Ultrabook จากทาง Asus กลับมากันอีกรอบแต่ในครั้งนี้นั้นมาในรุ่นระดับกลางในหน้าจอ 14 นิ้วแต่ตัวเครื่องเล็กมากๆ เน้นพกพากันมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งมีขนาดที่สามารถพกพาได้ง่ายและการออกแบบที่พัฒนาให้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น การออกแบบที่เข้าสู่สายแฟชั่นมากขึ้นสังเกตได้จากงานเปิดตัว ที่มีการดึงนักออกแบบสายแฟชั่นต่างๆมาร่วมงานและมีการเดินแบบด้วย จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัดเจนสำหรับทาง Asus ครับ ในรุ่นนี้เป็นตัวระดับกลางในการเปิดตัวครั้งนี้ ทั้ง 3 รุ่นนั้นมี 13-14-15 ในครั้งที่แล้วเป็นจอ 15 นิ้วรุ่นแรงสุดที่มาพร้อม GTX 1050 แต่ในครั้งนี้เป็นรุ่นกลางที่มี MX150 มาให้ คือตัว Zenbook14 เรามาส่องกันว่าจะมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
ในตัว Zenbook 14 รุ่นนี้เปิดตัวมาพร้อมกับความเบาบางและเล็กกว่าเดิม รวมถึงมีการใช้ Numpad แบบใหม่ที่รวมไปในตัว Touchbar ด้วยครับ การออกแบบยังคงสไตล์ Zenbook อยู่เหมือนเดิมในการออกแบบฝาหลังและการยกระดับของตัวเครื่อง Ergo Lift ครับ ส่วนการออกแบบหน้าจอยังคงความบางได้ดีและกล้องยังอยู่ตำแหน่งบนครับส่วนสเปคนั้นก็จัดมาให้ค่อนข้างดี และยังมี สแกนใบหน้า 3 มิติ และ รองรับการทดสอบ MIL-STD 810G อีกด้วย ในเรื่องของ CPU Intel® Core™ i7-8565U และการ์ดจอแยก MX150 รวมถึงการให้ RAM 8GB และ SSD 512GB เรียกได้ว่าค่อนข้างจัดให้พอดีกับการใช้งานที่รวดเร็วในการทำงานต่างๆครับ เป็นรุ่นกลางที่ทำออกมาได้ค่อนข้างตอนโจทย์ใช้งานทั่วไปเน้นแบตอึดพกพาได้ดีมากๆ
สำหรับทางด้านราคาของรุ่นนี้เป็น Zenbook 14 ที่มาพร้อมกับ การ์ดจอแยก MX150 2GB และตัวเครื่องมาพร้อมกับ I7 เปิดราคามาที่ ราคา 35,990 บาท มีด้วยกัน 2 สีคือน้ำเงิน และ เงิน ส่วนรุ่นอื่นๆนั้น จะมีคือ Windows 10 Home/Intel Core i5-8265U ราคา 26,990 บาท และ Windows 10 Home/Intel Core i5-8265U/MX150 ราคา 29,990 บาท
UNBOX
ในการแกะกล่องตัวนี้ตัวกล่องเป็นการออกแบบที่แบบเดียวกับรุ่นพี่มีชื่อรุ่น รูปตัวเครื่องอะไรชัดเจนครับแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวขนาดเท่าไรในหน้ากล่อง เมื่อเปิดกล่องออกมาก็มีของอะไรมาให้ค่อนข้างเรียบร้อย และพร้อมใช้งานครับ
- ตัวเครื่อง Zenbook 14
- ซองผ้าใส่ตัวเครื่อง
- ตัวแปลง USB-LAN
- Adaptor ชาร์จไฟรองรับ ชาร์จเร็ว
- คู่มือ การรับประกันต่างๆ
