Redmi นั้นถือว่าเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนน่าจะติดตามกันมานานครับเป็นแบรนด์ที่ทำมือถืออะไรออกมาจับในตลาดที่ราคาถูกและคุ้มค่ากว่ารุ่นอื่นๆรวมถึงสเปคอะไรหลายๆอย่างนั้นให้มาคุ้มค่าและทำราคาดีมากๆ ยิ่งในยุคแรกๆที่หลายคนนั้นไปหาหิ้วกันจากเมืองนอกกันเลยทีเดียว และในครั้งนี้หลังจากที่ในประเทศไทยนั้นมีตัวแทนอย่างเป็นทางการก็เริ่มจับต้องได้ง่ายหาซื้อได้ง่ายกว่าเดิมเยอะมากครับและเอาเข้ามาทำให้ใช้งานได้หายห่วงมีประกันอะไร และล่าสุดก็ได้เอาตระกูลคุ้มค่า Redmi Note มาในไทยทั้ง 2 รุ่นคือ Note 8 / Note 8 Pro ครับ และในครั้งนี้เราจะมาอยู๋กับรุ่นพี่ Note 8 Pro ที่จะเน้นในเรื่องกล้อง 64MP และใช้งาน MTK G90T ถือว่าแรงพอสมควรในเรทราคาที่ดี
Redmi Note 8 Pro นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นหลายๆอย่างที่ใส่เข้ามาทั้งเรื่องของกล้องหลัง 4 ตัวมาพร้อมกับเซนเซอร์ 64MP และยังใช้งาน MTK G90T แน่นอนว่าแรงสูสีกับ 730 กันเลยครับในรุ่นนี้และบอดี้งานประกอบค่อนข้างสวย และใช้งานกระจกแบบ3D มาดูสเปคเต็มๆกันเลย หน้าจอความละเอียด FHD+ ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วนต่อตัวเครื่อง 91.4% มาพร้อม Mediatek Helio G90t และใช้ GPU Mali-G76 มาพร้อม RAM 6 GB STORAGE 128 GB และใช้งาน UFS ครับ ส่วนตัวกล้องนั้นใช้งาน เซ็นเซอร์ Samsung Bright GW1 ความละเอียด 64MP + เลนส์ Ultrawide 120° ความละเอียด 8MP + เลนส์มาโคร 2MP ที่ถ่ายได้ระยะใกล้ถึง 2 ซม. + กล้องจับความลึก 2MP ถือว่าเป็นรุ่นแรกๆในเรทต่ำกว่าหมื่นที่รองรับมาโครแบบใกล้ 2 เซนติเมตรครับ และ ใช้งานแบต 4500 mAh รองรับชาร์จไว 18W รวมถึงยังมี NFC ด้วย ในภาพรวมนั้นสเปคถือว่าจัดเต็มพอสมควรครับ
ในด้านของราคานั้น Redmi Note 8 Pro / Ice Jade, Fritillaria White, Electro-optic Ash
Redmi Note 8 Pro (6GB / 64GB) เปิดราคา 7,999 บาท
Redmi Note 8 Pro (6GB / 128GB) เปิดราคา 8,999 บาท
UNBOX
- ตัวเครื่อง Note 8 Pro
- ตัวเคส TPU สีดำ / ถ้าเครื่องขาวจะสีใส นะครับ
- สายชาร์จ USB-C
- Adaptor 15W
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
