หลังจากปีที่แล้วได้มีหนัง ที่ทำเกี่ยวกับประวัตินักร้องวง QUEEN ออกมาในชื่อ Bohemian Rhapsody ซึ่งเรื่องนั้นก็ทำได้ประทับใจ และถือว่าเป็นอีกเรื่องที่สาวกนั้นต้องไม่พลาดทั้งการเล่าเรื่องและความพีคของหนังที่เล่าประสบการณ์ในยุคสมัยก่อนได้แบบเต็มที่และเพลงที่จัดเต็มแบบสุดๆ ในปีนี้ก็มีหนังที่เล่าชีวประวัติของนักร้อง อีกครั้งในชื่อ ROCKETMAN เป็นชื่อเพลงสุดฮิตจาก Elton John นั้นเอง ในเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ไม่ผิดหวัง แต่มันเป็นการเล่าเรื่องที่แตกต่างกับ Bohemian แบบชัดเจน เพราะในเรื่องนี้นั้นจะเป็นหนังแบบ Music Fantasy แบบเต็มๆ เป็นหนังเพลงที่แปลกใหม่สำหรับการเล่าเรื่องชีวประวัติคนแบบนี้ ทำให้มันค่อนข้างน่าติดตามและไม่น่าเบื่อ

ตัวหนังเล่าเรื่อง ที่มาพร้อมกับการผูกผม ดราม่ามาเรื่อยๆให้เราเข้าใจชีวิตตั้งแต่เด็กๆและยาวมาถึงตอนโต แทรกออกมาได้ดี และจังหวะหนังทำได้ดีมากๆคือ แทรกเพลงได้ลงตัวทุกอย่างในการร้องเพลงของแต่ละฉากและเพลงที่เอามานั้นมีความหมายมากๆคือสามารถทำให้หนังมันเข้ากับเนื้อเพลงได้ดี และ ก็เน้นไปที่เรื่อง  LGBT  ที่เป็นจุดเด่นของหนังในการเล่าเรื่องเพศสภาพออกมาได้เข้าถึงตัวตนมากๆ บทเรื่องนี้นับว่าเป็นบทที่มีความลึกซึ้งและดราม่าที่ทำออกมาได้ดีรวมถึงไม่มีความน่าเบื่อเลยเพราะมีการแทรกเพลงเข้ามาเรื่อยๆ แม้ดราม่าอาจจะไม่ได้ดึงลงไปสุดอะไรจุดนี้แอบเสียดายเล็กๆแต่บทนั้นมีอะไรเยอะและทำได้ดีละเอียดมากๆครับจุดนี้ขอชม

ในเรื่องจุดเด่นๆของหนังอีกอย่างคือเรื่อง งานเพลง งานดนตรี งานซาวนด์ประกอบ รวมถึง ฉากต่างๆนั้นทำออกมาได้ลงตัวมากๆคือมีความใส่ใจกับความเป๊ะของจริง และนักแสดงที่เราคุ้นเคยกันในเรื่อง Kingsman นั้น ร้องเพลงออกมาได้ดีแบบน่าตกใจ  แทรอน เอเจอร์ตัน เอาหนังเรื่องนี้ได้ดีมากๆแสดงได้ดีเข้าถึงตัวตนได้ดีมากๆ และร้องเพลงออกมาได้มีพลังและเข้าถึงบทบาทของ เอลตัน มากๆครับ แน่นอนว่าหน้าตาอาจจะไม่ได้เป๊ะแต่การแสดงได้เอาเรื่องหน้าตาพวกนี้ตกลงไปแบบไม่ต้องกังวลเลยแหละ เพลงที่เลือกเข้ามาต่างๆนั้นก็ทำได้ลงตัวทุกฉากของหนัง  นักแสดงอื่นๆทั้งตัวแม่ของ พระเอกก็ทำได้จนน่าตกใจ จนลืมไปเลยว่านี่คือนางเอกจาก Jurassic World

ตัวหนังนั้นมีความลงตัว ละเอียดและใส่ใจในทุกๆจุดใส่เพลงประกอบ บทร้องต้างๆเข้ามาได้ดีกับสถาณการณ์ของหนัง แต่ยังมีจุดที่คิดว่าจะทำได้ดีกว่าตือถ้าจะเน้นดราม่าก็น่าจะลงไปให้สุดเข้ากับอารณ์คนดูได้มากกว่านี้อีกหน่อย รวมถึงฉากพีคที่เรื่องนี้ต้องบอกตรงๆว่าไม่มีฉาก พีค หรือ อิมแพ็คแรงๆเหมือนกับ Bohemian เลยซึ่งใครที่คาดหวังแบบนั้นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เท่าไร แต่เรื่องนี้จะเด่นที่จังหวะหนังในการแทรกอะไรต่างๆเข้ามามันดูมีอะไรเยอะมากครับ

เป็นอีกเรื่องที่ต้องบอกว่า สมควรไปดูถ้าคุณรู้จัก Elton John และแน่นอนว่าอิมแพ็คอะไรจะไม่ได้เยอะมาก เนื่องจากทั้ง ตัวจริงก็ยังมีชีวิตอยู่ และอะไรหลายๆอย่างที่เอามาทำเปนฉากยิ่งใหญ่อะไรได้มากๆเท่าไร แต่เด่นๆคือนักแสดง บท จังหวะหนัง เพลงประกอบแต่ละเพลงเด็ดๆมาครบมากๆ อันนี้สาวกต้องไม่พลาดเลยแหละ และเป็นการเล่าเรื่องที่ไมน่าเบื่อ เป็นหนังเพลง แฟนตาซีไปเลย และ คอสตูมแต่ละอันคือเป๊ะจริงครับ อันนี้ชอบมากๆ