ตัวซองนั้นเป็นซองผ้าลื่นๆในด้านน้อง ป้องกันได้ดีและไม่เลอะง่าย ส่วนด้านในนั้นเป็นแบบบุนุ่มพอสมควรปกป้องได้ดีครับ การล็อตใช้ ตีนตุ๊กแกวงกลมยึดติดครับ เน้นสำหรับการพกพาไปข้างนอกที่พกแต่ตัวเครื่องจะค่อนข้างสะดวกเลย
DESIGN
การออกแบบนั้นยังคงดีไซน์ได้ดีเป็นแบบเดียวกันหมดทั้ง 3 รุ่นย่อย 13-14-15 ฝาหลังอะไรทั้งนั้นหมด แต่มีขนาดแตกต่างกันแค่นั้นครับ ตัวเครื่องเน้นที่ความบางเบาได้ดีและยังพกพาได้ง่ายรวมถึงการออกแบบฝาหลังที่หรูและสวยคงความเป็นตระกูล Zenbook ได้ดีเลย และมีการเล่นขอบสีทองอ่อนๆตรงข้างในด้วยงานประกอบจัดว่าแน่นเหมือนเดิมครับในรุ่นนี้จะเป็นสีเงิน จะมาในโทนสว่างทั้งข้างนอกและด้านในเลยทีเดียว ก็ดูสวยไปอีกแบบจากสีน้ำเงินครับ
การออกแบบทั้งภายในและภายนอกตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นชิ้นเดียวกันสีเดียวกันทั้งหมดผิวสัมผัสในการใช้งานทำออกมาดีครับ เป็นอลูมิเนียมทั้งหมดและยังรองรับมาตรฐานการทดสอบระดับ เกรดทหาร ตก ทนในหลายๆอุณหภูมิได้ เย็นได้สบายครับเป็นรุ่นที่จัดเต็มจริงๆเหมือนทาง Asus จะเน้นจุดนี้เข้ามาในหลายๆรุ่นครับตัวนี้เด่นๆคือความบางเบา และ พรีเมี่ยมของตัวเครื่องจะเห็นว่าหน้าจอนั้นบางมากๆ การใช้โทนสีเงินทองนั้นทำให้ตัวเครื่องโดยรวมสว่างมากๆรวมถึงตัวแป้นพิมพ์ก็เป็นสีเดียวกันทั้งหมด รวมถึงตัวโลโก้ก็ใช้สีทองเงาครับ เน้นความหรูหราเพิ่มขึ้นไปอีก
ในด้านของฝาหลังยังคงใช้ลาย Zenปัดเป็นวงกลม สวยงามตามแบบฉบับ Zenbook ครับและใช้โลโก้เป็นโครมเมี่ยมทีสีทองตัดกับโทนสีเงินของฝาหลัง เข้ากันได้ไม่ได้ตัดกันแบบตัวน้ำเงินครับ ซึ่งวัดสุแบบเดียวกัน แต่จะติดความมันนั้นยากกว่าตัวน้ำเงินนะที่ลองๆมาส่วนในเรื่องของฐานข้างล่างก็ยังใช้วัสดุเช่นเดียวกับตัวบอดี้มีน็อตยึดกรอบๆครับ และ เป็นที่อยู่ของลำโพงคู่ Harman/Kardon และ มีช่องระบายมาให้ทั้ง 2 ฝั่งซ้ายและขวาของตัวเครื่องครับส่วนฐานรองทั้ง 4 มุมเป็นยางรูปทรงกลมทั้งหมด แต่ก็จะมีส่วนยกขึ้นตรงขอบจอมียางรองเพิ่มเข้ามาครับ
ด้านหลังก็มีการเชียนชื่อรุ่นอะไรปกติ ขอบยางรองตรงขอบจอด้านหลังก็เป็นโทนสีทองทั้งหมดตัดกับตัวเครื่องได้ดี การเล่นตัดขอบเงาๆบริเวณขอบเครื่องไม่ได้มีเหมือนรุ่นอื่นๆแต่ก็เป็นการเล่นแถบสีทองทั้งหมดแทนในส่วนบริเวณข้อพับของตัวจอครับ และตัวสีนั้นก็จะเห็นได้แม้จะพับฝาเครื่องลงมา จะเป็นเหมือนแท่งยาวๆสอดเข้าไปครับในการออกแบบ ก็ถือว่าสวยดีเหมือนกัน ตัวขอบด้านขวาหนาจอจริงๆก็แอบหนาพอสมควรไม่ได้บางเฉียบเท่าไรในด้านข้าง