ตัวเคสที่แถมมาให้วัสดุแบบเดิมเป็น TPU ใสโทนสีดำเข้มครับเมื่อใส่แล้วค่อนข้างกระชับและพอดีกับตัวเครื่องไม่หนา หรือ บางจนเกินไปพอใช้งานแก้ขัดไปได้ครับ ซึ่งถ้าสีอื่นๆตัวเคสจะเป็นสีใส นะครับแต่รุ่นนี้จะเป็นสีดำเข้ากับตัวเครื่องสีดำได้ดี เมื่อใส่แล้วด้านหลังจะค่อนข้างมืดและปิดส่วนโลโก้อะไรไป รวมถึงฝาหลังก็ไม่ค่อยเห็นเลยนั้นเองอีก 1 จุดที่อยากให้เห็นกันว่า เคสที่แถมมันไม่ปกป้อง เลนส์กล้อง และ ไม่ปกป้องหน้าจอนะครับ จากภาพเป็นว่าขอบเคสมันไม่ได้คลุมหน้าจอ หรือ ป้องกันหน้าจอเวลาใช้งานเท่าไร หรือ ตก วางคว่ำเสี่ยงที่จะจอเป็นรอยได้ รวมถึงเลนส์กล้องครับ อันนี้ก็ต้องระวังกันนิดนึงสำหรับตัวเคสที่แถมมาให้ แต่เปิดแบบนี้ทำให้ติดฟิลม์อะไรได้ง่ายครับไม่โดนเคส
DESIGN
ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้วางกล้องตรงกลาง และจะแตกต่างกับรุ่นน้องแบบชัดเจนครับรวมถึงวัสดุงานประกอบ กระจกโค้งนั้นดูดีมากๆเลย การวางกล้องจะไปคล้ายๆพวก Mi9T แต่มีรวมโมดูลเข้าด้วยกันและใส่สแกนนิ้วไปเนียนๆรวมถึงแยกเลนส์ที่ 4ไปไว้ข้างนอกครับ ก็ถือว่าในเรทราคานี้ก็จัดเต็ม 4 กล้องกันไปเป็นมาตรฐานแล้วนั้นเอง ในด้านของน้ำหนักนั้นกำลังดีและไม่ได้หนักมากแต่ที่ชอบคือความรู้สึกเวลาสัมผัสครับกระจกทำได้ดีและกระชับมือ รวมถึงสีดำนั้นจะไปคล้ายๆพวก MI9 แต่เพิ่มความสว่างขึ้นและอาจจะไม่ได้เล่นกับเงาได้มากเท่าไรแต่ก็สวยในแบบของมัน
ทางด้านหน้าจอนั้นมาพร้อมกับ จอความละเอียด FHD+ ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วนต่อตัวเครื่องสูงถึง 91.4% และใช้งานหน้าจอแบบ IPS LCD ใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 และรองรับ HDR และสว่างสุด 500 NITS ครับ
ในแง่ของการออกแบบนั้นยังคงมีติ่งหน้าจออยู่ แต่ก็มีไฟแจ้งเตือนอยู่ข้างๆกล้องครับสีขาว ถือว่ายังไม่ได้ตัดออกไป ส่วนจะเห็นขอบลำโพงและ เซนเซอร์จะแฝงๆอยู่บริเวณรอบกล้องหน้านั้นเองครับ กล้องหน้าให้มาที่ 20MP ครับ
ในส่วนของขอบล่างนั้นยังคงมีความหนาอยู่พอสมควร แน่นอนว่าเป็นปกติของบรรดามือถือในเรทประมาณนี้นะ และปุ่มควบคุมนั้นสามารถใช้งานเต็มจออะไรได้ครับ และ ทำให้หน้าจอนั้นเต็มขึ้นนั้นเอง
ด้านขอบล่างของเครื่องจะเป็น รู 3.5 มม. พร้อมกับ พอร์ต USB-C รูไมค์ และ ลำโพงหลักของตัวเครื่องนั้นเอง
ในด้านบนนั้นจะเป็น รูไมค์ตัวที่ 2 และ ช่อง IR ที่ยังมีมาให้ถือว่าดีมากๆเลย ส่วนขอบวัสดุเงารอบเครื่องสวยงามครับ
ในขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นถาดซิมที่รองรับใช้งานแบบ HYBRID SLOT นะครับ และจะเห็นว่างานประกอบและตัวบอดี้เงาสวยงามมากๆเข้ากันกับฝาหลังได้เนียนๆเลยครับสีดำนั้นก็สวยงามและดูดีพอสมควร
