีดีไซน์ที่เรียบหรู ด้านหน้ามีคำว่า Note 3 สลักไว้เป็นตัวหนังสือสีรุ้ง
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง
- คู่มือ / เข็มจิ่มซิม
- สายชาร์จ USB Type-C
- หัวชาร์จไฟ Quick Charge 3.0
- ตัวแปลงหูฟัง 3.5 มม
- เคสใสเเบบนิ่มสีดำ
DESIGN จะมาพร้อมกับดีไซน์เหมือนกับตัว Xiaomi Mi 6 แต่จะมีหน้าจอที่ขนาดใหญ่กว่า มาพร้อมกับบอดี้กระจกกันรอยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนตัวเฟรมของเครื่องเป็นโลหะเรื่องของงานประกอบถือว่าทำออกมาได้ดี น้ำหนักเเละความบางของตัวเครื่องก็ลงตัวเเละจับได้ถนัดพอดีมือ แต่อาจจะลื่นๆหน่อยถ้าไม่ใส่เคส
ตัวเครื่องด้านหน้า : มาพร้อมหน้าจอแสดงผลชนิด IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด FullHD มาพร้อมกับกระจกกันรอย Corning Gorilla 4 และครอบทับด้วยกระจกแบบ 2.5D
เหนือหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลขนาด 2.0 μm pixel ถัดมาเป็นลำโพงฟังเสียงสนทนาและลำโพงตัวสเตอริโอตัวที่สอง และ ทางมุมขวาของลำโพงจะมีไฟแจ้งเตือน
ด้านล่างจอแสดงผลจะมี Recent Apps , ปุ่มโฮม และ ปุ่มย้อนกลับ โดยเป็นปุ่มแบบสัมผัสทั้งหมด เวลาใช้งานจะมีไฟสีขาวๆดวงเล็กสว่างๆขึ้นมา อีกทั้งต้นปุ่มโฮมก็จะเป็นเชนเซอร์ลายนิ้วมือ
สำหรับตัวเครื่องด้านขวา : มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และ ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
สำหรับตัวเครื่องด้านช้าย : มีช่องใส่ซิมการ์ดสองช่องขนาดนาโนซิม และรุ่นนี้จะไม่มีช่องใส่ Micro-SD Card
สำหรับตัวเครื่องด้านบน : มีรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนและ รีโมท IR ( อินฟราเรด )
สำหรับตัวเครื่องด้านล่าง : มีพอร์ทเชื่อมต่อแบบ USB Type-C ตรงกลาง มีลำโพงฟังเสียงดูหนังฟังเพลงด้านขวา และ ไมโครโฟนสำหรับสนทนาด้านซ้าย
สำหรับตัวเครื่องด้านหลัง : พลิกมาดูด้านหลังตัวเครื่องก็จะเห็นบอดี้ที่เป็นกระจกมีงานออกแบบที่ทั้งสวยเเละเงางาม
ส่วนบนจะมีกล้องคู่ Dual camera 12 ล้านพิกเซล 27 มม f/1.8 + 12 ล้านพิกเซล 52 มม f/2.6 มาพร้อมระบบกันสั่น OIS 4 แกน และ ไฟแฟลชคู่ทูโทน
ถัดลงมาก็จะเห็นคำว่า MI สลักไว้พร้อมกับตัวหนังสือภาษาจีนสีขาว
สเปค Xiaomi Mi Note3
- หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1080×1920 พิกเซล)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 512
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB และ 128GB EMMC 5.1
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Wide และ Telephoto, ไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-Tone LED), รองรับเทคโนโลยีซูมภาพด้วยเลนส์แบบ Optical Zoom, การซูมแบบดิจิทัล 10 เท่า (X10 Digital Zoom), ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ทั้งหมด 4 แกน (4-axis OIS), ระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และรองรับการถ่ายภาพในฟังก์ชัน Bokeh
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Adaptable AI Beautify
- แบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh รองรับระบบ Quick Charge 3.0
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ MIUI 9 ที่อยู่บนพื้นฐานของ Android OS 7.1.1
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) และระบบการจดจำใบหน้า
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11ac และ
- NFC
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
คุณภาพของเสียง และ หน้าจอแสดงผล