ตัวแถบสีทองนั้นมีการเล่นลวดลายสวยงามเลยแหละ พร้อมกับโลโก้ และจะเห็นว่าฐานของเครื่องนั้นยกขึ้นมาได้ นั้นก็คือในส่วนของ Ergo Lift ยังคงมีมาในรุ่นนี้และชอบมากๆเลย ทั้งช่วยในการพิมพ์องศาดีขึ้นไม่เมื่อยมือ และยังระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม รวมถึงทำให้ดูสวยและแปลกไปอีกแบบนึงด้วยครับ จะเห็นความบางว่าบางเอาเรื่องเลยแหละในการยกแบบนี้ทำให้ความร้อนระบายได้ดี และช่องระบายความร้อนตลอดแนวยาวของขอบจอนั้นก็ระบายได้ดีตัวนี้ไม่ได้ใช้การ์ดจอแรงอะไรมากก็ถือว่าระบายได้สบายๆไม่ต้องห่วงเลย
ขอบหน้าจอก็ทำได้บางพอสมควรครับ เป็นจอเงาทั้งหมดและกล้องหน้ายังคงอยู่ด้านบนขอบหน้าจอรวมๆทำได้บางมากๆโดยรวม แต่ด้านบนเอาจริงๆก็ยังรู้สึกหนาอยู่นิดหน่อยแต่เพื่อกล้องต้องมีอาจจะต้องยอมกันไปครับ และรองรับการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติด้วยเลยทำให้มันต้องอยู่ข้างบนและมีความหนาเข้ามาครับ อีกจุดที่แตกต่างกันแบบชัดเจนมากๆเลยระหว่างจอ 15-14 นั้นตัวจอเล็กจะเป็น NUMPAD แบบใหม่ที่ผสมเข้ามากับตัว Touchpad ทำได้ล้ำๆเลยแหละน่าจะคงคุ้นชินกันมาบ้างแล้วในพวก ROG ที่สลับไปมาได้ ก็มาอยู่ในรุ่นนี้แล้วนั้นเองถือว่าดีเลยแหละครับ
SPEC
- Windows 10 Home
- Intel® Core™ i7-8565U processor 1.8GHz quad-core with Turbo Boost (up to 4.6GHz) and 8MB cache
- NVIDIA® GeForce® MX150 2GB GDDR5 VRAM + Integrated Intel® UHD Graphics 620
- 14” LED-backlit FHD (1920 x 1080) 16:9 92% screen-to-body ratio Wide 100% sRGB color gamut 178° wide-view technology
- Memory 8GB 2133MHz LPDDR3 onboard
- Storage 512GB PCIe® 3.0 x2 SSD
- Interfaces
- 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-C™ (up to 10Gbps) 1 x USB 3.1 Type-A (up to 10Gbps) 1 x USB 2.0 Type-A 1 x HDMI 1 x MicroSD card reader DC-in
- Keyboard Full-size backlit, with 1.4mm key travel
- Touchpad Glass-covered with integrated NumberPad; intelligent palm-rejection Precision Touchpad (PTP) technology supports up to four-finger smart gestures
- ASUS SonicMaster stereo audio system with surround-sound; smart amplifier for maximum audio performance Array microphone with Cortana and Alexa2 voice-recognition support 3.5mm headphone jack Certified by Harman Kardon
- 3D IR HD camera
- Wi-Fi Dual-band 802.11ac gigabit-class Wi-Fi
- Bluetooth® 5.0
- Up to 13 hours battery life3 50Wh 3-cell lithium-polymer battery 65W power adapter
- Weight and Dimensions