ในขอบด้านขวากันบ้างจะเป็นปุ่ม Power และ เพิ่ม ลดเสียงครับ ตัวปุ่มไม่มีทำพื้นผิวสัมผัสอะไรพิเศษครับเรียบๆ
ในด้านหลังเครื่องการออกแบบวางกล้องตรงกลางครับเรียงกัน 3 ตัวหลักๆซึ่งจะเป็น กล้องมุมกว้าง และ กล้องหลัก รวมถึงตัวจับระยะครับ ส่วนกล้องมาโครระยะใกล้นั้นไปไว้มุมขวาครับ และมีวงแหวนล้อมรอบกล้องบนสุดรวมถึง สแกนนิ้วก็ซ่อนเนียนๆไว้ตรงล่างสุดของ โมดูลกล้องครับ และมีเขียน 64MP AI Super Camera ในแนวนอน และวัสดุนั้นจะเป็นฝาหลังแบบ กระจก ใช้ขอบโค้งแบบ 3D มุมซ้าย และ ขวา และใช้กระจกของ Gorilla Glass ครับ
เลนส์หลักนั้นจะมี ความละเอียด 64 MP Samsung ISOCELL GW1 (f/1.8) + เลนส์มุมกว้าง Wide-angle ความละเอียด 8 MP (f/2.2) + เลนส์ macro ความละเอียด 2 MP (f/2.4) และ Depth Sensor ความละเอียด 2 MP (f/2.4) ในตัวกล้องใต้แฟลชนั้นจะเป็น กล้องมาโครนั้นเองครับ รวมถึงไฟแฟลชนั้นมี 2 ดวงครับ
SPEC
- หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) อัตราส่วน 19.5 : 9
- CPU Helio G90t + GPU Mali-G76
- RAM 6GB
- STORAGE 64GB / 128GB
- กล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 64 MP Samsung ISOCELL GW1 (f/1.8) + เลนส์มุมกว้าง Wide-angle ความละเอียด 8 MP (f/2.2) + เลนส์ macro ความละเอียด 2 MP (f/2.4) และ Depth Sensor ความละเอียด 2 MP (f/2.4)
- กล้องหน้าความละเอียด 20 MP (f/2.0)
- สแกนนิ้วมือด้านหลัง
- แบตเตอรี่ : 4500 mAh รองรับชาร์จไว 18W
- ระบบ Android 9 ครอบด้วย MIUI 10
- สีที่วางจำหน่าย : Ice Jade, Fritillaria White, Electro-optic Ash
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi AC, 2×2 MIMO, Bluetooth 5.0, AptX HD, LDAC, A-GPS, NFC, 3.5mm headphone jack, Rear fingerprint scanner, IR Blaster, USB-C
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะตัวนี้นั้นใช้งาน MTK HELIO G90T พร้อมกับ RAM 6GB ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ และหน่วยความจำนั้นเป็นแบบ UFS อ่านได้ 517 ถือว่าอยู่ในเรทที่ดี และได้คะแนน Antutu ไปที่ 226696 คะแนนครับถือว่าแรงเอาเรื่องในระดับนี้เพราะมันแรงเท่ากับรุ่นพี่ MI9T เลยครับและแรงกว่านิดหน่อยด้วยนะ ในเรื่องความแรงนั้น MTK จริงๆทำได้ดีมาตลอดนะแต่ในเรื่องการใช้งานจริงๆก็ต้องดูกันอีกทีรวมถึงการเล่นเกมครับ ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นเป็น DRM L1 สบายๆครับตัวนี้