เรื่องของหน้าจอแสดงผลของรุ่นนี้ก็ถือว่าทำออกมาสวยครับ ความละเอียดจอถือว่าใช้ได้ หน้าจอก็สามารถปรับอุณภูมิสีที่เราต้องการได้ ว่าจะเอาสีโทนไหน ส่วนในเรื่องของลำโพงรุ่นนี้จะมาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอมีเสียงที่ดัง มีมิติเสียงที่มาเต็มเเละฟังได้ชัดเจนกว่าตัว Mi Mix 2 หรือ Mi Max 2 ส่วนเรื่องเสียงผ่านหูฟังก็ยังธรรมดาอยู่ครับ
ทดสอบใช้งานในการเล่นเกมส์
สำหรับเรื่องของการเล่นเกมส์รุ่นนี้ถือว่าเล่นเกมส์กราฟฟิกสูงๆได้สบายๆ หลังจากที่ลองเกมส์หลายๆเกมส์ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีไหลลื่นไม่กระตุก ส่วนเกมส์ ROV รุ่นนี้แน่นอนว่ายังเปิด FPS 60 ไม่ได้ และ ตอนที่เล่นเกมส์นี้ก็จะได้ FPS อยู่ 28 – 30 FPS ครับ ( โดยรวมถือว่าลื่น )
ชมคลิปทดสอบเกมส์
BATTERY
รุ่นนี้จะมาพร้อมแบตความจุ 3,500 mAh ถือว่าเป็นหนึ่งสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอร์รี่อึดเอาการเลยความรู้สึกผมว่าอึดกว่า Mi6 ( แน่นอนเเบตเยอะกว่า ) ถ้าเราเน้นเเค่เเชทใช้งานทั่วไปอยู่ได้ทั้งวันอยู่ครับ เเต่ถ้าเล่นเกมส์ต่อเนื่องก็ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง โดยประมาณส่วนเรื่องชาร์จเเบตเตอร์รี่รุ่นนี้รองรับ QC 3.0 ใช้เวลาชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆครับส่วนตัวผมว่าเร็วอยู่ครับ และ ยังสามารถตั้งเวลาเปิด / ปิดเครื่องได้ด้วย
ประสิทธิภาพในการทำงาน
ผลคะแนน AnTuTu Benchmark ก็ออกมาอยู่ที่ประมาณ 109,088 คะแนน อันนี้ต้องเเจ้งก่อนนะว่ากดทดสอบเเค่ 1 รอบเท่านั้น
รุ่นนี้หลังจากการทดสอบก็สามารถรองรับการใช้งาน Multi Touch ได้สูงสุด 10 จุด หน่วยความจำชนิด EMMC 5.1 และ มีเชนเซอร์ต่างๆดังต่อไปนี้
- Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
- Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
- Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ (คล้ายตัววัดระดับน้ำ)
- Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
- Gyroscope Sensor เซนเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
- Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก
- barometer เซ็นเซอร์ตรวจวัดความกดอากาศ
หน้าตาระบบ และ ฟังก์ชัน
Xiaomi mi Note 3 รันบน Android 7.1 เครื่องที่ได้มาจะครอบทับ MIUI Global 9.1 จะมาพร้อมกับหน้าตา UI ที่เรียบง่ายเเละไหลลื่นเเละสวยงาม และ ไม่มีในส่วนของ App drawer และ มีฟังก์ชั่นที่มีความน่าสนใจดังต่อไปนี้
ลากจอลงมาจากด้านบนจะเห็นตัว Notification นั้น มี quick setting ให้ใช้งาน สามารถเลือกและ ปรับ แสงสว่างจอได้มีตัวปิดเปิด Wifi , ข้อมูลมือถือ , ไฟฉาย , โหมดเครื่องบิน เป็นต้น เเต่ความพิเศษคือเราสามารถเเชร์สัญญาณ Wifi ผ่าน Hotspot ได้ด้วย
มีการใช้งานแอปโคลนที่สามารถ แยกแอปมาเป็นสองอันได้ หรือ สามารถเล่น Line 2 เบอร์พร้อมกัน Facebook สอง ID พร้อมกันได้ | มีแอป รีโมท MI ที่สามารถเปลี่ยนมือถือให้เป็นรีโมทใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านได้ผ่าน
สามารถตั้งค่าความปลอดภัยด้วยการเพิ่มลายนิ้วมือ หรือ ใช้การจดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้ด้วย
อีกหนึ่งลูกเล่นของ MIUI 9 ก็คือเราสามารถเรียกใช้งาน Multi window หรือให้เข้าใจง่ายๆก็คือ มันเป็นฟังก์ชันการใช้งานสองแอปพลิเคชันได้ในเวลาเดียวกันครับ
มีคลังธีมสวยๆให้เลือกปรับเเต่งได้ตามต้องการ โดยเราสามารถเข้าไปเลือกโหลดใช้งานฟรีได้เลยครับ เอาเป็นว่าเอาไว้ประมาณนี้เเล้วกันนะ
คุณภาพกล้องหลัง