- Height: 1.59cm (0.63 inches)
- Width: 31.9cm (12.56 inches)
- Depth: 19.9cm (7.83 inches)
- Weight. 1.19kg
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของรุ่นนี้มาให้แบบพอดีๆประหยัดไฟกับ CPU Intel i7-8565U และ ให้การ์ดจอแยกมาด้วยคือตัว MX150 2GB ครับ ให้ RAM 8GB แต่เป็น Onboard นะครับไม่สามารถเพิ่มได้ และความจุเป็น SDD 512GB แรงเร็วใช้ได้เลย รวมถึง Windows 10 ก็มีมาให้เลยครับหลายๆอย่างเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป และเล่นเกมนิดหน่อยได้อยู่ครับ หรือทำงาน Adobe ก็รองรับได้ดีเหมือนกันจากที่รองไม่เจอปัญหาอะไรแม้จะใช้หนักพอสมควร
ตัวนี้ใช้ CPU I7 รหัส U เป็นตัว Intel Core i7-8565U แบบประหยัดพลังงาน มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz เป็น CPU แบบ 4 Core 8 Thread รุ่นนี้มีกราฟิกการ์ดออนบอร์ด Intel UHD Graphics 620 นั้นต้องบอกว่าตัวนี้รองรับการทำงาน 2 มิติสบายครับและ 3มิตินิดหน่อยมีติดเครื่องไว้ใช้ทำงานได้ ส่วนการ์ดจอแยกก็มี MX150 ก็รองรับสามมิติได้ดีขึ้นในด้านทำงานเล่นเกมแต่ก็ไม่ได้โหดเท่าพวก GTX อะไรมากพอใช้งานทั่วไปถูไถสบายครับ เหลือๆถ้าไม่ได้สายเกมหรือสายเรนเดอร์หนักๆ
ทางด้านคะแนนของ Cinebench R15 นั้นที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู ทำไปได้ 80 FPS และ 336 cb ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆของพวกตระกูล ประหยัดไป U ทั้งหลายของพวก CPU Gen 8 i7 ตัวนี้ครับ ถือว่าเป็นคะแนนมาตรฐานเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของ SSD 512GB มาเลยครับในการใช้งานทั้งการเปิดโปรแกรม และทำงานทั่วๆ ไปได้เร็วมาก ก็ได้ความเร็วในระดับพอใช้ได้เลยแหละ ทำการอ่านได้ 1685 MB/s และเขียน 1441 MB/s นะครับในค่าของการต่อเนื่องชุดละ 128 KB ทำงานพร้อมกันหลายหน่วยประมวลผล และจริงๆเลยน่าจะเป็นตัวเดียวกันในตัว 15 นิ้วครับในเรื่องความจุเพราะทำคะแนนได้ใกล้ๆกันแบบไม่หนีกันเลยครับ
3D Mark นั้นเป็นการทดสอบในการประมวลผลแบบ 3 มิติหนักๆในหลายๆระดับ ในคะแนนพวกนี้ตัว 3มิติ เล่นเกม ทำงานเรนเดอร์ภาพ โมเดลต่างๆนั้นทำได้กลางๆตามมาตรฐาน MX150 ไม่ได้แรงอะไรมากนักใช้งานกลางๆพอได้เล่นเกมนิดหน่อย แอดมินทดสอบ 4 แบบตามภาพข้างบนเสร็จแล้วได้อุณหภูมิสูงสุดที่ CPU 64 องศา และ GPU 55 องศาครับผม ถือว่าคุมได้ดีเพราะมันไม่ได้แรงมากอุณหภูมิเลยไม่ได้สูงตามความประสิทธิภาพของมันไป