SYSTEM UI
หน้าตาระบบใช้ MIUI 10 ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดไม่นับตัว Q ที่อยู่ในเบต้านะครับ หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอพยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆครับ แอพติดเครื่องเยอะตามแบบของ Xiaomi และ มีโฆษณาแฝงตามแอพมาให้เหมือนเดิม ต้องไปไล่ปิด ข้อเสนอแนะเอาแต่ละแอพครับ ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนทำได้ดี มีเลขมุมแอพมาให่และรองรับภาษาไทยปกติครับสำหรับเครื่องศูนย์ของ Xiaomi ถือว่าแจ้งเตือนดีอยู่
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอพอะไรได้ปกติครับผม ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอพเอาเลย
หน่วยความจำ 128GB พื้นที่ระบบกินไป 8-9GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 120 GB ครับ ส่วน RAM 6 GB ตัวนี้ใช่งานไป 1.6 ครับ เหลือใช้งานได้ 4.3 GB เหลือๆสบายๆ ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายครับ เป็นคีย์บอร์ดที่บอกในทุกรีวิวว่าค่ายไหนติดมาให้แบบนี้จะชอบมากๆเลยแหละ
Gesture ต่างๆเยอะแยะมากๆสามารถเลือกใช้งานได้ตามภาพเลยครับ และ ความปลอดภัยรองรับ สแกนใบหน้า สแกนนิ้วต่างๆ และ สามารถ กดปุ่มเพิ่มเสียงเพื่อเปิดหน้าจอได้ รวมถึง กดลดเสียง 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้องแบบด่วนๆได้ครับ ใช้งานเต็มหน้าจอ สลับปุ่มควบคุมได้ ใช้งานแบบปัดไปมาเต็มหน้าจอได้ ไฟสถานะตัวนี้ยังคงมีอยู่นะแต่ฉลาดมากๆว่าไปซ่อนตรงกล้องขอบด้านบนครับเป็นไฟสีฟ้าทำให้ยังพอรู้ว่าเสียบชาร์จหรือแจ้งเตือนอะไรใหม่ๆเข้ามาดีกว่าตัดออกไป และสามารถเปิดปิดติ่งได้ครับเป็นการถมดำแถบข้างบน รุ่นนี้ยังคงมีมาให้ปรับใช้งาน
หน้าจอสามารถใช้งาน ปรับแสง เปลี่ยนโหมดเป็นธีมสีดำได้ และ แตะหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอได้ ยกขึ้นเพื่อจอติดได้ และ มี GameBooster มาให้สามารถปรับแต่งเพื่อเล่นเกมได้เยอะขึ้นครับ และในส่วน การใช้งาน ล็อคแอพ โคลนแอพ พวกนี้สามารถใช้งานได้ปกติครับ
THEME
ธีมหน้าตาการใช้งานเป็นอีก จุดเด่นของค่ายนี้ครับคือมันปรับแต่งได้เยอะมากๆและเปลี่ยนหลายหน้าต่างเลยไม่ใช่แอพเปลี่ยนพื้นหลัง หรือ เปลี่ยนแค่ไอคอน แต่มันเปลี่ยนไปถึงแอพอื่นๆของทางเครื่องด้วย รวมถึงหน้าตาโทนสีของหน้าแจ้งเตือน หน้าตั้งค่าอะไรทั้งหลาย เวลาใช้งานโทรเข้าออกก็เปลี่ยนตามด้วยครับเป็นจุดที่หลายๆค่ายนั้นเริ่มหายไปเพราะปรับเปลี่ยนได้น้อยลงเรื่อยๆเลย สำหรับใครชอบเปลี่ยนธีม MIUI ยังคงตอบสนองจุดนี้ได้ดีมากๆเลยแหละ