Xiaomi Mi Note 3 จะมาพร้อมกล้องหลังคู่ Dual Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน โดยกล้องตัวหลักจะเป็นเลนส์แบบ wide พร้อมค่า f/1.8 มาพร้อมระบบกันสั่น OIS แบบ 4 แกน ส่วนกล้องตัวที่สองจะเป็นเลนส์แบบ Tele สามารถซูมได้ 2X เน้นการถ่ายรูปแบบ Portrait เลยมีค่า f/2.6 มาพร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF และมีไฟแฟลชทูโทนติดมาด้านหลัง
เรื่องของหน้าตา UI กล้องมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจาก Xiaomi Mi Mix 2 หรือ Mi6 ที่เคยทำรีวิวไปก่อนหน้านี้
มีโหมดต่างๆให้ได้เลือกใช้งาน มีการใส่ลายน้ำกล้องคู่โหมดการถ่ายภาพแบบ Portrait โหมดโปรที่สามารถเลือกปรับ ISO , EV , WB และ Shutter Speed สูงสุด 32 วิ
มีโหมดลูกเล่น Filter ให้เลือกปรับสามารถถ่ายวีดีโอในโหมดต่างๆได้ เเละ ปรับความละเอียดของ วีดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 4K และ หลังจากที่ผมได้ลองใช้เเละทำรีวิวยังมีข้อติดังต่อไปนี้ครับผม
- เรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อย : รุ่นนี้หลังจากที่ลองได้ใช้เเละลองถ่ายในที่เเสงน้อยถ้าเราจะถ่ายภาพแบบ AUTO สิ่งที่เห็นคือ กล้องหลังมันจะดันภาพให้สว่าง พอดันภาพสว่างภาพที่ได้ก็จะติด Noise มาค่อนข้างเยอะ เเต่ก็มีวิธีเเก้คือการปรับเเสงสว่างลงมา
- เรื่องของการถ่ายวีดีโอ : คุณภาพที่ได้ค่อนข้างออกมาดีแต่มีข้อเสียคือคุณภาพเสียงที่ได้ของวีดีโอยังทำออกมาไม่ดีมากเท่าที่ควร
- เรื่องคุณภาพของกล้อง : เรื่องของ WB ถือว่าทำออกมาได้ตรง เเต่คุณภาพที่ได้ดูไม่แตกต่างจาก MI6 มากนัก แต่ถ้าเทียบกับค่ายอื่นที่อยู่ในราคาที่เท่าๆกัน อาจจะมีแค่เรื่องความคมของภาพอาจจะดูด้อยกว่านิดหน่อยเท่านั้น
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait
ตัวอย่างคุณภาพวีดีโอ
คุณภาพกล้องหน้า
Xiaomi Mi Note 3 จะมาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล 2.0 μm เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่เอาใจสาวๆที่ชอบเซลฟี่เพราะรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบ AI บิวตี้อีกด้วย
ในรุ่นนี้ถือว่ามีการปรับเปลี่ยนเรื่องของ UI กล้องออกมาพร้อมสมควรไม่ว่าจะเป็นโหมดต่างๆเช่น ปรับระดับความขาว หรือ ปรับพวกตาโต , หน้าเนียนเป็นต้น
มี Filter มีการบอกอายุมีระบบตรวจหาใบหน้า และในรุ่นนี้เรื่องของกล้องหน้าถือว่าเป็นจุดเด่นเลยครับเรียกได้ว่า สามารถสู้กับเจ้าตลาดแห่งการเซลฟี่อย่าง VIVO หรือ OPPO ได้สบายส่วนจุดด้อยที่ผมเห็นก็คือ
- เรื่องของ WB ยังมีเพี้ยนๆบ้างแล้วเเต่สถานะเเสง
- กล้องหน้าในที่แสงน้อยยังมีในส่วนของ Noise อยู่นิดหน่อยแต่ก็สามารถเก็บแสงได้ดี
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
สรุปข้อเสียที่ควรปรับปรุง
- กล้องหลังในที่แสงน้อยยังมี Noise อยู่
- ไม่สามารถเพิ่มความจำภายนอกได้
- ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม
- กล้องหน้าชัดเเต่ยังมี WB เพี้ยนหน่อยๆ
สรุปข้อดี
- แบตเตอร์รี่อึดดีชาร์จไว
- ดีไซต์สวยทันสมัย
- ระบบดีลื่นไหลดี
- กล้องหน้าสวยเก็บแสงดี
- กล้องหลังถ่ายภาพ Portrait ได้
- สเปคดีถ้าเทียบกับเเบรนด์อื่น
- ระบบเสียงลำโพงคู่สเตอริโอเสียงดี
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้นะครับ แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดก็ต้องขออภัยไว้ด้วย แต่ถ้าอ่านเเล้วชอบรีวิวของผมยังไงผมก็ฝาก
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK TECHHANGOU เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ( กดตรง Techhangout ได้เลย )
สุดท้ายนี้สำหรับคนที่ถูกใจผมได้เครื่องมารีวิวจากร้าน TREE MOBILE MBK ราคาประมาณ 12,700 บาทถ้าใครสนใจก็สามารถเข้าไปสอบถามกับทางร้านเขาได้เลยนะครับรับรองไม่ผิดหวัง 🙂
Review By : Maxmoreji