PCMARK 10 ที่จำลองการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ก็ได้มา 3300 คะแนน ถือว่าใช้งานทั่วไปได้ชิวๆ แน่นอนไม่ต่างกับตัวที่มีการ์ดจอแยกมากเท่าไรในตัวนี้ถือว่าเป็นคะแนนที่ใช้งานได้ทั่วไปและเพียงพอต่อการใช้งานทุกรูปแบบส่วนในเรื่องของความร้อนสะสมในการใช้งานหลังจากที่ทดสอบ PCMark นั้นอยู่ที่ GPU 48 และ CPU 55 ครับ
SCREEN
หน้าจอในรุ่นนี้หน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 14” ที่มีความละเอียด FHD IPS (1920 x 1080) 16:9 โดยรองรับมาตรฐาน 100% sRGB และ รองรับมุมมองกว้าง 178 องศา อัตราส่วนหน้าจอต่อพื้นที่มากถึง 92% ขอบหน้าจอหนา 2.9 มม. หน้าจอนั้นเป็นกระจกแบบเงา ครับทำให้ค่อนข้างสวยและคมชัดกว่าหน้าจอแบบด้านครับแน่นอนว่าหลายๆคนนั้นอาจจะชอบแบบนี้มากกว่าในเรื่องความสวยครับแต่ถ้าใช้งานข้างนอกนั้นอาจจะมีรบกวนสายตานิดหน่อยถ้าไปทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ ซึ่งภาพรวมในเรื่องของคุณภาพในการใช้งานนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยแหละในมุมมองและใช้งานในและนอกสถานที่ครับตัวจอคุณภาพนั้นทำได้ดีและใช้แบบเดียวกับตัว 15 นิ้วและจากที่ลองไม่เจอจุดแตกต่างกันเลยครับ
มุมมองจอภาพตัวนี้สเปคได้บอกว่ารองรับมุมมองกว้าง 178 องศาเมื่อจากลองใช้งานจริงถือว่าตัวมุมมองของการใช้งานมันรองรับได้ดีพอสมควรครับด้วยจอ IPS นั้นทำให้มองจากมุมอื่นๆ ด้านข้างนั้นทำได้ไม่เพี้ยนจากมุมมองตรงเท่าไร จึงทำได้ดีในเรื่องของการใช้งานทั้งทำงานด้านของ กราฟฟิคหรือแม้แต่ตัดต่อ แต่งภาพนั้นตัวนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหาครับสีค่อนข้างตรงและสื่อออกมาได้ใกล้เคียงต้นฉบับมากพอสมควรครับ มุมมองแม้จะมองจากด้านข้างอาจจะมีดรอปลงมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้มีผลกันมากในเรื่องของสีและความแม่นยำ เรื่องจอในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีและไม่มีปัญหาครับทั้งในการใช้งานและเล่นเกม รวมถึงหน้าจอนั้นสู้แสงได้ดีเมื่อใช้งานข้างนอก ติดแค่เรื่องแสงสะท้อนนิดหน่อย
KEYBOARD
ตัวคียบอร์ดแป้นพิมพ์ตัวนี้จะมาแบบเต็มแต่ไม่มี Numpad มาให้นะครับแต่ก็ไม่ได้ตัดออกไปซะทีเดียวเพราะย้ายไปตรงตำแหน่ง Touchbar สามารถเปิดปิดได้ใช้งานก็ค่อนข้างแปลกใหม่ดีเหมือนกันตัวปุ่มตำแหน่งการวางทั้งหมดเหมือนกับตัว 15 นิ้วและรุ่นอื่นๆของทาง Asus ระยะห่างอะไรนั้นทำได้คุ้ยเคยรวมถึงการกดต่างๆ ตัวแป้นพิมพ์นั้นใช้งานดีกว่าตัวอื่นๆด้วยการยกตัวข้างหลังขึ้นมานั้นทำให้มันพิมพ์ได้ง่ายและระยะองศาไม่เมื่อยมือคือจุดเด่นของมัน ส่วนปุ่มต่างๆใช้โทนสีเดียวกับตัวเครื่องและมีไฟ Blacklit สีขาวสามารถปรับระดับได้ 3 ระดับครับ แต่ไฟ Numpad จะไม่ปรับตามนะครับจะเป็นความสว่างระดับเดียวสว่างชัดเจนไว้ก่อน เอาจริงๆปุ่มสีเงินและไฟขาวจะมองยากไปนิดนึงในบางสถานการณ์ บางทีปิดอาจจะทำให้เห็นตัวอักษรชัดกว่าครับ