SCREEN
หน้าจอในรุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอแบบ IPS LCD ซึ่งใช้งานหน้าจอความละเอียด FHD+ ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วนต่อตัวเครื่องสูงถึง 91.4% และใช้งานหน้าจอแบบ IPS LCD ใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 และรองรับ HDR และสว่างสุด 500 NITS ครับ ถือว่าเป็นหน้าจอ LCD ที่สู้แสงได้ดีครับแม้ว่าจะไม่ได้โหดเท่าพวก AMOLED แต่ก็ทำได้ดีกว่าหลายๆตัวที่ใช้ LCD ที่เคยทดสอบกันมาชอบในเรื่องการสู้แสงและมุมมองของมันครับ และมิติแสงสีนั้นทำได้ดี ส่วนในเรื่องของการสัมผัสนั้นทำได้ระดับกลางๆไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ลื่นติดนิ้วเป๊ะๆแบบรุ่นพี่หรือรุ่นอื่นๆครับ แต่ก็ดีกว่าบางรุ่นที่เรทราคาเท่ากันพอสมควรที่ใช้งานหน้าจอ LCD แต่ถ้าไปเทียบพวกหน้าจอ AMOLED พวกนั้นจะทำได้ดีกว่าอยู่ครับ ในรุ่นนี้ไม่มีการติดฟิลม์มาให้นะครับเลยทำให้สัมผัสได้รู้จริงๆว่าหน้าจอเป็นยังไงในการใช้งาน ซึ่งก็ถือว่าดีแต่ก็ยังมีหน่วงๆนิดๆเวลาเล่นเกมที่ต้องใช้ความไวในการสัมผัสครับผม และจอสามารถปิดติ่งหน้าจอได้นะ
ในเรื่องของมุมมองของตัวหน้าจอรุ่นนี้ตัวหน้าจอรองรับมุมองค่อนข้างกว้างมากๆในการใช้งานคือสามารถรองรับได้ดีครับ ถือว่ามุมมองของมันดีกว่าที่คิดตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็น LCD ด้วยนะ แต่เรื่องความดำสนิทก็อาจจะยังไม่ได้สู้พวก AMOLED ครับ ตัวนี้มุมมองมองเอียงๆจากด้านข้างยังไงก็ไม่ได้เพี้ยนหรือดรอปอะไรมากครับ รุ่นนี้ยังคงมีติ่งหน้าจอมาบังเล็กน้อยครับ แต่ก็มีขนาดเล็กกว่าเดิม ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำหน้าจอออกมาได้ดีในเรทต่ำกว่า 8 พันบาท
SOUND
เสียงเพลงตัวนี้มาพร้อมรูหูฟัง 3.5 มม. แน่นอนว่าเสียงตัวนี้เรื่องของการฟังเพลงอาจจะไม่ได้เด่นมากเท่าไรนัก หูฟังที่แถมไม่มีมาให้แอดมินจึงใช้หูประจำในการทดสอบ Ibasso it01 ครับมาใช้งานและแน่นอนว่าตัว นี้นั้นเสียงออกมาธรรมดาเลยแหละ เป็นปกติของ Mi พวกนี้เสียงพอๆกับเลยคือไม่ค่อยมีแรงขับมากนักและเสียงจะออกแบนๆ ไปทางแหลมนิดหน่อยครับ แน่นอนว่าเรื่องเสียงไม่ใช่จุดเด่นเท่าไรเน้นฟังเสียงเกมส์มากกว่า ส่วนเรื่องของการปรับแต่งเสียงก็ยกมาจาก MIUI ทั้งหมดครับ แน่นอนว่าปิดไว้เสียงเป็นธรรมชาติและดีสุดเหมือนเดิม และทดลองฟังผ่าน Bluetooth นั้นก็เสียงใช้งานได้ดีเชื่อมต่อได้ง่ายและนิ่ง แต่ก็ยังไม่ได้มีความแตกต่างพิเศษอะไรครับทั้งเสียงและกำลังขับต่างๆ เหมือนกับรุ่นอื่นๆในเรทราคาเดียวกันครับในการใช้งานผ่านไร้สาย และไม่มีตัวช่วยแต่งเสียงอะไรพิเศษ