ตัวปุ่มมีการเว้นระยะห่างแต่ละปุ่มไว้ดีพิมพ์รัวๆได้ไม่ค่อยผิดครับ ส่วนระยะในการกดปุ่มของตัวคียบอร์ดระยะการกดที่ 1.4 มม. ถือว่ากำลังดีครับเมื่อเทียบกับความบางและขนาดโดยรวมของตัว Keyboard ทำให้เวลาการใช้งานพิมพ์ต่อเนื่องได้ดีครับ ไม่เหมือนบางรุ่นที่ระยะมันตื้นและอาจจะรู้สึกแปลกๆเวลาใช้งานครับ ส่วนอักษรอะไรต่างๆมองชัดอยู่ครับ แต่ในบางสภาพแสงปิดไฟจะเห็นชัดกว่าเพราะแป้นมันสีเงิน ส่วนตัวปุ่ม Del จะใกล้ๆกับปิดเครื่องต้องระวังหน่อย
TOUCHPAD-NUMPAD
ตัว Touchpad ตัวนี้มีขนาดมาให้เหมือนจะขนาดเดียวกับรุ่นพี่ ซึ่งจริงๆเล็กกว่าตัว UX430 นะ แต่พิเศษกว่าคือมีตัวสัญลักษณ์มุมขวาบนตัวนี้จะเป็นตัสที่แตะเพื่อเปิดใช้งาน Numpad ครับทำให้เราสามารถแตะตัวเลขเพื่อพิมพ์เลยเหมือน Numpad จริงๆได้เลยการสัมผัสแตะตัวเลขมันเหมือนระบบสัมผัสทั่วไปเลยครับใช้งานได้แม่นและไวพอสมควรตัวเลขนั้นเป็นความสว่างสูงสุดที่เห็นได้ชัดแม้จะเป็นกลางแจ้งครับแสงไฟค่อนข้างคมและเมื่อเปิด Numpad ก็ยังแตะใช้นิ้วเลื่อนไปมาได้ไม่ต้องปิดๆเปิดๆครับ สามารถแตะเลขและเลื่อนได้ไปในทีเดียวกัน ตัวทัชก็ไม่ได้เอ๋ออะไรครับใช้ไม่ยากปรับตัวนิดหน่อยสบายๆ
ทัชแพดนั้นมีพื้นที่รองรับนิ้วหลายๆนิ้วได้ 3-4 ขนาดเหมือนจะเท่ากับตัว 15 นิ้วซึ่งรองรับการใช้งานหลายๆ นิ้วได้พวก Multitouch พื้นที่ถือว่ามีมาใช้งานแบบพอดีๆเลื่อนหมุนอะไรได้ครับแต่อย่างที่บอกถ้าเต็มๆพื้นที่น่าจะดีกว่านี้พอสมควรเลยครับ แต่ถ้ามาดูเรื่องของการจับนิ้วเวลาวาง 3 นิ้วอะไรก็ตอบสนองได้ดีครับสามารถเลื่อนเพื่อเปิดหน้าต่างๆหรือสลับแอพได้ติดได้เลยไม่เจออาการที่แบบสลับแอพแล้วไม่ติดหรือไม่ยอมทำงานครับเพราะถ้าบางรุ่นอาจจะเจอไม่ทำงานกันบ้างครับและแม้จะเปิดตัว Numpad และใช้งานหลายๆนิ้วก็รองรับทำงานได้ดีเลยแหละ
CONNECTOR
ด้านพอร์ตเชื่อมต่อของรุ่นนี้ถือว่าให้มาเพียงพอครับคล้ายๆกับรุ่นพี่เลยแต่มีการเปลี่ยนจาก SD เป็น MicroSd แต่ด้านอื่นๆทั้งพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Type-C หรือ USB ปกติยังมีมาให้อยู่เหมือนกันครับ และยังใจดีแถมสายแปลง LAN มาให้ด้วย มาที่ด้านขวากันก่อนเลย ด้านขวานช่องซ้ายสุดเป็นช่อง DCIN สำหรับจ่ายไฟเข้า ช่อง HDMI ช่อง USB-A 3.1 และก็ USB-C 3.1 ครับ จะเห็นว่ารุ่นกลางตัวนี้จะไม่มีช่องระบายด้านข้างแบบตัว 15 นิ้วนั้นเองครับ