SPEAKER
ในด้านของเสียงลำโพงในรุ่นนี้นั้นทำออกมาได้ระดับกลางๆขอเทียบกับทั้งรุ่นพี่ A50S และเทียบกับพวก XT / 5 Pro นั้นในเรื่องของความดังแน่นอนว่าทาง Redmi Note 8 Pro นั้นสู้ไม่ได้ครับแต่ที่เด่นคืออาจจะเป็นมิติเสียงที่ดีขึ้นหน่อยมีเสียงเบสมาบ้างไม่แหลมจัดบาดหูแบบ A50s กับ 5 Pro แต่ก็ยังไม่ได้ครบเท่าไรถ้าเอาไปเทียบกับ XT ครับ แต่ถ้ามองในเรทใกล้ๆกันเช่นพวก A9 2020 นั้นตัวนั้นก็ยิ่งทำได้ดีกว่าเพราะลำโพงคู่นั้นเอง เลยทำให้เรื่องลำโพงนั้นตัวนี้อาจจะไม่ใช่จุดเด่นเท่าไรและเสียงยังค่อนข้างเบากว่าคู่แข่งหลายๆตัวครับ
GPS
การจับสัญญาณถือว่าทำได้ดีเลยแหละทั้งความไวในการใช้งานและการตามตัวเราครับรวมถึงระยะเวลาในการอัพเดทหรือการจับหลังจากเปิดตัวแอพขึ้นมาก็พบว่าทำได้ดีเลยแหละ ส่วนเรื่องของการนำทางนั้นก็อัพเดทไวครับเมื่อเทียบกับ MTK รุ่นก่อนๆนะมันพัฒนาขึ้นเยอะเลยจริงๆค่อนข้างพอใจในจุดนี้ครับจับได้ทั้งหมด 25 จาก 42 ในการใช้งานทั่วไปใต้ทางด่วน สะพาน และกลางแจ้งนั้นทำได้ ทั้งหมด 25 จาก 48 แต่เมื่อเทียบกับพวก Snapdragon ในรุ่นอื่นๆที่ใช้งาน 712/730 มันก็ยังมีจุดต่างกันแบบรู้สึกได้ทั้งความนิ่งและเสถียรนะครับ
BATTERY
แบตนั้นจากที่ได้ใช้งานนั้นถือว่าอึดมากๆเลยเพราะเรื่องของอายุการใช้งานแบตตัวนี้มาพร้อมแบตมากถึง 4500 mAh และแน่นอนมาพร้อมการชาร์จเข้าแบบ 18W ถือว่าทำได้ดีครับทั้งเรื่องของการชาร์จเข้าและ อายุการใช้งานทั่วไปทั้งวันได้สบายเลยแหละ และการเล่นเกมส์ก็ไม่ได้ลดไวมากครับตัว MTK นั้นจัดการได้ดีกว่าที่คิดอยู่เหมือนกัน ครับถือว่าแบตอึดได้ 1 วันสบายครับในเรื่องนี้นะ จอเปิดทั้งหมด 7.30 ชม ใช้ได้ไปทั้งหมด 12 ชม. เหลือ 20 % ครับ เล่นเกมไปทั้งหมด 2 ชั่วโมง และ ใช้งานนำทาง เล่นเพลง ต่อ Bluetooth ตลอดเวลาครับ
GAMING
เรื่องของการเล่นเกมในรุ่นนี้ไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายให้อ่านยังไง เเต่เอาเป็นว่าเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่เล่นเกมได้ที่มากๆเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทัชที่ลื่นติดนิ้ว ความลื่นไหล การปรับภาพกราฟฟิก เสียงลำโพง โดยรวมทำออกมาได้ดีมากๆ ติดอย่างเดียวคือเรื่องของความร้อนที่ค่อนข้างที่จะร้อนเร็วไปนิด ภายในคลิปทดสอบเพียงเเค่ 15 นาที ขึ้นไป 44 เกือบ 45 องศา ซึ่งถือว่าร้อนมาก เมื่อเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆในปัจจุบัน เเต่ขอดีก็คือถึงเครื่องจะร้อนเฟรมเลทก็ไม่ตก ส่วนเรื่องของเเบตเตอรี่ หลังจากที่ทดสอบเกือบ 1 ชั่วโมง กินเเบตไปร้าวๆ 10 – 13% ครับ
CAMERA
กล้องหลังนั้นในครั้งนี้จัดเต็มมาให้มากที่สุดถึง 64MP ซึ่งเป็นเลนส์หลัก ความละเอียด 64 MP Samsung ISOCELL GW1 (f/1.8) + เลนส์มุมกว้าง Wide-angle ความละเอียด 8 MP (f/2.2) + เลนส์ macro ความละเอียด 2 MP (f/2.4) และ Depth Sensor ความละเอียด 2 MP (f/2.4) แน่นอนว่าทางด้านสเปคนั้นทำออกมาได้ดีครับ รวมถึงที่ว้าวมากๆคือเลนส์มาโครมันค่อนข้างดีทั้งเรื่องของ ระยะ 2 เซนติเมตรและยังสามารถโฟกัสได้ เพราะในรุ่นอื่นๆมาโครจะได้แค่ 4 เซนติเมตรและ Fix Focus นั้นเอง แต่ในรุ่นนี้ทำได้โหดมากๆ แน่นอนว่าคุณภาพอาจจะไม่เท่าพวกเรือธง แต่ก็เรื่องของในเรทนี้ถือว่าเป็น มาโครที่ดีที่สุดแล้วครับทั้งระยะ และ โฟกัส ส่วนกล้องหลักนั้นยังคงทำได้ดีแต่ยังมี Whitebalance เพี้ยนง่ายมากๆทั้งกล้องหลัก และ กล้องมุมกว้าง รวมถึง ดีเทลบางจุดยังไม่ได้ดีเท่าไรแม้จะเป็น 64MP เอาจริงๆรู้สึกมันไม่ค่อยต่างกันเท่าไรถ้าไม่เอามาครอป หรือ ครอปแล้วก็ยังไม่ได้คมขนาดนั้นครับถ้าในสภาพแสงน้อยหรือครึ้มๆ แต่ถ้ากลางวันจัดๆนั้นยังพอไหวอยู่ ส่วนโทนสียังมีแปลกๆอยู่บ้างครับ
SELFIES
กล้องหน้าในรุ่นนี้ให้มาที่ 20 MP (f/2.0) และเป็นแบบ Fixed Focus แน่นอนว่าชอบที่เรื่องของมุมกว้างพอสมควรสามารถถือแบบไม่สุดแขนก็เก็บระยะไหล่ได้ทั้งหมดครับและมีละลายหลังอะไรค่อนข้างดูดีเลยครับถือว่ากล้องหน้าทำได้ดีในภาพรวม ทั้งการเบลอและความคมชัดและมุมกว้าง และ หน้าเนียนนั้นทำได้ดีขึ้นไม่เวอร์ไม่หลอกตาครับ
VIDEO
ในด้านของวีดีโอนั้นรองรับสูงสุดที่ 4K 30FPS / FHD 60 FPS /FHD 30FPS และยังมีการรองรับ 960FPS HD ด้วยครับถือว่าจัดเต็มมากๆในเรื่องวีดีโอในเรทราคานี้และยังรองรับ Timelapse ได้ที่ความละเอียด 4K ถือว่าโหดพอสมควร ส่วนในเรื่องกันสั่นมี EIS ช่วยนิดหน่อยครับและในกล้องมุมกว้างนั้น จะรองรับที่ FHD 30FPS เท่านั้นครับ และในส่วนของกล้องหน้ายังคงรองรับสุดที่ FHD 30FPS และ เปิดหน้าเนียนได้ที่ HD 30FPS ครับ จริงๆเรื่องของวีดีโอที่ทดสอบนั้นยังค่อนข้างธรรมดาไปหน่อยในเรื่องกันสั่นและเสียงครับ แต่การรองรับที่หลากหลายก็ถือว่าดีกว่าไม่มีครับ เพราะคุณภาพในเวลากลางวันก็ยังทำได้ดีและรวมถึงมุมกว้างถ่ายวีดีโอได้ก็ทำให้มันใช้งานได้มุมแปลกๆขึ้น