ด้านซ้ายกันด้านตัวนี้จะเป็น ไฟสถานะของตัวเครื่อง ทั้ง 2 จุด พอร์ตช่อง รู3.5มม ที่รวมไมค์กับหูฟังเข้าด้วยกัน และ ช่อง USB-A แบบ 2.0 และ ช่องสำหรับใส่ MicroSDCard ครับ จริงๆภาพรวมให้มาค่อนข้างเพียงพอ เมื่อนับว่ามันเป็น Ultrabook นะครับ แต่แอบเสียดายตรงที่มันยังมีพอร์ตแบบ 2.0 มาให้อยู่ค่อนข้างช้าไปหน่อยในสมัยนี้ครับ
SPEAKER
ลำโพงของรุ่นนี้เป็นลำโพงจากทาง Harman/Kardon เช่นเคยมีมาให้ 2 ข้างยิงลงพื้นครับในส่วนด้านหน้า เป็นแบรนด์ที่ร่วมมือกับทาง Asus มาโดยตลอดซึ่งลำโพงก็ยังคงแนวเสียงของมันเอาไว้ได้คุณภาพเสียงที่ได้ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงทำได้ดีมีมิติแบบนี้ครับแม้จะเป็นรุ่นกลางแต่เสียงที่ได้ไม่แพ้รุ่นพี่ของมันเลยทั้งความดังและมิติ แต่แค่จะขาดเสียงเบสที่น้อยกว่าเล็กน้อยครับ แต่เสียงอื่นๆเสียงร้อง ย่านอื่นๆมาดีมากๆฟังเพลงได้ค่อนข้างดีครับ ดูหนังก็แยกซ็ายขวาชัดเจนเลยแต่ถ้าเรื่องของเล่นเกม ยิงปืนพวกนี้ ระเบิดอาจจะไม่ได้ตูมตามสะใจเท่าไรนักครับ
WORKING
ในการทำงานตัวนี้ก็รองรับการทำงานได้ดีกว่าที่คิดไว้ ด้วย i7+MX150 ก็พอใว้ใจได้สำหรับการทำงานทั้งโปรแกรมพวก Adobe ทั้งหลาย รวมถึงการทำงานง่ายๆแบบ Microsoft พวกนี้ไม่มีปัญหาครับ รวมถึงการตัดต่อวีดีโอก็ทำงานได้ดีเลยแหละถ้าไม่ใช่ไฟล์ที่หนักมากๆ แต่เช่นในภาพนั้นแอดมินได้ทำการลองตัดต่อ เรนเดอร์ตัว อาคารที่ทำออกมาจาก Sketchup และนำมาทำต่อใน Photoshop ที่ทำไดค่อนข้างลื่นนะ และเมื่อทำไปๆมาๆ งานแค่ 1 รูปกินไปมากกว่า 1GB แต่ก็ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา ถือว่าใช้ได้ครับทั้ง I7+SSD+MX150 ก็มีส่วนช่วยทั้งหมด
GAMING
ในการทดสอบเล่นเกมตัวนี้มีการ์ดจอแยกมาให้ก็ถือว่าทำได้ดีระดับนึงครับเกมออนไลน์พวกนี้ทำงานได้ดีไม่ติดปัญหาภาพไม่ได้แย่ และ เล่นได้ลื่นไหลพอสมควรครับ แต่พวกเกมที่ภาพเทพๆอาจจะไม่เหมาะเท่าไรนักทั้งเรื่องประสิทธิภาพและเรื่องความร้อนด้วยเพราะพวกนี้กินทรัพยากรและดูดพลังอย่างมาก อาจจะทำให้เกิดความร้อนสะสมได้ถ้าเอามาเล่นเยอะๆหรือเล่นเป็นหลักครับ ส่วนที่ลองนั้นได้ลองตัวเกม Overwatch ทำได้ที่ FPS 60+ แต่ต้องปรับภาพเป็น Medium หรือ Low นะครับ ส่วนความร้อนนั้นประมาณ 60 มีขึ้นไปแตะ 70+ ก็ถือว่าร้อนระดับนึงครับเพราะอันนี้ในห้องแอร์นะ แต่ก็อย่างว่าพวกนี้มันไม่ได้ทำออกมาสำหรับสายเกมเท่าไร พัดลมตัวเดียวก็จะประมาณนี้
BATTERY