XIAOMI REDMI NOTE 8 PRO
” ลุยตลาดกล้อง 64MP ที่ราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดพร้อมกับสเปคที่แรงใช้ได้ ”
ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำได้ดีในเรทราคาของมันทั้งเรื่องความแรงสเปคกล้องและบอดี้วัสดุ รวมถึงหน้าจอนั้นทำได้ดีมากๆครับทั้งเรื่องความสว่างและการสู้แสงรวมถึงโทนสีมิติของภาพนั้นทำได้ดีจริงๆ ในภาพรวมมันเป็นรุ่นที่ครบเครื่องอีกรุ่น แต่ในส่วนของ ระบเสียง หรือ วีดีโอนั้นยังไม่ใช่จุดเด่นของมันรวมถึงการใช้งาน Hybrid Slot อาจจะแปลกๆในยุคนี้เพราะตัวอื่นๆจริงก็ไป Triple Slot กันแล้วนั้นเองครับ และในตัวกล้องหลังยังเจอสีเพี้ยนได้ง่ายและคุณภาพอาจจะไม่ได้ดีมากนักในตัวมุมกว้าง แต่ข้อดีของมันก็ถือว่าเลนส์มาโครนั้นเป็นระยะที่ใกล้มากๆและมีโฟกัสมาให้ในเรทราคานี้ ครับ และการใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 นั้นทำได้ดีในด้านหน้าและฝาหลังก็เป็นกระจกด้วยเชนกันอันนี้ชอบมากๆครับ ในภาพรวมก่อนตัดสินใจนั้น ก็ต้องดูกันว่าจะเน้นในเรื่องไหนบ้างยังไง การเล่นเกม เน้นกล้อง หรือชอบ MIUI ไหมก็ต้องลองดูกันครับ เพราะแต่ละรุ่นก็มีจุดดีเด่นแตกต่างกันไปนั้นเอง
ข้อดี
- หน้าจอทำได้ดีทั้งเรื่องของคุณภาพ และ กระจก Gorilla Glass 5
- หน้าจอสู้แสงได้ค่อนข้างดี และ มุมมองกว้าง
- การออกแบบใช้งานวัสดุกระจกในด้านหลัง สวยงามและทนทาน
- MediaTek Helio G90T ทำได้ดีในเรื่องประสิทธิภาพความแรง
- แบตเตอร์รี่ค่อนข้างอึดและจัดการได้ดีมาก
- กล้องหลังทำได้ดี รองรับได้หลากหลาย และ 64MP ในเรทราคาที่ดีมาก
- กล้องหน้าทั้งเรื่องของสี และ มุมมองทำได้ดี
- รองรับ NFC
ข้อสังเกต
- กล้อง มุมกว้าง หรือ มาโคร คุณภาพยังกลางๆ
- White Balance ยังเพี้ยนง่ายพอสมควร
- การถ่ายวีดีโอไม่ใช่จุดเด่นเท่าไร ทั้งคุณภาพ และ เสียง
- ระบบเสียงยังไม่ได้เด่นทั้งลำโพง และ หูฟัง
- การออกแบบสแกนนิ้วเวลาใช้อาจจะไปโดนเลนส์ล่างสุดได้ง่าย
- ถาดซิมนั้นยังคงเป็น Hybrid Slot
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr
*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