การใช้งานแบตตัวนี้ทางด้านสเปคเครมกันไว้นานพอสมควร และเมื่อเอามาใช้งานจริงๆหลายๆวันก็พอสรุปได้ว่ามันก็อึดเอาเรื่องเลยนะไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบเต็มวันที่ใช้ไม่หนักมากนักเน้นพิมพ์งานอะไรทั่วไปเข้าเว็บพวกนี้ ก็ได้มากถึง 10-11 ชั่วโมงเลยทีเดียวแบบที่ไม่ได้เปิดจอสุด ใช้งาน Wifi ปกติ ฟังเพลงบ้างอะไรบ้าง ถือว่าทำได้ดีครับอึดและทำงานข้างนอกบ้านได้ทั้งวัน แต่ถ้าเราใช้งานแบบหนักๆมาก่อนหรือแต่งรูป เขียนเว็บ ตัดต่อภาพทำบทความนิดหน่อยพวกนี้ แต่เปิด Adobe บ่อยๆแบตก็จะขึ้นตามภาพข้างบนครับ ได้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้แล้วนั้นมันขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนอีกทีว่าจะลดไว มากน้อยเพียงไหนมันก็จะอัพเดทคำนวณให้ใหม่ครับ แต่สรุปง่ายๆว่าตัวนี้แบตทำได้ดีและอึดทั้งวันได้สบาย แม้จะเป็นการใช้งานแบบทั่วไปหรือหนักหน่อย
ASUS ZENBOOK 14
“บางเบา พกพาง่าย จอสีตรง ทำงานแรงใช้ได้ “
สำหรับรุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่ทำออกมาเสริมระหว่างกลางจากรุ่น 13 และ 15 แต่สเปคที่ให้มานั้นไม่ธรรมดา พกพาความแรงไว้ได้ระดับนึงในการทำงานเล่นเกมทั่วไป แต่ยังได้ขนาดที่พกพาง่ายและไม่เป็นภาระมากนัก รวมถึงตัวพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้เพียงพอ และยังได้จอที่มีสีค่อนข้างตรงมากๆและคุณภาพสูง ใช้งานตัดต่ออะไรได้เป็นอย่างดี แบตที่อึดมากกว่า 10 ชั่วโมง เป็นอีกรุ่นที่ออกมาเสริมระหว่างกลางได้ดี ตอบโจทย์ในหลายๆความต้องการได้ครับ แต่ก็มีบางจุดที่แอดขับใจเช่นยังมีพอร์ต USB 2.0 มาให้ รวมถึงไม่มี SDCardreader มาให้ สำหรับช่างภาพมันน่าจะจำเป็นพอสมควรเวลาไปทำงานข้างนอกนิดหน่อยพวกนี้ แต่ถ้ารับได้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในเรทราคานี้เลยแหละ
ข้อดี
- มาพร้อม Windows 10
- ตัวเครื่อง บาง และ เบา พกพาง่ายมาก
- แบตใช้งานได้ค่อนข้างอึดกว่าที่คิด
- งานประกอบ การออกแบบทั้งหมดทำได้ดีสวยและเนี๊ยบ
- ตัว Numpad+Touchpad ทำงานได้ดีแนวคิดดี
- Ergo Lift ยังคงเป็นสิ่งที่ดีงามประจำแบรนด์นี้
- หน้าจอสีค่อนข้างตรงและคุณภาพสูง
- สแกนหน้า 3 มิติทำงานได้ไว
- Military Grade รองรับ MIL-STD 810G
- มาพร้อม SSD 512 GB ความเร็วแรงใช้ได้
ข้อสังเกต
- USB 2.0 น่าจะถูกแทนที่ด้วย 3.0 ทั้งหมดได้แล้ว
- พอร์ต SD Card น่าจะมาให้แทน MicroSD เหมือนรุ่นพี่
- Numpad ไม่สามารถปรับความสว่างได้
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Preview By Nineztr